ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกคาถาศิลากลืนพิภพ

    ลำดับตอนที่ #2 : ทายาทมังกร

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 47


                                                                                          ทายาทแห่งมังกร



        500ปีต่อมา...

        กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิ่งมีชีวิตรุ่นใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น หลายเผ่าพันธุ์ หลายเชื้อสาย แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ในผืนดินแห่งนี้ ที่อยู่อาศัย สิ่งก่อสร้าง รวมทั้งอาณาจักรและเมืองต่างๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นถิ่นอาศัยและป้องกันภัยจากสงครามและปิศาจร้ายอันมีอยู่ทั่วทุกหย่อมหญ้าบนพื้นพิภพ แต่ผู้คนก็อาศัยอยู่กันอย่างสงบสุข ไม่รุกรานซึ่งกันและกัน เว้ยเสียแต่มีพวกสัตว์ชั้นต่ำ เชกเช่นปิศาจ เข้ามารุกรานเมืองเท่านั้น ที่จะเกิดสงครามได้ แต่ก็มิใช่สงครามระหว่างมนุษย์และพันธมิตรอื่นๆแต่อย่างใด - - ภายใต้ความสงบสุขของสังคม ไม่มีผู้ใดที่จะคิดเลยว่า สิ่งชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นพิภพ กำลังรอเวลาที่จะกลับมาทรงพลานุภาพดังเดิมอีกครั้ง. . . .

        

        เสียงนกร้องในยามเช้า และแสดแดดที่สาดส่อง ผ่านแผ่นฟ้า ผ่านก้อนเมฆลงมากระทบพื้นหญ้าอันเขียวขจี อันเป็นสิ่งให้รู้ว่าอรุณรุ้งของวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว



        “ท่านปู่ เดี๋ยวข้ามานะ ข้าจะลงเขาไปเก็บของป่ามาให้ท่านซักหน่อย”  เสียงเด็กหนุ่มดังขึ้นจากในกระท่อมไม้หลังเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่กลางภูผาเดี่ยวที่สูงตระง่าน ทางตอนใต้ของดินแดนนี้

        

                    “เอ้อ...แล้วก็รีบๆกลับนะเจ้าหนู” เสียงแหบแห้งของชายชราวัย 70 เศษตอบรับ

        

                    “ครับปู่” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับหยิบตะกร้าข้างๆเตียงมาพาดบ่าไว้ สวมรองเท้าและเสื้อคลุม พร้อมที่จะเดินทาง - - เด็กหนุ่มเดินตรงไปยังประตูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเตียงนอนของชายชรานัก เมื่อเดินมาถึงประตู เด็กหนุ่มหยุดนิ่งอยู่กับที่ แล้วหันกลับมายิ้มให้ชายชราที่นอนอยู่กับเตียงไม้นั้น

        

                    “แล้วข้าจะรีบกลับนะท่านปู่”  เด็กหนุ่มพูดจบก็เปิดประตู สู่ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีอันกว้างใหญ่ บนเชิงเขาทีสูงตระหง่าน แสดแดดอ่อนๆ เสียงนกร้องและเสียงลมพัดฟังดูไพเราะอย่างยิ่ง เด็กหนุ่มก้าวเดินออกจากกระท่องหลังนั้น วิ่งตรงไปข้างหน้า ซึ่งมีป่าขวางกั้นอยู่ เด็กหนุ่มเดินลงเขาไปตามป่านั้น ซึ่งก็มีร่องรอยที่คนใช้เดินทางหาของป่า และขนของผ่านอยู่บ่อยๆ เด็กหนุ่มเดินลงเขาไปเรื่อยๆในป่ายามเช้าที่เงียบสงัด โดยไม่กลัวอันตรายใดๆเลย

        

                    “เฮ้อ~ ดีนะที่ป่าแห้ง ถ้าฝนตกล่ะก็เดินทางลำบากแหงเลย” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำระหว่างทาง

        เด็กหนุ่มใช้เวลาเดินทางลงจากเชิงเขาลูกนั้นประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ซึ่งอยู่ช่วงล่างสุดของเขาลูกนี้ เด็กหนุ่มเดินตามสายน้ำไปทางเหนือเรื่อยๆ หวังว่าจะเจอของป่าซักชนิด

        

                    “เอ? เคยได้ยินว่าต้น คลาเซีย มันขึ้นอยู่ข้างๆแม่น้ำสายนี้นี่นา” ต้นคลาเซียมีลักษณะเด่นที่ลำต้นของมันจะเป็นสีเขียวทั้งหมด ไม่มีสีอื่นใดมาปะปนเลยแม้แต่น้อย ใบของต้นคลาเซียจะมีรูปร่างคล้ายกับขนนกมีดอกสีขาว ลำต้นเตี้ย ส่วนผลของมันนั้นจะคล้ายกับลูกเกาลั๊กแต่จะมีสีน้ำตาลอ่อน

