ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โครงการเรื่องสั้นช่วงปิดเทอม หัวข้อ "เรื่องหมา ๆ"

    ลำดับตอนที่ #3 : เรื่องสั้น - เสาไฟฟ้า - เดี๋ยวนะ...ขอนึกก่อน

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 53


     เรื่องหมา ๆ  – เสาไฟฟ้า

                หมาแก่นอนมองตึกใหญ่อยู่ข้างถนน... รถผ่านไปมาพลุกพล่าน คนจำนวนมากเดินทางวุ่นวาย

                ในหัวของหมาตัวนั้น กำลังรำลึกถึงอดีต...

                ...

                 “พี่น้องครับ... เสียงร้องดังจากปลายถนนดังขึ้น บัดนี้มันถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องทวงเอาศักดิ์ศรีของเรากลับคืนมา...

                เสียงร้องรับดังกึกก้อง ขณะที่เจ้าหางดาบ หมาของคุณนายสุวรรณมาลีที่นอนอยู่ในที่ห่างไกลออกไปกำลังคิดในใจ...

              ...ให้ตายสิ ไอ้พวกบ้านั่นมันจะทำอะไรกันอีกแล้วนะ...

                “เมื่อนานผ่านมาแล้ว... เสียงปราศรัยยังคงดังก้องต่อไป พวกเราได้ทุ่มเททั้งหยาดเงหือ เลือดเนื้อ และชีวิต เพื่อจะได้ครอบครองพื้นที่ในส่วนนั้น แต่เรากลับต้องมาเสียมันไปง่าย ๆ เพราะว่ามีผู้นำที่โฉดชั่วในช่วงที่ผ่านมา...

                เสียงผู้ปราศรัยหยุดลงพักหนึ่ง แต่เสียงของผู้นั่งฟังต่างก็กึกก้องกัมปนาทกันด้วยความเห็นพ้อง

                เจ้าหางดาบลุกขึ้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่น่าไว้วางใจเสียแล้ว...

              ...ต้องรีบส่งข่าวให้ท่านหัวหน้า... คิดแล้วก็ลุกขึ้น บิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนม้านั่งและยันตัวข้ามกำแพงบ้านเตี้ย ๆ ที่โรยแก้วออกไปสู่ถนนหน้าบ้านโดยเร็ว...

                ...

                “พี่น้องทั้งหลายครับ หัวหน้าการชุมนุมยังคงดำเนินต่อไป ที่ผ่านมา พวกเราก้ได้เห็นว่าไอ้ผู้นำชั่วช้ามันได้ทำอะไรเอาไว้บ้าง มันเอาดินแดนอันเป็นที่รักของเราไปประเคนให้กับศัตรูของเราอย่างหน้าด้าน ๆ โดยแลกกับผลประโยชน์อันน้อยนิดเพื่อตัวเองเท่านั้น...

                “ไอ้ผู้นำชาติชั่ว เสียงผู้ชุมนุมคนหนึ่งดังขึ้นมา

                “มันเลวหมาที่สุด

                “แย่มาก

                “แต่ว่าวันนี้ พี่น้องครับ วันนี้...เสียงของผู้นำดังขึ้นกลบเสียงโห่ร้องอย่างไม่พอใจของผู้มา กระผมได้กลับมาแล้ว และวันนี้จะมานำท่านกลับไปทวงที่ที่ควรจะเป็นของพวกเราที่นี่กลับคืนมาครับพี่น้องครับ

                ...

                “ท่านครับ แย่แล้วครับ...หางดาบวิ่งเข้ามาในฐานถิ่นของจ่าฝูง พวกวิปลาสนั่นมันเริ่มทำอะไรแปลก ๆ อีกแล้วครับ...

                “ว่ายังไงนะ...เสียงของเซนต์เบอร์นาร์ดจ่าฝูงดังขึ้นถามสุนัขรับใช้ เจ้าพวกบ้านั่นมันเริ่มอีกแล้วรึ

                “ครับ ท่านครับ มันเริ่มอีกแล้วหางดาบเห่าตอบอย่างสุภาพ เอาอย่างไรดีครับ ท่านครับ

                “คงต้องเรียกรวมพลฉุกเฉินเสียแล้ว ช่วยไม่ได้ รีบกระจายข่าวด่วน สงสัยคืนนี้เราต้องรีบเสียแล้ว...

