ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Risk มีดสั้นสังหาร

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 แลกชีวิต : พิณล่าวิญญาณ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 77
      0
      29 ส.ค. 48

                                        

                                                                 บทที่ 5  แลกชีวิต : พิณล่าวิญญาณ  







                                นักเชิดเงากล่าวไม่ทันจบประโยคร่างของดาร์กโซล และหุ่นรูปร่างผอมสูงของมันก็ถูกใช้ออกในทันทีด้วยวิชาเชิดเงาสังหาร  ซึ่งเป็นวิชาที่มันถนัดที่สุด   นั่นก็คือ ใช้หุ่นเชิดของมันในการเล่นงานคู่ต่อสู้  โดยที่ตัวมันเองนั้นไม่จำเป็นต้องเข้าไปต่อสู้ด้วยในระยะประชิด

                                แต่การที่จะฝึกฝนจนสามารถใช้หุ่นเชิดจนชำนาญได้นั้นมิใช่เรื่องงายเลยทีเดียว   พลังฝีมือของมันนั้นถึงจัดอยู่ในขั้นสูงเยี่ยม

                                ทว่าที่น่าแปลกก็คือที่นักนักเชิดเงาที่ได้หายตัวไปนาน  บางคนบอกว่ามันได้ตายไปแล้ว   จนกระทั่งวันนี้มันกลับปรากฏตัวขึ้น  เป็นที่น่าตื่นตระหนกของผู้คนจริงๆ

                                



                            

                                 “ รับมือ ! ”

                          ดาร์กโซลถูกนักเชิดเงาบังคับใช้ออกด้วยดาบยักษ์   ความรวดเร็วในการใช้ดาบนั้นไม่จัดอยุ่ในขั้นรวดเร็ว แต่ก็ไม่เชื่องช้า   ความเร็วของดาบในระดับนี้สำหรับผู้ที่ใช้เพียงเส้นด้ายในการบังคับคนแล้วถือว่าอยู่ในขั้นน่าตื่นตระหนกจริงๆ

                                 ประกายดาบวูบขึ้นพร้อมกับการเคลื่อนไหวของมือสังหารทั้งสามคนพอดี      รัศมีการทำลายล้างของดาบนี้เพียงพอที่จะทำให้มือสังหารทั้งสามต้องหลบหลีกในทันที

                                  ทันใดนั้นเองที่เบื้องหลังคนในเสื้อคลุมขาวก็ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้น    เงาร่างสายนั้นมาอย่างไร้สุ่มเสียงพร้อมกับต่อยออกตรงเข้าใส่คนในเสื้อคลุมขาวด้วยความรวดเร็ว

                                แต่คนในเสื้อคลุมขาวมิใช่ชนชั้นธรรมดาสามารถรับรู้การมาของเงาร่างสายนี้ได้   ก็หมุนตัวหลบได้อย่างง่ายดาย  

                                 “ พวกเรารุมกันจัดการกับนักเชิดเงาก่อน ! ”

                          คนในเสื้อคลุมขาวตะโกนสั่งอย่างเร่งร้อน

                                 “ ได้ยินชื่อเสียงของนักเชิดเงามานานวันนี้ขอทราบฝีมือของท่านหน่อย ”

                          มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกันนั้นอาวุธลับหลายสายก็ถูกซัดออกด้วยความรวดเร็วตรงเข้าใส่ตัวนักเชิดเงาในทันที  

                                 “ การลงมือที่อำมหิตยิ่งนัก ”

                          อาวุธลับดังห่าฝนซัดใส่นักเชิดเงาอย่างเร่งร้อน  เห็นแน่ว่าต้องถูกตัวนักเชิดเงาเป็นแน่    

                                  “ ฉึ่ก ! ”

                          อาวุธลับเหล่านั้นแม้ถูกซัดออกใส่นักเชิดเงา แต่ทว่ากลับถูกกันไว้ได้ด้วยหุ่นของนักเชิดเงา   มันอาศัยหุ่นของมันเป็นเกราะกำบังอาวุธได้อย่างง่ายดาย   หากผู้ใดคิดจะลงมือต่อมันนั้นหาใช่เรื่องง่ายดายไม่

                                “ ริคเจ้าใยยังมิยอมลงมืออีกเล่า ”

                           นักเชิดเงากล่าวพร้อมกับหันมองไปยังทางที่ริคอยู่  

                                  แต่ทว่าริคได้หายตัวไปเสียแล้ว !

