ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 แลกชีวิต : พิณล่าวิญญาณ
                                   
                                                            บทที่ 5  แลกชีวิต : พิณล่าวิญญาณ 
                            นักเชิดเงากล่าวไม่ทันจบประโยคร่างของดาร์กโซล และหุ่นรูปร่างผอมสูงของมันก็ถูกใช้ออกในทันทีด้วยวิชาเชิดเงาสังหาร  ซึ่งเป็นวิชาที่มันถนัดที่สุด  นั่นก็คือ ใช้หุ่นเชิดของมันในการเล่นงานคู่ต่อสู้  โดยที่ตัวมันเองนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปต่อสู้ด้วยในระยะประชิด
                            แต่การที่จะฝึกฝนจนสามารถใช้หุ่นเชิดจนชำนาญได้นั้นมิใช่เรื่องงายเลยทีเดียว  พลังฝีมือของมันนั้นถึงจัดอยู่ในขั้นสูงเยี่ยม
                            ทว่าที่น่าแปลกก็คือที่นักนักเชิดเงาที่ได้หายตัวไปนาน  บางคนบอกว่ามันได้ตายไปแล้ว  จนกระทั่งวันนี้มันกลับปรากฏตัวขึ้น  เป็นที่น่าตื่นตระหนกของผู้คนจริงๆ
                           
                       
                            “ รับมือ ! ”
                      ดาร์กโซลถูกนักเชิดเงาบังคับใช้ออกด้วยดาบยักษ์  ความรวดเร็วในการใช้ดาบนั้นไม่จัดอยุ่ในขั้นรวดเร็ว แต่ก็ไม่เชื่องช้า  ความเร็วของดาบในระดับนี้สำหรับผู้ที่ใช้เพียงเส้นด้ายในการบังคับคนแล้วถือว่าอยู่ในขั้นน่าตื่นตระหนกจริงๆ
                            ประกายดาบวูบขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของมือสังหารทั้งสามคนพอดี      รัศมีการทำลายล้างของดาบนี้เพียงพอที่จะทำให้มือสังหารทั้งสามต้องหลบหลีกในทันที
                              ทันใดนั้นเองที่เบื้องหลังคนในเสื้อคลุมขาวก็ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้น    เงาร่างสายนั้นมาอย่างไร้สุ่มเสียงพร้อมกับต่อยออกตรงเข้าใส่คนในเสื้อคลุมขาวด้วยความรวดเร็ว
                            แต่คนในเสื้อคลุมขาวมิใช่ชนชั้นธรรมดาสามารถรับรู้การมาของเงาร่างสายนี้ได้  ก็หมุนตัวหลบได้อย่างง่ายดาย 
                            “ พวกเรารุมกันจัดการกับนักเชิดเงาก่อน ! ”
                      คนในเสื้อคลุมขาวตะโกนสั่งอย่างเร่งร้อน
                            “ ได้ยินชื่อเสียงของนักเชิดเงามานานวันนี้ขอทราบฝีมือของท่านหน่อย ”
                      มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกันนั้นอาวุธลับหลายสายก็ถูกซัดออกด้วยความรวดเร็วตรงเข้าใส่ตัวนักเชิดเงาในทันที 
                            “ การลงมือที่อำมหิตยิ่งนัก ”
                      อาวุธลับดังห่าฝนซัดใส่นักเชิดเงาอย่างเร่งร้อน  เห็นแน่ว่าต้องถูกตัวนักเชิดเงาเป็นแน่   
                              “ ฉึ่ก ! ”
                      อาวุธลับเหล่านั้นแม้ถูกซัดออกใส่นักเชิดเงา แต่ทว่ากลับถูกกันไว้ได้ด้วยหุ่นของนักเชิดเงา  มันอาศัยหุ่นของมันเป็นเกราะกำบังอาวุธได้อย่างง่ายดาย  หากผู้ใดคิดจะลงมือต่อมันนั้นหาใช่เรื่องง่ายดายไม่
                            “ ริคเจ้าใยยังมิยอมลงมืออีกเล่า ”
                      นักเชิดเงากล่าวพร้อมกับหันมองไปยังทางที่ริคอยู่ 
                              แต่ทว่าริคได้หายตัวไปเสียแล้ว !
                    เมื่อใดที่คู่ต่อสู้ไม่เห็นตัวมีดสั้นสังหารแล้วละก็  แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องตายไปแล้วแน่นอน
                          บัดนี้มีดสั้นสังหารได้หายตัวไปเสียแล้ว  ความรวดเร็วในการพรางตัวช่างเป็นที่น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก   
                          แม้แต่ยอดมือสังหารทั้งสามคนยังไม่สามารถสังเกตเห็นการพรางตัวอันรวดเร็วของริคได้
                          และแล้วก็ถึงเวลาที่มีดสั้นสังหารจะลงมือแล้ว !
     
                    ผู้ที่สามารถรับรู้ได้ถึงรังสีชนิดหนึ่งได้เร็วสุดก็คือ คนในเสื้อคลุมขาว  รังสีที่มันรู้สึกนั้นมิใช่รังสีการฆ่าฟันธรรมดา  แต่เป็นรังสีแห่งความตาย 
                        มันแม้เป็นหนึ่งในสุดยอดมือสังหารแต่เมื่อรู้ว่ามีดสั้นสังหารได้ใช้วิชาพรางตัวขึ้นมาแล้ว  ย่อมยากที่จะต่อกรได้แล้ว
                          ในทันทีที่มันคิดได้เช่นนั้นมันก็เปลี่ยนขลุ่ยไม้ในมือของมันเป็นพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที
                          พิณตั้งสายขนาดเล็กที่แสนธรรมดา
                  “ พวกเรามีดสั้นสังหารกำลังจะลงมือแล้ว  หากไม่คิดหนีตอนนี้ละก็ .. ”
                  มันกล่าวพร้อมกับเริ่มบรรเลงเพลงจากพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที
                        นักเชิดเงาทันทีที่เห็นมันหยิบพิณตั้งสายขนาดเล็กขึ้นมาก็รู้ว่าผิดท่าเสียแล้ว
                        “ ผิดท่าเสียแล้ว  รีบหนีเร็วเข้าริค ! ”
                  นักเชิดเงาใช้ออกด้วยเส้นด้ายในมือของมันในทันที  เส้นด้ายใสนั้นพุ่งต้องเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มที่ริคพามาในทันที  พร้อมกันนั้นนักเชิดเงาก็ควบคุมร่างทั้งสามนั้นพุ่งตัวหลบออกจากบริเวณนั้นในทันที
                        อัศวินมารซามูเอลที่ไม่เคยกลัวแม้แต่ความตาย  เมื่อรู้ว่าคนในเสื้อคลุมขาวกำลังจะบรรเลงพิณของมันก็ถึงกับต้องพุ่งตัวหลบหนีออกมาในทันที   
                          พิณตั้งสายขนาดเล็กของคนในเสื้อคลุมขาว มีความน่ากลัวเฉกเช่นเดียวกันกับมีดสั้นของริคหรือไม่ ?
                    ความน่ากลัวของมันนั้นคืออะไรกันแน่ ?
                   