                …

                “พี่น้องครับ...” เสียงอันทรงพลังของผู้นำการชุมนุมยังคงดังทั่วถึง “คืนนี้ เป็นฤกษ์งามยามดีอย่างยิ่ง มีคำกล่าวว่า ไม่มีฤกษ์ใดจะดีไปกว่าฤกษ์ของตนเอง และวันนี้... ฤกษ์ของพวกเราก็มาถึงพร้อมแล้วใช่ไหมครับ พี่น้องครับ”

                เสียงโห่ร้องเห็นด้วยของผู้ร่วมชุมนุมดังขึ้น ก่อนจะตามด้วยเสียงของผู้นำอีกครั้ง

                “ถ้าเช่นนั้นอย่าได้รอช้าเลย พี่น้องเอย จงออกมาร่วมกันแสดงพลังของเรา เอาถิ่นของเราคืนมาเสีย”

                “เอาทรราชออกไป เอาที่ดินของเราคืนมา” เสียงผู้ชุมนุมร้องรับกึกก้อง

                “พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายที่หลับใหลเอย จงลุกขึ้น” เสียงของผู้ปราศรัยยังคงดังลั่นต่อไป “จงลุกขึ้นมาเถิด ลุกขึ้นมาเพื่อแผ่นดินถิ่นอันเป้นที่รักของเรา”

                “ลุกขึ้นมา ลุกขึ้นมา” เสียงคนตามดังลั่นอย่างทรงพลัง ก่อนที่ขบวนชุมนุมจะเริ่มเคลื่อนตัวออกไป...

                ...

                “เรียกรวมตัวฉุกเฉินได้อย่างไรบ้าง...” เบอร์นาร์ดจ่าฝูงถามเสียงเข้ม หางดาบผู้เป็นลูกน้องตอบกลับมาชัดเจน

                “เรียกกองพันร็อตไวเลอร์ได้ครบ แล้วก็กองหลักหลากสายพันธุ์เป็นจำนวนมากครับ”

                “ดีมาก” ผู้เป็นนายตอบอย่างพึงใจ “แล้วทางฟากวัดว่ายังบ้าง”

                “พวกนั้นว่าจะเห่าช่วยเท่าที่ทำได้ครับ...”  หางดาบว่า “ท่านครับ เอาอย่างไรดีครับ”

                “ไม่ต้องคิดมากแล้ว ลุยเลย” เบอร์นาร์ดตอบอย่างมาดมั่น ก่อนจะเดินนำออกไปอย่างสง่างาม..

                ...

                ตลอดทางของผู้ชุมนุมได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่ง มีบ้างที่ร่วมเดินชุมนุม และบางคนก็โห่ร้องให้กำลังใจด้วยเสียงอันดังก้อง

                และในที่สุด กลุ่มผู้ชุมนุมก็หยุดยั้งลงที่สถานที่แห่งหนึ่ง...

                มันเป็น... ถนนแคบ ๆ พอให้รถยนต์สวนกันได้สายหนึ่ง มีเสาไฟฟ้าติดแหล่ไม่ติดแหล่ตั้งงอย่างสงบไม่สะทกสะท้านลมหนาวอยู่ต้นหนึ่ง ข้าง ๆ กันนั้นมีขยะตั้งกองพะเนินเทินทึกอยู่ใกล้ ๆกับถัง กลิ่นขยะส่งมากับสายลมอย่างไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก

                ผู้ชุมนุมหยุดยั้งลง ตามด้วยเสียงของผู้นำ

                “พี่น้องครับ สถานที่นี้เคยเป็นของพวกเรา และไม่ว่าอย่างไรก็จะเป็นของพวกเราตลอดไปครับพี่น้องครับ”

                “เป็นของพวกเรา เป็นของพวกเรา” เสียงผู้ชุมนุมขานรับกลับมา

                “ดังนั้น ขอให้พวกท่านจงจับจองสถานทีกันอย่างมีความสุขครับ เพราะไม่ว่าอย่างไร... สถานที่นี้ก็เป็นของพวกเราครับ พี่น้องครับ...”

