ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Judge Games เกมล้างแค้นกรรมการ

    ลำดับตอนที่ #9 : {บทสับ} รอบที่หนึ่ง บทวิจารณ์จากท่านปันจี้

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 56



    ผู้สับ
    ท่านปันจี้






    ชื่อเรื่องที่สับ : ในห้วงทรมาน

    ด้านที่เลือกสับ : โครงเรื่อง การดำเนินเรื่อง ภาษา และความประทับใจ (เอาแม่มหมด 555+)

     

    เนื้อหาที่สับ

    สวัสดีครับท่านคันดะ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตกล่าวทักทายและลงมีดเลยนะครับ

     

    คำวิจารณ์ด้านโครงเรื่อง

    ในส่วนของโครงเรื่อง ผมค่อนข้างชอบโครงเรื่องแบบนี้นะครับ ไม่วกวนเกินไปนัก เนื้อเรื่องเดินไปตรงๆ เรื่อยๆ ทำให้เข้าใจค่อนข้างง่าย ไม่มีจุดที่ต้องกลับไปอ่านเพื่อทำความเข้าใจมากนัก ผิดกับงานเก่าของท่านหลายเรื่องที่เนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถามว่างานเก่าของท่านมันไม่ดีหรือ เปล่าครับ มันดีแล้ว เพียงแต่แต่มันค่อนข้างที่จะต้องทำความเข้าใจ และคนส่วนมากก็ชื่นชอบจะอ่านอะไรง่ายๆ เสียมากกว่า

    หากแต่หลังจากอ่านจบแล้ว พบว่าชื่อเรื่องแม้จะสอดคล้องกับใจความของเนื้อเรื่องแต่ก็ยังไม่ตรงเท่าที่ควร ผมจึงสงสัยว่าใครกันหนอที่ตกอยู่ในห้วงทรมาน จะว่าครูไพลินก็ไม่ใช่ เพราะอารมณ์นั้นมันน่าจะหวาดกลัว วิตกกังวลอะไรทำนองนี้เสียมากกว่า

     

    คำวิจารณ์ด้านการดำเนินเรื่อง

    การใส่ตัวเลขเพื่อลำดับเหตุการณ์ มองผิวเผินเหมือนจะดี เป็นตัวช่วยทั้งคนอ่านและคนเขียนว่า มีเหตุการณ์ไหนเกิดขึ้นบ้างเป็นจุดๆ แต่ด้วยความรู้สึกส่วนตัวของผม ตัวเลขเหล่านี้ช่างสร้างความรำคาญแก่ผมเหลือเกิน ไม่รู้ว่ากรรมการท่านอื่นเป็นหรือไม่

    ผมคิดว่า เหตุการณ์ที่ “๑” กับ “๒” น่าจะสลับกันนะครับ เพราะมันค่อนข้างทำให้คนอ่านสับสน เมื่อย่อหน้าแรกกล่าวถึง “มานีที่ฉันรู้จัก” ตามมาด้วยย่อหน้าที่สอง “มานีจากในหนังสือ” และกลับมาเป็น “มานีที่ฉันรู้จัก” อีกครั้ง หรือหากทางผู้เขียนจงใจเช่นนั้นก็คงต้องขอยกประโยชน์ไป และตรงท่อนเวลาผ่านไป 20 ปี ผมคิดว่าน่าจะขึ้นย่อหน้าใหม่ขึ้นมานะครับ คนอ่านจะได้จับใจความได้เร็วขึ้นว่า เอ้อ มันคนละมานีจากด้านบนแล้วนะ

    เหตุการณ์ที่ ๔ ขึ้นมาก็ มานีตายแล้ว คุณพระ! ขึ้นมาได้ตกใจมาก มันควรจะเป็นเช่นนั้นใช่ไหมครับ แต่...ไม่เลย ด้วยภาษาและการเล่าเรื่องที่ท่านใช้ ทำให้เรื่องที่ท่านเขียนมันค่อนข้างเรียบมาก ขาดอารมณ์ที่จะดึงให้ผู้อ่านตกใจไปด้วยได้ แต่...ถ้าท่านจงใจให้เป็นอย่างนั้น ผมก็คงต้องยกประโยชน์ให้ท่านอีกครา

    แอบสงสัยในเหตุการณ์ที่ ๕ ว่าเหตุไฉนถึงเพิ่งมาบรรยายสภาพโต๊ะ สภาพห้องเอาป่านนี้? หรือถ้าจะบรรยายเอาบรรยากาศหลอนๆ น่าจะเป็นโต๊ะล้มระเนระนาดจากการเหยียบขึ้นไปแขวนคอ หรืออะไรทำนองนี้มากกว่า ถ้าเป็นบรรยายสภาพห้องธรรมดาผมว่าเอาไปไว้ในเหตุการณ์แรกๆ น่าจะเหมาะกว่า