                  “ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”
                  มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกับพุ่งตัวออกจากบริเวณนั้นเช่นกัน 
                        “ หึหึ มาเลยมีดสั้นสังหาร  เมื่อไหร่ที่ท่านลงมือมาละก็  เราจะได้รู้กันไปเลยว่ามีดสั้นของท่านกับพิณตั้งสายของข้า  อะไรจะเหนือกว่ากัน”
                      เสียงพิณที่บรรเลงนั้นมิใช่เสียงที่น่ากลัวอันใด  ซ้ำหากผู้คนได้ฟังแล้วยังต้องบอกว่ามันน่าฟังยิ่งด้วย  แต่ทำไมถึงทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้ 
                        ถึงตอนนี้เสียงพิณของมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
                        มีดสั้นสังหารใยยังมิลงมืออีก
                      “ บทเพลงเฝ้าราตรี ! ”
                    นี่ใช่เพราะจริงอย่างที่มันกล่าวไว้แต่แรกหรือไม่  ว่าค่าตอบแทนในการบรรเลงเพลงของมันคือชีวิตคน                 
                        อย่างนั้นชีวิตของมีดสั้นสังหารเล่า ?
                  ทันใดนั้นเมื่อเสียงเพลงบรรเลงได้ถึงระดับหนึ่ง    สิ่งต่างๆ รอบๆบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น 
                        พื้นหลังคาบ้านใกล้ๆ รัศมีของเสียงพิณนั้นเกิดการพังทลายขึ้นในทันที  เสียงเพลงที่เคยได้ฟังดูไพเราะกลับแปรเปลี่ยนไปในทันที  เปลี่ยนแปลงเป็นวิปริตยิ่งนัก  เพียงพอที่จะทำลายประสาทของผู้คนได้อย่างง่ายดาย    หากใครตกอยู่ในรัศมีเสียงพิณของมันนั้นต้องเสียชีวิตแล้ว !
                        ไม่ต้องคิดเลยว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริวเณนั้นจะเป็นเช่นไร
                        ทุกผู้คนที่อยู่ใต้บริเวณนั้นได้แต่ตายแล้ว  เพียงแต่ตายอย่างประหลาดนัก  ตายอย่างไม่ทรมาน
                  หากท่านคิดวิธีที่จะฆ่าตัวตายแล้วละก็  การได้ฟังเสียงพิณของมันนั้นก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน
                        เช่นนั้นมีดสั้นสังหารในตอนนี้เล่า  ใยยังมิสามารถลงมือสังหารมันอีก
                        การลงมือสังหารของมีดสั้นสังหารไม่เคยพลาดมาก่อนมิใช่หรือ ?
                        “ ฮ่าๆๆ  มีดสั้นสังหารวันนี้ท่านได้แต่จบชีวิตลงที่นี้แล้ว ”
               
                  อีกมุมหนึ่งไกลออกไปจากบริเวณที่คนในเสื้อคลุมขาวอยู่นั้น    นักเชิดเงานำร่างทั้งสามหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต    มันมิเพียงต้องหนีจากเสียงพิณของคนในเสื้อคลุมขาวเพียงอย่างเดียว  ที่มันหนีอยู่ตอนนี้ก็คือ  การตามล่าจากมือสังหารที่เหลืออีกสองคนด้วย
                        หากมันควบคุมหุ่นของมันอยู่เพียงตัวเดียว หรือสองตัวนั้นมันย่อมมิกลัวอันใด  แต่นี่มันต้องควบคุมถึงสามในเวลาเดียว  หากตอนนี้มันต้องต่อสู้ละก็มันต้องพ่ายแพ้แน่
                        ขณะที่มันกำลังหนีอยู่นั้นมันก็ได้ยินเสียงพูดขึ้น  เสียงของดาร์กโซลนั่นเอง
                        “ ปล่อยข้าเถอะ  ข้าจะกลับไปช่วยมัน ”
                  ดาร์กโซลนั้นแม้กำลังจะพูดยังแทบจะไม่มีอยู่แล้ว  แต่ยังคิดที่จะกลับไปช่วยริคนับว่ามันมีน้ำใจเป็นลุกผู้ชายจริงๆ 
                        “ หากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้เจ้าจะต้องตายแน่นอน ”
                  “ หรือท่านจะทิ้งมันไว้เช่นนั้น ”
                  “ ข้าย่อมมิอาจ แต่ว่า ”
                  “ หากท่านมิปล่อยข้าลงตอนนี้  ข้าคงต้องใช้กำลังแก่ท่านแล้ว ”
                  มันกล่าวพร้อมเริ่มเกร็งพลังลมปราณที่มีอยู่น้อยนิดของมันขึ้น
                        นักเชิดเงาเมื่อรู้เช่นนั้นก็หยุดท่าร่างของมันลงในทันที 
                        “ หากข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้  เจ้าใช้สามารถช่วยมันได้หรือไม่ ”
                  “ ข้า .. ”
                  “ สภาพของเจ้าในตอนนี้อย่าว่าแต่ไปช่วยมันเลย  แค่เอาชีวิตให้รอดก็อยากอยู่แล้ว  ยังจะไปช่วยอะไรมันได้อีก  รังแต่จะไปเป็นตัวถ่วงมันอีก  ใช่ว่าข้าเองไม่อยากไปช่วยมันเมื่อไหร่กัน ”
                    ที่ตาของนักเชิดเงาคล้ายปรากฏคราบน้ำตาขึ้น
                          “ แต่จะให้ข้าหนีไปอย่างนี้หรือ  หากท่านกับข้าช่วยกันละก็ ”
                    “ เฮอะ  เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนเมื่อสักครู่นี้เป็นใคร ”
                    “ ข้าทราบ  มันคือ กวีพเนจร  ฉายาพิณล่าวิญญาณ !  ”
                    ที่แท้คนในเสื้อคลุมขาวนั้นคือ กวีพเนจร  ฉายา พิณล่าวิญญาณ
                          พิณล่าวิญญาณนั้นกล่าวได้ว่าความน่ากลัวของพลังฝีมือมันนั้นเป็นที่น่าตื่นตระหนกจริงๆ    มันอาศัยเพียงพิณตั้งสายขนาดเล็กของมันในการสังหารหมู่ผู้คน    ความน่ากลัวในการทำลายล้างของมันนั้นยังน่ากลัวกว่าดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าอีก 
                          ข่าวที่ทำให้มันเป็นที่เลื่องชื่อมากที่สุดก็คือ  การสังหารหมู่ยอดฝีมือที่เมืองเทอรีโน่เมื่อห้าปีก่อน      ตอนนั้นพิณล่าวิญญาณได้การอุกอาจสังหารยอดฝีมือจากหลายสำนักเป็นว่าเล่น    จึงต้องมีการรวมตัวกันของยอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะไปกำจัดมัน 
                            ค่ำคืนวันนั้นแม้แต่ยอดฝีมืออย่างนักเชิดเงาก็ได้ไปเข้าร่วมในการสังหารมันด้วยเช่นกัน  แต่ผลก็คือ  เพียงมันเริ่มบรรเลงเสียงพิณขึ้นมา  ยอดฝีมือหลายคนก็ล้มตายเป็นอันมาก  บางคนก็เสียสติไล่ฆ่าฟันพวกพ้องของตัวเอง   
                            เพียงค่ำคืนเดียวมันได้ทำการสังหารหมู่ยอดฝีมือไปเป็นจำนวนถึงห้าสิบกว่าคนเลยทีเดียว    นับเป็นการลงมือที่อำมหิตที่สุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว
                            หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกประกาศจับจากทางการ      แต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นมันอีกเลย  ซึ่งก็เป็นครั้งเดียวกันกับที่ไม่มีคนเห็นนักเชิดเงาอีกเลยเช่นกัน 
                           