                เสียงผู้ชุมนุมโห่ร้อง ก่อนที่จะเข้าไปจับจองพื้นที่ บ้างก็นอนกันให้เกะกะทาง บ้างก้เริ่มคุ้ยหาขยะกองใหญ่ บ้างก็วิ่งเล่นกันไปมา บ้างก็โห่ร้องรำทำเพลงอย่างน่ายินดี และบ้างก็ทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว...

                ฉับพลันนั้นเอง...

                เสียงเห่าไล่ดังอย่างกึกก้องจากที่ไกลตา ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าอันพร้อมเพรียงกันของสุนัขสีดำตัวใหญ่ดวงตาส่องแสงประกายในที่มืดของร็อตไวเลอร์ที่วิ่งตะลุยมาอย่างไม่พรั่นพรึงต่อผู้บุกรุกใด ๆ ด้านหลังของกองนั้นตามมาด้วยสุนัขหลากสายพันธุ์ซึ่งยกโขยงกันมาอย่างห้าวหาญ ตามมาด้วยเสียงหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดจ่าฝูงที่เห่าเสียงทุ้มนุ่มแปลความหมายได้ว่า

                “บุกตะลุยเข้าไป เพื่อนเอย สถานที่แห่งนี้เป็นของเราโดยชอบธรรม ไม่มีใครที่จะมาปกปิดความถูกต้องเอาไว้ได้”

                “พี่น้องครับ นั่นคือศัตรูผู้รุกราน” เสียงผู้นำการชุมนุมประกาศกร้าว “จงจัดการมันให้สิ้นซาก เหมือนที่บรรพชนรุ่นก่อนของเราได้กระทำมาเลยครับพี่น้องครับ...”

                แล้วศึกหมาหมู่ของหมาสองถิ่นปะทุขึ้นอย่างดุเดือด... บ้างก็กัดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย บ้างก็วิ่งไล่กันเป็นพัลวัน บ้างก็ตะกุยตะกายใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งเขี้ยวเล็บ อุ้งมือ น้ำหนักต่างถูกโถมเข้าใส่กันอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับเสียงกระตุ้นจากจ่าฝูงทั้งสองที่สาดโคลนใส่กันอย่างเมามัน

                “พี่น้องครับ จงทำการต่อสู้อย่างห้าวหาญ อย่าได้ไปกลัวพวกมัน พวกเจ้าเล่ห์เลวทรามชาตินักการเมืองแบบนั้น”

                “เพื่อนเอย เราได้สถานที่แห่งนี้มาโดยชอบธรรม อย่าให้เราต้องสูญเสียมันไปกับพวกเผ่าเถื่อนที่ไร้อารยะและไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าคำมั่นสัญญาเยี่ยงนักการเมืองเหล่านี้เลย...”

                “พี่น้องครับ  ต่อให้เราต้องเอาเลือดราดรดลงไปบนแผ่นดินนี้จนหมดสิ้น เราก็จะไม่ยอมให้พวกมันเข้ามาเหยียบสิ่งที่เรียกว่าอาณาเขตของพวกเราได้ครับ พี่น้อง แม้เราจะเป็นคนเถื่อน แต่เราก็ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าการขายแผ่นดินให้ผู้อื่นหรอกครับ จงภาคภูมิใจเสียเถิด พี่น้องเอย เราจะตายใต้มาตุภูมินี้ร่วมกันครับ พี่น้องครับ...”

                “เพื่อนเอย เราได้ทำการซื้อขายโดยชอบธรรมแล้ว สิ่งนี้เรียกว่าสัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่ชนอนารยะไม่อาจจะเข้าใจได้แม้เพียงกระผีกริ้น เจรจากันต่อไปก็ย่อมไม่ก่อประโยชน์อันใดขึ้นมา ใช่หรือไม่ หางดาบสหายเรา...”

                “นั่นอย่างไร พี่น้อง นั่นอย่างไร” เสียงของเผ่าอนารยะดังขึ้น “นั่นมันตัวขายชาติหนักแผ่นดิน จงไปลากตัวมันมาสำเร็จโทษให้จงได้ครับ พี่น้องครับ เรารู้จักสิ่งที่เรียกว่าสัญญาเป็นอย่างดี แต่เราไม่รู้ในสิ่งที่เรียกว่า การทำสัญญาอันสามานย์ยิ่งกว่าอนารยะเยี่ยงไอ้หางดาบชาตินักการเมืองหรอกขอรับพี่น้องครับ จงตะลุย จงบดขยี้ จงสาปส่งให้มันตายไปกลายเป็นนักการเมืองร้อยชาติพันชาติเสียให้สาสมใจเลยครับ พี่น้อง...”