                         เมื่อใดที่คู่ต่อสู้ไม่เห็นตัวมีดสั้นสังหารแล้วละก็  แสดงว่าคนผู้นั้นจะต้องตายไปแล้วแน่นอน

                              บัดนี้มีดสั้นสังหารได้หายตัวไปเสียแล้ว   ความรวดเร็วในการพรางตัวช่างเป็นที่น่าตื่นตระหนกยิ่งนัก    

                               แม้แต่ยอดมือสังหารทั้งสามคนยังไม่สามารถสังเกตเห็นการพรางตัวอันรวดเร็วของริคได้

                               และแล้วก็ถึงเวลาที่มีดสั้นสังหารจะลงมือแล้ว !







          

                        ผู้ที่สามารถรับรู้ได้ถึงรังสีชนิดหนึ่งได้เร็วสุดก็คือ คนในเสื้อคลุมขาว   รังสีที่มันรู้สึกนั้นมิใช่รังสีการฆ่าฟันธรรมดา   แต่เป็นรังสีแห่งความตาย  

                             มันแม้เป็นหนึ่งในสุดยอดมือสังหารแต่เมื่อรู้ว่ามีดสั้นสังหารได้ใช้วิชาพรางตัวขึ้นมาแล้ว  ย่อมยากที่จะต่อกรได้แล้ว

                              ในทันทีที่มันคิดได้เช่นนั้นมันก็เปลี่ยนขลุ่ยไม้ในมือของมันเป็นพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที

                              พิณตั้งสายขนาดเล็กที่แสนธรรมดา

                       “ พวกเรามีดสั้นสังหารกำลังจะลงมือแล้ว   หากไม่คิดหนีตอนนี้ละก็…….. ”

                       มันกล่าวพร้อมกับเริ่มบรรเลงเพลงจากพิณตั้งสายขนาดเล็กในทันที

                            นักเชิดเงาทันทีที่เห็นมันหยิบพิณตั้งสายขนาดเล็กขึ้นมาก็รู้ว่าผิดท่าเสียแล้ว

                            “ ผิดท่าเสียแล้ว  รีบหนีเร็วเข้าริค ! ”

                       นักเชิดเงาใช้ออกด้วยเส้นด้ายในมือของมันในทันที   เส้นด้ายใสนั้นพุ่งต้องเข้าใส่ร่างของชายหนุ่มที่ริคพามาในทันที   พร้อมกันนั้นนักเชิดเงาก็ควบคุมร่างทั้งสามนั้นพุ่งตัวหลบออกจากบริเวณนั้นในทันที

                             อัศวินมารซามูเอลที่ไม่เคยกลัวแม้แต่ความตาย   เมื่อรู้ว่าคนในเสื้อคลุมขาวกำลังจะบรรเลงพิณของมันก็ถึงกับต้องพุ่งตัวหลบหนีออกมาในทันที    

                              พิณตั้งสายขนาดเล็กของคนในเสื้อคลุมขาว มีความน่ากลัวเฉกเช่นเดียวกันกับมีดสั้นของริคหรือไม่ ?

                        ความน่ากลัวของมันนั้นคืออะไรกันแน่ ?

                        







                       “ ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ”

                       มือสังหารเสน่ห์กล่าวพร้อมกับพุ่งตัวออกจากบริเวณนั้นเช่นกัน  

                            “ หึหึ มาเลยมีดสั้นสังหาร   เมื่อไหร่ที่ท่านลงมือมาละก็  เราจะได้รู้กันไปเลยว่ามีดสั้นของท่านกับพิณตั้งสายของข้า   อะไรจะเหนือกว่ากัน”

                           เสียงพิณที่บรรเลงนั้นมิใช่เสียงที่น่ากลัวอันใด   ซ้ำหากผู้คนได้ฟังแล้วยังต้องบอกว่ามันน่าฟังยิ่งด้วย   แต่ทำไมถึงทำให้ยอดฝีมือทั้งหลายต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้  

                            ถึงตอนนี้เสียงพิณของมันก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

                            มีดสั้นสังหารใยยังมิลงมืออีก

                           “ บทเพลงเฝ้าราตรี ! ”

                        นี่ใช่เพราะจริงอย่างที่มันกล่าวไว้แต่แรกหรือไม่   ว่าค่าตอบแทนในการบรรเลงเพลงของมันคือชีวิตคน                  

                             อย่างนั้นชีวิตของมีดสั้นสังหารเล่า ?