                          “ เจ้าเองก็รู้ว่ามันคือ มือสังหารที่เคยสังหารยอดฝีมือหมู่ถึงห้าสิบกว่าคนมาแล้ว  เจ้ายังคิดจะไปต่อกรกับมันด้วยสภาพเช่นนี้อีกหรือ  เจ้าสามารถหรือไง ! ”
                    นักเชิดเงาหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว 
                          “ ข้า ข้า ”
                    “ หากวันนั้นเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ละก็  เจ้าคงไม่กล่าวเช่นนี้แล้ว  วันนั้นข้าได้เห็นกับตาของข้าเอง  มันเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของข้า ”
                    “ ท่านผู้อาวุโสโปรดให้อภัย  ข้าเพียงแค่ .”
                    “ เอาละ  เจ้ากับข้าในตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำ  ข้าเชื่อว่าริคจะต้องมีชีวิตรอดได้แน่นอน  หรือหากไม่เช่นนั้น  พวกเราก็ต้องสานต่อปณิธานของเขา    ก่อนอื่นข้าต้องพาเจ้าไปที่ซ่อนตัวของข้าก่อน ”
                    นักเชิดเงากล่าวจบก็พุ่งทะยานตัวออกไปในทันที               
                        ไม่นานนัก นักเชิดเงาก็พาดาร์กโซลมายังสถานที่แห่งหนึ่ง  ที่นี่ไม่ใช่ที่อื่นใด    แต่เป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเทอรีโน่ไม่มากนัก 
                          เมื่อมองออกไปจากตรงนี้สามารถมองเห็นสภาพของเมืองเทอรีโน่ได้อย่างชัดเจน    เมืองเทอรีโน่ยังคงดูสงบสุขเหมือนเช่นเดิมจริงๆ 
                            แต่ใครจะรู้บ้างว่าได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้           
                            นักเชิดเงาเดินผ่านต้นไม้ใหญ่หลายต้น  เข้าสู่กลางภูเขาด้วยความรวดเร็ว          บรรยากาศโดยรอบของภูเขาลูกนี้นั้นสงบยิ่งนัก    หิ่งห้อยนับร้อยเปร่งแสงในตัวของมันออกมาสวยงาม  น่าพ่อนคลายยิ่งนัก 
                            เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงทางหุบเขา   
                            หากใครได้มาเห็นต้องไม่เสียทีที่เกิดมาจริงๆ  ที่หุบเขาแห่งนี้กลับปรากฏน้ำตกสายหนึ่งขึ้น  เป็นน้ำตกที่สวยงามยิ่งนัก    อากาศในตอนนี้เย็นสบาย ชวนในพ่อนคลายยิ่งนัก 
                            นักเชิดเงากระโดดพุ่งตัวลงไปยังบริเวณใจกลางของน้ำตกนั้น    พุ่งผ่าเข้าไปในใจกลางของตัวน้ำตก
                            มิคาดที่ภายในตัวน้ำตกนั้นกลับปรากฏเป็นถ้ำขนาดใหญ่         
         
                          ดาร์กโซลรู้สึกว่าตัวของมันเริ่มหนักขึ้น 
                          “ ตอนนี้เจ้าคงสามารถเดินเองได้กระมัง ”
                    ดาร์กโซลไม่ตอบ แต่เดินตามนักเชิดเงาเข้าไปภายในถ้ำใต้น้ำตกนั้น    ภายในถ้ำมืดมิดยิ่งนัก    หากไม่ใช่ผู้ที่ฝึกฝนการเดินในที่มืดจนชำนาญย่อมต้องเดินล้มเป็นแน่ 
                          เดินไปไม่ลึกมากนัก  นักเชิดเงาก็เคาะพนังถ้ำทางด้านขวามือของมัน      ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงส่วางขึ้น  เป็นแสงสว่างจากโคมไฟภายในพนังถ้ำนั่นเอง
                        ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคิดได้ว่าภายในถ้ำที่มืดมิดเช่นนี้ยังเป็นที่อาศัยของยอดฝีมือที่เร้นกายไปนานเช่นนักเชิดเงา
                  นักเชิดเงา และดาร์กโซลเมื่อก้าวเข้าไปยังห้องในพนังแล้ว ประตูก็ถูกปิดลงในทันที 
                       
                        “ ท่านปู่กลับมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง  ”
                  ที่เบื้องหน้าดาร์กโซลปรากฏหญิงสาวรูปงามนางหนึ่ง  ลักษณะท่าทางเรียบร้อย  แววตาของนางนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกหลุมรักได้    นางอยู่ในอาภรณ์สีแสดสวยสดใส    แต่ท่าทางของนางในตอนนี้ดูท่าไม่สบายใจยิ่งนัก
                        “ ข้าไม่เป็นไรหรอก ”
                    นักเชิดเงากล่าวไม่ทันไร  ก็ไอออกมาเป็นอันมาก    หญิงสาวนางนั้นรีบเขาไปประคองพร้อมกับนำน้ำดื่มให้แก่นักเชิดเงา   
                  ที่นักเชิดเงาเป็นอย่างนี้เนื่องด้วยมันชราแล้ว  ซ้ำยังไม่ได้ใช้พลังฝีมือออกมาเป็นเวลานาน    วันนี้ถึงกับต้องใช้ออกด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ทำให้ร่างกายของมันปรับสภาพไม่ทัน 
                        “ แล้วมีดสั้นสังหารเล่า ? ”
                    นักเชิดเงาเหม่อลอยสักพัก ไม่ยอมตอบ    ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังในทันที
                        “ มันไม่เป็นไรหรอก  แต่ตอนนี้ข้าต้องรีบรักษาอาการของเจ้าหนุ่มนั่นก่อน ”
                  หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นักเชิดงาช่วยเหลือมาก็ตกใจเล็กน้อย  ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำมากแล้ว  นั่นเพราะพิษกำเริบถึงขั้นร้ายแรงแล้ว
                          “ เจ้ารีบไปนำสำรับยาของข้ามาเร็วเข้า !  ส่วนเจ้าช่วยอุ้มเจ้านั่นมานอนตรงนี้ที ”
                    นักเชิดเงาสั่งการโดยเร็ว    ดาร์กโซลนั้นเป็นนักฆ่าที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชรานักเชิดเงาผู้นี้กลับทำตามคำสั่งโดยง่าย
                            ที่มันทำตามนั้นมิใช่เพราะมันเกรงกลัว  แต่เป็นเพราะมันรู้สึกเสื่อมใส  ศรัทธาในคนผู้นี้ยิ่ง    วันนี้นักฆ่าที่เคยแต่จะเอาชีวิตผู้คนเช่นมัน  กลับกระทำการช่วยเหลือผู้คน ซึ่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัด    ทำให้มันรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
                        มันเริ่มรู้สึกขึ้นมาในใจลึกๆ แล้วว่า    การจะช่วยเหลือชีวิตคนนั้นน่ายกย่องกว่าการสังหารผู้คนยิ่งนัก  ซ้ำยังยากเย็นยิ่ง
                          มันค่อยๆ ประคองชายหนุ่มผู้นั้นลงที่เตียงไม้อย่างเบาที่สุดเท่าที่แรงของมันในตอนนี้จะสามารถประคองได้ 
                        หญิงสาวนำตำรับยา  พร้อมกับกะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามาในทันที   
                        นักเชิดเงาสำรวจอาการของชายหนุ่มดูสักพักก็แย้มยิ้มขึ้นเล็กน้อย
                        “ พิษที่มันโดนมันร้ายแรงยิ่งนัก  มิคาดมันยังสามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้  นับว่าดวงมันยังไม่ถึงคาดจริงๆ  เอาสุมนไพรสูตรพิเศษมาให้ข้าที  ”
                  หญิงสาวส่งใบไม้รูปร่างประหลาดรูปหนึ่งให้แก่นักเชิดเงาโดยเร็ว  จากนั้นนักเชิดเงาก็เริ่มทำการผสมยาด้วยความรวดเร็ว
                          ดาร์กโซลนั้นได้แต่นั่งดูด้วยความลุ้นอยู่นิดๆ   
                          “ มิทราบว่าผู้อาวุโสปรุงยาแก้พิษเป็นด้วย ”
                    “ ข้าปรุงยาแก้พิษไม่เป็นหรอกนะ    หากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา  ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ ”
                 
