ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Ha! what a moron!
Britta Secret
นี่ ฉันอยากรู้จริงๆเลยนะ ถ้าเราปิดตาแล้วแกล้งแสดงเป็นอีกฝ่าย
ถึงตอนนั้นแล้วจะมีใครแยกพวกเราออกหรือเปล่า?
---------------------------------------------------------
"ให้มันได้อย่างนี้สิ!"
ร่างสาวในผ้าคลุมสีดำปิดประตูห้องเสียงดังปังอย่างอารมณ์เสีย มองภายในห้องพยายามข่มใจให้ตนใจเย็นลงก่อนละสายตามองกระเป๋าเดินทางที่พึ่งแบกมา มือสีขาวหิมะเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบรูปภาพมาดูพลางคลี่รอยยิ้มอ่อนละมุนที่นานๆครั้งจะมี ตาสีเหลืองอำพันเปล่งกระกายออกมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่รอบตาสีเหลืองนั้นเป็นสีดำทฬิม
แต่ก่อนอื่นฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา ฉันบริอาน่า ไมโอนี่หรือบริตต้า
เพิ่มเติมคืออีกบุคลิกไงล่ะ~
สงสัยฉันชักจะบ้าแหะที่คุยกับตัวเองแบบนี้"
มือข้างที่ว่างใช้ลูบหัวผมยาวระหว่างบ่าเป็นเชิงว่าปลอบใจ
เจ้าร่างหลักแสนขี้แยก็นึกว่าเป็นความผิดของหล่อนคนเดียว คนอะไรหนาชอบแบกความทรมานไว้คนเดียวมันช่างรู้สึกกวนใจบุคลิกนี้เหนือสุดพรรณนา
'อย่าฝันร้ายเลยนะ ที่รัก'
พูดเบาๆอย่างอ่อนโยนให้อีกฝ่ายที่กำลังหลับอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจโดยไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายได้ยินอะไรนักแต่ถ้าได้ยินก็คงดีไม่น้อยเช่นกัน
ตาทั้งสองค่อยๆปิดลงนึกเท้าความเรื่องราวต่างๆในอดีต
มันเมื่อไหร่กันนะที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้?
ภาพในภวังค์ฉายภาพคำพูดของบิดาเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
"แม่ลูกไปสวรรค์หลังคลอดลูกได้ไม่นาน"
คำพูดสุดแสนเจ็บปวดแม้แต่เธอเองก็จำได้จนถึงตอนนี้ ใช่แม่เธอตายหลังเธอลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เหตุเป็นเพราะร่างกายเธอแข็งแรงไม่พอ ทั้งครอบครัวต่างคิดถึงเธอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตามเพียงแต่ว่ามันจะลดความเศร้าลงเท่านั้น
"แม่เป็นคนใจดีนะยิ้มแย้มโอบอ้อมอารีเสมอเลย ทั้งใจกว้างหัวเราะง่ายและโกรธยากมากๆแถมยังซุ่มซ่ามจนน่าขำอีกต่างหาก"
นิสัยของท่านก็จำได้แค่นี้แหละจากความทรงจำอันน้อยนิดที่ได้ควบคุมร่างมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเดาไม่ผิดอีกฝ่ายก็คงรับรู้จากการถามคนอื่นๆภายในบ้านแม้ว่าจะมีครอบครัวเพียงสองคนเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะเหตุที่ทำให้คนครอบครัวที่รักต้องตายแต่พวกเขาก็ยังรักและดูแลเธออยู่เสมอช่างเป็นคนที่นิสัยดีจริงๆไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะเป็นคนอ่อนโยนแบบนั้น
ครอบครัวเราอาศัยอยู่ในป่าฤดูหิมะและฤดูร้อน สถานที่อันน่าพิศวงแห่งหนึ่งในโลกที่มีเพียงสองฤดูเท่านั้น เหตุที่อยู่ในป่าแห่งนี้คือหลบซ่อนพวกตามล่าแม่มดถึงจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วแท้ๆที่เจ้าการล่านี่น่าจะจบลงแต่ไม่เลย บางส่วนขงบางพื้นที่ยังทำการไล่ล่าอยู่โดยเจตนาและลับๆ แหงล่ะถ้าไปถึงหูตำรวจหรือสภาคนถูกถีบเข้าสังเตแล้วแน่ๆ
บ้านนี้มีกฎเหล็กอยู่ข้อเดียวเท่านั้นคือการห้ามบอกว่าตัวเองเป็นแม่มดหรือพ่อมดให้กับคนอื่นรู้เด็ดขาดด้วยเฉพพาะมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆป่านี้...ทุกคนต่างเน้นย้ำเรื่องนี้ให้บริตต้าเสมอ
แต่เราพวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบ
พวกเขาสอนอะไรหลายอย่าง...จนเวลาล่วงเลยไป
"พ่อคะ ตื่นสิ ฮึกฮือ..."
