ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ห้องเก็บของชิวๆของดรีม

    ลำดับตอนที่ #29 : Ha! what a moron!

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 60


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    Britta Secret 


          






    นี่ ฉันอยากรู้จริงๆเลยนะ ถ้าเราปิดตาแล้วแกล้งแสดงเป็นอีกฝ่าย
    ถึงตอนนั้นแล้วจะมีใครแยกพวกเราออกหรือเปล่า?


    ---------------------------------------------------------

    "ให้มันได้อย่างนี้สิ!"
     
    ร่างสาวในผ้าคลุมสีดำปิดประตูห้องเสียงดังปังอย่างอารมณ์เสีย มองภายในห้องพยายามข่มใจให้ตนใจเย็นลงก่อนละสายตามองกระเป๋าเดินทางที่พึ่งแบกมา มือสีขาวหิมะเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบรูปภาพมาดูพลางคลี่รอยยิ้มอ่อนละมุนที่นานๆครั้งจะมี ตาสีเหลืองอำพันเปล่งกระกายออกมาอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่รอบตาสีเหลืองนั้นเป็นสีดำทฬิม


    แต่ก่อนอื่นฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่นา ฉันบริอาน่า ไมโอนี่หรือบริตต้า
    เพิ่มเติมคืออีกบุคลิกไงล่ะ~

    สงสัยฉันชักจะบ้าแหะที่คุยกับตัวเองแบบนี้"


    มือข้างที่ว่างใช้ลูบหัวผมยาวระหว่างบ่าเป็นเชิงว่าปลอบใจ
    เจ้าร่างหลักแสนขี้แยก็นึกว่าเป็นความผิดของหล่อนคนเดียว คนอะไรหนาชอบแบกความทรมานไว้คนเดียวมันช่างรู้สึกกวนใจบุคลิกนี้เหนือสุดพรรณนา

    'อย่าฝันร้ายเลยนะ ที่รัก'

    พูดเบาๆอย่างอ่อนโยนให้อีกฝ่ายที่กำลังหลับอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจโดยไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายได้ยินอะไรนักแต่ถ้าได้ยินก็คงดีไม่น้อยเช่นกัน

    ตาทั้งสองค่อยๆปิดลงนึกเท้าความเรื่องราวต่างๆในอดีต
    มันเมื่อไหร่กันนะที่อีกฝ่ายเป็นแบบนี้?

    ภาพในภวังค์ฉายภาพคำพูดของบิดาเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง

    "แม่ลูกไปสวรรค์หลังคลอดลูกได้ไม่นาน"

    คำพูดสุดแสนเจ็บปวดแม้แต่เธอเองก็จำได้จนถึงตอนนี้ ใช่แม่เธอตายหลังเธอลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เหตุเป็นเพราะร่างกายเธอแข็งแรงไม่พอ ทั้งครอบครัวต่างคิดถึงเธอไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดก็ตามเพียงแต่ว่ามันจะลดความเศร้าลงเท่านั้น

    "แม่เป็นคนใจดีนะยิ้มแย้มโอบอ้อมอารีเสมอเลย ทั้งใจกว้างหัวเราะง่ายและโกรธยากมากๆแถมยังซุ่มซ่ามจนน่าขำอีกต่างหาก"

    นิสัยของท่านก็จำได้แค่นี้แหละจากความทรงจำอันน้อยนิดที่ได้ควบคุมร่างมาตั้งแต่เด็ก ถ้าเดาไม่ผิดอีกฝ่ายก็คงรับรู้จากการถามคนอื่นๆภายในบ้านแม้ว่าจะมีครอบครัวเพียงสองคนเท่านั้น ไม่ว่าเธอจะเหตุที่ทำให้คนครอบครัวที่รักต้องตายแต่พวกเขาก็ยังรักและดูแลเธออยู่เสมอช่างเป็นคนที่นิสัยดีจริงๆไม่แปลกเลยที่อีกฝ่ายจะเป็นคนอ่อนโยนแบบนั้น

