คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [ JENO X YOU ] ; 01
คุณเคยแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองไหมคะ?…
แล้วคุณคิดว่าถ้าเราสารภาพรักกับเพื่อนสนิทตัวเองแล้วความสัมพันธ์ของเรายังจะเหมือนเดิมอยู่ไหม?…
“ หวัดดีเตี้ย ”
เสียงทุ้มอันคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของฉันในขณะที่ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ โดยที่ฉันไม่ต้องหันหลังไปก็รู้ว่าใครเพราะเขาคือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ประถมแล้วจนตอนนี้พวกเราก็ขึ้นม.ปลายกันแล้ว แต่ที่ฉันไม่กล้าบอชอบมันไปเพราะแค่คำว่า'เพื่อนสนิท'มันค้ำคออยู่ยังไงล่ะ
“ อืมม หวัดดีเนิร์ด ” ฉันทักทายมันโดยไม่มองหน้ามันแม้แต่น้อย
“ เนิร์ดบ้านแกดิ! ”
“ แล้วเตี้ยบ้านแกดิ! ”
“ ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้โน่ไม่เนิร์ดแล้วนะครับ… ” ไอเจโน่พูด พอฉันเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่ามันไม่ใส่แว่นอีกแล้ว “ …แต่ตอนนี้กลายเป็นฮอตเนิร์ดแทน ” พูดจบมันก็เอาหน้าเข้ามาใกล้ๆฉัน
“ แล้วเราต้องรู้กับแกด้วยไหมเนี่ย!? แล้วกรุณาเอาหน้าออกไปด้วย ” ฉันเบ้หน้าใส่มันก่อนที่จะก้มลงอ่านหนังสือต่อ
“ อ่านเรื่องไรอ่ะเราอ่านด้วยดิ ” ไอโน่แทรกหน้าเข้ามาจนบังหนังสือฉันไปหมด
“ โอ้ยยย อยากอ่านก็ขอดีๆก็ได้ป่ะ! มันบังเราหมดแล้ว ” ฉันดันหน้ามันออกไป
“ โอเคๆ… ” มันยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่รอยยิ้มนั่นมันทำให้ใจฉันมันสั่นแรงมากๆๆ “ …(ชื่อคุณ)ค้าบบ โน่ขออ่านด้วยนะครับ น๊าาา ”
มันทำท่าออดอ้อนฉันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะเมื่อก่อนที่ตอนพวกเรายังไม่ขึ้นม.ปลายไอโน่มันจะเป็นคนที่นิ่งๆเงียบๆใส่แว่น แถมยังเป็นเดอะแบกของห้องอีกด้วยเพราะมันฉลาดน่ะ และอีกอย่างคือมันไม่เคยทำท่าทางออดอ้อนใส่ฉันมาก่อนแต่พอเราทั้งสองขึ้นม.ปลายวันนี้วันแรกมันกลับไม่ใส่แว่นและทำตัวแพรวพราวขึ้นมาซะงั้น
“ มะ…ไม่ต้องอ่านแล้วโน่ อีกห้านาทีเราต้องไปเข้าแถวแล้ว ”
“ โอเคๆ นี่แกกินข้าวยังอ่ะ? ”
“ หืออ ยังเลยอ่ะ ”
“ อ่ะนี่! โน่ซื้อแซนวิชมาเผื่อด้วย… ” ว่าจบเจโน่ก็หยิบแซนวิชออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะยื่นมาให้ฉัน “ …ว่าแต่พ่อแม่แกให้มาอยู่คอนโดแล้วหรือยัง? ”
“ อืมม ให้มาอยู่แล้วแหละ แต่เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ไม่ให้เราไปดูห้องก่อน ” และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ฉันจะต้องเข้าไปอยู่คอนโดด้วยโดยที่พ่อและแม่ของฉันไม่ได้พาฉันไปดูเลยสักนิดเดียว แถมแม่ยังบอกว่าระหว่างที่ฉันเรียนอยู่จะมีคนขนของของฉันไปอยู่ที่คอนโดอีกด้วย
“ อ๋ออ งั้นเราขอไปอยู่ด้วยดิเดี๋ยวช่วยหารเงินค่าคอนโดกับแกด้วย ” ห้ะ!?