หญิงร่างเล็กปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจเพราะตนรักษาบิดาผู้เป็นที่รักไม่ได้
เพียงวูบเดียวตาสีดำทมิฬของเด็กหญิงจะเปลี่ยนเป็นดวงตาสีเหลืองอำพันพร้อมสีดำรอบๆดวงตาจะหันซ้ายหันขวาครู่หนึ่งก่อนจะเข้าสถานการณ์ตรงหน้าด้วยคำพูดของพี่สาว
"บริต อย่าโทษตัวเองเลยนะ เธอทำเต็มที่แล้ว"
ภาพแปรเปลี่ยนเป็นผู้เป็นพ่อนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้านั้นยังยิ้มกว้างให้สองพี่น้องที่อยู่ข้างๆคนพี่อายุได้สิบหกส่วนคนน้องนั้นอายุได้เพียงสิบปีเท่านั้น ผู้เป็นบิดาป่วยเป็น
โรคมะเร็งระยะสุดท้าย ผู้เป็นพี่สาวรู้ดีว่าพยายามยังไงก็ไร้ความหมาย
โรคมะเร็งในสมัยนั้นไม่มีใครรักษาได้หรอกแม้แต่เวทย์มนต์เองก็ตามมันก็เหมือนยา การร่ายก็เหมือนการผสมยาไปในตัวถ้าส่วนผสมมันบรรเทาไม่ได้คือไม่ได้เวทย์เองก็เช่นกัน ไหนจะเรื่องพลังอีก ลำพังเด็กอายุสิบขวบกับเวทย์รักษาแผลพื้นฐานอย่างไรเสียมันคงไม่เพียงพอจะรักษาโรคมะเร็งที่แม้แต่แพทย์ชั้นนำของโลกก็หาทางรักษาไม่ได้
และแล้วหน้าที่ทั้งหมดก็ตกเป็นของคนเป็นพี่....
ยังโชคดีที่คนพี่พอทำยาผสมเป็นอาชีพได้แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
อาชีพนี้มันขึ้นอยู่กับลูกค้าผู้บริโภคและสายการใช้ยาต่างๆ
ยาที่นำมาขายส่วนใหญ่ต้องได้ผลดีกว่ายาตัวอื่นๆถ้าอยากให้ขายดีเพราะเหตุนั้นเองทำให้ผู้เป็นพี่ต้องหมกตัวอยู่กับงานเสียส่วนใหญ่
ตัวบริตต้าตัวน้อยเองก็ไม่ได้มีเด็กมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ซ้ำยังช่วยพี่อีกต่างหาก หากถามว่าเธอรู้ได้เช่นไรนั่นเพราะว่าเธอได้ควบคุมร่างบริตต้าน้อยมากๆ หากจำไม่ผิดตอนนั้นก็แค่ตอนที่บริตเผลอดื่มน้ำมะนาวแค่นั้นเอง
ถ้าจำไม่ผิดพี่สาวน่าจะชื่อว่าไบลธ์นะ
นิสัยห้าวๆที่เหมือนอีกบุคลิกของบริตต้าทั้งฝ่ายนั้นและฝ่ายนี้
ต่างสงสัยว่าทำไมนิสัยถึงเหมือนกันอย่างกับอะไรดีแต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปเพราะหาคำตอบนั้นไม่ได้
หล่อนเป็นคนดีมักยิ้มแย้มถึงจะแก่นๆหน่อยก็ตาม คอยสอนอะไรหลายอย่างให้บริตต้าทั้งบุคลิกหลักและบุคลิกรองเสมอ เธอนี่แหละทำให้บริตต้าอยากเป็นนักปรุงยาอีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษาเรื่องสมุนไพร ดอกไม้และพืชพรรณต่างๆ
ทั้งฉันและบริตคิดว่าถ้าเเบบนี้ตลอดไปก็คงดีแต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก..