     

    คำวิจารณ์ด้านภาษา

    คำว่า “ช็อก” ถ้าแปลจากภาษาอังกฤษ (Shock) ในทัศนะของผม ควรจะเขียนว่า “ช็อค” มากกว่า และผมคิดว่าน่าจะเขียนติดกันเป็น ช็อคตายคาวง และถ้าให้ดี เติมเป็นตายคาวงเหล้าก็ดีนะท่าน เผื่ออาจจะมีบางคนคิดว่าตายคาวงไพ่ 555+

    ในเหตุการณ์ที่ ๓ ตามที่ท่านได้เขียนไว้ “เธออ่านหนังสือไม่ออก พูดไม่ชัด ฟัง จึงไม่กล้าคุยกันใคร” ผมอ่านแล้วต้องร้องเสียงห๊ะ! ดังๆ ท่านดะได้โปรดอธิบายทีเถิด ฟัง แล้วมันฟังอัลไลต่อ...

    เหตุการณ์ที่ ๕ “กล้าๆ กลัวๆ” ตกไม้ยมกไปตัวหนึ่งนะครับ เพราะ “กล้าๆ กลัว” นี่ไม่น่าจะมี 

    เหตุการณ์ที่ ๖ ย่อหน้าท้ายๆ “เสีย“ชีวิต พิมพ์สระตกไปนะครับ ไม่น่าพลาดสำหรับระดับเทพอย่างท่าน

     

    คำวิจารณ์ด้านความเกี่ยวโยงของภาพและเนื้อเรื่อง

    ขอบอกไว้เลยว่าท่านตีโจทย์ได้แตกมากในหัวข้อนี้ และแน่นอนว่าผมเทคะแนนในส่วนนี้ค่อนข้างมาก เพียงแต่ว่าถ้าท่านสารถแสดงอภินิหารลาก “กามีตา” กับ “อามีตา” มาเล่นด้วยได้ คงจะได้คะแนนเต็มจากผมไปได้ไม่ยาก

     

    คำวิจารณ์ด้านความประทับใจ

    โดยภาพรวมแล้ว เรื่องนี้ค่อนข้างก้ำกึ่งว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเรื่องลึกลับที่พิสูจน์ไม่ได้กันแน่ แต่เป็นเรื่องที่ให้อารมณ์หลอนๆ ที่ถูกใจผมเหลือเกิน  แต่...มันยังหลอนได้ไม่สุด ราวกับว่า อืม...มันก็หลอนอยู่นะ ด้วยภาษาและการบรรยายของท่าน จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลอนเรียบ แต่ก็เด็ดพอตัว แต่ถ้าถามว่าพลอตดีไหม มันโอมากครับ! ค่อนข้างที่จะโดดเด่นมาก แบบที่ไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่ หรืออาจเป็นเพราะผมยังไม่เคยเจอแนวนี้กระมัง

     

    สรุปแล้วพลอตท่านเจ๋งครับ ตีโจทย์ได้แตกมาก ค่อนข้างประทับใจผมพอสมควร ในส่วนของความเป็นไปได้ ตามที่ผมคิดตามทุกอย่างต่างมีเหตุมีผลเป็นของมันเอง ท่านมิพลาดในจุดนี้เลย หากแต่การดำเนินเรื่องยังขัดใจผมอยู่พอควรและยังหลุดด้านภาษาอยู่เล็กน้อยมิแน่ใจว่าท่านได้อ่านทวนก่อนส่งหรือยัง หากว่ายังก็ขอตำหนิไว้หนักๆ ว่าจุดเล็กๆ ย่อยๆ เหล่านี้มันดึงขนาดท่านลงนักแล อย่าได้ประมาทเช่นนี้อีกเลย

    สุดท้ายแม้เรื่องนี้จะถูกเขียนด้วยเทพผู้ช่ำชองในการเชือด แต่คงต้องกลับมาโดนเชือดซะเองเสียแล้วกระมัง ขอให้ท่านลงหลุมกลับไปอ่านทวนคำผิดอีกรอบเสียเถิดเพื่อสะสมบุญบารมีเพิ่มขึ้นอีกสักนิดจะได้กลายเป็นเทพที่ฟันไม่เข้าในภายภาคหน้า แต่ตอนนี้ความเทพของท่าน “ยังไม่พอครับ”
     

    จบ part ท่านดะ
     

     