                          เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามนักเชิดเงาก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากของมันด้วยความเหนื่อยล้า
                          “ เฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที  รอจนมันฟื้นก็จะเริ่มดีขึ้นเอง  ต่อไปก็เป็นเจ้าละนะ ”
                    นักเชิดเงาหันมาทางดาร์กโซล
                          “ ข้าไม่เป็นไร  ผู้อาวุโสเหนื่อยมากแล้ว  พักผ่อนก่อนเถอะ ”
                    “ เจ้าอย่าทำปากแข็งไปหน่อยเลย  หากเจ้าไม่พักรักษาตัวบ้าง  จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยมีดสั้นสังหารเล่า ?  ”
                  เมื่อนักเชิดเงากล่าวเช่นนี้  ดาร์กโซลก็ได้แต่ยอมให้มันรักษาแล้ว
                        “ แผลทางด้านร่างกายของเจ้านี่ยังไม่ถือว่าบาดเจ็บมากนัก  แต่กำลังภายในตัวเจ้าสูญเสียไปมากนัก  ต้องกินยาสมุนไพรชนิดพิเศษเสียแล้ว ”
                  จากนั้นนักเชิดเงาก็กวักมือเรียกหญิงสาวเป็นการขอสมุนไพรเพิ่ม
                        “ อืม ข้าลืมแน่ะนำเจ้าไป  นี่คือว่าที่หลานสาวของข้า โซเฟีย  ”
                  โซเฟียก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายให้แก่ดาร์กโซล  ส่วนดาร์กโซลนั้นยังคงนิ่งเฉยซ่อนใบ้หน้าของมันไว้ใต้เสื้อคลุมเมื่อเช่นเคย
                        “ ท่านผู้นี้คือ ”
                    “ มันผู้นี้ก็คือ นักฆ่า ฉายา มือกระบี่ปีศาจ ดาร์กโซลยังไงละ ”
                    ดาร์กโซลคิดว่าเมื่อโซเฟียได้ยินชื่อของมันละก็ต้องตกใจกลัวแน่
                          แต่โซเฟียกลับยิ้มให้อย่างเป็นมิตรยิ่งนัก    เป็นที่น่าแปลกยิ่งนักที่หญิงสาวคนหนึ่งเมื่อมาอยู่ต่อนักฆ่าเช่นมันกลับยิ้มออกมาได้
                          “ ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน  เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้แหละ ”
                    โซเฟียกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่มันอย่างเป็นมิตร  ทำให้มันต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น 
                          “ ว่าแต่ท่านปู่ มีดสั้นสังหารเล่า  มันไม่ได้มาด้วยหรือ ”
                    “ มัน มัน มันไม่ได้มาด้วย ”
                    นักเชิดเงากล่าวออกไปอย่างอดไม่ได้  โซเฟียมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก
                            นักเชิดเงาเห็นดังนั้นก็รีบพุดปลอบใจหลานสาว
                            “ มันย่อมไม่เป็นไรหรอก  หรือเจ้าไม่เชื่อใจในฝีมือของมัน ”
                    “ ข้าเชื่อใจ ”
                    โซเฟียก้มหน้าตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
                            นักเชิดเงาขณะที่กำลังเริ่มรักษาแผลในแก่ดาร์กโซลนั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า
                            “ เฮ้อ ทำไมถึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียทีนะ  ”
                    “ ผู้อาวุโสหมายถึงเรื่องในห่อผ้าใช่หรือไม่ ”
                    นักเชิดเงาผงกหัว
                            “ หากมิใช่เพราะของในห่อผ้านั้นแล้ว  ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่ ”
                    มันกล่าวถึงตอนนี้ก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้รีบสั่งโซเฟียในทันที
                            “ เจ้าลองไปค้นดูตัวของชายหนุ่มนั่นสิ  ว่าห่อผ้ายังอยู่กับเขาหรือไม่ ! ”
                     
                      โซเฟียค้นอยู่สักพักก็กลับมาหานักเชิดเงา  พร้อมกับส่ายหน้า
                              “ ห่อผ้าไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาค่ะ ”
                      “ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าต้องอยู่ที่ริคแน่นอน  แย่แล้ว  หวังว่าริคคงจะปลอดภัยนะ ”
                      สีหน้าของนักเชิดเงาในตอนนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังกลุ้มใจอย่างมาก
                              “ เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่  ผู้อาวุโสพอจะบอกแก่ข้าได้หรือไม่ ”
                      นักเชิดเงาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง  จากนั้นก็ส่ายหน้าครั้งหนึ่ง
                              “ ถึงตอนนี้ข้าคงจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นให้เจ้าฟังแล้วสินะ ”   
                            “ เมืองเทอรีโน่นั้นเดิมทีเป็นเมืองที่สงบสุขน่าอยู่มาก  จนกระทั่งเมื่อห้าปีที่แล้ว  เมื่อเงาเมืดได้เริ่มย่างกร่ายเข้ามา  มันเริ่มกลืนกินเมื่องนี้เข้าไปอย่างช้าๆ 
                      ตอนนั้นหลังจากเศรษฐีใหญ่มาคัสได้ตายลง  ทายาทของมันนามว่า คอนเนอร์ก็ได้สืบทอดมรดกขึ้นมา  คอนเนอร์ดูจากภายนอกมันเป็นคนที่โอบอ้อมอารีผู้หนึ่ง    ผู้คนในเมืองล้วนให้ความนับถือแก่มัน  แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว เบื้องหลังของมันนั้นได้วางแผนการอันชั่วร้ายอย่างหนึ่งขึ้น
                              และขณะเดียวกันเมื่อห้าปีที่แล้วในตอนนั้น ได้ปรากฏมือสังหารนิรนามขึ้นมาผู้หนึ่ง  นามของมันก็คือ พิณล่าวิญญาณ
                            ไม่มีใครทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน  ว่ามันปรากฏตัวขึ้นมาเพื่ออะไรกัน  และใครเป็นคนบงการมัน    รู้เพียงแค่ใครที่เคยได้ต่อกรกับมันล้วนตายอย่างสงบยิ่งนัก  ไม่มีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว         
                            ตอนนั้นชื่อเสียงของพิณล่าวิญญาณได้ลือชื่อไปทั่ว  ทำให้ยอดฝีมือหลายต่อหลายคนเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่เพื่อตัดสินฝีมือแก่มัน  แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับมันได้เลย
                      การที่ยอดฝีมือเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่นั้นทำให้ความสงบของเมืองนี้เริ่มเปลี่ยนไป  ถึงแม้จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองดีขึ้นก็ตาม  แต่การฆ่าฟันก็เกิดกันมากขึ้น  ”         
                            “ และในตอนนั้นเองได้มีข่าวว่ามีการค้นพบของวิเศษชิ้นหนึ่งขึ้น    ของวิเศษที่จะนำมาซึ่งความหายนะของผู้คนอีกมากมาย  ทางการได้ทำการเก็บของวิเศษชิ้นนั้นไว้  โดยที่ในที่ประชุมได้มีการโต้เถียงกันเป็นอย่างมากว่า ควรจะทำลายของชิ้นนี้ทิ้งเสีย   
                                แต่ก็ไม่เป็นผล  ทางการได้สรุปว่าควรจะเก็บของชิ้นนี้ไว้   
                              ที่ๆทางการนำไปเก็บไว้ก็คือ    หอรักษาการณ์ฮาโมเนีย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดปราการแห่งการเก็บของล้ำค่าต่างๆ    หากผู้ใดคิดฝ่าด่านเข้าไปขโมยของในหอรักษาการณ์นี้ละก็  คนผู้นั้นต้องกลายเป็นคนตายผู้หนึ่ง
                              นั่นเพราะมิเพียงหอนั่นจะมียอดฝีมือรักษาการณ์ไว้มากมาย  ยังซ่อนไว้ด้วยกับดักอันตรายต่างๆ มากมาย ”
                 
                    “ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อพิณล่าวิญญาณ และพรรคพวกมือสังหารของมันประกาศตัวว่าจะแย่งชิงเอาของวิเศษชิ้นนั้นไปให้จงได้    จึงได้เกิดการรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะช่วยกันป้องกันการขโมยของล้ำค่าชิ้นนั้นให้ได้ 
                            การรวมตัวในครั้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว  เพราะทุกคนต่างทราบฝีมือของพิณล่าวิญญาณดี    เจ้าก็คงเคยได้ยินสินะ  ”
                      ดาร์กโซลพยักหน้าเป็นการยอมรับ  มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาเหมือนกัน
                   
                      “ และในคืนวันนั้นเอง  เป็นคืนที่เรื่องราวทุกอย่างได้เกิดขึ้น ! ”
                         