“ แค่กๆ ” ฉันสำลักกับประโยคที่เจโน่พูออกมา
“ โอ๊ะๆ เอาน้ำก่อนไหม? ” เจโน่รีบเปิดฝากระปุกน้ำแล้วเปิดให้ฉัน
“ แค่กๆ ขอบคุณนะ… ” แต่เดี๋ยวนะนี่มันไม่ใช่กระปุกน้ำฉันนี่! “ …โน่ นั้นมันไม่ใช่กระปุกน้ำเรานี่ ”
“ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็'เพื่อน'กันนี่เนาะ ” ว่าจบไอโน่มันก็กระดกน้ำที่ฉันเพิ่งจะดื่มไปเมื่อกี๊
เพื่อนที่ไหนเขาดื่มน้ำขวดเดียวกันวะ? เจโน่…
“ อะ…อืม เรารีบไปกันเถอะใกล้ได้เวลาเข้าแถวแล้ว ” ฉันพูดก่อนที่จะเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า และสะพายกระเป๋าแล้วลุกขึ้นเตรียมเดินไปเข้าแถว
“ ฮึ้บ! ”
“ … ” ฉันเดินนำหน้าเจโน่ไปเมื่อเห็นว่ามันลุกขึ้นแล้ว
“ (ชื่อคุณ)อาาา ยังไม่ตอบคำถามเราเลยนะ ” โน่เดินมาขนาบข้างฉัน
“ อะไรหรอ? ”
“ ก็ที่เราขอไปอยู่กับแกที่คอนโดไง? ”
“ ขอคิดดูก่อน เพราะเราเป็นผู้หญิงส่วนแกเป็นผู้ชาย ”
“ เราให้เวลาแกคิด ห้าโมงเย็นนะ!! ” ห๊ะ!!!
“ ไอโน่! เราขอเวลาหน่อยไม่ได้หรอ? ”
“ หื้มๆ อะไรนะ? ” ไอโน่ทำเป็นไม่ได้ยินฉัน
“ เห้อออออ ”
“ ไม่รู้แหละ ห้าโมงเย็นแกต้องให้คำตอบเรานะ เราไปเข้าแถวล่ะ ตั้งใจเรียนนะคะ ” เจโน่ลูบหัวฉันก่อนที่จะรีบเดินไปเข้าแถวของตนเอง แถมยังปล่อยให้ฉันยืนเอ๋อคนเดียวอีกด้วย
ออ!! ฉันลืมบอกไปค่ะว่าฉันและเจโน่อยู่คนละห้องกัน ฉันน่ะเรียนสายศิลป์-ภาษาญี่ปุ่นอยู่ห้อง6 ส่วนนายเจโน่เรียนสายวิทย์-คณิตอยู่ห้อง2
พักเที่ยง
“ มาช้า ”
“ ก็เซ็นเซเพิ่งปล่อยอ่ะ ” เมื่อมาถึงโรงอาหารเจโน่ที่นั่งจองโต๊ะให้ฉันอยู่แล้วก็บ่นฉัน
“ อ่ะนี่ เราซื้อข้าวเผื่อแกแล้ว ” เจโน่เลื่อนจานข้าวผัดกะเพรามาให้ฉัน
“ อื้ม ขอบคุณนะ นี่ค่าข้าว ” ฉันยื่นเงินค่าข้าวไปให้เจโน่
“ ไม่ต้องหรอก เก็บไว้ซื้อหนังสือเถอะ จะได้อ่านกับโน่บ่อยๆ ” เจโน่ยื่นมือมาแตะที่หัวฉันเบาๆ