    ชื่อเรื่องที่สับ : ฟูมฟาย ไร้เสียง

    ด้านที่เลือกสับ : โครงเรื่อง การดำเนินเรื่อง ภาษา และความประทับใจ (เอาแม่มหมด 555+)

     

    เนื้อหาที่สับ

    สวัสดีครับท่านซุงเค เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ขออนุญาตกล่าวทักทายและลงมีดเลยนะครับ

     

    คำวิจารณ์ด้านโครงเรื่อง

    มีจุดที่ผมสงสัยอยู่บ้างว่า เช่น ตอนเปิดเรื่อง ท้องฟ้าคล้ายเจ็บปวด ต่อความเปลี่ยนแปลง? ไฟทาง? มันคือไฟอัลไล ไฟให้ทาง? ไฟตามทาง?

    “จะต้องก้าวขาไหน มีอะไรขวางอยู่” กับ “อีกกี่ก้าวจะถึงถนน มีวัตถุอะไรขวางอยู่ต้องระวังบ้าง” จะกล่าวซ้ำไปซ้ำมาทำไม?

    จริงๆแล้ว “มานี” มาจากไหน แบบเรียนภาษาไทย? แต่ท่านก็บอกว่า มานีมีหลายเสียงทั้งเด็ก แก่ ชาย หญิง ทำให้ตอนแรกทำไห้ผมคิดว่า “นี” เป็นพวกคิดไปเอง แต่สรุปแล้วมันไม่ใช่ ทั้งยังไปที่ไหนก็มีเสียงจากบรรดาอักษรตามที่ต่างๆ พูดโต้ตอบกับ “นี” แต่สรุปแล้ว “มานี” เป็นสิ่งที่หลอกนี ว่านีเป็นคนตาบอด ถ้ายังไงช่วยอธิบายให้ผมหายมึนทีนะครับว่า มานีสิงอยู่แค่กับหนังสือ หรือทุกอย่างกันแน่

    แล้วมีท่อนหนึ่งท่านเซได้เขียนไว้ว่า “หญิงสาวนั่งลง หยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากลิ้นชักหัวเตียงออกมากางออก” ซึ่งก็คือหนังสือแบบเรียนพูดได้นั่นเอง ผมจึงสงสัยว่า “นี” เองก็ไม่ได้พกหนังสือเล่มนี้ตลอดเวลาสินะครับ แปลว่าทั้งสองคุยกันได้โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน?

    มีหลายจุดอยู่ที่ผมอ่านแล้วต้องสะดุด เช่น “ปูเป็นคนแบบนี้ ว่างก็เอาแต่นอน” อ้าว สรุปคนตอบนี่ “ปู” หรือ “นี” ผมว่า”นี” นะตามที่ท่านเขียน ช่วยกลับไปดูใหม่ทีเถิด  หรือการที่ “ปู” ไปหยิบมีดแล่เนื้อเล่มยาวเพื่อมาเสียบคอ “นี” คำถามคือ ไปหยิบมาตั้งแต่ตอนไหนโดยที่”นี”ไม่ทันได้สังเกต ทั้งๆที่ท่านเขียนว่า มันถูกวางสงบนิ่งอยู่ในตู้? และมันเป็นมีดเล่มยาว?

    และในท่อนจบ “ตะวันลับฟ้าไป ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ ไฟทางติดสว่าง นีอยู่กับหนังสือของเธอ แบบเรียนตั้งแต่สมัยประถมหนึ่ง กล้ากับแก้ว” คำถามคือ ไหงนีมันมาอยู่ดูท้องฟ้าเปลี่ยนสีได้ในเมื่อ นี ตายแล้ว อีกอย่าง พอท่านเขียนว่า
    “ถือแบบเรียน กล้ากับแก้ว” มันทำให้ผมคิดว่า ไอ้เจ้าหนังสือพูดได้เนี่ย มันยังมี ”กล้า” อีกด้วย แปลว่านอกจาก นีและปู ยังมีคนอื่นอีกที่คุยกับไอ้หนังสือมหาภัยพวกนี้ได้
    ?