                         
                           
                     
                                        ________________________________
                                                            บทที่ 5  แลกชีวิต : พิณล่าวิญญาณ 
                            นักเชิดเงากล่าวไม่ทันจบประโยคร่างของดาร์กโซล และหุ่นรูปร่างผอมสูงของมันก็ถูกใช้ออกในทันทีด้วยวิชาเชิดเงาสังหาร  ซึ่งเป็นวิชาที่มันถนัดที่สุด  นั่นก็คือ ใช้หุ่นเชิดของมันในการเล่นงานคู่ต่อสู้  โดยที่ตัวมันเองนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปต่อสู้ด้วยในระยะประชิด
                            แต่การที่จะฝึกฝนจนสามารถใช้หุ่นเชิดจนชำนาญได้นั้นมิใช่เรื่องงายเลยทีเดียว  พลังฝีมือของมันนั้นถึงจัดอยู่ในขั้นสูงเยี่ยม
                            ทว่าที่น่าแปลกก็คือที่นักนักเชิดเงาที่ได้หายตัวไปนาน  บางคนบอกว่ามันได้ตายไปแล้ว  จนกระทั่งวันนี้มันกลับปรากฏตัวขึ้น  เป็นที่น่าตื่นตระหนกของผู้คนจริงๆ
                           
                       
                            “ รับมือ ! ”
                      ดาร์กโซลถูกนักเชิดเงาบังคับใช้ออกด้วยดาบยักษ์  ความรวดเร็วในการใช้ดาบนั้นไม่จัดอยุ่ในขั้นรวดเร็ว แต่ก็ไม่เชื่องช้า  ความเร็วของดาบในระดับนี้สำหรับผู้ที่ใช้เพียงเส้นด้ายในการบังคับคนแล้วถือว่าอยู่ในขั้นน่าตื่นตระหนกจริงๆ
                            ประกายดาบวูบขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของมือสังหารทั้งสามคนพอดี      รัศมีการทำลายล้างของดาบนี้เพียงพอที่จะทำให้มือสังหารทั้งสามต้องหลบหลีกในทันที
                              ทันใดนั้นเองที่เบื้องหลังคนในเสื้อคลุมขาวก็ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้น    เงาร่างสายนั้นมาอย่างไร้สุ่มเสียงพร้อมกับต่อยออกตรงเข้าใส่คนในเสื้อคลุมขาวด้วยความรวดเร็ว
                            แต่คนในเสื้อคลุมขาวมิใช่ชนชั้นธรรมดาสามารถรับรู้การมาของเงาร่างสายนี้ได้  ก็หมุนตัวหลบได้อย่างง่ายดาย 
                            “ พวกเรารุมกันจัดการกับนักเชิดเงาก่อน ! ”
                      คนในเสื้อคลุมขาวตะโกนสั่งอย่างเร่งร้อน
                            “ ได้ยินชื่อเสียงของนักเชิดเงามานานวันนี้ขอทราบฝีมือของท่านหน่อย ”
                      มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกันนั้นอาวุธลับหลายสายก็ถูกซัดออกด้วยความรวดเร็วตรงเข้าใส่ตัวนักเชิดเงาในทันที 
                            “ การลงมือที่อำมหิตยิ่งนัก ”
                      อาวุธลับดังห่าฝนซัดใส่นักเชิดเงาอย่างเร่งร้อน  เห็นแน่ว่าต้องถูกตัวนักเชิดเงาเป็นแน่   
                              “ ฉึ่ก ! ”
                      อาวุธลับเหล่านั้นแม้ถูกซัดออกใส่นักเชิดเงา แต่ทว่ากลับถูกกันไว้ได้ด้วยหุ่นของนักเชิดเงา  มันอาศัยหุ่นของมันเป็นเกราะกำบังอาวุธได้อย่างง่ายดาย  หากผู้ใดคิดจะลงมือต่อมันนั้นหาใช่เรื่องง่ายดายไม่
                            “ ริคเจ้าใยยังมิยอมลงมืออีกเล่า ”
                      นักเชิดเงากล่าวพร้อมกับหันมองไปยังทางที่ริคอยู่ 
                              แต่ทว่าริคได้หายตัวไปเสียแล้ว !
                    เมื่อใดที่คู่ต่อสู้ไม่เห็นตัวมีดสั้นสังหารแล้วละก็  แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องตายไปแล้วแน่นอน
                          บัดนี้มีดสั้นสังหารได้หายตัวไปเสียแล้ว  ความรวดเร็วในการพรางตัวช่างเป็นที่น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก   
                          แม้แต่ยอดมือสังหารทั้งสามคนยังไม่สามารถสังเกตเห็นการพรางตัวอันรวดเร็วของริคได้
                          และแล้วก็ถึงเวลาที่มีดสั้นสังหารจะลงมือแล้ว !
     
                    ผู้ที่สามารถรับรู้ได้ถึงรังสีชนิดหนึ่งได้เร็วสุดก็คือ คนในเสื้อคลุมขาว  รังสีที่มันรู้สึกนั้นมิใช่รังสีการฆ่าฟันธรรมดา  แต่เป็นรังสีแห่งความตาย 
                        มันแม้เป็นหนึ่งในสุดยอดมือสังหารแต่เมื่อรู้ว่ามีดสั้นสังหารได้ใช้วิชาพรางตัวขึ้นมาแล้ว  ย่อมยากที่จะต่อกรได้แล้ว
                          ในทันทีที่มันคิดได้เช่นนั้นมันก็เปลี่ยนขลุ่ยไม้ในมือของมันเป็นพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที
                          พิณตั้งสายขนาดเล็กที่แสนธรรมดา
                  “ พวกเรามีดสั้นสังหารกำลังจะลงมือแล้ว  หากไม่คิดหนีตอนนี้ละก็ .. ”
                  มันกล่าวพร้อมกับเริ่มบรรเลงเพลงจากพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที
                        นักเชิดเงาทันทีที่เห็นมันหยิบพิณตั้งสายขนาดเล็กขึ้นมาก็รู้ว่าผิดท่าเสียแล้ว
                        “ ผิดท่าเสียแล้ว  รีบหนีเร็วเข้าริค ! ”
                  นักเชิดเงาใช้ออกด้วยเส้นด้ายในมือของมันในทันที  เส้นด้ายใสนั้นพุ่งต้องเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มที่ริคพามาในทันที  พร้อมกันนั้นนักเชิดเงาก็ควบคุมร่างทั้งสามนั้นพุ่งตัวหลบออกจากบริเวณนั้นในทันที
                        อัศวินมารซามูเอลที่ไม่เคยกลัวแม้แต่ความตาย  เมื่อรู้ว่าคนในเสื้อคลุมขาวกำลังจะบรรเลงพิณของมันก็ถึงกับต้องพุ่งตัวหลบหนีออกมาในทันที   
                          พิณตั้งสายขนาดเล็กของคนในเสื้อคลุมขาว มีความน่ากลัวเฉกเช่นเดียวกันกับมีดสั้นของริคหรือไม่ ?
                    ความน่ากลัวของมันนั้นคืออะไรกันแน่ ?
                   