        เด็กหนุ่มใช้เวลาเดินหากว่าครึ่งชั่วโมง ก็เจอต้นคลาเซียต้นหนึ่ง อยู่ทางปากแม่น้ำ และต้นนั้นก็มีผลดกมากพอที่จะนำมารับประทานได้หลายวัน - - เด็กหนุ่มรีบเก็บผลคลาเซียด้วยความดีใจ พลันกระโดดโลดเต้นไปมา

        

                    “ฮ่า ฮ่า ได้มาเพียบเลย ทีนี้ก็กลับได้ซะที”

        

                    “อะไรกัน เที่ยงวันแล้วรึ? ชักเป็นห่วงท่านปู่ซะแล้วสิ อาหารเช้าก็ไม่ได้ทาน” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ ที่ฉายแสงอันร้อนแรงลงมา

        

                    “รีบกลับดีกว่า!” ด้วยความเป็นห่วงชายชรา เด็กหนุ่มรีบวิ่งกลับขึ้นเขา โดยใช้ทางที่ลงมานั้นเป็นเส้นทางกลับไปยังกระท่องบนเชิงเขานั้น โดยเร็ว - - เด็กหนุ่ม เริ่มหมดเรี่ยวแรง จากวิ่งก็กลับมาเดินขึ้นไปแทน ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเดินกลับกระท่อมนั้น ก็ได้ชำเลียงมองไปทางด้านซ้ายของป่า ซึ่งเป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้ขึ้นแซมกันหลายต้น

        

                    ~ฟ้าว!!

        “เฮ้ย! นั่นอะ..?” เด็กหนุ่มอุทานออกมา ภาพที่เห็นข้างหน้านั้น เป็นสัตว์ยักมีปีก มันบินผ่านที่ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว และทางที่มันไปก็คือยอดเชิงเขา!

        

                    “ตัวอะไรน่ะ แล้วมันจะไปไหนของมัน?......ช่างเหอะ” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะปิศาจและสัตว์ชั้นต่ำมากมายก็มีรูปร่างคล้ายๆ ตัวประหลาดตัวนี้ - - เด็กหนุ่มก็ยังคงเดินหน้าต่อไป เขาเดินโดยครุ่นคิดสิ่งต่างๆมากมาย จนกระทั่งมาหยุดชะงักลงตรงความจำที่ได้เห็นสัตว์ประหลาดตัวนั้น!

        

                    “เฮ้! เจ้าพวกตัวประหลาดนั่น มันขึ้นไปบนกระท่อมของเรานี่!.....”

        

                    “แย่แล้ว! ท่านปู่!!” เด็กหนุ่มคิดได้ เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแล้ว เขาทิ้งสิ่งของสัมพาระกองไว้กับพื้น แล้วรีบวิ่งขึ้นไปให้ถึงยอดเชิงเขาให้เร็วที่สุด ด้วยความเป็นห่วงปู่ของเขาเอง - - เด็กหนุ่มวิ่งอย่างสุดกำลัง ด้วยความเป็นห่วง เขาวิ่ง วิ่งอย่างเดียว ไม่สนใจกระทั่งเศษไม้เศษหนาม ที่ข่วนแขนขา เพราะสิ่งที่เขาห่วงมากที่สุดในชีวิตตอนนี้คือ ปู่ของเขาเอง

        

                    “โถ่โว้ย!! ไอ้ขาบ้าวิ่งให้มันเร็วกว่านี้ได้มั๊ย!!!!” เด็กหนุ่มตะโกนออกมา น้ำตาเริ่มนองจากเบ้าตา เขาคิดว่าปิศาจพวกนั้นคงจะไปทำร้ายปู่ของเขาเป็นแน่ เขาวิ่งด้วยความรีบร้อนจนกระทั่งเสียหลัก ล้มลงไปกองกับพื้น หัวเข่าของเด็กหนุ่มแตก เป็นผลกระทบจากการล้มลงเมื่อครู่ซึ่งเข่าของเขาไปกระแทกกับก้อนหินซึ่งอยู่ตามทาง

        

                    “แค่นี้ข้าไม่เจ็บหรอก!” เด็กหนุ่มกัดฟันพูด และพยามยืนขึ้น เขาหาเศษไม้ที่แข็งแรงพอมาพยุงร่างของตน แล้วเดินต่อไปหวังจะให้ถึงยอดเชิงเขาให้ได้ - - เด็กหนุ่มเดินทางมาเป็นเวลา 2 ชั่วโมง อีกเพียงไม่นานก็จะถึงกระท่อมแล้ว เขาทนเจ็บแล้วเดินขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงเสียงหนึ่ง ดังมาจากยอดเชิงเขา

        

                    “อ๊ากกกก!!” เสียงตะโกนร้องดังลั่งของชายชรา ที่ร้องด้วยความเจ็บปวด ดังมาถึงหูของเด็กหนุ่ม เด็กหนุ่มถึงกับชะงัก แววตาดูตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

        

                    “ท่านปู่!!!!!!” เด็กหนุ่มทิ้งเศษไม้ที่ใช้พยุงร่าง แล้วเริ่มออกวิ่งอีกครั้ง!