    ครอบครัวเราอาศัยอยู่ในป่าฤดูหิมะและฤดูร้อน สถานที่อันน่าพิศวงแห่งหนึ่งในโลกที่มีเพียงสองฤดูเท่านั้น เหตุที่อยู่ในป่าแห่งนี้คือหลบซ่อนพวกตามล่าแม่มดถึงจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วแท้ๆที่เจ้าการล่านี่น่าจะจบลงแต่ไม่เลย บางส่วนขงบางพื้นที่ยังทำการไล่ล่าอยู่โดยเจตนาและลับๆ แหงล่ะถ้าไปถึงหูตำรวจหรือสภาคนถูกถีบเข้าสังเตแล้วแน่ๆ


    บ้านนี้มีกฎเหล็กอยู่ข้อเดียวเท่านั้นคือการห้ามบอกว่าตัวเองเป็นแม่มดหรือพ่อมดให้กับคนอื่นรู้เด็ดขาดด้วยเฉพพาะมนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆป่านี้...ทุกคนต่างเน้นย้ำเรื่องนี้ให้บริตต้าเสมอ

    แต่เราพวกเราก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบ
    พวกเขาสอนอะไรหลายอย่าง...จนเวลาล่วงเลยไป

    "พ่อคะ ตื่นสิ ฮึกฮือ..."

    หญิงร่างเล็กปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจเพราะตนรักษาบิดาผู้เป็นที่รักไม่ได้
    เพียงวูบเดียวตาสีดำทมิฬของเด็กหญิงจะเปลี่ยนเป็นดวงตาสีเหลืองอำพันพร้อมสีดำรอบๆดวงตาจะหันซ้ายหันขวาครู่หนึ่งก่อนจะเข้าสถานการณ์ตรงหน้าด้วยคำพูดของพี่สาว

    "บริต อย่าโทษตัวเองเลยนะ เธอทำเต็มที่แล้ว"

    ภาพแปรเปลี่ยนเป็นผู้เป็นพ่อนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้านั้นยังยิ้มกว้างให้สองพี่น้องที่อยู่ข้างๆคนพี่อายุได้สิบหกส่วนคนน้องนั้นอายุได้เพียงสิบปีเท่านั้น ผู้เป็นบิดาป่วยเป็น
    โรคมะเร็งระยะสุดท้าย ผู้เป็นพี่สาวรู้ดีว่าพยายามยังไงก็ไร้ความหมาย 

    โรคมะเร็งในสมัยนั้นไม่มีใครรักษาได้หรอกแม้แต่เวทย์มนต์เองก็ตามมันก็เหมือนยา การร่ายก็เหมือนการผสมยาไปในตัวถ้าส่วนผสมมันบรรเทาไม่ได้คือไม่ได้เวทย์เองก็เช่นกัน ไหนจะเรื่องพลังอีก ลำพังเด็กอายุสิบขวบกับเวทย์รักษาแผลพื้นฐานอย่างไรเสียมันคงไม่เพียงพอจะรักษาโรคมะเร็งที่แม้แต่แพทย์ชั้นนำของโลกก็หาทางรักษาไม่ได้

    และแล้วหน้าที่ทั้งหมดก็ตกเป็นของคนเป็นพี่....

    ยังโชคดีที่คนพี่พอทำยาผสมเป็นอาชีพได้แต่มันก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป
    อาชีพนี้มันขึ้นอยู่กับลูกค้าผู้บริโภคและสายการใช้ยาต่างๆ
    ยาที่นำมาขายส่วนใหญ่ต้องได้ผลดีกว่ายาตัวอื่นๆถ้าอยากให้ขายดีเพราะเหตุนั้นเองทำให้ผู้เป็นพี่ต้องหมกตัวอยู่กับงานเสียส่วนใหญ่