"นี่ เธอชื่ออะไรเหรอ?"
ร่างเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับบริตต้าได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยทั้งๆมี่ตัวเองกำลังหลงทางอยู่แท้ๆ
"ฉันบริตต้านะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
หญิงสาวดวงตาสีดำอ่อนๆหันไปยิ้มให้กับเด็กผู้ชายคนนั้น
นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และแม่มด
พวกเขาเล่นด้วยกัน
หัวเราะด้วยกัน
ไปผจญภัยด้วย
พูดคุยกัน
จนบริตต้าเชื่อฝั่งใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทตัวเอง
ทั้งยังรู้สึกรักผูกพันธ์เขาอีกต่างหาก
และแล้วความลับก็ได้ถูกพูดออกไปว่าพวกเธอนั้นเป็นแม่มดดำ
ท่าทีเด็กชายคนนั้นดูอึ้งๆเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าสัญญาว่าจะไม่บอกใคร
แต่น่าแปลก หลังจากนั้นบริตต้าก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย
วันหนึ่งเหมือนว่าบริตจะทะเลาะกับไบลธ์เรื่องเด็กผู้ชายคนนั้นที่บริตต้าเผลอเล่าว่าพวกหล่อนนั้นเป็นแม่มดดำ
"แกจำกฎคนบ้านเราไม่ได้เหรอห๊ะ!? ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้นแล้วทำไมแกถึงยังบอกอีกล่ะ"
พี่สาวตะคอกถามน้องสาวด้วยความเกรี้ยวกราดแสนสุดจะทน หล่อนรู้กลอุบายของชายคนนั้นดี คิดว่าจะใช้ความสัมพันธ์ล่อให้หลุดปากเล่าความลับล่ะสิ เฮอะ! ช่างเป็นมนุษย์ที่ต่ำช้าอะไรเช่นนี้
"พี่ไม่รู้เรื่องอะไรซะหน่อย! วันๆก็เอาแต่ทำงานจะรู้ความรู้สึกฉันได้ยังไง!?"
ผู้เป็นน้องสาวเถียงกลับไปบ้าง
*เพี๊ยะ*
ฝ่ามือสีขาวหิมะของพี่สาวได้กระแทกหน้าอีกฝ่ายเสียงดังจนล้มลงกองกับพื้น เด็กหญิงหญิงมองพี่สาวผู้ตบหน้าตัวเองด้วยใบหน้าสั่นเคลือ น้ำตาน้อยๆกำลังตลอเบ้าตาอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าแกคิดอย่างงั้นก็ออกไป คนที่ไม่รักษากฎแค่นี้ไม่ได้ไม่ใช่น้องสาวของฉัน!!"
พี่สาวตวาดไล่น้องสาวด้วยความโมโหสุดขีดมือข้างหนึ่งชี้ไปที่ประตูทางเข้าบ้านเพื่อให้อีกฝ่ายออกไป "ไปซะ! จะไปไหนก็ไป!!"
บริตเสียใจมากๆจนตาสีดำเปลี่ยนเป็นดวงตาอำพันอีกครั้ง
แต่ตอนนั้นสำหรับบุคลิกรองอย่างเธอนั้นมันรู้สึกแปลกๆ มันรู้สึกเสียใจมากๆจนวิ่งออกมาจากบ้านโดยควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนสมองร่างหลักจะสั่งแบบนี้และเป็นคำสั่งที่รุนแรงสุดๆด้วย
เอาแต่วิ่งจนไปเจอพวกล่าแม่มด....ฝีมือของอดีตเพื่อนสนิทเธอเอง
และการสู้กับคนพวกนั้นฉันกลับเป็นฝ่ายผ่ายแพ้อย่างหมดรูป
"อ..อึก"ร่างหญิงสาวถูกผลักให้ชนต้นไม้ ท่ามกลางร่างใหญ่ของหญิงและชายพวกเขาไม่แม้แต่รู้สึกสงสารอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายคือ"แม่มด"สิ่งที่น่าเกลียดน่าชังเป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายในความหมายสุดแสนโง่งมของพวกเขาเอง ตัวหญิงสาวตาสีเหลืองอำพันผู้มีสีดำรอบๆตานั้นได้แต่สบถอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำอะไรไม่ได้
แล้วในที่เธอก็ถูกจับไปทรมานที่หมู่บ้าน
แต่ละวันมันช่างเหมือนนรกเหลือเกินทั้งโดนตอกมือ โดนทุบตี โดนปาสิ่งของใส่กับข้าวกับปลาก็แค่อาหารเน่าๆเหมือนเขี่ยให้หมาแมวกิน ไหนจะโดนประทับตาอะไรไม่รู้ที่ไหล่ขวาอีกทั้งแสบทั้งร้อนน่าเจ็บใจเสียยิ่งกระไร
ทุกๆวันต้องฟังคำด่าทอว่าตนเองชั่วช้า ตัวเองไม่หน้าเกิดมาเอาเสียเลย
ต้องเจอกับดวงตาเหยียดหยาม เยาะเย้ยและเกลียดชังทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
อดีตเพื่อนของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
มนุษย์ที่นี่ช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก...