                “การซื้อขายของเราเป็นไปอย่างถูกต้อง เพื่อนเอย” เสียงของเผ่าผู้ซื้อแผ่นดินถิ่นถังขยะดังขึ้น “จงอย่าเกรงกลัวในความไม่ถูกต้องที่พวกเผ่าเถื่อนนั้นพยายามอ้างถึงเลย เพื่อนเอย หากเราขาดไร้ซึ่งแผ่นดินนี้แล้ว เพื่อนเราทั้งหลายคงมิวายนอนตายเป็นศพเพราะขาดอาหารสิ้นกันไปเสียแล้วเมื่อหลายเพลาก่อนมิใช่หรือ... แผ่นดินนี้มีคุณประโยชน์ต่อเรา และชนเผ่าแห่งเราซึ่งเป็นอารยะอย่างยิ่ง...”

                “พวกชาตินักการเมืองอันชั่วช้าต่ำทรามทั้งหลาย... จงฟังไว้ให้ดี” เสียงของหมาผู้นำกลุ่มที่โดนซื้อที่ดินโดยไม่ตกลงปลงใจดังขึ้น “วันนี้แลที่พวกเจ้าจะต้องคืนแผ่นยดินถิ่นเรามา การซื้อขายที่นักการเมืองเยี่ยงเจ้าอ้างนั้นไม่ถูกต้องโดยชอบธรรม เพราะการซื้อขายนั้นจำเป็นต้องให้ทั้งเผ่าเห็นชอบ แต่ว่า...”

                “ว่าอย่างไรหรือ... เพื่อนเอย...” เสียงอังทุ้มกังวานของเซนต์เบอร์นาร์ดดังขึ้นท่ามกลางการฟัดเหวี่ยงอย่างชุลมุนวุ่นวายและกลิ่นคาวเลือดที่เริ่มคลุ้งขึ้นมาจากการบาดเจ็บล้มตายของเหล่าสุนัขนานาสายพันธุ์ “แต่ผู้นำของเหล่าอนารยะเยี่ยงเจ้าบอกว่า เขาเป็นตัวแทนอันชอบธรรมของพวกเจ้า มิเช่นนั้นพวกเจ้าจะเลือกพวกเขาขึ้นมาทำเช่นไร ซึ่งเรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ถือว่าผิดกฎหมายอันชอบธรรม ใช่หรือไม่ เพื่อนพ้องทั้งหลาย ดังนั้นพวกเราจึงครอบครองที่นี่โดยชอบธรรม และไม่มีผู้ใดจะมาล้มล้างความชอบธรรมนี้ลงได้หรอก เพื่อนเอย จงต่อสู้เพื่อความถูกต้องและชัดเจนเสียเถิด...”

                “พี่น้องครับ เรื่องนี้เป็นความผิดของไอ้ผู้นำชาตินักการเมืองเยี่ยงไอ้หางดาบเพียงตัวเดียวเท่านั้น จงมุ่งหน้าไปเพื่อกำจัดทรราชอันโฉดชั่วขลาดเขลาด้วยเถอะครับพี่น้อง อย่าให้มันอยู่โดยหนักแผ่นดินทำอากาศเสียไปวัน ๆ เลยครับ... พี่น้องครับ จงลากคอของทรราชออกมาลากตัวเสียให้จงได้...”

                “เพื่อนเอย การปฏิบัติตามสัญญาคือสิ่งที่เป็นเกียรติของอารยะเยี่ยงเรา และสิ่งที่เราได้สัญญาเอาไว้คือการคุ้มกันรักษาเพื่อนของเราตัวนี้ เพื่อนเอย จงสู้เพื่อเพื่อนพ้องของเราเถิด หากวันนี้ไม่สิ้นไร้ซึ่งศัตรูแล้ว อย่าหมายจะได้นอนหลับอย่างสงบสุขอีกเลยเพื่อนเอย...”

