ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความมหัศจรรย์กลางหุบเขา #1
คำนำ ชื่อของตัวละครในเรื่องนี้ ถูกตั้งขึ้นตามจินตนาการของผู้เขียนเอง จึงไม่ใช้ชื่อที่เป็นภาษาไทย เพื่อให้เหมาะกับภูมิประเทศที่มีอยู่ในเนื้อเรื่อง *ผมเป็นนักเขียนน้องใหม่ ถ้าผิดพลาดหรือเนื้อเรื่องไม่สนุกหรือไม่ตรงกับใจของท่าน ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ   
    คาลิส เป็นเด็กชายวัย 13 ผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีน้ำตาลอ่อน เขาอยู่กับยายที่ป่วยเป็นโรคชรา ท่ามกลางหุบเขาและป่าทึบแห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยลำธาร แม่น้ำ และสรรพสัตว์มากมาย ป่าแห่งนี้มีชื่อว่า เมเลทิส พ่อและแม่ของคาลิส ตายตั้งแต่เขายังเด็ก คาลิสจึงต้องมาอยู่กับยายที่คอยเลี้ยงดูอุปถัมภ์ ที่บ้านกลางหุบเขา คาลิสและยายโซเฟียใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายในป่าเมเลทิสแห่งนี้ คาลิสต้องเก็บฟืนทุกวัน เพื่อนำมาใส่เตาผิงให้บ้านดูอบอุ่น ลำธารที่ไหลไปตามช่องระหว่างหุบเขาก็จะเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อฤดูหนามมาถึง ตอนนี้ก็ปลายฤดูฝนเข้าทุกที คาลิสต้องหาฟืนมาเก็บไว้ทุกวัน วันไหนฟืนเปียกก็ต้องนำไปตากแดดให้แห้ง
    บ้านของยายโซเฟียสร้างขึ้นมานานกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นบ้านที่ดูเก่า การที่จะซ่อมแซมบ้านก็ต้องมีบ่อยเป็นธรรมดา คาลิสมักจะไปอ่านหนังสือที่มีอยู่ในห้องหนังสือเล็ก ๆ ตรงห้องมุมบ้านเมื่อยามว่างบนโซฟาสีเลือดหมูตัวโปรด จากการหาสูตรสมุนไพรมารักษาให้ยายทำให้เขารักการอ่านหนังสือ สมุนไพรสูตรโบราณนี้ช่วยบำรุงรักษาอาการของยายโซเฟียได้เป็นอย่างดี
    วันหนึ่ง คาลิสเข้าไปในห้องหนังสือเพราะเขาอ่านหนังสือเล่มเดิมจบแล้ว
    \"เวทมนต์และพลังอันวิเศษหรอ เอ๊ะ!ในบ้านหลังนี้มีตำราแปลก ๆ แบบนี้ด้วยหรอ ข้าว่ามันต้องเป็นตำราโบราณแน่ ๆ เลย\"
    คาลิสพูดกับตัวเอง หลังจากเหลือบมองไปเห็นตำราเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเวทมนต์และพลังอันวิเศษ ทั้งยังจับคางกอดอก ยืนสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปเลื่อนบันไดจากมุมห้องหนังสือ แล้วขึ้นไปหยิบตำรานั้นขึ้นมา
ตารานี้เล่มใหญ่และหนักมาก จนคาลิสเองแทบเอาตัวไม่รอดเพราะเกือบตกบันไดขั้นบนสุด จากนั้นเขาก็เดินไปที่โซฟาตัวโปรดที่ตั้งอยู่ที่มุมทางเข้าห้องหนังสือนั้นเอง
“อึ๊บ...โอ๊ะ...โอ๊ย...ทำไมมันหนักอย่างนี้นะ”
คาลิสต้องทนหนักอยู่พักหนึ่งจึงจะลงมาจากบันไดนั้นได้
    “คาลิสเอ้ย....คาลิส....เอายาสมุนไพรที่ต้มแล้วมาให้ยายที...ได้เวลายาแล้วนะ”
เสียงแผ่วเบานั่นมาจากในห้องนอนของยายโซเฟีย
    “จะไปเดี๋ยวนี้ครับยาย...เดี๋ยวนะฮ๊ะ” คาลิสตอบและวางตำราหนักมหึมาลงบนโต๊ะข้างโซฟาสีแดงตัวโปรดทันที และรีบวิ่งไปตวงยาที่ต้มเสร็จแล้วในครัว
    ไม่รู้ว่าความรีบหรืออะไรที่ทำให้ตอนวางตำรานั้นเสียงดังเหลือเกิน คาลิสต้มยาสมุนไพรให้ยายอย่างนี้ทุกวันจนชิน กับการเรียกของยายแล้ว
    “เอ้อออ...ยายอาการไม่ค่อยดีเลยวันนี้...มันแย่ลงทุกวัน ๆ ไม่รู้ยายจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกนายเท่าไรกัน....