ความทรงจำครั้งนั้นถูกแชร์ให้ทั้งบุคลิกหลักและบุคลิกรองให้รับรู้กันถ้วนหน้า
เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุด
แล้วก็มีพวกมนุษย์ตัดสินใจว่าจะเผาตนเสียวันรุ่งขึ้น
เด็กน้อยวัยสิบห้าปีนั่งร้องไห้ในคุกนึกถามหาพี่สาวครบครัวเพียงคนเดียวของตนว่าเมื่อใดจะมาเสียที ตนเหงา ตนกลัว..ตนไม่ยากจะตายแบบนี้
"สภาพดูไม่ได้เลยนะ..."
แล้วร่างพี่สาวปรากฎตัวขึ้นพร้อมแก้โซ่รักษาอะไรเรียบร้อยเสร็จสรรพ
ก่อนจะพาหนีออกมาทว่าทางหนีของหมู่บ้านนั้นมีเวทย์อาคมสูงป้องกันอยู่การให้เวทย์สั่นคลอนนั้นแลดูเป็นเรื่องยากแถมยังใช้เวลานานอีกต่างถ้าจะออกไปกันสองคน...
แต่ถ้าออกไปคนเดียวล่ะ?
"ใครน่ะ แม่มดเหรอ!? ทุกคนเจ้าแม่มดระยำนี่หนีออกมาได้แล้ว!!"
พบริตต้าออกมาได้ก็มีผู้พบเห็นจนใด พี่สาวคิดจะหนีเช่นกันแต่อาคมปิดกั้นแม่มดนี่สิปัญหา หันซ้ายหันขวามองผู้คนที่เริ่มจัดเตรียมอาวุธออกมาจากบ้าน จนในที่สุดน้งก็ตัดสินใจว๊าบน้องสาวตนกลับบ้านไปเสีย
"เดี๋ยวพี่กลับไปนะ..."
พี่สาวมองน้องสาวมองตนอย่างยิ้มๆ
แต่มันไม่เหมือนที่พี่สาวเธอพูดเลย เธอไม่ได้กลับมาที่บ้าน วันนั้นเธอรอทั้งคืนแต่เธอก็ไม่ได้กลับมา...ความเสียใจและความสมเพชรตัวเองทำให้บุคลิกรองเปลี่ยนกลับไปเป็นบุคลิกหลักอีกจนได้
แต่บุคลิกหลักนั้นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนอดไม่ได้ที่จะแอบเข้าหมู่บ้านนั้นโดยไม่ให้ใครรู้ ผ้าคลุมนั้นคลุมมิดตั้งแต่หัวจรดขาถ้ามองคร่าวๆต้องมองเป็นนักเดินทางแน่ๆ
แต่พอเธอไปถึงหมู่บ้านก็ต้องตกใจกับภาพข้างหน้า
ร่างพี่สาวในเสื้อคลุมและกระโปรงด้านในที่ขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ตามลำตัวมีปาดแผลและฟกช้ำตามตัว เลือดสีแดงสดไหลออกจากมือทั้งสองที่โดนตอกให้เข้ากับไม้กางเขน พี่สาวน่ะนะถ้าโดนตอกมือขนาดนั้นใช้เวทย์ไม่ได้หรอก เปลวไฟสีแดงฉานกำลังลามมาจนถึงไม้กางเขนที่พี่สาวถูกตรึงอยู่มันใกล้เข้ามาทุกทีๆ
วินาทีนั้นร่างหญิงสาวในชุดผ้าคลุมสีดำคลุมหัวมิดอยู่นั้นคิดจะโจมตีแต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยพี่สาวของตัวเอง
"น้องรักของพี่อย่าทำอะไรเลยนะ...และฟังคำขอสุดท้ายของพี่ที"เสียงใสไร้เรี่ยวแรงของพี่สาวเอ่ยขึ้น เมื่อบุคคลผู้โง่งมได้ยินก็ต่างปาสิ่งของใส่เธออย่างมันมือ บริตต้า