    ตัวบริตต้าตัวน้อยเองก็ไม่ได้มีเด็กมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ซ้ำยังช่วยพี่อีกต่างหาก หากถามว่าเธอรู้ได้เช่นไรนั่นเพราะว่าเธอได้ควบคุมร่างบริตต้าน้อยมากๆ หากจำไม่ผิดตอนนั้นก็แค่ตอนที่บริตเผลอดื่มน้ำมะนาวแค่นั้นเอง

    ถ้าจำไม่ผิดพี่สาวน่าจะชื่อว่าไบลธ์นะ
    นิสัยห้าวๆที่เหมือนอีกบุคลิกของบริตต้าทั้งฝ่ายนั้นและฝ่ายนี้
    ต่างสงสัยว่าทำไมนิสัยถึงเหมือนกันอย่างกับอะไรดีแต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปเพราะหาคำตอบนั้นไม่ได้

    หล่อนเป็นคนดีมักยิ้มแย้มถึงจะแก่นๆหน่อยก็ตาม คอยสอนอะไรหลายอย่างให้บริตต้าทั้งบุคลิกหลักและบุคลิกรองเสมอ  เธอนี่แหละทำให้บริตต้าอยากเป็นนักปรุงยาอีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้ศึกษาเรื่องสมุนไพร ดอกไม้และพืชพรรณต่างๆ

    ทั้งฉันและบริตคิดว่าถ้าเเบบนี้ตลอดไปก็คงดีแต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก..

    "นี่ เธอชื่ออะไรเหรอ?"
    ร่างเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับบริตต้าได้เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยทั้งๆมี่ตัวเองกำลังหลงทางอยู่แท้ๆ

    "ฉันบริตต้านะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
    หญิงสาวดวงตาสีดำอ่อนๆหันไปยิ้มให้กับเด็กผู้ชายคนนั้น

    นั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และแม่มด
    พวกเขาเล่นด้วยกัน
    หัวเราะด้วยกัน
    ไปผจญภัยด้วย
    พูดคุยกัน
    จนบริตต้าเชื่อฝั่งใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทตัวเอง
    ทั้งยังรู้สึกรักผูกพันธ์เขาอีกต่างหาก

    และแล้วความลับก็ได้ถูกพูดออกไปว่าพวกเธอนั้นเป็นแม่มดดำ
    ท่าทีเด็กชายคนนั้นดูอึ้งๆเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าสัญญาว่าจะไม่บอกใคร
    แต่น่าแปลก หลังจากนั้นบริตต้าก็ไม่ได้เห็นเขาอีกเลย

    วันหนึ่งเหมือนว่าบริตจะทะเลาะกับไบลธ์เรื่องเด็กผู้ชายคนนั้นที่บริตต้าเผลอเล่าว่าพวกหล่อนนั้นเป็นแม่มดดำ

    "แกจำกฎคนบ้านเราไม่ได้เหรอห๊ะ!? ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้นแล้วทำไมแกถึงยังบอกอีกล่ะ"
    พี่สาวตะคอกถามน้องสาวด้วยความเกรี้ยวกราดแสนสุดจะทน หล่อนรู้กลอุบายของชายคนนั้นดี คิดว่าจะใช้ความสัมพันธ์ล่อให้หลุดปากเล่าความลับล่ะสิ เฮอะ! ช่างเป็นมนุษย์ที่ต่ำช้าอะไรเช่นนี้

    "พี่ไม่รู้เรื่องอะไรซะหน่อย! วันๆก็เอาแต่ทำงานจะรู้ความรู้สึกฉันได้ยังไง!?"
    ผู้เป็นน้องสาวเถียงกลับไปบ้าง

    *เพี๊ยะ*

    ฝ่ามือสีขาวหิมะของพี่สาวได้กระแทกหน้าอีกฝ่ายเสียงดังจนล้มลงกองกับพื้น เด็กหญิงหญิงมองพี่สาวผู้ตบหน้าตัวเองด้วยใบหน้าสั่นเคลือ น้ำตาน้อยๆกำลังตลอเบ้าตาอย่างเห็นได้ชัด

    "ถ้าแกคิดอย่างงั้นก็ออกไป คนที่ไม่รักษากฎแค่นี้ไม่ได้ไม่ใช่น้องสาวของฉัน!!"
    พี่สาวตวาดไล่น้องสาวด้วยความโมโหสุดขีดมือข้างหนึ่งชี้ไปที่ประตูทางเข้าบ้านเพื่อให้อีกฝ่ายออกไป "ไปซะ! จะไปไหนก็ไป!!"