“ แต่— ”
“ เจโน่ บีมขอนั่งด้วยได้ไหมพอดีว่าโต๊ะอื่นเต็มหมดแล้ว ” ฉันที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆก็มีผู้หญิงผมยาวแต่งหน้าบางๆ มายืนอยู่ที่โต๊ะของเราพร้อมกับถือจานข้าวมาด้วย พร้อมกับส่งสายตาออดอ้อนให้เจโน่
“ ได้สิคะ ” ทุกคนนน ดูไอโน่มันพูด!! จากที่มันไม่เคยพูดคะขามันก็พูดและก็มันไม่เคยมผู้หญิงคนไหนเข้าหามันก่อนอีกด้วย
“ ฮิฮิ ขอบคุณนะคะโน่ ”
“ บีม เรายังไม่สนิทกันอย่าเรียกเราว่าโน่ได้ไหมคะ ” ใช่ค่ะ เจโน่จะให้เรียกมันว่าโน่ก็ต่อเมื่อมันสนิทเท่านั้น! แล้วนี่เพิ่งรู้จักกันวันแรกแต่ไปเรียกเขาว่าโน่เฉย
“ ก็ได้ค่ะ… ” คนชื่อบีมเบ้ปากออกมาเล็กน้อยเชิงไม่พอใจก่อนที่จะลากสายตามาหาฉันที่กำลังจ้องท่าทีของสองคนนั้นอยู่ “ …ว่าแต่นี่ใช่เพื่อนเจโน่ไหม? ”
“ ใช่ค่ะ นี่เพื่อนเราเองชื่อ(ชื่อคุณ) ”
“ อ๋อออ สวัสดีเราชื่อบีมนะ เป็นเพื่อนร่วมห้องของเจโน่ แล้วเธออยู่ห้องอะไรหรอ? ” บีมหันมาถามฉันด้วยรอยยิ้ม
“ เรา(ชื่อคุณ)นะ เราอยู่ห้อง6 ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” ฉันส่งยิ้มบางๆไปให้บีมก่อนที่จะก้มหน้ากินข้าวต่อ
“ เธออยู่ศิลป์ญี่ปุ่นหรอ? ”
“ ใช่แล้ว ”
“ งั้นตอนเที่ยงเรามานั่งกินข้าวแบบนี้ด้วยกันอีกได้ไหม พอดีว่าบีมไม่มีเพื่อนน่ะ ”
“ คือว่า—- ” เจโน่กำลังจะเปิดปากพูด
“ ได้สิ อีกอย่างเธอกับเจโน่จะได้สนิทกันเร็วขึ้นด้วย ” เจโน่ที่กำลังจะเปิดปากพูดแต่คำพูดของเจโน่ก็หายไปเพราะฉันชิงพูดตัดหน้าเจโน่ซะก่อน
“ หื้มมม ขอบคุณนะ(ชื่อคุณ) ”
บีมส่งยิ้มมาให้ฉันและก้มกินข้าวต่อแบบมีความสุขแต่พอฉันเคลื่อนสายตาไปมองที่เจโน่ก็พบว่าเขากำลังส่งสายตาดุๆมาให้ฉันอย่างไม่พอใจ เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงรีบก้มหน้ากินข้าวต่อเพื่อหลบสายอันน่ากลัวคู่นั้นของเจโน่
15.23 น.