                       ทันใดนั้นเมื่อเสียงเพลงบรรเลงได้ถึงระดับหนึ่ง     สิ่งต่างๆ รอบๆบริเวณนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น  

                            พื้นหลังคาบ้านใกล้ๆ รัศมีของเสียงพิณนั้นเกิดการพังทลายขึ้นในทันที   เสียงเพลงที่เคยได้ฟังดูไพเราะกลับแปรเปลี่ยนไปในทันที   เปลี่ยนแปลงเป็นวิปริตยิ่งนัก   เพียงพอที่จะทำลายประสาทของผู้คนได้อย่างง่ายดาย     หากใครตกอยู่ในรัศมีเสียงพิณของมันนั้นต้องเสียชีวิตแล้ว !

                            ไม่ต้องคิดเลยว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริวเณนั้นจะเป็นเช่นไร

                            ทุกผู้คนที่อยู่ใต้บริเวณนั้นได้แต่ตายแล้ว   เพียงแต่ตายอย่างประหลาดนัก  ตายอย่างไม่ทรมาน

                       หากท่านคิดวิธีที่จะฆ่าตัวตายแล้วละก็   การได้ฟังเสียงพิณของมันนั้นก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน

                            เช่นนั้นมีดสั้นสังหารในตอนนี้เล่า  ใยยังมิสามารถลงมือสังหารมันอีก

                            การลงมือสังหารของมีดสั้นสังหารไม่เคยพลาดมาก่อนมิใช่หรือ ?

                            “ ฮ่าๆๆ  มีดสั้นสังหารวันนี้ท่านได้แต่จบชีวิตลงที่นี้แล้ว ”









                    

                      อีกมุมหนึ่งไกลออกไปจากบริเวณที่คนในเสื้อคลุมขาวอยู่นั้น    นักเชิดเงานำร่างทั้งสามหนีออกมาอย่างไม่คิดชีวิต    มันมิเพียงต้องหนีจากเสียงพิณของคนในเสื้อคลุมขาวเพียงอย่างเดียว   ที่มันหนีอยู่ตอนนี้ก็คือ  การตามล่าจากมือสังหารที่เหลืออีกสองคนด้วย

                            หากมันควบคุมหุ่นของมันอยู่เพียงตัวเดียว หรือสองตัวนั้นมันย่อมมิกลัวอันใด   แต่นี่มันต้องควบคุมถึงสามในเวลาเดียว   หากตอนนี้มันต้องต่อสู้ละก็มันต้องพ่ายแพ้แน่

                            ขณะที่มันกำลังหนีอยู่นั้นมันก็ได้ยินเสียงพูดขึ้น   เสียงของดาร์กโซลนั่นเอง

                             “ ปล่อยข้าเถอะ  ข้าจะกลับไปช่วยมัน ”

                       ดาร์กโซลนั้นแม้กำลังจะพูดยังแทบจะไม่มีอยู่แล้ว   แต่ยังคิดที่จะกลับไปช่วยริคนับว่ามันมีน้ำใจเป็นลุกผู้ชายจริงๆ  

                             “ หากข้าปล่อยเจ้าตอนนี้เจ้าจะต้องตายแน่นอน ”

                       “ หรือท่านจะทิ้งมันไว้เช่นนั้น ”

                       “ ข้าย่อมมิอาจ แต่ว่า…… ”

                       “ หากท่านมิปล่อยข้าลงตอนนี้  ข้าคงต้องใช้กำลังแก่ท่านแล้ว ”

                       มันกล่าวพร้อมเริ่มเกร็งพลังลมปราณที่มีอยู่น้อยนิดของมันขึ้น

                             นักเชิดเงาเมื่อรู้เช่นนั้นก็หยุดท่าร่างของมันลงในทันที  

                             “ หากข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้   เจ้าใช้สามารถช่วยมันได้หรือไม่ ”

                       “ ข้า…….. ”