     

     

    คำวิจารณ์ด้านการดำเนินเรื่อง

    มาแล้วสำหรับโครงเรื่องย้อนอดีต มีการเปลี่ยน POV อยู่สองครั้ง คือในส่วนของ “นี” กับ “ปู” ซึ่งถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ชัดเจนจึงทำให้ไม่สับสนมากนัก จัดว่าลูกเล่นพอตัวนะท่าน มีการหลอกด้วยให้ผู้อ่านคิดว่าท่อนเปิดเป็น “นี” พูด ที่ไหนได้ ฆาตกรเป็น “ปู” นี่เอง

    โดยรวมแล้วมีการใช้ลูกเล่นในการดำเนินเรื่องเยอะเอาการซึ่งท่านก็ต้องระวังให้ดี ทั้งระวังไม้ให้ตัวเองเขียนพลาดซึ่งผมก็จับได้อยู่หลายจุดดังที่กล่าวข้างต้น และระวังไม่ให้เนื้อเรื่องมันซับซ้อนเกินไป มีหลายจุดที่ผมต้องทำความเข้าใจอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจ ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนักที่จะให้ผู้อ่านต้องทวนอ่านหลายรอบ

    คำวิจารณ์ด้านภาษา

    ปลายเตียง”ของ”ตนครับ(พิมพ์ตก ง.งู)

    ท่ามกลางครับ มิใช่ท่ามกลาว

    ตรงตำแหน่งที่เคยมีขอของนีอยู่?

    แอบสงสับว่าท่านได้อ่านทวนก่อนส่งหรือไม่ ถ้าไม่ก็ค่อนข้างผิดหวังทีเดียวที่ท่านเทพจะปล่อยให้คะแนนหายไปด้วยเรื่องแค่ “พิมพ์ตก”

     

    คำวิจารณ์ด้านความเกี่ยวโยงของภาพและเนื้อเรื่อง

    ฟันกันไม่ลงเลยทีเดียวขอรับระหว่างเรื่องของท่าน กับเรื่องของท่านคันดะ สำหรับความเกี่ยวโยงของภาพและเนื้อเรื่อง แต่น่าเสียดายว่า ยังไม่มีใครสามารถสร้างอภินิหาร โยงเอา “กา” กับ “อา” มาใส่ในเรื่องได้ มีแต่ลงเล่นไปที่ “มานี” อย่างเดียว แต่ก็ยังถือว่าท่านตีโจทย์ได้ดีพอสมควรนะครับ

     

    คำวิจารณ์ด้านความประทับใจ

    หนึ่งคือเมื่อท่านตีโจทย์(ภาพ)ได้ไม่ตรึงใจกรรมการมากพอ ทำให้ความประทับใจของผมที่มีต่อท่านลดลงไปบ้าง อนึ่งภาพที่กำหนดให้ ก็มีหลายต่อหลายสิ่งที่จะให้ท่านเล่นได้ แต่ท่านเลือกที่จะเล่นแค่ “มานี มี ตา” เพียงอย่างเดียว ซึ่งก็แอบขำอยู่ว่าในเรื่องที่ท่านเขียนมัน “มานี มี ตา” แต่มองไม่เห็น 55+  

    แต่ถึงอย่างไร เรื่องนี้ก็มีหลายต่อหลายจุดที่ผมชอบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกผู้อ่านในเรื่องต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน การตีโจทย์ที่แม้จะไม่ตรึงใจผมร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ด้วยพลอตที่แปลกใหม่ และการฆ่าด้วยการเอามีดแทงคอแล้วเอาเท้ากระทืบซ้ำ ก็เป็นอะไรที่น่าบันเทิงใจอยู่พอสมควร

     

    สรุปแล้วพลอตและการตีโจทย์ของท่านค่อนข้างดีครับถ้าไม่รวมว่า เนื้อเรื่องที่ท่านเขียนมาสร้างความสับสนให้แก่ผู้อ่านอยู่พอสมควร ทำให้ต้องอ่านทวนอยู่หลายครั้ง ในเรื่องความเป็นไปได้ ก็มีหลายจุดที่ทำให้ผมชะงัก อีกทั้งบางจุดไม่จำเป็นต้องใส่มาท่านก็ยังใส่เมาเพื่อเพิ่มความงง อย่างที่มาของปู จากบทที่ ๓ ที่ท่านยกมามันก็... ช่วยทำให้ผมคิดว่า แล้วอย่างนี้ นี จะมากจากไหนกัน ดังนั้นระวังเถิด ใส่มาเยอะแล้วจะเกิดผล

    สุดท้ายแม้ผมอาจจะอภัยให้ท่านได้ในส่วนของพลอตเรื่องที่สร้างความบันเทิงให้กับผมได้ไม่น้อย แต่เมื่อต้องเผชิญกับความทรมานจากการตีความหลายต่อหลายจุด รวมทั้งจุดที่ท่านพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยในเรื่องของชื่อตัวละครที่สลับไปมา อันอาจจะเกิดจากที่ท่านประธานนอนน้อยเหลือเกินในช่วงนี้ ผมจึงขออนุญาตส่งท่านประธานที่เคารพลงไปนอนยาวๆ ร่วมกับท่านคันดะเถิด จะได้ไม่พลาดเหมือนครานี้

     

    จบ part ท่านเซ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×