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรื่องแล้วแต่ฉันก็ยังนั่งอยู่ในห้องกับเจโน่สองคนเพราะฉันยังไม่อยากกลับคอนโดจึงมานั่งทำการบ้านภาษาญี่ปุ่นที่เซ็นเซสั่งเมื่อก่อนจะจบคาบเรียนสุดท้าย และอีกอย่างพอฉันไปถึงคอนโดจะได้พักผ่อนเต็มที่
“ จะให้คำตอบโน่ได้ยัง? ”
“ หื้อ? ”
“ เราอยากไปอยู่กับแกที่คอนโดอ่าาา ” เจโน่นั่งเท้าคางมองฉันพร้อมกับทำตาปริบๆเพื่อเอาคำตอบจากฉัน
“ ขอถามแม่ก่อน ”
“ ถามเร็วๆๆๆๆ ”
“ เฮ้ออออ ” ฉันพรูลมหายใจอยากแรงก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์เพื่อกดโทรหาแม่ทันที
ในสาย
“ (ว่าไงจ๊ะลูกสาวว) ”
“ แม่ คือว่าไอโน่อยากมาอยู่คอนโดกับหนูอ่ะแม่ ”
“ (อ่าห้ะ) ”
“ นี่แม่ไม่ตกใจหน่อยหรอแม่? ”
“ (ฮ่าๆ เจ้าโน่ยังไม่บอกลูกอีกหรอว่าแม่ของเจ้าโน่ก็จะให้อยู่คอนโดกับหนูเหมือนกัน) ” ห๊ะ!!
ทันทีที่ฉันได้ยินประโยคที่แม่พูดฉันจึงหันไปมองไอโน่ที่กำลังนั่งเท้าคางและยิ้มน้องยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
“ ทำไมไอโน่ไม่เห็นได้บอกอะไรหนูเลยอ่ะ ”
“ (แล้วแม่จะไปรู้ไหมล่ะ หึ๊? เอ่อ! แล้วก็รีบกลับคอนโดด้วยนะ พี่ๆเขาลงของให้หนูกับเจ้าโน่แล้ว) ”
“ โอเคค่ะแม่ หนูทำการเสร็จแล้วจะรีบกลับคอนโดนะแม่ ”
“ (จ้าๆกินข้าวเยอะๆนะทั้งหนูแล้วก็เจ้าโน่เลย) ”
“ แค่นี้ก่อนนะคะแม่ ”
“ (จ้าา) ”
ตรู๊ดด
“ ไอโน่! ” เมื่อวางสายกับแม่ฉันก็รีบหันไปมองไอโน่อย่างคาดโทษ
“ ขา ว่าไงคะ? ” ยังจะมาทำตัวแพรวพราวใส่อีก หึ้ยย!!
คนมันเขินเป็นนะเฟ้ยยย!!
“ แกรู้ตั้งแต่แรกแล้วทำไมไม่บอกเราอ่ะ! ”
“ เซอร์ไพรส์ไง ” ไอโน่มันทำท่าเซอร์ไพรส์
“ หึ้ยย!! ” ด้วยความหมั่นไส้ฉันจึงบีบจมูกโน่แรงๆทีนึง
“ โอ้ยยย มันหายใจไม่ออกนะคะ ”
“ แบร่!! ” ฉันแลบลิ้นให้เจโน่ก่อนที่จะก้มหน้าทำการบ้านต่ออย่างไม่สนใจเจโน่ที่กำลังบ่นเป็นภาษาซามอยด์ให้ฉันฟังอยู่
16.57 น.
