ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great of Rajah World (ศึกต่อสู้แย่งชิงพิภพ)

    ลำดับตอนที่ #1 : ออกเดินทางของเรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15
      0
      31 ก.ค. 48

        มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่โลก Rajah มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่แห่งหนึ่งคือหมู่บ้านกีซซึ่งเป็นที่ที่ค้นพบแร่ กีซ มากที่สุดในโลกแห่งนี้มีเด็กหนุ่ม3คนนามว่า มากิ, นัทและคิดเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็นแต่คนที่อายูน้อยสุดคือคิดที่อายุแค่11ปีเท่านั้นส่วนสองคนนั้นอายุเท่ากันคือ12ปีซึ่งที่โลกนี้เด็กอายุ12ปีขึ้นไปต้องออกเดินทางเปลี่ยนอาชีพที่ตนเองต้องการทั้งใต้ดินและทางราชการกำหนดก็ตาม

      

       อาชีพใต้ดินมีได้แก่ พวกโจร,นินจา,นักฆ่า,นักเวทย์มนต์ดำ,นักดาบปีศาจ

      

        อาชีพที่ถูกกฎหมายมีได้แก่ นักดาบที่ไม่ใช่นักดาบปีศาจ,พวกนักเวทย์ที่ไม่มีเวทย์มนต์ตำ,นักล่า,พ่อค้า,ร่างทรง(Shaman), นักรบมังกร, นักบวชต่างๆ, ช่างตีดาบ, นักเล่นแร่แปรธาตุและทหารรับจ้างต่างๆแต่ทั้งสองแบบก็ไม่ต่างกันเท่าไรมากนักที่สำคัญคือเห็นแก่เงินพอๆกันชีวิตก็ไม่เสียดาย

          

            “นาย2คนแกจะไปเปลี่ยนอาชีพอะไรวะ”นัทถามเพื่อนทั้งสองของเข้าทั้งที่เก็บสำพาระเพื่อจะออกเดินทางกันอยู่

        

            ”นี้แกถามเป็นครั้งที่100ได้แล้วมั้งนี้ไอ้คิดท่องบทสวดมนต์เบาๆหน่อยคนมันไม่มีสมาธินะโว้ย”มากิตอบอย่างเซ็งๆแล้วก้มหน้าเก็บของต่อไปส่วนคิดก็เอาเป้ของเขาที่เก็บเสร็จแล้วออกไปข้างนอก

            

             “นัทแกเก็บของเสร็จยังวะคนอื่นเขาไปกันหมดแล้วเดี้ยวก็ไม่ทันรถไฟหลอกเองเข้าจะออก10โมงเช้าวันนี้ไม่ใช่พรุ่งนี้”มากิบอกกับนัทด้วยอาการเร่งเรียบ

            

             “ไอ้บ้านี้มันตี5เองแกจะเรียบไปไหนวะสถานีรถไฟก็แค่ตรงข้ามกับบ้านเรานะโว้ยขอแต่ตัวหล่อๆก่อนจะเปลี่ยนอาชีพนะโว้ยไม่ใช้ไปเดินเล่น”นัทตะคอกใส่มากิกับไปบ้างทำให้มากิหน้าแดงแต่ที่นัทพูดก็จริงเขาตื่นมาตั้งแต่ตี4ทั้งที่ไม่อยากตื่นเพราะไอมากิทำเสียงดังจึงทำให้ทั้งสองตื่นมา

              

             “ก็มันตื่นเต้นนี้ เฮ็ย!ไอ้บ้าแกจะไปเปลี่ยนเป็นโจรนะโว้ยไม่ใช่นักดาบใส่ชุดเกราะไปหาอะไรวะแล้วพกอะไรอีกวะนี้โหหอกเอาไปหาอะไรวะนี้”มากิตะคอกใส่แล้วช่วยนัทถอดชุดเกราะออกมา

            

             “พวกพี่หยิบคฑาให้หน่อยดิ”คิดยื่นหน้ามาจากประตูแต่ตายังจ้องอยู่แต่ที่หนังสือที่มีบทสวดของนักบวงที่ใช้ทางพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ

            

              “รับนะคิด”มากิโยนคฑาให้คิดไม่ใช้ต้องเลียกว่าปามากกว่าแน่นอนว่าเข้าหน้าคิดเต็มๆเป็นเวลาเดียวที่คิดวางหนังสือสวดมนต์

            

              “โอ๊ย! เจ็บๆๆม่ายยยเลือดกำดาวออกค่อกกก~~”คิดเห็นเลือดไม่ไม่เห็นที่ไรเลือดกำดาวอออกทีไรสลบทุกที

              

              “นัทยกของไปเจอที่สถานีก่อนนะเจอกันที่เดิม”มากิอุ้มคิดไปแต่ตัวของคิดแต่ก็ไม่ลืมหนังสือเล่มโปรดของคิดไม่หนักมากส่วนนัททำท่าเหนื่อยเพราะของแต่ละคนหนักไม่ต่ำกว่า10กิโล

              

              “หนักจริงโว้ยแม่งใส่อะไรมาบ้างวะ”นัทยกขึ้นแล้วบ่นตลอดทางที่กำลังไปที่นัดเจอกันพอเข้าถึงที่นัดกันไว้เข้านั่งลงที่เก้าอี้ที่เข้านั้งเป็นประจำที่นั้นเป็นเก้าอี้นั่งข้างหน้าจะเป็นรางรถไฟข้างๆเป็นที่ขายตั่วรถไฟแต่ที่นัทสังเกตดูรอบๆนั้นมีเด็กจำนวนหนึ่งคงไปเปลี่ยนอาชีพมานั้งรวมกลุ่มกันคุยกันเรื่องต่างๆจนเสียงดังไปทั้งสถานีวึ่งถ้าธรรมดาตอนตี5ครึ่งจะไม่มีคนมาเลยเพราะรถไฟรอบแรอกออกตอน10โมงพวกนัทได้เปรียบที่บ้านอยู่ไกลรถไฟจึงได้ตั้วนั้งที่ถูกกว่าชาวบ้านเขา