                       “ สภาพของเจ้าในตอนนี้อย่าว่าแต่ไปช่วยมันเลย   แค่เอาชีวิตให้รอดก็อยากอยู่แล้ว   ยังจะไปช่วยอะไรมันได้อีก   รังแต่จะไปเป็นตัวถ่วงมันอีก   ใช่ว่าข้าเองไม่อยากไปช่วยมันเมื่อไหร่กัน ”

                         ที่ตาของนักเชิดเงาคล้ายปรากฏคราบน้ำตาขึ้น

                              “ แต่จะให้ข้าหนีไปอย่างนี้หรือ   หากท่านกับข้าช่วยกันละก็ ”

                        “ เฮอะ  เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนเมื่อสักครู่นี้เป็นใคร ”

                        “ ข้าทราบ  มันคือ กวีพเนจร   ฉายาพิณล่าวิญญาณ !  ”

                        ที่แท้คนในเสื้อคลุมขาวนั้นคือ กวีพเนจร   ฉายา พิณล่าวิญญาณ

                               พิณล่าวิญญาณนั้นกล่าวได้ว่าความน่ากลัวของพลังฝีมือมันนั้นเป็นที่น่าตื่นตระหนกจริงๆ    มันอาศัยเพียงพิณตั้งสายขนาดเล็กของมันในการสังหารหมู่ผู้คน    ความน่ากลัวในการทำลายล้างของมันนั้นยังน่ากลัวกว่าดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าอีก  

                               ข่าวที่ทำให้มันเป็นที่เลื่องชื่อมากที่สุดก็คือ  การสังหารหมู่ยอดฝีมือที่เมืองเทอรีโน่เมื่อห้าปีก่อน      ตอนนั้นพิณล่าวิญญาณได้การอุกอาจสังหารยอดฝีมือจากหลายสำนักเป็นว่าเล่น    จึงต้องมีการรวมตัวกันของยอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะไปกำจัดมัน  

                                ค่ำคืนวันนั้นแม้แต่ยอดฝีมืออย่างนักเชิดเงาก็ได้ไปเข้าร่วมในการสังหารมันด้วยเช่นกัน   แต่ผลก็คือ  เพียงมันเริ่มบรรเลงเสียงพิณขึ้นมา   ยอดฝีมือหลายคนก็ล้มตายเป็นอันมาก   บางคนก็เสียสติไล่ฆ่าฟันพวกพ้องของตัวเอง    

                                 เพียงค่ำคืนเดียวมันได้ทำการสังหารหมู่ยอดฝีมือไปเป็นจำนวนถึงห้าสิบกว่าคนเลยทีเดียว    นับเป็นการลงมือที่อำมหิตที่สุดในรอบสิบปีเลยทีเดียว

                                 หลังจากนั้นมันก็ได้ถูกประกาศจับจากทางการ      แต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้พบเห็นมันอีกเลย  ซึ่งก็เป็นครั้งเดียวกันกับที่ไม่มีคนเห็นนักเชิดเงาอีกเลยเช่นกัน  

                                





                               “ เจ้าเองก็รู้ว่ามันคือ มือสังหารที่เคยสังหารยอดฝีมือหมู่ถึงห้าสิบกว่าคนมาแล้ว  เจ้ายังคิดจะไปต่อกรกับมันด้วยสภาพเช่นนี้อีกหรือ  เจ้าสามารถหรือไง ! ”

                        นักเชิดเงาหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว  

                               “ ข้า ข้า ”

                         “ หากวันนั้นเจ้าอยู่ในเหตุการณ์ละก็  เจ้าคงไม่กล่าวเช่นนี้แล้ว   วันนั้นข้าได้เห็นกับตาของข้าเอง  มันเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของข้า ”

                         “ ท่านผู้อาวุโสโปรดให้อภัย   ข้าเพียงแค่…….”