                  “ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”
                  มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกับพุ่งตัวออกจากบริเวณนั้นเช่นกัน 
                        “ หึหึ มาเลยมีดสั้นสังหาร  เมื่อไหร่ที่ท่านลงมือมาละก็  เราจะได้รู้กันไปเลยว่ามีดสั้นของท่านกับพิณตั้งสายของข้า  อะไรจะเหนือกว่ากัน”
                      เสียงพิณที่บรรเลงนั้นมิใช่เสียงที่น่ากลัวอันใด  ซ้ำหากผู้คนได้ฟังแล้วยังต้องบอกว่ามันน่าฟังยิ่งด้วย  แต่ทำไมถึงทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้ 
                        ถึงตอนนี้เสียงพิณของมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
                        มีดสั้นสังหารใยยังมิลงมืออีก
                      “ บทเพลงเฝ้าราตรี ! ”
                    นี่ใช่เพราะจริงอย่างที่มันกล่าวไว้แต่แรกหรือไม่  ว่าค่าตอบแทนในการบรรเลงเพลงของมันคือชีวิตคน                 
                        อย่างนั้นชีวิตของมีดสั้นสังหารเล่า ?
                  ทันใดนั้นเมื่อเสียงเพลงบรรเลงได้ถึงระดับหนึ่ง    สิ่งต่างๆ รอบๆบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น 
                        พื้นหลังคาบ้านใกล้ๆ รัศมีของเสียงพิณนั้นเกิดการพังทลายขึ้นในทันที  เสียงเพลงที่เคยได้ฟังดูไพเราะกลับแปรเปลี่ยนไปในทันที  เปลี่ยนแปลงเป็นวิปริตยิ่งนัก  เพียงพอที่จะทำลายประสาทของผู้คนได้อย่างง่ายดาย    หากใครตกอยู่ในรัศมีเสียงพิณของมันนั้นต้องเสียชีวิตแล้ว !
                        ไม่ต้องคิดเลยว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริวเณนั้นจะเป็นเช่นไร
                        ทุกผู้คนที่อยู่ใต้บริเวณนั้นได้แต่ตายแล้ว  เพียงแต่ตายอย่างประหลาดนัก  ตายอย่างไม่ทรมาน
                  หากท่านคิดวิธีที่จะฆ่าตัวตายแล้วละก็  การได้ฟังเสียงพิณของมันนั้นก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน
                        เช่นนั้นมีดสั้นสังหารในตอนนี้เล่า  ใยยังมิสามารถลงมือสังหารมันอีก
                        การลงมือสังหารของมีดสั้นสังหารไม่เคยพลาดมาก่อนมิใช่หรือ ?
                        “ ฮ่าๆๆ  มีดสั้นสังหารวันนี้ท่านได้แต่จบชีวิตลงที่นี้แล้ว ”
               
                  อีกมุมหนึ่งไกลออกไปจากบริเวณที่คนในเสื้อคลุมขาวอยู่นั้น    นักเชิดเงานำร่างทั้งสามหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต    มันมิเพียงต้องหนีจากเสียงพิณของคนในเสื้อคลุมขาวเพียงอย่างเดียว  ที่มันหนีอยู่ตอนนี้ก็คือ  การตามล่าจากมือสังหารที่เหลืออีกสองคนด้วย
                        หากมันควบคุมหุ่นของมันอยู่เพียงตัวเดียว หรือสองตัวนั้นมันย่อมมิกลัวอันใด  แต่นี่มันต้องควบคุมถึงสามในเวลาเดียว  หากตอนนี้มันต้องต่อสู้ละก็มันต้องพ่ายแพ้แน่
                        ขณะที่มันกำลังหนีอยู่นั้นมันก็ได้ยินเสียงพูดขึ้น  เสียงของดาร์กโซลนั่นเอง
                        “ ปล่อยข้าเถอะ  ข้าจะกลับไปช่วยมัน ”
                  ดาร์กโซลนั้นแม้กำลังจะพูดยังแทบจะไม่มีอยู่แล้ว  แต่ยังคิดที่จะกลับไปช่วยริคนับว่ามันมีน้ำใจเป็นลุกผู้ชายจริงๆ 
                        “ หากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้เจ้าจะต้องตายแน่นอน ”
                  “ หรือท่านจะทิ้งมันไว้เช่นนั้น ”
                  “ ข้าย่อมมิอาจ แต่ว่า ”
                  “ หากท่านมิปล่อยข้าลงตอนนี้  ข้าคงต้องใช้กำลังแก่ท่านแล้ว ”
                  มันกล่าวพร้อมเริ่มเกร็งพลังลมปราณที่มีอยู่น้อยนิดของมันขึ้น
                        นักเชิดเงาเมื่อรู้เช่นนั้นก็หยุดท่าร่างของมันลงในทันที 
                        “ หากข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้  เจ้าใช้สามารถช่วยมันได้หรือไม่ ”
                  “ ข้า .. ”
                  “ สภาพของเจ้าในตอนนี้อย่าว่าแต่ไปช่วยมันเลย  แค่เอาชีวิตให้รอดก็อยากอยู่แล้ว  ยังจะไปช่วยอะไรมันได้อีก  รังแต่จะไปเป็นตัวถ่วงมันอีก  ใช่ว่าข้าเองไม่อยากไปช่วยมันเมื่อไหร่กัน ”
                    ที่ตาของนักเชิดเงาคล้ายปรากฏคราบน้ำตาขึ้น
                          “ แต่จะให้ข้าหนีไปอย่างนี้หรือ  หากท่านกับข้าช่วยกันละก็ ”
                    “ เฮอะ  เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนเมื่อสักครู่นี้เป็นใคร ”
                    “ ข้าทราบ  มันคือ กวีพเนจร  ฉายาพิณล่าวิญญาณ !  ”
                    ที่แท้คนในเสื้อคลุมขาวนั้นคือ กวีพเนจร  ฉายา พิณล่าวิญญาณ
                          พิณล่าวิญญาณนั้นกล่าวได้ว่าความน่ากลัวของพลังฝีมือมันนั้นเป็นที่น่าตื่นตระหนกจริงๆ    มันอาศัยเพียงพิณตั้งสายขนาดเล็กของมันในการสังหารหมู่ผู้คน    ความน่ากลัวในการทำลายล้างของมันนั้นยังน่ากลัวกว่าดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าอีก 
                          ข่าวที่ทำให้มันเป็นที่เลื่องชื่อมากที่สุดก็คือ  การสังหารหมู่ยอดฝีมือที่เมืองเทอรีโน่เมื่อห้าปีก่อน      ตอนนั้นพิณล่าวิญญาณได้การอุกอาจสังหารยอดฝีมือจากหลายสำนักเป็นว่าเล่น    จึงต้องมีการรวมตัวกันของยอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะไปกำจัดมัน 
                            ค่ำคืนวันนั้นแม้แต่ยอดฝีมืออย่างนักเชิดเงาก็ได้ไปเข้าร่วมในการสังหารมันด้วยเช่นกัน  แต่ผลก็คือ  เพียงมันเริ่มบรรเลงเสียงพิณขึ้นมา  ยอดฝีมือหลายคนก็ล้มตายเป็นอันมาก  บางคนก็เสียสติไล่ฆ่าฟันพวกพ้องของตัวเอง   
                            เพียงค่ำคืนเดียวมันได้ทำการสังหารหมู่ยอดฝีมือไปเป็นจำนวนถึงห้าสิบกว่าคนเลยทีเดียว    นับเป็นการลงมือที่อำมหิตที่สุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว
                            หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกประกาศจับจากทางการ      แต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นมันอีกเลย  ซึ่งก็เป็นครั้งเดียวกันกับที่ไม่มีคนเห็นนักเชิดเงาอีกเลยเช่นกัน 
                           