                “พี่น้องครับ อย่าไปฟังวาจารื่นหูแต่กินไม่ได้ของไอ้พวกนักการเมืองที่ทำตัวดูเหมือนจะมีอารยะของพวกชั่วชาติพรรค์นั้นเลย จงยึดมั่นในแผ่นดินถิ่นเกิดและมาตุภูมิของเราเอาไว้ เราจะรักษามันเอาไว้ด้วยชีวิตนี้ เลือดเนื้อและร่างน้อยของเรา จะกองทับถมถมทับให้กลายเป็นแผ่นดินแห่งเรา เราจักสู้เพื่อนำเอาแผ่นดินและความชอบธรรมของเรากลับคืนมาให้จงได้ครับพี่น้อง เพื่อแผ่นดินของเรา เพื่อพรรคพวกของเราที่ยังรออยู่ด้านหลัง พรรคพวกที่กำลังรอคอยการกลับมา พี่น้องเอย จงอย่าได้เกรงกลัวในการต่อสู้นี้ พวกเขาจักภูมิใจเป็นอย่างยิ่งหากท่านได้ตายในสมรภูมิอันทรงเกียรติแห่งนี้ พี่น้องเอย จงสู้เพื่อพวกพ้อง จงสู้เพื่อถิ่นเกิดแห่งเรานี้...”

                “เรามาเหยียบแผ่นดินถิ่นนี้ด้วยความชอบธรรมของสิ่งที่เรียกว่าสัญญา เพื่อนเอย... สหายที่รอเราอยู่ด้านหลังจักต้องซาบซึ้งในความถูกต้องเฉกเช่นพวกเราที่มีจิตใจอันคึกคัก ห้าวหาญ และจะดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมจนกระทั่งสิ้นลมล้มลงไป อย่าได้กลัวซึ่งความตาย เพื่อนเอย การตายคราครั้งนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และชอบธรรมยากยิ่งที่จะมีใครมาเทียบได้... จงสู้เสียเถิด เพื่อสิ่งที่เราเรียกว่าเกียรติ สัญญา และคำมั่นที่เราได้ให้เอาไว้...”

                “พี่น้องครับ พวกนี้มันเก่งแค่พูดจาหวานหูเท่านั้น พวกเรามีสิ่งที่เรียกว่าแผ่นดินถิ่นเกิดอยู่ในหัวใจของพวกเรา เราต้องสู้ สู้ ลสู้ ตีแผ่ความรักแผ่นดินของพวกเราออกมาให้สิ้นทั้งดวงใจ ผ่านทางเลือดที่ไหลริน หยาดเหงื่อที่หลั่งออกมา จงสู้เข้าไป พี่น้องครับ...”

                “เพื่อนเอย โปรดหลีกทางให้ข้า ข้าจักต้องลงไปต่อสู้เองเสียแล้ว...” เสียงของเซนต์เบอร์นาร์ดเริ่มเดือดดุ “แม้จะตาย ข้าจักทำตามสัญญาที่ให้ไว้ให้จงได้ เพื่อนเอย เพื่อกระทำกิจนี้ให้ลุล่วงโดยปราศจากข้อครหา ได้โปรดหลีกให้ข้าด้วยเถิด”

                ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นไปที่กองหน้าการศึก ก่อนที่จะมีเสียงหอนมาจกหมาวัดที่ไกลตา

                “พี่น้องครับ ผมจะลงไปช่วยพี่น้องเองครับ อย่าได้ห่วงอย่าได้กลัว ผมจะอยู่ที่นี่กับพี่น้องจนกว่าจะหมดลมหายใจเลยล่ะครับ ไม่ต้องกลัวไป”

                การศึกที่จะเริ่มเอื่อยลงจากผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากเริ่มดุเดือดขึ้นอีกครั้งเมื่อผู้นำที่พากันปาว ๆ อยู่ข้างสนามกระโดดลงมาร่วมวงเรียกขวัญกำลังใจต่อผู้ทำศึก และร่วมทำศึกไปกับพวกเขา พวกที่บาดเจ็บเล็กน้อยก็เริ่มต่อสู้อย่างดุเดือดอีกครั้ง

                ในที่สุด หลังจากบาดเจ็บล้มตายกันเป็นจำนวนมาก กลิ่นคาวเลือดที่ลอยจนคลุ้งคละ ผู้นำทวงแผ่นดินก็เห่าขึ้น

                “พี่น้องครับ เสียเลือดเสียเนื้อกันไปก็เปล่าประโยชน์ ถอยกลับมาก่อนดีกว่าครับพี่น้อง”

                “เพื่อนเอย หากไม่มีศัตรู เราก็จะไม่รุกรานใคร ถอยกลับมาเถิด สหาย...”