                         “ เอาละ  เจ้ากับข้าในตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ยังต้องทำ   ข้าเชื่อว่าริคจะต้องมีชีวิตรอดได้แน่นอน  หรือหากไม่เช่นนั้น  พวกเราก็ต้องสานต่อปณิธานของเขา    ก่อนอื่นข้าต้องพาเจ้าไปที่ซ่อนตัวของข้าก่อน ”

                         นักเชิดเงากล่าวจบก็พุ่งทะยานตัวออกไปในทันที                







                             ไม่นานนัก นักเชิดเงาก็พาดาร์กโซลมายังสถานที่แห่งหนึ่ง   ที่นี่ไม่ใช่ที่อื่นใด    แต่เป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเทอรีโน่ไม่มากนัก  

                              เมื่อมองออกไปจากตรงนี้สามารถมองเห็นสภาพของเมืองเทอรีโน่ได้อย่างชัดเจน     เมืองเทอรีโน่ยังคงดูสงบสุขเหมือนเช่นเดิมจริงๆ  

                                 แต่ใครจะรู้บ้างว่าได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้นแล้วในค่ำคืนนี้            

                                 นักเชิดเงาเดินผ่านต้นไม้ใหญ่หลายต้น  เข้าสู่กลางภูเขาด้วยความรวดเร็ว          บรรยากาศโดยรอบของภูเขาลูกนี้นั้นสงบยิ่งนัก    หิ่งห้อยนับร้อยเปร่งแสงในตัวของมันออกมาสวยงาม  น่าพ่อนคลายยิ่งนัก  

                                 เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงทางหุบเขา    

                                หากใครได้มาเห็นต้องไม่เสียทีที่เกิดมาจริงๆ   ที่หุบเขาแห่งนี้กลับปรากฏน้ำตกสายหนึ่งขึ้น  เป็นน้ำตกที่สวยงามยิ่งนัก    อากาศในตอนนี้เย็นสบาย ชวนในพ่อนคลายยิ่งนัก  

                                นักเชิดเงากระโดดพุ่งตัวลงไปยังบริเวณใจกลางของน้ำตกนั้น    พุ่งผ่าเข้าไปในใจกลางของตัวน้ำตก

                                มิคาดที่ภายในตัวน้ำตกนั้นกลับปรากฏเป็นถ้ำขนาดใหญ่          

              





                               ดาร์กโซลรู้สึกว่าตัวของมันเริ่มหนักขึ้น  

                               “ ตอนนี้เจ้าคงสามารถเดินเองได้กระมัง ”

                        ดาร์กโซลไม่ตอบ แต่เดินตามนักเชิดเงาเข้าไปภายในถ้ำใต้น้ำตกนั้น    ภายในถ้ำมืดมิดยิ่งนัก     หากไม่ใช่ผู้ที่ฝึกฝนการเดินในที่มืดจนชำนาญย่อมต้องเดินล้มเป็นแน่  

                               เดินไปไม่ลึกมากนัก   นักเชิดเงาก็เคาะพนังถ้ำทางด้านขวามือของมัน       ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงส่วางขึ้น   เป็นแสงสว่างจากโคมไฟภายในพนังถ้ำนั่นเอง

                            ไม่ว่าใครก็ไม่อาจคิดได้ว่าภายในถ้ำที่มืดมิดเช่นนี้ยังเป็นที่อาศัยของยอดฝีมือที่เร้นกายไปนานเช่นนักเชิดเงา

                       นักเชิดเงา และดาร์กโซลเมื่อก้าวเข้าไปยังห้องในพนังแล้ว ประตูก็ถูกปิดลงในทันที  

                            



                            “ ท่านปู่กลับมาแล้ว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง   ”

                       ที่เบื้องหน้าดาร์กโซลปรากฏหญิงสาวรูปงามนางหนึ่ง  ลักษณะท่าทางเรียบร้อย  แววตาของนางนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกหลุมรักได้    นางอยู่ในอาภรณ์สีแสดสวยสดใส     แต่ท่าทางของนางในตอนนี้ดูท่าไม่สบายใจยิ่งนัก

                             “ ข้าไม่เป็นไรหรอก ”

                        นักเชิดเงากล่าวไม่ทันไร  ก็ไอออกมาเป็นอันมาก    หญิงสาวนางนั้นรีบเขาไปประคองพร้อมกับนำน้ำดื่มให้แก่นักเชิดเงา    

                       ที่นักเชิดเงาเป็นอย่างนี้เนื่องด้วยมันชราแล้ว  ซ้ำยังไม่ได้ใช้พลังฝีมือออกมาเป็นเวลานาน    วันนี้ถึงกับต้องใช้ออกด้วยพลังฝีมือเช่นนี้ทำให้ร่างกายของมันปรับสภาพไม่ทัน  