                          “ เจ้าเองก็รู้ว่ามันคือ มือสังหารที่เคยสังหารยอดฝีมือหมู่ถึงห้าสิบกว่าคนมาแล้ว  เจ้ายังคิดจะไปต่อกรกับมันด้วยสภาพเช่นนี้อีกหรือ  เจ้าสามารถหรือไง ! ”
                    นักเชิดเงาหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว 
                          “ ข้า ข้า ”
                    “ หากวันนั้นเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ละก็  เจ้าคงไม่กล่าวเช่นนี้แล้ว  วันนั้นข้าได้เห็นกับตาของข้าเอง  มันเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของข้า ”
                    “ ท่านผู้อาวุโสโปรดให้อภัย  ข้าเพียงแค่ .”
                    “ เอาละ  เจ้ากับข้าในตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำ  ข้าเชื่อว่าริคจะต้องมีชีวิตรอดได้แน่นอน  หรือหากไม่เช่นนั้น  พวกเราก็ต้องสานต่อปณิธานของเขา    ก่อนอื่นข้าต้องพาเจ้าไปที่ซ่อนตัวของข้าก่อน ”
                    นักเชิดเงากล่าวจบก็พุ่งทะยานตัวออกไปในทันที               
                        ไม่นานนัก นักเชิดเงาก็พาดาร์กโซลมายังสถานที่แห่งหนึ่ง  ที่นี่ไม่ใช่ที่อื่นใด    แต่เป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเทอรีโน่ไม่มากนัก 
                          เมื่อมองออกไปจากตรงนี้สามารถมองเห็นสภาพของเมืองเทอรีโน่ได้อย่างชัดเจน    เมืองเทอรีโน่ยังคงดูสงบสุขเหมือนเช่นเดิมจริงๆ 
                            แต่ใครจะรู้บ้างว่าได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้           
                            นักเชิดเงาเดินผ่านต้นไม้ใหญ่หลายต้น  เข้าสู่กลางภูเขาด้วยความรวดเร็ว          บรรยากาศโดยรอบของภูเขาลูกนี้นั้นสงบยิ่งนัก    หิ่งห้อยนับร้อยเปร่งแสงในตัวของมันออกมาสวยงาม  น่าพ่อนคลายยิ่งนัก 
                            เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงทางหุบเขา   
                            หากใครได้มาเห็นต้องไม่เสียทีที่เกิดมาจริงๆ  ที่หุบเขาแห่งนี้กลับปรากฏน้ำตกสายหนึ่งขึ้น  เป็นน้ำตกที่สวยงามยิ่งนัก    อากาศในตอนนี้เย็นสบาย ชวนในพ่อนคลายยิ่งนัก 
                            นักเชิดเงากระโดดพุ่งตัวลงไปยังบริเวณใจกลางของน้ำตกนั้น    พุ่งผ่าเข้าไปในใจกลางของตัวน้ำตก
                            มิคาดที่ภายในตัวน้ำตกนั้นกลับปรากฏเป็นถ้ำขนาดใหญ่         
         
                          ดาร์กโซลรู้สึกว่าตัวของมันเริ่มหนักขึ้น 
                          “ ตอนนี้เจ้าคงสามารถเดินเองได้กระมัง ”
                    ดาร์กโซลไม่ตอบ แต่เดินตามนักเชิดเงาเข้าไปภายในถ้ำใต้น้ำตกนั้น    ภายในถ้ำมืดมิดยิ่งนัก    หากไม่ใช่ผู้ที่ฝึกฝนการเดินในที่มืดจนชำนาญย่อมต้องเดินล้มเป็นแน่ 
                          เดินไปไม่ลึกมากนัก  นักเชิดเงาก็เคาะพนังถ้ำทางด้านขวามือของมัน      ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงส่วางขึ้น  เป็นแสงสว่างจากโคมไฟภายในพนังถ้ำนั่นเอง
                        ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคิดได้ว่าภายในถ้ำที่มืดมิดเช่นนี้ยังเป็นที่อาศัยของยอดฝีมือที่เร้นกายไปนานเช่นนักเชิดเงา
                  นักเชิดเงา และดาร์กโซลเมื่อก้าวเข้าไปยังห้องในพนังแล้ว ประตูก็ถูกปิดลงในทันที 
                       
                        “ ท่านปู่กลับมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง  ”
                  ที่เบื้องหน้าดาร์กโซลปรากฏหญิงสาวรูปงามนางหนึ่ง  ลักษณะท่าทางเรียบร้อย  แววตาของนางนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกหลุมรักได้    นางอยู่ในอาภรณ์สีแสดสวยสดใส    แต่ท่าทางของนางในตอนนี้ดูท่าไม่สบายใจยิ่งนัก
                        “ ข้าไม่เป็นไรหรอก ”
                    นักเชิดเงากล่าวไม่ทันไร  ก็ไอออกมาเป็นอันมาก    หญิงสาวนางนั้นรีบเขาไปประคองพร้อมกับนำน้ำดื่มให้แก่นักเชิดเงา   
                  ที่นักเชิดเงาเป็นอย่างนี้เนื่องด้วยมันชราแล้ว  ซ้ำยังไม่ได้ใช้พลังฝีมือออกมาเป็นเวลานาน    วันนี้ถึงกับต้องใช้ออกด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ทำให้ร่างกายของมันปรับสภาพไม่ทัน 
                        “ แล้วมีดสั้นสังหารเล่า ? ”
                    นักเชิดเงาเหม่อลอยสักพัก ไม่ยอมตอบ    ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังในทันที
                        “ มันไม่เป็นไรหรอก  แต่ตอนนี้ข้าต้องรีบรักษาอาการของเจ้าหนุ่มนั่นก่อน ”
                  หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นักเชิดงาช่วยเหลือมาก็ตกใจเล็กน้อย  ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำมากแล้ว  นั่นเพราะพิษกำเริบถึงขั้นร้ายแรงแล้ว
                          “ เจ้ารีบไปนำสำรับยาของข้ามาเร็วเข้า !  ส่วนเจ้าช่วยอุ้มเจ้านั่นมานอนตรงนี้ที ”
                    นักเชิดเงาสั่งการโดยเร็ว    ดาร์กโซลนั้นเป็นนักฆ่าที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชรานักเชิดเงาผู้นี้กลับทำตามคำสั่งโดยง่าย
                            ที่มันทำตามนั้นมิใช่เพราะมันเกรงกลัว  แต่เป็นเพราะมันรู้สึกเสื่อมใส  ศรัทธาในคนผู้นี้ยิ่ง    วันนี้นักฆ่าที่เคยแต่จะเอาชีวิตผู้คนเช่นมัน  กลับกระทำการช่วยเหลือผู้คน ซึ่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัด    ทำให้มันรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน
                        มันเริ่มรู้สึกขึ้นมาในใจลึกๆ แล้วว่า    การจะช่วยเหลือชีวิตคนนั้นน่ายกย่องกว่าการสังหารผู้คนยิ่งนัก  ซ้ำยังยากเย็นยิ่ง
                          มันค่อยๆ ประคองชายหนุ่มผู้นั้นลงที่เตียงไม้อย่างเบาที่สุดเท่าที่แรงของมันในตอนนี้จะสามารถประคองได้ 
                        หญิงสาวนำตำรับยา  พร้อมกับกะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามาในทันที   
                        นักเชิดเงาสำรวจอาการของชายหนุ่มดูสักพักก็แย้มยิ้มขึ้นเล็กน้อย
                        “ พิษที่มันโดนมันร้ายแรงยิ่งนัก  มิคาดมันยังสามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้  นับว่าดวงมันยังไม่ถึงคาดจริงๆ  เอาสุมนไพรสูตรพิเศษมาให้ข้าที  ”
                  หญิงสาวส่งใบไม้รูปร่างประหลาดรูปหนึ่งให้แก่นักเชิดเงาโดยเร็ว  จากนั้นนักเชิดเงาก็เริ่มทำการผสมยาด้วยความรวดเร็ว
                          ดาร์กโซลนั้นได้แต่นั่งดูด้วยความลุ้นอยู่นิดๆ   
                          “ มิทราบว่าผู้อาวุโสปรุงยาแก้พิษเป็นด้วย ”
                    “ ข้าปรุงยาแก้พิษไม่เป็นหรอกนะ    หากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา  ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ ”
                 