“ ก่อนหน้านี้แกได้มาดูคอนโดยัง? ” ระหว่างทางที่ฉันกับเจโน่เดินกลับไปที่คอนโดฉันก็เอ่ยถามเจโน่ด้วยความสงสัย
“ มาดูแล้วแหละ แล้วเราเป็นคนเลือกห้องเองด้วย ” เอ้า! นี่ก็คิดว่าไม่แม่ฉันก็แม่เจโน่เป็นคนเลือก
“ จริงดิ ”
“ เรารับรองว่าแกต้องชอบมากแน่ๆ ”
“ ต้องไปดูก่อนนน… ” ฉันเงียบไปแค่แปปเดียวจู่ๆมันก็มีอีกคำถามนึงที่มันผุดขึ้นมาคือ.. “ …ว่าแต่มันมีกี่ห้องนอน? ”
“ ห้องเดียวค่ะ:) ”
“ ห๊ะ!!! แกก็รู้ว่าเราอยู่กันสองคนอ่ะทำไมแกไม่เลือกที่มันมีสองห้องอ่ะ แล้วจะให้ฉันอยู่ห้องเดียวกับแกนี่นะ เหอะ! ไม่เอาหรอกนะ!! ถ้ารู้งี้ฉันอยู่บ้านกับพ่อแม่ดีกว่า!! ” ฉันรีบบ่นออกมาอย่างยืดยาวแต่คนที่โดนบ่นนั้นกลับทำหน้ายิ้มแย้มแบบไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“ ฮ่าๆๆ แกเขินหรอ? ”
“ บะ…บ้าเปล่าใครเขิน!? อะไรเนี่ยแกจะมารู้ควา—- ”
“ ชู่ววว เงียบแล้วฟังโน่ก่อนนะคะ ” เจโน่เข้ามาคล้องคอฉันอย่างถือวิสาสะก่อนที่จะบอกให้ฉันหยุดพูดเพื่อฟังเขา
“ … ”
“ โน่ไม่ได้เลือกห้องที่มีห้องนอนเดียวสักหน่อย โน่แค่แกล้ง(ชื่อคุณ)เฉยๆ ที่จริงมันมีสองห้อง ”
“ ไอบ้า!! เอาแขนแกออกไปเลยนะมันหนัก! ”
“ แล้วก็อีกอย่างเวลาแกเขินอ่ะ โคตรน่ารักเลย ”
“ อะ…อะไรอ่ะ ก็บอกอยู่ว่าไม่ได้เขิน!! จะให้ฉันต้องบอกแกกี่รอบอ่ะ—- ” และฉันก็ต้องเงียบลงโดยฝีมือเจโน่อีกแล้วเพราะว่าคราวนี้มันเอามือมาปิดปากฉัน
“ เนี่ยๆเวลาแกเขิน แกจะพูดมากบวกกับหน้าขึ้นสีเป็นลูกมะเขือเทศ ” เจโน่มันส่งยิ้มให้ฉันอย่างเอ็นดู และหลังจากนั้นระหว่างเดินทางกลับคอนโดฉันก็บ่นนู้นบ่นนี่ไปเรื่อยตามปะสาคนขี้บ่นโดยที่มีไอโน่เป็นสนามอารมณ์ให้ฉัน
แต่ฉันว่าคอนโดกับโรงเรียนก็ไม่ได้ไกลนักหรอกแค่เดิน10นาทีก็ถึงแล้ว อย่างนี้แหละยิ่งดีเลยเพราะฉันขี้เกียจนั่งรอรถโคตรๆ
18.10 น.
ก๊อกๆ
“ (ชื่อคุณ)มากินข้าวได้แล้ว ”
ผมเรียกยัยเพื่อนตัวเล็กของผมที่อยู่ในห้องนอนส่วนตัว หลังจากที่ผมและเธอแยกย้ายกันไปขนย้ายข้าวของตัวเอง ยัยเพื่อนของผมก็รีบเข้าห้องน้องตัเองอย่างรวดเร็ว ส่วนผมก็เดินลงมาที่มินิมาร์ทที่อยู่ตรงข้ามคอนโดเพื่อซื้อวัตถุดิบมาทำหารสำหรับมื้อค่ำนี้
เอาจริงๆผมน่ะไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอสักเท่าไหร่หรอกเพราะผมนั้นก็แอบชอบเธอมานานมากกกก ตั้งแต่เรารู้จักกันตั้งแต่ประถมเลยล่ะ แถมเธอยังเป็นเพื่อนที่ผมสนิทมากที่สุดซะด้วย ตั้งแต่ประถมจนถึงม.ต้นผมจะชอบใส่แว่นหนาเตอะส่วนเธอก็จะเป็นคนที่ไม่สนโลกและเป็นคนที่นเงียบมากๆ แบบว่าถามคำตอบคำ และมันมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ผมและเธอมาสนิทกันได้เพราะแม่ผมกับแม่เธอเป็นเพื่อนสนิทกันครับ เลยทำให้เราสองคนรู้จักและเล่นด้วยกันอยู่เป็นประจำ
“ โอเคคคค ” ยัยตัวแสบเดินออกมาจากห้องตัวเองโดยที่ใส่แว่นถือไอแพดออกมาด้วย แถมยังมองหน้าจอไอแพดโดยที่ไม่วางตาอีกด้วย
เดี๋ยวก็ล้มหรอก!ไอตัวเล็กเอ้ย!