                             “ แล้วมีดสั้นสังหารเล่า ? ”

                        นักเชิดเงาเหม่อลอยสักพัก ไม่ยอมตอบ    ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังในทันที

                             “ มันไม่เป็นไรหรอก  แต่ตอนนี้ข้าต้องรีบรักษาอาการของเจ้าหนุ่มนั่นก่อน ”

                       หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นักเชิดงาช่วยเหลือมาก็ตกใจเล็กน้อย   ใบหน้าของชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำมากแล้ว  นั่นเพราะพิษกำเริบถึงขั้นร้ายแรงแล้ว

                              “ เจ้ารีบไปนำสำรับยาของข้ามาเร็วเข้า !   ส่วนเจ้าช่วยอุ้มเจ้านั่นมานอนตรงนี้ที ”

                        นักเชิดเงาสั่งการโดยเร็ว    ดาร์กโซลนั้นเป็นนักฆ่าที่ไม่ชอบให้ใครมาสั่ง  แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายชรานักเชิดเงาผู้นี้กลับทำตามคำสั่งโดยง่าย

                                ที่มันทำตามนั้นมิใช่เพราะมันเกรงกลัว   แต่เป็นเพราะมันรู้สึกเสื่อมใส  ศรัทธาในคนผู้นี้ยิ่ง     วันนี้นักฆ่าที่เคยแต่จะเอาชีวิตผู้คนเช่นมัน  กลับกระทำการช่วยเหลือผู้คน ซึ่งขัดกันอย่างเห็นได้ชัด    ทำให้มันรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน

                             มันเริ่มรู้สึกขึ้นมาในใจลึกๆ แล้วว่า     การจะช่วยเหลือชีวิตคนนั้นน่ายกย่องกว่าการสังหารผู้คนยิ่งนัก   ซ้ำยังยากเย็นยิ่ง

                              มันค่อยๆ ประคองชายหนุ่มผู้นั้นลงที่เตียงไม้อย่างเบาที่สุดเท่าที่แรงของมันในตอนนี้จะสามารถประคองได้  

                             หญิงสาวนำตำรับยา  พร้อมกับกะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามาในทันที    

                             นักเชิดเงาสำรวจอาการของชายหนุ่มดูสักพักก็แย้มยิ้มขึ้นเล็กน้อย

                            “ พิษที่มันโดนมันร้ายแรงยิ่งนัก   มิคาดมันยังสามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้   นับว่าดวงมันยังไม่ถึงคาดจริงๆ  เอาสุมนไพรสูตรพิเศษมาให้ข้าที  ”

                       หญิงสาวส่งใบไม้รูปร่างประหลาดรูปหนึ่งให้แก่นักเชิดเงาโดยเร็ว   จากนั้นนักเชิดเงาก็เริ่มทำการผสมยาด้วยความรวดเร็ว

                              ดาร์กโซลนั้นได้แต่นั่งดูด้วยความลุ้นอยู่นิดๆ    

                              “ มิทราบว่าผู้อาวุโสปรุงยาแก้พิษเป็นด้วย ”

                        “ ข้าปรุงยาแก้พิษไม่เป็นหรอกนะ    หากไม่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา   ไว้ข้าจะเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ ”

                      









                               เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยามนักเชิดเงาก็ปาดเหงื่อบนหน้าผากของมันด้วยความเหนื่อยล้า

                              “ เฮ้อ ในที่สุดก็เสร็จเสียที   รอจนมันฟื้นก็จะเริ่มดีขึ้นเอง   ต่อไปก็เป็นเจ้าละนะ ”

                         นักเชิดเงาหันมาทางดาร์กโซล

                              “ ข้าไม่เป็นไร   ผู้อาวุโสเหนื่อยมากแล้ว  พักผ่อนก่อนเถอะ ”

                        “ เจ้าอย่าทำปากแข็งไปหน่อยเลย   หากเจ้าไม่พักรักษาตัวบ้าง   จะเอาแรงที่ไหนไปช่วยมีดสั้นสังหารเล่า ?  ”