เอ่อออ...คาลิส...เมื่อกี้เสียงอะไรหนะ ดังเอ่ะอะเทียว”
ยายบอกอาการของแกเองในขณะที่คาลิสเขามาทางประตูนั่งอยู่ข้างเตียงนอนอันนุ่มพร้อมนำยาสมุนไพรใส่ถ้วยดินมาให้ ยายจับมือเขาอย่างเบา ๆ แล้วพูดเรื่องเศร้าขึ้นมาในขณะนั้น
“ยายพูดเรื่องอะไรกันฮ๊ะ...ยายอย่าพูดอย่างนี้สิฮ๊ะยายโซเฟีย...ผมว่ายายต้องหายแน่ ๆ เลย ออกจะแข็งแรงขนาดนี้ ยายทานยาก่อนดีกว่านะฮ๊ะ...จะได้หายเร็ว ๆ ไง”
คาลิสพูดกับยายอย่างมีกำลังใจ พร้อมป้อนยาให้กับแกทั้งน้ำตาคลอ
เมื่อยายทานยานั้นเสร็จแล้ว คาลิสคุยกับยายจนยายหลับไป ยายหลับง่ายยิ่งกว่าปุยนุ่นที่ค่อย ๆ ลอยยามลมโบกพัดเสียอีก และในขณะนั้นเองคาลิสค่อย ๆ ย่องนำถ้วยยาไปเก็บในครัว เขาต้องล้างจานในครัวทุกวัน พักหลังมานี่ เขาต้องทำกับข้าวให้ยายกินเองแทบทุกวัน
จากนั้น เขาเดินเข้าไปในห้องกะจะนอนพักให้เต็มอิ่มหลังจากได้ทำงานบ้านเสร็จ เพราะช่วงเช้าที่แสนเหนื่อยล้านี้เองทำให้เขาต้องนอนบนเตียงของตนในท่าที่สบายที่สุด
ครู่ใหญ่หลังจากนอนบนเตียงในท่าที่สบายของเขา
“ฮ๊ะ...!...ลืมสนิทเลย...ตำราเวทมนต์และพลังอันวิเศษ” คาลิสนึกขึ้นได้กระทันหันว่าตนนั้นได้วางตำราไว้บนโต๊ะซึ่งรอการอ่านและเปิดดูจากเขาอยู่
คาลิสรีบเดินเข้าไปในห้องหนังสือด้วยความรวดเร็วอย่างไม่รีรอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น และด้วยความที่เขาหยิบหนังสือมาจากชั้นไม่ถูกจังหวะหรือไร...