    บริตเสียใจมากๆจนตาสีดำเปลี่ยนเป็นดวงตาอำพันอีกครั้ง
    แต่ตอนนั้นสำหรับบุคลิกรองอย่างเธอนั้นมันรู้สึกแปลกๆ มันรู้สึกเสียใจมากๆจนวิ่งออกมาจากบ้านโดยควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนสมองร่างหลักจะสั่งแบบนี้และเป็นคำสั่งที่รุนแรงสุดๆด้วย

    เอาแต่วิ่งจนไปเจอพวกล่าแม่มด....ฝีมือของอดีตเพื่อนสนิทเธอเอง
    และการสู้กับคนพวกนั้นฉันกลับเป็นฝ่ายผ่ายแพ้อย่างหมดรูป

    "อ..อึก"ร่างหญิงสาวถูกผลักให้ชนต้นไม้ ท่ามกลางร่างใหญ่ของหญิงและชายพวกเขาไม่แม้แต่รู้สึกสงสารอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยเพราะพวกเขาคิดว่าอีกฝ่ายคือ"แม่มด"สิ่งที่น่าเกลียดน่าชังเป็นสัญลักษณ์ความชั่วร้ายในความหมายสุดแสนโง่งมของพวกเขาเอง ตัวหญิงสาวตาสีเหลืองอำพันผู้มีสีดำรอบๆตานั้นได้แต่สบถอย่างเกรี้ยวกราดที่ทำอะไรไม่ได้

    แล้วในที่เธอก็ถูกจับไปทรมานที่หมู่บ้าน
    แต่ละวันมันช่างเหมือนนรกเหลือเกินทั้งโดนตอกมือ โดนทุบตี โดนปาสิ่งของใส่กับข้าวกับปลาก็แค่อาหารเน่าๆเหมือนเขี่ยให้หมาแมวกิน ไหนจะโดนประทับตาอะไรไม่รู้ที่ไหล่ขวาอีกทั้งแสบทั้งร้อนน่าเจ็บใจเสียยิ่งกระไร
    ทุกๆวันต้องฟังคำด่าทอว่าตนเองชั่วช้า ตัวเองไม่หน้าเกิดมาเอาเสียเลย
    ต้องเจอกับดวงตาเหยียดหยาม เยาะเย้ยและเกลียดชังทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
    อดีตเพื่อนของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
     มนุษย์ที่นี่ช่างป่าเถื่อนยิ่งนัก...

    ความทรงจำครั้งนั้นถูกแชร์ให้ทั้งบุคลิกหลักและบุคลิกรองให้รับรู้กันถ้วนหน้า
    เป็นความทรงจำที่เจ็บปวดที่สุด

    แล้วก็มีพวกมนุษย์ตัดสินใจว่าจะเผาตนเสียวันรุ่งขึ้น

    เด็กน้อยวัยสิบห้าปีนั่งร้องไห้ในคุกนึกถามหาพี่สาวครบครัวเพียงคนเดียวของตนว่าเมื่อใดจะมาเสียที ตนเหงา ตนกลัว..ตนไม่ยากจะตายแบบนี้

    "สภาพดูไม่ได้เลยนะ..."