คิดจะขยับขาและมือ หรือใช้เวทย์แต่ทำไม่ได้ ขาทั้งสองเหมือนถูกทำให้แข็ง ปากก็พูดออกมาไม่มีเสียง เวทย์ก็ไม่ได้ผลนี่พี่สาวบล๊อคการเคลื่อนไหวของฉันงั้นหรือ
"พี่ขอโทษที่ตวาดใส่น้องนะ พี่แค่โมโหมากไปหน่อยแต่ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงน้องนะ
แผลตอนนั้นหายแล้วใช่ไหมของเมื่อวานด้วย อย่าพึ่งเกลียดมนุษย์นะมนุษย์ไม่ได้นิสัยแบบนี้กันทุกคนนะ ขอร้องล่ะยิ้มต่อไป มีความสุขให้พี่เห็นที พี่ พ่อกับแม่เชื่อว่าน้องต้องทำได้
หลังจากฟังที่พี่พูดเสร็จ น้องจะถูกว๊าปกลับไปที่บ้าน พี่วางแผนที่เวทย์ที่ต้องเดินทางไว้ที่ห้องแล้ว
รีบไปซะ โชคดีนะที่รัก......"
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินพี่สาวยิ้มบางๆพร้อมน้ำใสที่ไหลออกจากตา
ทำไมกัน ทั้งๆที่กำลังจำตายแล้วแท้ๆแต่ทำไมถึงยิ้มระรื่นแบบนั้นล่ะ
ทำไมถึงไม่ตอบโต้บางเลยล่ะ
ไฟนั้นค่ยๆลามมาถึงส่วนขาผู้เป็นพี่เม้มปากเพื่อไม่โชว์ความเจ็บปวดให้น้องสาวเห็น
ที่ไบลธ์ทำเช่นนี้เพราะไม่ยากให้น้องสาวตัวเองเสียใจอย่างไรล่ะ...
'พี่สาว!!!'เสียงบริตต้าบุคลิกรองขึ้นมาในจิตใจ อย่าบอกนะว่าเธอได้ยินทั้งหมดนี้ เธอไม่ได้หลับในก้นบึ้งของจิตใจหรอกเหรอ?
บริตต้า(บุคลิกหลัก)และบริตต้า(บุคลิกรอง)
สื่อสารกันได้สองเส้นทางนั่นคือการพูดคุยกันในก้นบึ้งจิตใจ
(ก็เหมือนคุยกับตัวเองในใจ)ที่น๊านนานจะคุยกันเรื่องจริงจังส่วนหนึ่งเพราะฉันเอาแต่นอนและอีกส่วนคือฉันจะหาเรื่องโวยวายกวนประสาทบริตเท่านั้นแหละ อีกการสื่อคือการจดโน้ตและให้แต่ละฝั่งอ่าน อ่า...ฉันว่าวิธีแรกง่ายกว่าแต่ประเด็นคือมันหาโอกาสยากน่ะสิสุดท้ายเลยใช้วิธีที่สองเอา
บริตต้ามักจดอะไรที่ค่อนข้าง....แง่ดีให้บุคลิกรองอ่านจนรู้สึกเลี่ยนตลอดเลย....ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด
หลังจากนั้นบริตต้า(บุคลิกหลัก)ถ้าถูกว๊าบมาตามที่พี่สาวตนบอก
แล้วเธอก็เจอภาพถ่ายหนึ่งที่เป็นรูปครอบครัวที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้เก้าๆในห้องพี่สาว
ก่อนจะหยิบแผนที่นั้นขึ้นมาดู
ไปนานพวกกระเป๋าเดินทางก็ตกลงมาใส่หัวเธอแต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรตอนนี้
แผนที่เวทย์มันพิเศษตรงที่มันสามารถจัดเตรียมของสำคัญไว้ให้ผู้ใช้แล้วว๊าบผู้ใช้ไปสถานที่นั้นได้เลย...