“อะไรกันเนี่ย...ตำราเล่มนั้น...มัน..มันหายไปแล้ว...เมื่อกี้ข้ายังวางไว้ตรงนี้อยู่เลย” คาลิสตกใจกับการที่ตำราหายไปอย่างมากและใจหายว่าจะมีโจรหรืออะไรเข้ามาเอาตำราไป แต่เขาก็ต้องนึกได้ว่า กลางป่าแบบนี้คงไม่มีโจรหน้าไหนมาขโมยไปหรอก หรือสัตว์ตัวไหนที่ฉลาดพอจะเลือกสิ่งของที่คาบไปได้
เขามองหารอบ ๆ และพยายามเปิดหาดูตามที่ต่าง ๆ...ด้วยความเสียดาย คาลิสมองหาตำราในห้องหนังสือเล็ก ๆ นั่นอยู่พักใหญ่แต่ว่าไม่เจอ จึงตัดใจเสีย แล้วจึงเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างถอดใจ
เขาก็มองไปที่แจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา ไม่รู้เหตุใดทำให้เขาต้องมองไปที่นั่น เพราะความสวยหรือด้วยรูปทรงที่ออกแบบมาเหมาะกับห้องนี้ก็ไม่ทราบ และในขณะนั้นเองปรากฏว่า แจกันได้ลอยขึ้นเหนือพื้นโต๊ะอย่างช้า ๆ ...ช้า ๆ จนนิ่งกลางอากาศอยู่แบบนั้น
“ว้าว...อะไรกันนี้...ทำไมแจกันลอยได้หละ” คาลิสมองที่แจกันและพูดอย่างตกใจมากที่สุด พร้อมถอยหลังจากตำแหน่งเดิมของโซฟา คาลิสรู้สึกว่ายิ่งถอยมาก แจกันยิ่งลอยต่ำลง ๆ ทุกทีจนวางนิ่งอยู่บนพื้นโต๊ะอีกครั้ง
“มหัศจรรย์....มหัศจรรย์จริง ๆ ข้ามีพลังวิเศษด้วยหรือเนี่ย” เขามองมือ และตัวของเขาเองหลังจากที่ได้ยืนขึ้นจากโซฟา แล้ววิ่งไปจับแจกันใบนั้นทันใด  แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ตำราเล่มใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของคาลิสเอง เขาถือแจกันด้วยความตกใจอย่างที่สุด.....
...***โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ***...
    คาลิส เป็นเด็กชายวัย 13 ผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีน้ำตาลอ่อน เขาอยู่กับยายที่ป่วยเป็นโรคชรา ท่ามกลางหุบเขาและป่าทึบแห่งหนึ่งที่อุดมไปด้วยลำธาร แม่น้ำ และสรรพสัตว์มากมาย ป่าแห่งนี้มีชื่อว่า เมเลทิส พ่อและแม่ของคาลิส ตายตั้งแต่เขายังเด็ก คาลิสจึงต้องมาอยู่กับยายที่คอยเลี้ยงดูอุปถัมภ์ ที่บ้านกลางหุบเขา คาลิสและยายโซเฟียใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่ายในป่าเมเลทิสแห่งนี้ คาลิสต้องเก็บฟืนทุกวัน เพื่อนำมาใส่เตาผิงให้บ้านดูอบอุ่น ลำธารที่ไหลไปตามช่องระหว่างหุบเขาก็จะเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งเมื่อฤดูหนามมาถึง ตอนนี้ก็ปลายฤดูฝนเข้าทุกที คาลิสต้องหาฟืนมาเก็บไว้ทุกวัน วันไหนฟืนเปียกก็ต้องนำไปตากแดดให้แห้ง