        

                    “ท่านปู่ ท่านอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ ข้าจะไปช่วยท่านเดี๋ยวนี้!!!!” เด็กหนุ่มร้องตะโกนออกมาขณะที่กำลังวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ถึงแม้เขาจะรู้ว่าตะโกนไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรเลย - - ด้วยความเป็นห่วงชายชรา เด็กหนุ่มลืมความเจ็บปวด ทนวิ่งมาจนถึง กระท่อมของเขา แต่ภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าของเด็กหนุ่ม ทำเอาเด็กหนุ่มเขาทรุดลงมาทันที กระท่อมไม้พังยับเยิน แม้แต่พื้นหญ้าสีเขียวหน้ากระท่อมก็ไม่เหลือไว้ดังเดิม มันตายหมดไม่เหลือแม้แต่ต้นเดียว จากทุ้งหญ้าอันเขียวขจีกลับกลายเป็น ทุ้งหญ้าสีน้ำตาลจนหมดทุกตารางนิ้ว

        

                    “ไม่!!!!!” เด็กหนุ่มร้องลั่น พลันลุกขึ้นวิ่งไปยังกระท่องอย่างรวดเร็ว

        

                    “อยู่นิ่งๆนะท่านปู่ข้าจะเอาท่านออกมาเอง!!”  เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับยกเศษไม้ที่พังยับเยินนั้นออก และเขาก็พบร่างของชายชราที่นอนซมอยู่ใต้เศษไม้นั้น

        

                    “ท่านปู่ ข้าจะเอาท่านออกมา อยู่นิ่งๆนะ” เด็กหนุ่มดีใจมาก เขารีบช่วยชายชราออกมาจากกระท่อม แล้วนำร่างของชายชรานอนลงกับพื้นใกล้

        

                    “ท่านปู่ มันทำอะไรท่าน บอกข้าที!” เด็กหนุ่มพูดน้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุด

        

                    “อย่า..ร..ร้องไห้เลย หนุ่มน้อยผู้กล้า” ชายชราพูดขึ้น พร้อมกับยกมือขวาขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

        

                    “เอาล่ะ ...จ..เจ้า...ฟังข้าดีๆนะ ข้าจะบอกอะไรกับเจ้าก่อนที่ข้าจะสิ้นลม” ชายชราพูดขึ้น

        

                    “ครับ! ข้าจะฟัง” เด็กหนุ่มเก็บความโศกเศร้า ไว้และยอมรับฟังคำพูดของชายชรา

        

                    “เจ้าหนู......เจ้าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างคนอื่นหรอกนะ อันที่จริง.....ข้าเจอเจ้าเมื่อตอนอายุ 60 กว่าๆเห็นจะได้ ข้าเจอเจ้าที่แม่น้ำข้างล่างภูเขานี่ ข้าเห็นเจ้า เจ้าลอยอยู่บนน้ำซึ่งตัวของเจ้าไม่ได้สัมผัสถูกน้ำเลยข้าเองก็แปลกใจ ข้าคิดว่าเจ้าเป็นปิศาจซะอีกนะ หึหึหึ” ชายชราหัวเราะ และอมยิ้ม เด็กหนุ่มนิ่งเงียบและฟังต่อไป

        

                    “แต่แล้วข้าก็ทนเสียงเจ้าร้องไม่ไหว เลยคิดว่าจะว่ายน้ำไปอุ้มเจ้ามา แต่ข้าก็ต้องประหลาดใจอีกเป็นครั้งที่สอง...แค๊กๆ ข้าเดินไปบนน้ำได้โดยไม่จมหรือเปียกเลยซักนิด ในตอนนั้นข้าเองก็คิดว่า เจ้าคงจะถูกลิขิตให้มาเกิดเป็นแน่ ข้าก็เลยเลี้ยงดูเจ้าตั้งแต่นั้นมา…..แต่เจ้าก็เหมือนกับทารกธรรมดาๆทั่วไป ไม่มีอะไรผิดปกติเลยซักนิด จนกระทั่งวันหนึ่ง สิ่งที่ข้าคิดว่าเจ้าพิเศษกว่าคนอื่นๆก็มาให้ข้าพบเห็น วันนั้นข้าอุ้มเจ้ามาเดินเล่นนอกกระท่อม ครู่หนึ่งข้าก็เห็นบางสิ่งซึ่งกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ และมันก็ตกมายังตัวของเจ้า แต่มันกลับไม่ตกลงมากระทบตัวเจ้า มันลอยอยู่บนร่างของเจ้า และสิ่งนี้ข้าก็เก็บรักษามันไว้กับตัวเองตลอดมา โดยไม่เคยคิดที่จะเปิดมันดูเลย หึหึหึ ตอนนี้เจ้าก็อายุ 17 แล้วสินะ”  ชายชรายิ้มแล้วมองไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม

        

                    “ครับ..ข้า...17แล้ว” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำตา

        

                    “หึหึ เจ้าหล่อไม่เบาเลยนะ หน้าตาก็ดูมีราศี” ชายชราพูด แต่เด็กหนุ่มก็นั่งนิ่งไม่พูดอะไร

        

                    “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าต้องมอบสิ่งนี้ให้แก่เจ้า “ดิวา” ” ชายชราพูดขึ้น

        

                    “เอ๊ะ! นั่นชื่อข้ารึ?” เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจมากเพราะชายชราไม่เคยเรียกชื่อของเขาเลย ตั้งแต่จำความได้มาเขาเพื่อเคยได้ยินชื่อของเขาก็คราวนี้แหละ

        

                    “เอ้ารับไว้สิ...แค๊ก ๆ ๆ” ชายชรายื่นของสิ่งนั้นให้ดิวา

        

                    “อั๊ก!!” เมื่อสมุดเล่มนั้นถึงมือของดิวา ชายชราก็สิ้นลม โดยที่ดิวายังไม่ได้ถามเกี่ยวกับประวัติของเขาเลยซักนิด

        

                    “ท่านปู่!!!” ดิวาตะโกนร้องออกมาด้วยความเสียใจสุดจะบรรยาย ชายคนเดียวที่เขารู้จักและเลี้ยงดูเขามา ต้องตายไปต่อหน้า เขาไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว ดิวาระงับความเสียใจ และขุดหลุมฟังร่างของชายชราลงไว้ใต้พื้นดิน เขานั่งคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพของชายชรา ในยามดึกของวันนั้นอยู่นาน.....ครู่หนึ่งเขาจึงหยิบสมุดหนังเล่มนั้นขึ้นมาดู

                    

                    วูบ!!!

                    เมื่อดิวาจับสมุดมาดูนั้นเอง ก็เกิดแสงสีทองประหลาดเรืองออกมาจากสมุดเล่นนั้น

                  

                    “เอ๋!? อะไรกันเนี่ย” ดิวามองดูสมุดเล่มนั้นอย่างสงสัย - - ไม่นานนัก จากหน้าสมุดธรรมดาๆเล่มนึง ก็กลับกลายเป็นสมุดที่มีรูปหัวมังกรประทับอยู่ที่หน้าปกของสมุดเล่มนั้น

                  

                    “มันอะไรอีกล่ะ?”

                  

                    “มังกร? แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับข้า?” ดิวาพูดกับตัวเอง ด้วยความสงสัยเขาจึงลองเปิดสมุดเล่มนั้นดู เมื่อสมุดถูกเปิดออก คาถาแห่งมังกรก็ถูกคลายออก สมุดบันทึกที่สำคัญเมื่อ 500ปีก่อน ก็ถูกอ่าน

                  

                    “ภาษาอะไรวะเนี่ย?”

                  

                    “แล้วทำไมเราถึงอ่านมันออก ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นตัวอักษรแบบนี้มาก่อนเลย?” ดิวา สามารถอ่านบันทึกในสมุดหนังมังกรได้ เขานั่งอ่านไปเรื่อยๆจนเข้าใจถึงความเป็นมาทั้งหมดและเข้าใจอีกด้วยว่าที่พวกปิศาจนั้นมาทำร้ายชายชราซึ่งเปรียบเสมือนพ่อของเขานั้น ก็เพราะต้องการหาสมุดเล่มนี้นั่นเอง

                  

                    “เอ๋!?” ดิวาอ่านไปเรื่อยๆจนชะงักตรงจุดหนึ่ง ในหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนั้น ไม่ปรากฏตัวอักษรใดๆเลยซักนิด มีเพียงแสงสีแดงที่เรืองออกมาอย่างแผ่วเบาบนแผ่นสุดท้ายของสมุดหนังมังกรเท่านั้น - - ดิวาได้เพียงนั่งมองแผ่นกระดาษหน้าสุดท้านนั้นอย่างสงสัย แต่ก็ไม่สามารถหาทางไขปริศนานั้นได้

                  

                    “ทำไมหน้านี้ถึงมีแต่แสงล่ะ?” ดิวาเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย - - เขานิ่งไปครู่หนึ่ง

                  

                    “ช่างเถอะ เอาไว้ข้าคอยหาคำตอบทีหลัง ตอนนี้ ข้าต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อหยุดศิลานั่น!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×