                       เมื่อนักเชิดเงากล่าวเช่นนี้  ดาร์กโซลก็ได้แต่ยอมให้มันรักษาแล้ว

                             “ แผลทางด้านร่างกายของเจ้านี่ยังไม่ถือว่าบาดเจ็บมากนัก   แต่กำลังภายในตัวเจ้าสูญเสียไปมากนัก   ต้องกินยาสมุนไพรชนิดพิเศษเสียแล้ว ”

                       จากนั้นนักเชิดเงาก็กวักมือเรียกหญิงสาวเป็นการขอสมุนไพรเพิ่ม

                             “ อืม ข้าลืมแน่ะนำเจ้าไป   นี่คือว่าที่หลานสาวของข้า โซเฟีย   ”

                       โซเฟียก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายให้แก่ดาร์กโซล   ส่วนดาร์กโซลนั้นยังคงนิ่งเฉยซ่อนใบ้หน้าของมันไว้ใต้เสื้อคลุมเมื่อเช่นเคย

                             “ ท่านผู้นี้คือ ”

                         “ มันผู้นี้ก็คือ นักฆ่า ฉายา มือกระบี่ปีศาจ ดาร์กโซลยังไงละ ”

                         ดาร์กโซลคิดว่าเมื่อโซเฟียได้ยินชื่อของมันละก็ต้องตกใจกลัวแน่

                               แต่โซเฟียกลับยิ้มให้อย่างเป็นมิตรยิ่งนัก    เป็นที่น่าแปลกยิ่งนักที่หญิงสาวคนหนึ่งเมื่อมาอยู่ต่อนักฆ่าเช่นมันกลับยิ้มออกมาได้

                              “ ได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน  เพิ่งจะได้เห็นตัวจริงก็วันนี้แหละ ”

                        โซเฟียกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่มันอย่างเป็นมิตร  ทำให้มันต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น  

                               “ ว่าแต่ท่านปู่ มีดสั้นสังหารเล่า  มันไม่ได้มาด้วยหรือ ”

                         “ มัน มัน มันไม่ได้มาด้วย ”

                         นักเชิดเงากล่าวออกไปอย่างอดไม่ได้  โซเฟียมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นทุกข์ใจยิ่งนัก

                                นักเชิดเงาเห็นดังนั้นก็รีบพุดปลอบใจหลานสาว

                                “ มันย่อมไม่เป็นไรหรอก  หรือเจ้าไม่เชื่อใจในฝีมือของมัน ”

                         “ ข้าเชื่อใจ ”

                         โซเฟียก้มหน้าตอบอย่างไม่มั่นใจนัก

                                นักเชิดเงาขณะที่กำลังเริ่มรักษาแผลในแก่ดาร์กโซลนั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า

                                “ เฮ้อ ทำไมถึงเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียทีนะ  ”

                         “ ผู้อาวุโสหมายถึงเรื่องในห่อผ้าใช่หรือไม่ ”

                         นักเชิดเงาผงกหัว

                                “ หากมิใช่เพราะของในห่อผ้านั้นแล้ว  ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่ ”

                         มันกล่าวถึงตอนนี้ก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นมาได้รีบสั่งโซเฟียในทันที

                                “ เจ้าลองไปค้นดูตัวของชายหนุ่มนั่นสิ  ว่าห่อผ้ายังอยู่กับเขาหรือไม่ ! ”

                          





                           โซเฟียค้นอยู่สักพักก็กลับมาหานักเชิดเงา  พร้อมกับส่ายหน้า

                                  “ ห่อผ้าไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาค่ะ ”

                           “ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าต้องอยู่ที่ริคแน่นอน  แย่แล้ว   หวังว่าริคคงจะปลอดภัยนะ ”

                           สีหน้าของนักเชิดเงาในตอนนี้แสดงให้เห็นว่ากำลังกลุ้มใจอย่างมาก

                                  “ เรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่  ผู้อาวุโสพอจะบอกแก่ข้าได้หรือไม่ ”

                           นักเชิดเงาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง  จากนั้นก็ส่ายหน้าครั้งหนึ่ง

                                  “ ถึงตอนนี้ข้าคงจะต้องเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นให้เจ้าฟังแล้วสินะ ”    