                          เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามนักเชิดเงาก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากของมันด้วยความเหนื่อยล้า
                          “ เฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที  รอจนมันฟื้นก็จะเริ่มดีขึ้นเอง  ต่อไปก็เป็นเจ้าละนะ ”
                    นักเชิดเงาหันมาทางดาร์กโซล
                          “ ข้าไม่เป็นไร  ผู้อาวุโสเหนื่อยมากแล้ว  พักผ่อนก่อนเถอะ ”
                    “ เจ้าอย่าทำปากแข็งไปหน่อยเลย  หากเจ้าไม่พักรักษาตัวบ้าง  จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยมีดสั้นสังหารเล่า ?  ”
                  เมื่อนักเชิดเงากล่าวเช่นนี้  ดาร์กโซลก็ได้แต่ยอมให้มันรักษาแล้ว
                        “ แผลทางด้านร่างกายของเจ้านี่ยังไม่ถือว่าบาดเจ็บมากนัก  แต่กำลังภายในตัวเจ้าสูญเสียไปมากนัก  ต้องกินยาสมุนไพรชนิดพิเศษเสียแล้ว ”
                  จากนั้นนักเชิดเงาก็กวักมือเรียกหญิงสาวเป็นการขอสมุนไพรเพิ่ม
                        “ อืม ข้าลืมแน่ะนำเจ้าไป  นี่คือว่าที่หลานสาวของข้า โซเฟีย  ”
                  โซเฟียก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายให้แก่ดาร์กโซล  ส่วนดาร์กโซลนั้นยังคงนิ่งเฉยซ่อนใบ้หน้าของมันไว้ใต้เสื้อคลุมเมื่อเช่นเคย
                        “ ท่านผู้นี้คือ ”
                    “ มันผู้นี้ก็คือ นักฆ่า ฉายา มือกระบี่ปีศาจ ดาร์กโซลยังไงละ ”
                    ดาร์กโซลคิดว่าเมื่อโซเฟียได้ยินชื่อของมันละก็ต้องตกใจกลัวแน่
                          แต่โซเฟียกลับยิ้มให้อย่างเป็นมิตรยิ่งนัก    เป็นที่น่าแปลกยิ่งนักที่หญิงสาวคนหนึ่งเมื่อมาอยู่ต่อนักฆ่าเช่นมันกลับยิ้มออกมาได้
                          “ ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน  เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้แหละ ”
                    โซเฟียกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่มันอย่างเป็นมิตร  ทำให้มันต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น 
                          “ ว่าแต่ท่านปู่ มีดสั้นสังหารเล่า  มันไม่ได้มาด้วยหรือ ”
                    “ มัน มัน มันไม่ได้มาด้วย ”
                    นักเชิดเงากล่าวออกไปอย่างอดไม่ได้  โซเฟียมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก
                            นักเชิดเงาเห็นดังนั้นก็รีบพุดปลอบใจหลานสาว
                            “ มันย่อมไม่เป็นไรหรอก  หรือเจ้าไม่เชื่อใจในฝีมือของมัน ”
                    “ ข้าเชื่อใจ ”
                    โซเฟียก้มหน้าตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
                            นักเชิดเงาขณะที่กำลังเริ่มรักษาแผลในแก่ดาร์กโซลนั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า
                            “ เฮ้อ ทำไมถึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียทีนะ  ”
                    “ ผู้อาวุโสหมายถึงเรื่องในห่อผ้าใช่หรือไม่ ”
                    นักเชิดเงาผงกหัว
                            “ หากมิใช่เพราะของในห่อผ้านั้นแล้ว  ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่ ”
                    มันกล่าวถึงตอนนี้ก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้รีบสั่งโซเฟียในทันที
                            “ เจ้าลองไปค้นดูตัวของชายหนุ่มนั่นสิ  ว่าห่อผ้ายังอยู่กับเขาหรือไม่ ! ”
                     
                      โซเฟียค้นอยู่สักพักก็กลับมาหานักเชิดเงา  พร้อมกับส่ายหน้า
                              “ ห่อผ้าไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาค่ะ ”
                      “ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าต้องอยู่ที่ริคแน่นอน  แย่แล้ว  หวังว่าริคคงจะปลอดภัยนะ ”
                      สีหน้าของนักเชิดเงาในตอนนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังกลุ้มใจอย่างมาก
                              “ เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่  ผู้อาวุโสพอจะบอกแก่ข้าได้หรือไม่ ”
                      นักเชิดเงาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง  จากนั้นก็ส่ายหน้าครั้งหนึ่ง
                              “ ถึงตอนนี้ข้าคงจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นให้เจ้าฟังแล้วสินะ ”   
                            “ เมืองเทอรีโน่นั้นเดิมทีเป็นเมืองที่สงบสุขน่าอยู่มาก  จนกระทั่งเมื่อห้าปีที่แล้ว  เมื่อเงาเมืดได้เริ่มย่างกร่ายเข้ามา  มันเริ่มกลืนกินเมื่องนี้เข้าไปอย่างช้าๆ 
                      ตอนนั้นหลังจากเศรษฐีใหญ่มาคัสได้ตายลง  ทายาทของมันนามว่า คอนเนอร์ก็ได้สืบทอดมรดกขึ้นมา  คอนเนอร์ดูจากภายนอกมันเป็นคนที่โอบอ้อมอารีผู้หนึ่ง    ผู้คนในเมืองล้วนให้ความนับถือแก่มัน  แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว เบื้องหลังของมันนั้นได้วางแผนการอันชั่วร้ายอย่างหนึ่งขึ้น
                              และขณะเดียวกันเมื่อห้าปีที่แล้วในตอนนั้น ได้ปรากฏมือสังหารนิรนามขึ้นมาผู้หนึ่ง  นามของมันก็คือ พิณล่าวิญญาณ
                            ไม่มีใครทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน  ว่ามันปรากฏตัวขึ้นมาเพื่ออะไรกัน  และใครเป็นคนบงการมัน    รู้เพียงแค่ใครที่เคยได้ต่อกรกับมันล้วนตายอย่างสงบยิ่งนัก  ไม่มีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว         
                            ตอนนั้นชื่อเสียงของพิณล่าวิญญาณได้ลือชื่อไปทั่ว  ทำให้ยอดฝีมือหลายต่อหลายคนเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่เพื่อตัดสินฝีมือแก่มัน  แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับมันได้เลย
                      การที่ยอดฝีมือเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่นั้นทำให้ความสงบของเมืองนี้เริ่มเปลี่ยนไป  ถึงแม้จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองดีขึ้นก็ตาม  แต่การฆ่าฟันก็เกิดกันมากขึ้น  ”         
                            “ และในตอนนั้นเองได้มีข่าวว่ามีการค้นพบของวิเศษชิ้นหนึ่งขึ้น    ของวิเศษที่จะนำมาซึ่งความหายนะของผู้คนอีกมากมาย  ทางการได้ทำการเก็บของวิเศษชิ้นนั้นไว้  โดยที่ในที่ประชุมได้มีการโต้เถียงกันเป็นอย่างมากว่า ควรจะทำลายของชิ้นนี้ทิ้งเสีย   
                                แต่ก็ไม่เป็นผล  ทางการได้สรุปว่าควรจะเก็บของชิ้นนี้ไว้   
                              ที่ๆทางการนำไปเก็บไว้ก็คือ    หอรักษาการณ์ฮาโมเนีย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดปราการแห่งการเก็บของล้ำค่าต่างๆ    หากผู้ใดคิดฝ่าด่านเข้าไปขโมยของในหอรักษาการณ์นี้ละก็  คนผู้นั้นต้องกลายเป็นคนตายผู้หนึ่ง
                              นั่นเพราะมิเพียงหอนั่นจะมียอดฝีมือรักษาการณ์ไว้มากมาย  ยังซ่อนไว้ด้วยกับดักอันตรายต่างๆ มากมาย ”
                 
                    “ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อพิณล่าวิญญาณ และพรรคพวกมือสังหารของมันประกาศตัวว่าจะแย่งชิงเอาของวิเศษชิ้นนั้นไปให้จงได้    จึงได้เกิดการรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะช่วยกันป้องกันการขโมยของล้ำค่าชิ้นนั้นให้ได้ 
                            การรวมตัวในครั้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว  เพราะทุกคนต่างทราบฝีมือของพิณล่าวิญญาณดี    เจ้าก็คงเคยได้ยินสินะ  ”
                      ดาร์กโซลพยักหน้าเป็นการยอมรับ  มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาเหมือนกัน
                   
                      “ และในคืนวันนั้นเอง  เป็นคืนที่เรื่องราวทุกอย่างได้เกิดขึ้น ! ”
                         
                         
                           
                     
                                        ________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น