    บ้านของยายโซเฟียสร้างขึ้นมานานกว่า 100 ปีแล้ว ซึ่งก็เป็นบ้านที่ดูเก่า การที่จะซ่อมแซมบ้านก็ต้องมีบ่อยเป็นธรรมดา คาลิสมักจะไปอ่านหนังสือที่มีอยู่ในห้องหนังสือเล็ก ๆ ตรงห้องมุมบ้านเมื่อยามว่างบนโซฟาสีเลือดหมูตัวโปรด จากการหาสูตรสมุนไพรมารักษาให้ยายทำให้เขารักการอ่านหนังสือ สมุนไพรสูตรโบราณนี้ช่วยบำรุงรักษาอาการของยายโซเฟียได้เป็นอย่างดี
    วันหนึ่ง คาลิสเข้าไปในห้องหนังสือเพราะเขาอ่านหนังสือเล่มเดิมจบแล้ว
    \"เวทมนต์และพลังอันวิเศษหรอ เอ๊ะ!ในบ้านหลังนี้มีตำราแปลก ๆ แบบนี้ด้วยหรอ ข้าว่ามันต้องเป็นตำราโบราณแน่ ๆ เลย\"
    คาลิสพูดกับตัวเอง หลังจากเหลือบมองไปเห็นตำราเล่มหนึ่งเกี่ยวกับเวทมนต์และพลังอันวิเศษ ทั้งยังจับคางกอดอก ยืนสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินไปเลื่อนบันไดจากมุมห้องหนังสือ แล้วขึ้นไปหยิบตำรานั้นขึ้นมา
ตารานี้เล่มใหญ่และหนักมาก จนคาลิสเองแทบเอาตัวไม่รอดเพราะเกือบตกบันไดขั้นบนสุด จากนั้นเขาก็เดินไปที่โซฟาตัวโปรดที่ตั้งอยู่ที่มุมทางเข้าห้องหนังสือนั้นเอง
“อึ๊บ...โอ๊ะ...โอ๊ย...ทำไมมันหนักอย่างนี้นะ”
คาลิสต้องทนหนักอยู่พักหนึ่งจึงจะลงมาจากบันไดนั้นได้
    “คาลิสเอ้ย....คาลิส....เอายาสมุนไพรที่ต้มแล้วมาให้ยายที...ได้เวลายาแล้วนะ”
เสียงแผ่วเบานั่นมาจากในห้องนอนของยายโซเฟีย
    “จะไปเดี๋ยวนี้ครับยาย...เดี๋ยวนะฮ๊ะ” คาลิสตอบและวางตำราหนักมหึมาลงบนโต๊ะข้างโซฟาสีแดงตัวโปรดทันที และรีบวิ่งไปตวงยาที่ต้มเสร็จแล้วในครัว
    ไม่รู้ว่าความรีบหรืออะไรที่ทำให้ตอนวางตำรานั้นเสียงดังเหลือเกิน คาลิสต้มยาสมุนไพรให้ยายอย่างนี้ทุกวันจนชิน กับการเรียกของยายแล้ว
    “เอ้อออ...ยายอาการไม่ค่อยดีเลยวันนี้...มันแย่ลงทุกวัน ๆ ไม่รู้ยายจะอยู่บนโลกนี้ได้อีกนายเท่าไรกัน....