            

              “เฮ้ยนัทช่วยวางคิดนอนบนเก้าอี้หน่อยเดี้ยวเราไปเอาตั๋วแปป”มากิพูดแล้วปล่อยคิดลงไปและเขาเห็นแถวยาวมากแต่ไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะเข้าไปเอาบัตรมากิวิ่งไปเข้าข้างหลังแทนเข้าเปิดประตูที่มีป้ายเขียนไว้ว่า”ไม่มีกิจห้ามเข้า”

            

              “หวัดดีลุงลุงผมมีขนมมาฟากแล้วตั๋วของผมอยู่ไหนละ”มากิยกมือไหว้ลุงแล้วยื่นขนมไป2ห่อใหญ่ให้แก่ลุง

            

              “เอ้านี้ของแกมากิมีห้องนอนด้วยนะนี้”ลุงหยิบตั๋วขึ้นมาจากลิ้นชักของลุงแล้วเขียนลายเซ็นกันการปลอมแปลง

            

              “ขอบคุณครับ”มากิพูดแล้วเดินออกไปแล้วไปนั้งรวมกับนัทรอจนคิดตื่น

            

              “เฮ้ย!ที่นี้ที่ไหนแล้วหนังสือฉันอะ พลัว!โอ๊ย!เจ็บๆๆขอบใจมากแต่ทีหลังทำเบาๆก็ได้”คิดพูดขึ้มมาทั้งสองคนตกใจจึงมากิจึงเอาหนังสือสวดมนต์ตบกบาลไปหนึ่งทีแล้วคิดก็หยิบหนังสือสวดมนต์มาอ่านต่อ

              

              “9โมงแล้วนี้เร็วเก็บของรถไฟใกล้จะมาแล้ว”ไม่ใช้แต่พวกมากิที่เตรียมพร้อมที่จะขึ้นรถไฟมีอีกหลายคนที่ลุกมีเสียงคนขายตั้วเกินราคาอยู่บ้างปะปรายมีเสียงดังไปทั่วแน่ละใครไปก่อนมีสิทธิเปลี่ยนอาชีพได้ก่อน

              

              “เอาไหมน้องตั๋วนั่งไปกลับขายแค่1000ริงเองธรรมดาเขาขายกัน2000ริงเลยนะมี2ใบสุดท้ายเองเอาไหมน้อง”มีผู้ชายมีหนวดเคราอายุประมาน30ได้กระซิบที่ข้างหูมากิ

                

               “ไม่เอาครับผมมีแล้วขอบคุณมากครับ”มากิตอบกลับแล้วชายคนนั้นก็ไปขายคนอื่นต่อ

                

               “ถูกที่ไหนกันวะแค่ติ้วนั่ง200ริงก็พอแล้ว”มากิบ่นแล้วมองที่นาฬิกาของสถานีถึงเวลารถไฟมาแล้วทุกคนได้ขึ้งไปบนรถไฟแล้วนั่งประจำที่ของตนรวมทั้งพวกมากิด้วยของที่นั่งพวกมากิจะเป็นห้องเล็กๆอยู่ได้3คนถ้าเต็มที่ก็ได้4-5คนแล้วแต่ขนาดตัวของแต่ละคนที่สำคัญมีเตียง2โชฟาอีก1ห้องน้ำในตัวอาหรทุกมื้อรวมในค่าตั๋วแล้วทุกคนก็ยังไม่ทำอะไรมากคิดก็เช่นเดิมอ่านหนังสือสวดมนต์ของพระซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากินั่งดูวิวไปเรื่อยๆนัทเปิดวิทยุแล้วหยิบขนมมากิน

                

                “อีก5วันทุกคนก็จะไปถึงเมืองหลวงของเราคือเมืองKing Landที่ทุกคนจะไปอีกเวลาบ่ายโมงตรงโดยประมาณเราจะเติมเสบียงกันก่อนผู้โดยสารสามารถชมเที่ยวเมืองได้จนถึงบ่ายโมงครึ่งโดยประมาณเราจะออกเดินทางขอบคุณค่ะ”พนักงานได้กล่าวผ่านทางลำโพงทางมุมห้องของห้องมากิแต่ก็ไม่มีใครสนใจยกเว้นนัท

                

                “ไปเปล่ามากิ, คิด”นัทถามทั้งที่ขนมยังเต็มปากอยู่

                

                “ใครจะไปก็ไป”มากิพูดตาก็อยู่แต่ข้างนอก

                

                 “ผมก็จะอ่านหนังสือถ้าจะลงฝากซื้อชุดนักบวชด้วยและกันเงินออกไปก่อนเดี้ยวมาเก็บที่หลังนะ”คิดพูดตาก็จ้องแต่หนังสือ

                

                 “เออไปคนเดียวก็ได้ไม่ง้อมีของอร่อยอยากมาแย่งกินก็แล้วกัน”นัทพูดแล้วตั้งหน้าตั้งตากินต่อไปจนเวลาบ่ายโมง10นาที

              

                 “ต่อไปนี้เราจะแวะเติมเสบียงกันก่อนผู้โดยสารสามารถเดินเที่ยวได้จนกระทั้งเวลาบ่ายโมง40นะค่ะ”สิ้นจากลำโพงนัทก็ออกจากห้องและไม่ลืมมีดของงเขาไปด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×