                สุนัขที่ยังหลงเหลือถอยกลับมา บ้างก็คาบเอาเพื่อนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกลับมาด้วยอย่างเหนื่อยล้า หลงเหลือเพียงคราบเลือดและเศษเนื้อที่ติดเอาไว้ตามพื้นดินเท่านั้น

                “แล้วจะเอายังไง” เสียงหนึ่งถามผู้นำที่เดินขบวนมา “เราจบโดยที่ไม่ได้อะไรเลยอย่างนั้นหรือ”

                “ไม่มีทางเลือกอื่น เราเสียเลือดเนื้อไปมากกว่านี้ไม่ได้” คนนำมากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ “หากวันพรุ่งเราถูกรุกราน เราอาจจะไม่มีแผ่นดินเหลืออยู่ก็เป็นได้”

                “ท่านครับ ทางนั้นถอยไปแล้วครับ” หางดาบรายงานเสียงเรียบอย่างไม่จำเป็น “ฝ่ายเราเองก็บาดเจ็บล้มตายเป้นอันมาก ทำอย่างไรดีครับ”

                “ดูสถานการณ์เถอะ กำลังเราเหลือแค่นี้หากรุกมากกว่านี้จะต้องเจ็บตัวนัก ส่วนเจ้าที่เป้นตัวต้นเรื่องก็เงียบปากเสียเถิด... ไม่เห่าไม่มีใครว่าเจ้าไม่มีกล่องเสียงหรอกนะ...”

                หางดาบจึงได้แต่สงบปากคำลง...

                หลังจากที่ซุบซิบกันในหมู่ชนชั้นผู้นำกอบกู้แผ่นดินอยู่ครู่หนึ่ง หัวหน้าของทั้งปวงจึงได้กล่าวก้อง

                “ท่านเซนต์เอย พวกเราต้องการเพียงตัวของหางดาบเท่านั้น ท่านว่าอย่าไง จะให้เราได้หรือไม่ หากว่าท่านให้ได้ เราก็จะยกแผ่นดินนี้ให้ท่านไปก็ได้... ขอเพียงตัวหางดาบก็พอ...”

                “ข้าเคยพูดเอาไว้แล้วว่า เราไม่ตกลงตามนี้ ไม่ว่าในกรณีใด” ผู้นำฝั่งซื้อแผ่นดินเอ่ยขึ้น “หากไม่ยอมรามือกลับไป ข้าเองก็คงไม่อาจจะหักคำของข้าได้เช่นกัน”

                “ถ้าเช่นนั้น... สงครามของพวกเราก็คงต้องดำเนินต่อไป หากว่าท่านไม่ยินยอมตามที่เราต้องการ” หัวหน้าอีกฟากหนึ่งตอยกลับมาเช่นกัน

                “พี่น้องครับ” เสียงของผู้นำดังกึกก้อง “แม้ว่าวันนี้เราจะไม่สำเร็จในการเอาแผ่นดินของเราคืนมา แต่ลูกของเรา หลานของเรา บูกของหลานของพวกเรา และต่อไปเรื่อย ๆ จักต้องทำได้แน่นอน พงกเราขอสัญญาไว้กับกองเลือดและเศษเนื้อที่พร่างพรมอยู่ตรงนี้ ว่าพวกเราจะต้องกลับมาเหยียบที่นี่แน่นอนครับ”

                “ก็แค่คำพูดแก้ตัวของผู้แพ้” เซนต์เบอร์นาร์ดเอ่ยพลางเกาขาและเลียแผล “พวกเราชนะ ความถูกต้องของพวกเราชนะ เพื่อนเอย ข้าเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว เพียงประโยคนี้คงเพียงพอกระมัง...”

                ...

                เจ้าหมาตัวนั้นลุกขึ้นเดิน... ไปหาถังขยะเพื่อคุ้ยเขี่ยหาอาหาร...

                ไม่รู้ว่าพวกผู้กล้าเหล่านั้นจะทำหน้าอย่างไร... หากเห็นสิ่งที่พวกเขายื้อแย่งกันอย่างง่ายดายหายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนี้...?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×