เอ่อออ...คาลิส...เมื่อกี้เสียงอะไรหนะ ดังเอ่ะอะเทียว”
ยายบอกอาการของแกเองในขณะที่คาลิสเขามาทางประตูนั่งอยู่ข้างเตียงนอนอันนุ่มพร้อมนำยาสมุนไพรใส่ถ้วยดินมาให้ ยายจับมือเขาอย่างเบา ๆ แล้วพูดเรื่องเศร้าขึ้นมาในขณะนั้น
“ยายพูดเรื่องอะไรกันฮ๊ะ...ยายอย่าพูดอย่างนี้สิฮ๊ะยายโซเฟีย...ผมว่ายายต้องหายแน่ ๆ เลย ออกจะแข็งแรงขนาดนี้ ยายทานยาก่อนดีกว่านะฮ๊ะ...จะได้หายเร็ว ๆ ไง”
คาลิสพูดกับยายอย่างมีกำลังใจ พร้อมป้อนยาให้กับแกทั้งน้ำตาคลอ
เมื่อยายทานยานั้นเสร็จแล้ว คาลิสคุยกับยายจนยายหลับไป ยายหลับง่ายยิ่งกว่าปุยนุ่นที่ค่อย ๆ ลอยยามลมโบกพัดเสียอีก และในขณะนั้นเองคาลิสค่อย ๆ ย่องนำถ้วยยาไปเก็บในครัว เขาต้องล้างจานในครัวทุกวัน พักหลังมานี่ เขาต้องทำกับข้าวให้ยายกินเองแทบทุกวัน
จากนั้น เขาเดินเข้าไปในห้องกะจะนอนพักให้เต็มอิ่มหลังจากได้ทำงานบ้านเสร็จ เพราะช่วงเช้าที่แสนเหนื่อยล้านี้เองทำให้เขาต้องนอนบนเตียงของตนในท่าที่สบายที่สุด
ครู่ใหญ่หลังจากนอนบนเตียงในท่าที่สบายของเขา
“ฮ๊ะ...!...ลืมสนิทเลย...ตำราเวทมนต์และพลังอันวิเศษ” คาลิสนึกขึ้นได้กระทันหันว่าตนนั้นได้วางตำราไว้บนโต๊ะซึ่งรอการอ่านและเปิดดูจากเขาอยู่
คาลิสรีบเดินเข้าไปในห้องหนังสือด้วยความรวดเร็วอย่างไม่รีรอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น และด้วยความที่เขาหยิบหนังสือมาจากชั้นไม่ถูกจังหวะหรือไร...
“อะไรกันเนี่ย...ตำราเล่มนั้น...มัน..มันหายไปแล้ว...เมื่อกี้ข้ายังวางไว้ตรงนี้อยู่เลย” คาลิสตกใจกับการที่ตำราหายไปอย่างมากและใจหายว่าจะมีโจรหรืออะไรเข้ามาเอาตำราไป แต่เขาก็ต้องนึกได้ว่า กลางป่าแบบนี้คงไม่มีโจรหน้าไหนมาขโมยไปหรอก หรือสัตว์ตัวไหนที่ฉลาดพอจะเลือกสิ่งของที่คาบไปได้
เขามองหารอบ ๆ และพยายามเปิดหาดูตามที่ต่าง ๆ...ด้วยความเสียดาย คาลิสมองหาตำราในห้องหนังสือเล็ก ๆ นั่นอยู่พักใหญ่แต่ว่าไม่เจอ จึงตัดใจเสีย แล้วจึงเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างถอดใจ
เขาก็มองไปที่แจกันที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา ไม่รู้เหตุใดทำให้เขาต้องมองไปที่นั่น เพราะความสวยหรือด้วยรูปทรงที่ออกแบบมาเหมาะกับห้องนี้ก็ไม่ทราบ และในขณะนั้นเองปรากฏว่า แจกันได้ลอยขึ้นเหนือพื้นโต๊ะอย่างช้า ๆ ...ช้า ๆ จนนิ่งกลางอากาศอยู่แบบนั้น
“ว้าว...อะไรกันนี้...ทำไมแจกันลอยได้หละ” คาลิสมองที่แจกันและพูดอย่างตกใจมากที่สุด พร้อมถอยหลังจากตำแหน่งเดิมของโซฟา คาลิสรู้สึกว่ายิ่งถอยมาก แจกันยิ่งลอยต่ำลง ๆ ทุกทีจนวางนิ่งอยู่บนพื้นโต๊ะอีกครั้ง
“มหัศจรรย์....มหัศจรรย์จริง ๆ ข้ามีพลังวิเศษด้วยหรือเนี่ย” เขามองมือ และตัวของเขาเองหลังจากที่ได้ยืนขึ้นจากโซฟา แล้ววิ่งไปจับแจกันใบนั้นทันใด  แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ตำราเล่มใหญ่เล่มหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาของคาลิสเอง เขาถือแจกันด้วยความตกใจอย่างที่สุด.....
...***โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ***...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น