    แล้วร่างพี่สาวปรากฎตัวขึ้นพร้อมแก้โซ่รักษาอะไรเรียบร้อยเสร็จสรรพ
    ก่อนจะพาหนีออกมาทว่าทางหนีของหมู่บ้านนั้นมีเวทย์อาคมสูงป้องกันอยู่การให้เวทย์สั่นคลอนนั้นแลดูเป็นเรื่องยากแถมยังใช้เวลานานอีกต่างถ้าจะออกไปกันสองคน...

    แต่ถ้าออกไปคนเดียวล่ะ?

    "ใครน่ะ แม่มดเหรอ!? ทุกคนเจ้าแม่มดระยำนี่หนีออกมาได้แล้ว!!"

    พบริตต้าออกมาได้ก็มีผู้พบเห็นจนใด พี่สาวคิดจะหนีเช่นกันแต่อาคมปิดกั้นแม่มดนี่สิปัญหา หันซ้ายหันขวามองผู้คนที่เริ่มจัดเตรียมอาวุธออกมาจากบ้าน จนในที่สุดน้งก็ตัดสินใจว๊าบน้องสาวตนกลับบ้านไปเสีย

    "เดี๋ยวพี่กลับไปนะ..."
    พี่สาวมองน้องสาวมองตนอย่างยิ้มๆ

    แต่มันไม่เหมือนที่พี่สาวเธอพูดเลย เธอไม่ได้กลับมาที่บ้าน วันนั้นเธอรอทั้งคืนแต่เธอก็ไม่ได้กลับมา...ความเสียใจและความสมเพชรตัวเองทำให้บุคลิกรองเปลี่ยนกลับไปเป็นบุคลิกหลักอีกจนได้

    แต่บุคลิกหลักนั้นรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนอดไม่ได้ที่จะแอบเข้าหมู่บ้านนั้นโดยไม่ให้ใครรู้ ผ้าคลุมนั้นคลุมมิดตั้งแต่หัวจรดขาถ้ามองคร่าวๆต้องมองเป็นนักเดินทางแน่ๆ

    แต่พอเธอไปถึงหมู่บ้านก็ต้องตกใจกับภาพข้างหน้า

    ร่างพี่สาวในเสื้อคลุมและกระโปรงด้านในที่ขาดจนไม่เหลือชิ้นดี ตามลำตัวมีปาดแผลและฟกช้ำตามตัว เลือดสีแดงสดไหลออกจากมือทั้งสองที่โดนตอกให้เข้ากับไม้กางเขน พี่สาวน่ะนะถ้าโดนตอกมือขนาดนั้นใช้เวทย์ไม่ได้หรอก เปลวไฟสีแดงฉานกำลังลามมาจนถึงไม้กางเขนที่พี่สาวถูกตรึงอยู่มันใกล้เข้ามาทุกทีๆ

    วินาทีนั้นร่างหญิงสาวในชุดผ้าคลุมสีดำคลุมหัวมิดอยู่นั้นคิดจะโจมตีแต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยพี่สาวของตัวเอง

    "น้องรักของพี่อย่าทำอะไรเลยนะ...และฟังคำขอสุดท้ายของพี่ที"เสียงใสไร้เรี่ยวแรงของพี่สาวเอ่ยขึ้น เมื่อบุคคลผู้โง่งมได้ยินก็ต่างปาสิ่งของใส่เธออย่างมันมือ บริตต้า
    คิดจะขยับขาและมือ หรือใช้เวทย์แต่ทำไม่ได้ ขาทั้งสองเหมือนถูกทำให้แข็ง ปากก็พูดออกมาไม่มีเสียง เวทย์ก็ไม่ได้ผลนี่พี่สาวบล๊อคการเคลื่อนไหวของฉันงั้นหรือ

    "พี่ขอโทษที่ตวาดใส่น้องนะ พี่แค่โมโหมากไปหน่อยแต่ที่ทำไปเพราะเป็นห่วงน้องนะ
    แผลตอนนั้นหายแล้วใช่ไหมของเมื่อวานด้วย อย่าพึ่งเกลียดมนุษย์นะมนุษย์ไม่ได้นิสัยแบบนี้กันทุกคนนะ ขอร้องล่ะยิ้มต่อไป มีความสุขให้พี่เห็นที พี่ พ่อกับแม่เชื่อว่าน้องต้องทำได้
    หลังจากฟังที่พี่พูดเสร็จ น้องจะถูกว๊าปกลับไปที่บ้าน พี่วางแผนที่เวทย์ที่ต้องเดินทางไว้ที่ห้องแล้ว

    รีบไปซะ  โชคดีนะที่รัก......"

    นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยินพี่สาวยิ้มบางๆพร้อมน้ำใสที่ไหลออกจากตา
    ทำไมกัน ทั้งๆที่กำลังจำตายแล้วแท้ๆแต่ทำไมถึงยิ้มระรื่นแบบนั้นล่ะ
    ทำไมถึงไม่ตอบโต้บางเลยล่ะ
    ไฟนั้นค่ยๆลามมาถึงส่วนขาผู้เป็นพี่เม้มปากเพื่อไม่โชว์ความเจ็บปวดให้น้องสาวเห็น
    ที่ไบลธ์ทำเช่นนี้เพราะไม่ยากให้น้องสาวตัวเองเสียใจอย่างไรล่ะ...

    'พี่สาว!!!'เสียงบริตต้าบุคลิกรองขึ้นมาในจิตใจ อย่าบอกนะว่าเธอได้ยินทั้งหมดนี้ เธอไม่ได้หลับในก้นบึ้งของจิตใจหรอกเหรอ?

    บริตต้า(บุคลิกหลัก)และบริตต้า(บุคลิกรอง)
    สื่อสารกันได้สองเส้นทางนั่นคือการพูดคุยกันในก้นบึ้งจิตใจ
    (ก็เหมือนคุยกับตัวเองในใจ)ที่น๊านนานจะคุยกันเรื่องจริงจังส่วนหนึ่งเพราะฉันเอาแต่นอนและอีกส่วนคือฉันจะหาเรื่องโวยวายกวนประสาทบริตเท่านั้นแหละ อีกการสื่อคือการจดโน้ตและให้แต่ละฝั่งอ่าน อ่า...ฉันว่าวิธีแรกง่ายกว่าแต่ประเด็นคือมันหาโอกาสยากน่ะสิสุดท้ายเลยใช้วิธีที่สองเอา

    บริตต้ามักจดอะไรที่ค่อนข้าง....แง่ดีให้บุคลิกรองอ่านจนรู้สึกเลี่ยนตลอดเลย....ทั้งๆที่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด

    หลังจากนั้นบริตต้า(บุคลิกหลัก)ถ้าถูกว๊าบมาตามที่พี่สาวตนบอก
    แล้วเธอก็เจอภาพถ่ายหนึ่งที่เป็นรูปครอบครัวที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะไม้เก้าๆในห้องพี่สาว

    ก่อนจะหยิบแผนที่นั้นขึ้นมาดู
    ไปนานพวกกระเป๋าเดินทางก็ตกลงมาใส่หัวเธอแต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรตอนนี้
    แผนที่เวทย์มันพิเศษตรงที่มันสามารถจัดเตรียมของสำคัญไว้ให้ผู้ใช้แล้วว๊าบผู้ใช้ไปสถานที่นั้นได้เลย...

    ก่อนที่บริตต้าจะจิ้มนิ้วไปที่ปากกาแดงวงกลมไว้
    เธอหิ้วกระเป๋าสัมภาระต่างๆไว้โดยไม่ลืมหยิบของสำคัญอย่างเช่นรูปภาพครอบครัวมาด้วย

    หลังจากนั้นเธอก็อยู่คนเดียวมาโดยตลอดระยะเวลาสามปี

    "รู้อะไรไหมล่ะ ว่าช่วงสามปีที่ไม่มีเพื่อนน่ะนะยัยนี่น่ะ เย็นฉาสุดๆแถมพูดจาหาเรื่องคนอื่นแทนที่ฉันจะต้องมาป่วนตามหน้าที่บุคลิกรองแท้ๆแต่กลับต้องมาแก้ไขเรื่องปากเสียงของเธอนี่มันน่าขำชะมัด"