ก่อนที่บริตต้าจะจิ้มนิ้วไปที่ปากกาแดงวงกลมไว้
เธอหิ้วกระเป๋าสัมภาระต่างๆไว้โดยไม่ลืมหยิบของสำคัญอย่างเช่นรูปภาพครอบครัวมาด้วย
หลังจากนั้นเธอก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอดระยะเวลาสามปี
"รู้อะไรไหมล่ะ ว่าช่วงสามปีที่ไม่มีเพื่อนน่ะนะยัยนี่น่ะ เย็นฉาสุดๆแถมพูดจาหาเรื่องคนอื่นแทนที่ฉันจะต้องมาป่วนตามหน้าที่บุคลิกรองแท้ๆแต่กลับต้องมาแก้ไขเรื่องปากเสียงของเธอนี่มันน่าขำชะมัด"
ดวงตาสีเหลืองอำพันลืมตาขึ้นก่อนแจกมะเหงกให้ตัวเองไปทีเพราะความหมั่นไส้
"เอาล่ะๆ ไหนๆก็ไม่ค่อยออกมาแล้วฉันจะไปชมพระจันทร์ซะหน่อย
ส่วนเธอน่ะหลับไปเลยนะ ยัยบ๊อง"
ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะนะ
ว่าทำไมฉันถึงนิสัยเหมือนไบลธ์เพราะฉันเป็นตัวแทนของพี่สาวที่จะดูแลเธอไงล่ะ...
หล่อนชูรูปภาพครอบครัวมาดูพลางยิ้มออกมาอีกครั้ง
ทายซิพวกฉันอยู่ไหน~?
------------------------------------------------------------
ความลับน่ะนะ....
-บริตต้าจริงๆแล้วเป็นชอบเก็บกด
-บริตต้าแอบโทษตัวเองอยู่นะ
-บริตต้าเมื่อก่อนเคยเป็นคนเย็นชาและจัดฟาร์มสุนัขในปากมาแล้ว
-ครอบครัวบริตต้าตายกันหมดแล้ว
-บริตต้ามีเพื่อนแค่สองคนเท่านั้น
-บริตต้า(บุคลิกรอง)มักจะรู้เรื่องบางเรื่องดีกว่าบริตจังอยู่เสมอ
-บริตคุงคิดว่าบริตเหมือนน้องสาวของตน
-บริตต้าเป็นคนรักสิ่งของมากๆขืนทำพังมีสิทธิ์โกรธสูงสุดๆ
-บริตต้าเก็บความรู้เก่ง
-ถ้าอยากรู้ความรู้สึกเธอก็สังเกตที่แววตาให้ดีล่ะ
-บริตต้าใส่ผ้าคลุมไว้ตลอดเวลาเพราะขี้หนาว
-บริตต้ามีรอยประทับจากตอนที่ถูกจับตัวไปทรมานที่หมู่บ้านอยู่ ปัจจุบันมีรอยกรีดมาบังไว้บ้างพร้อมผ้าพันแผลอีกชั้นหนึ่ง
-เธอเคยถูกทรมานมาก่อน
-บริตต้ากลัวการสูญเสียที่สุด
-บริตต้าทั้งสองบุคลิกมีวิธีต่อสู้แตกต่างกันไป
ถ้าบริตจังจะถนัดหลบมากกว่าโจมตี แต่ถ้าเป็นบริตคุงจะเน้นการโจมตีทีเดียว
-อาวุธส่วนใหญ่ของบริตคือเถาวัลย์เวทย์มนต์และมันจะสุ่มว่ามันจะมีความสามารถอะไรในการต่อสู้นั้นๆ
-ถ้าใครใจแข็งพอที่จะต่อสู้จนให้บริตต้าจนมุมถึงขั้นสุดได้นางจะปล่อยดาร์กไซด์ออกมา
-เหตุผลที่การดื่มน้ำมะนาวที่เปลี่ยนบุคลิกได้เพราะมันทำให้อีกบุคลิกหนึ่งรู้สึกตาสว่างจนตื่นมาใช้ร่าง(?)
-เหตุผลที่ความกลัวทำให้อีกบุคลิกตื่นเพราะในก้นบึ้งจิตใจจะมีความคิดอคติจะดังก้องอยู้ในนั้นเสียงดังและซ้ำไปซ้ำมาหนำซ้ำอุณหภูมิในนั้นจะสูงขึ้นจนอยู่ไม่สุข
-บริตต้าเกลียดอากาศร้อน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น