“ หยุดดูก่อนแล้วค่อยเดินก็ได้เดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก ”
“ … ” เงียบ…ไม่มีสัญญาณตอบกลับแถมยังเดินผ่านหน้าผมไปอีกด้วย เธอเดินตรงไปทางห้องครัวเพื่อไปกินข้าวโดยที่สายตายังคงจดจ้องไปที่หน้าจอไอแพด
“ (ชื่อคุณ) ”
“ หื้อ? ” ผมเรียกเธอเมื่อเธอนั่งลงบนโต๊ะแล้วกำลังตั้งไอแพด
“ หยุดดูแล้วมากินข้าวก่อน แล้วค่อยกินไปดูไปก็ได้ ”
“ ก็ได้ค่ะ พ่ออออ ” เธอทำตามผมอย่างว่าง่ายก่อนที่จะลงจากเก้าอี้ตัวสูงแล้วลงไปตักข้าวใส่จานตัวเองแล้วกลับมานั่งที่เดิมก่อนที่จะเปิดไอแพดที่เธอดูอนิเมะค้างไว้อยู่
ส่วนผมก็ส่ายหัวให้กับคนตรงหน้าที่ติดอนิเมะก่อนที่ตัวเองจะเดินไปตักข้าวมากิน
“ :) ” และในระหว่างที่กินข้าวกันนั้น(ชื่อคุณ)ก็ได้อมยิ้มเขินให้กับตัวละครในอนิเมะอย่างชอบใจจนไม่สนใจผมที่นั่งกินข้าวตรงข้ามกับเธอ
ผมเนี่ยย!! อยากจะสารภาพรักกับเธอมากเลยนะถ้าไม่ติดตรงที่เธอเคยบอกกับผมว่า‘อยากได้ผู้ชายในอนิเมะมาเป็นแฟน’ กับ ‘ไม่มีใครดีเท่าผู้ชายในอนิเมะแล้ว’ เนี่ยแล้วผมนี่ไม่หล่อหรือไงวะ?ทำไมเธอถึงได้หลงนักหลงหนากับผู้ชาย2D
“ (ชื่อคุณ)! ”
“ หะ…ห๊ะ ว่าไง? ” เธอกดหยุดก่อนที่จะหันหน้ามามองผมตาแป๋ว
“ ระหว่างเรากับคนนั้นใครหล่อกว่ากันคะ? ” ผมชี้ไปที่จอไอแพด ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นภาพที่หน้าจอก็ตาม
“ ของแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว ”
“ เราหล่อกว่าใช่ไหมคะ ”
“ ก็ต้องเป็นคนในจออยู่แล้ว! ฮ่าๆ ” เธอหัวเราะชอบใจ ส่วนผมก็เบ้หน้าใส่เธอ
ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เราได้มาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่คอยจับตามอง ผมที่รู้ว่าเธอติดอนิเมะแต่ไม่ติดขนาดนี้!สงสัยอยู่ที่บ้านเธอคงจะเป็นแบบนี้แหละ
“ กินข้าวเสร็จแล้วเรามาดูหนังกันไหม? ”
“ อื้ม! เอาสิแต่เราขอดูเรื่องนี้ให้จบสองตอนก่อน ”
“ โอเคค่ะ ”
หลังจากที่ผมและเธอกินข้าวล้างจานกันเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเราทั้งสองคนก็มาดูหนังกันที่ห้องนั่งเล่น เมื่อหนังฉายจบพวกเราก็แยกย้ายกันเข้านอน