    ดวงตาสีเหลืองอำพันลืมตาขึ้นก่อนแจกมะเหงกให้ตัวเองไปทีเพราะความหมั่นไส้

    "เอาล่ะๆ ไหนๆก็ไม่ค่อยออกมาแล้วฉันจะไปชมพระจันทร์ซะหน่อย
    ส่วนเธอน่ะหลับไปเลยนะ ยัยบ๊อง"

    ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะนะ
    ว่าทำไมฉันถึงนิสัยเหมือนไบลธ์เพราะฉันเป็นตัวแทนของพี่สาวที่จะดูแลเธอไงล่ะ...
    หล่อนชูรูปภาพครอบครัวมาดูพลางยิ้มออกมาอีกครั้ง


    ทายซิพวกฉันอยู่ไหน~?

    ------------------------------------------------------------


    ความลับน่ะนะ....

    -บริตต้าจริงๆแล้วเป็นชอบเก็บกด
    -บริตต้าแอบโทษตัวเองอยู่นะ
    -บริตต้าเมื่อก่อนเคยเป็นคนเย็นชาและจัดฟาร์มสุนัขในปากมาแล้ว
    -ครอบครัวบริตต้าตายกันหมดแล้ว
    -บริตต้ามีเพื่อนแค่สองคนเท่านั้น
    -บริตต้า(บุคลิกรอง)มักจะรู้เรื่องบางเรื่องดีกว่าบริตจังอยู่เสมอ
    -บริตคุงคิดว่าบริตเหมือนน้องสาวของตน
    -บริตต้าเป็นคนรักสิ่งของมากๆขืนทำพังมีสิทธิ์โกรธสูงสุดๆ
    -บริตต้าเก็บความรู้เก่ง
    -ถ้าอยากรู้ความรู้สึกเธอก็สังเกตที่แววตาให้ดีล่ะ
    -บริตต้าใส่ผ้าคลุมไว้ตลอดเวลาเพราะขี้หนาว
    -บริตต้ามีรอยประทับจากตอนที่ถูกจับตัวไปทรมานที่หมู่บ้านอยู่ ปัจจุบันมีรอยกรีดมาบังไว้บ้างพร้อมผ้าพันแผลอีกชั้นหนึ่ง
    -เธอเคยถูกทรมานมาก่อน
    -บริตต้ากลัวการสูญเสียที่สุด
    -บริตต้าทั้งสองบุคลิกมีวิธีต่อสู้แตกต่างกันไป 
    ถ้าบริตจังจะถนัดหลบมากกว่าโจมตี แต่ถ้าเป็นบริตคุงจะเน้นการโจมตีทีเดียว
    -อาวุธส่วนใหญ่ของบริตคือเถาวัลย์เวทย์มนต์และมันจะสุ่มว่ามันจะมีความสามารถอะไรในการต่อสู้นั้นๆ
    -ถ้าใครใจแข็งพอที่จะต่อสู้จนให้บริตต้าจนมุมถึงขั้นสุดได้นางจะปล่อยดาร์กไซด์ออกมา
    -เหตุผลที่การดื่มน้ำมะนาวที่เปลี่ยนบุคลิกได้เพราะมันทำให้อีกบุคลิกหนึ่งรู้สึกตาสว่างจนตื่นมาใช้ร่าง(?)
    -เหตุผลที่ความกลัวทำให้อีกบุคลิกตื่นเพราะในก้นบึ้งจิตใจจะมีความคิดอคติจะดังก้องอยู้ในนั้นเสียงดังและซ้ำไปซ้ำมาหนำซ้ำอุณหภูมิในนั้นจะสูงขึ้นจนอยู่ไม่สุข
    -บริตต้าเกลียดอากาศร้อน






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×