                                 “ เมืองเทอรีโน่นั้นเดิมทีเป็นเมืองที่สงบสุขน่าอยู่มาก   จนกระทั่งเมื่อห้าปีที่แล้ว   เมื่อเงาเมืดได้เริ่มย่างกร่ายเข้ามา   มันเริ่มกลืนกินเมื่องนี้เข้าไปอย่างช้าๆ  

                           ตอนนั้นหลังจากเศรษฐีใหญ่มาคัสได้ตายลง  ทายาทของมันนามว่า คอนเนอร์ก็ได้สืบทอดมรดกขึ้นมา   คอนเนอร์ดูจากภายนอกมันเป็นคนที่โอบอ้อมอารีผู้หนึ่ง     ผู้คนในเมืองล้วนให้ความนับถือแก่มัน   แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้ว เบื้องหลังของมันนั้นได้วางแผนการอันชั่วร้ายอย่างหนึ่งขึ้น

                                  และขณะเดียวกันเมื่อห้าปีที่แล้วในตอนนั้น ได้ปรากฏมือสังหารนิรนามขึ้นมาผู้หนึ่ง  นามของมันก็คือ พิณล่าวิญญาณ

                                ไม่มีใครทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน  ว่ามันปรากฏตัวขึ้นมาเพื่ออะไรกัน   และใครเป็นคนบงการมัน     รู้เพียงแค่ใครที่เคยได้ต่อกรกับมันล้วนตายอย่างสงบยิ่งนัก  ไม่มีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว          

                                 ตอนนั้นชื่อเสียงของพิณล่าวิญญาณได้ลือชื่อไปทั่ว   ทำให้ยอดฝีมือหลายต่อหลายคนเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่เพื่อตัดสินฝีมือแก่มัน   แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับมันได้เลย

                          การที่ยอดฝีมือเดินทางมาที่เมืองเทอรีโน่นั้นทำให้ความสงบของเมืองนี้เริ่มเปลี่ยนไป  ถึงแม้จะทำให้เศรษฐกิจของเมืองดีขึ้นก็ตาม  แต่การฆ่าฟันก็เกิดกันมากขึ้น   ”          





                                 “ และในตอนนั้นเองได้มีข่าวว่ามีการค้นพบของวิเศษชิ้นหนึ่งขึ้น    ของวิเศษที่จะนำมาซึ่งความหายนะของผู้คนอีกมากมาย   ทางการได้ทำการเก็บของวิเศษชิ้นนั้นไว้  โดยที่ในที่ประชุมได้มีการโต้เถียงกันเป็นอย่างมากว่า ควรจะทำลายของชิ้นนี้ทิ้งเสีย    

                                    แต่ก็ไม่เป็นผล   ทางการได้สรุปว่าควรจะเก็บของชิ้นนี้ไว้    

                                   ที่ๆทางการนำไปเก็บไว้ก็คือ    หอรักษาการณ์ฮาโมเนีย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดปราการแห่งการเก็บของล้ำค่าต่างๆ    หากผู้ใดคิดฝ่าด่านเข้าไปขโมยของในหอรักษาการณ์นี้ละก็  คนผู้นั้นต้องกลายเป็นคนตายผู้หนึ่ง

                                   นั่นเพราะมิเพียงหอนั่นจะมียอดฝีมือรักษาการณ์ไว้มากมาย  ยังซ่อนไว้ด้วยกับดักอันตรายต่างๆ มากมาย ”





                      

                        “ แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น   เมื่อพิณล่าวิญญาณ และพรรคพวกมือสังหารของมันประกาศตัวว่าจะแย่งชิงเอาของวิเศษชิ้นนั้นไปให้จงได้     จึงได้เกิดการรวมตัวของเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากเพื่อที่จะช่วยกันป้องกันการขโมยของล้ำค่าชิ้นนั้นให้ได้  

                                 การรวมตัวในครั้งนั้นเรียกได้ว่าเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่เลยทีเดียว   เพราะทุกคนต่างทราบฝีมือของพิณล่าวิญญาณดี    เจ้าก็คงเคยได้ยินสินะ   ”

                          ดาร์กโซลพยักหน้าเป็นการยอมรับ   มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาเหมือนกัน

                        



                          “ และในคืนวันนั้นเอง  เป็นคืนที่เรื่องราวทุกอย่างได้เกิดขึ้น ! ”

                              

                              

                                

                          

                                             ________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×