1 อาทิตย์ต่อมา…
“ เจโน่! สวัสดีตอนเช้านะ ” ระหว่างทางที่ฉันกับไอโน่กำลังเดินเข้ามาที่โรงเรียนจู่ๆบีมก็วิ่งมาเกาะแขนไอโน่มันเฉยเลย
“ อืม หวัดดีค่ะ ”
“ โอ๊ะ! สวัสดีนะ(ชื่อคุณ) ”
“ อืมม สวัสดีจ้ะ ”
“ เจโน่ ขอบคุณนะที่เมื่อคืนช่วยสอนการบ้านฟิสิกส์ให้บีมน่ะ ถ้าบีมไม่ได้เจโน่นะบีมตายแน่ๆเลย ” บีมพูดกับโน่นะแล้วทำไมต้องหันมามองฉันด้วย
“ ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เองค่ะ ”
“ น่ารักกก ” ฉันแอบกรอกตามองบนเพราะสองคนนั้นคุยกันจนไม่สนใจฉันเลย แล้วฉันรู้สึกว่าพักนี้บีมตามโน่อย่างกับปลิง เอาง่ายๆก็คือ…มีโน่ที่ไหนมีบีมที่นั่น ส่วนฉันเนี่ยกลายเป็นอากาศไปแล้วมั้ง
“ โน่ ”
“ ขาา ”
“ คือเราต้องไปหาเซ็นเซที่ห้องอาเซียนน่ะ ” ที่จริงเซ็นเซไม่ได้เรียกหรอก แต่แค่อยากไปจากสองคนนี้เท่านั้นเองเพราะตั้งแต่ที่มีบีมเข้ามาฉันกับโน่ก็ไม่ค่อยคุยกัน(หมายถึงตอนอยู่โรงเรียนนะคะ)
“ ให้โน่ไปเป็นเพื่อนไหมคะ? ”
“ เออ!! เจโน่พาเราไปส่งงานของวิชาเคมีหน่อยสิ นะคะ ” ฉันที่ยังไม่ทันได้อ้าปากบีมก็พูดขึ้นมาก่อน
“ แกก็ไปกับบีมสิ อยู่ห้องเดียวกันไม่ใช่หรอ? ”
“ แต่ว่า--- ”
“ เราไปเองได้ ส่วนแกก็ไปกับบีมเลย ” เจโน่พยักหน้าตอบฉัน
“ เราไปกันเถอะค่ะ เจโน่ ”
ว่าจบบีมก็เกาะแขนแล้วลากเจโน่ออกไป ก่อนที่เราทั้งสามจะแยกกันฉันเห็นสายตาของเจโน่มองนิ่งมาที่ฉันแล้วหันหลังให้ฉันเพื่อเดินไปตามบีม ถึงแม้ว่าฉันจะะเป็นเพื่อนกับมันมานานแล้วแต่ฉันก็ไม่เคยอ่านสายตาของเจโน่ออกเลยสักนิด
แต่ฉันมีความรู้สึกว่าโน่มันก็ดูชอบบีม…เพราะฉะนั้นฉันเลยคิดว่าปล่อยให้พวกเขาอยู่กันไปสองคนดีกว่า อีกอย่างฉันก็ไม่อยากที่จะเป็นอากาศสำหรับพวกเขาอีกด้วย…
TALK;N
เฟื่อน พเื่อน สะกดยังไงหรอ???
เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องรอติดตามตอนที่สองนะคั้บ!ทุกคนนนน!
ปล. เซ็นเซ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ครู , อาจารย์
ความคิดเห็น