ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 ต่อสู้เดิมพันชีวิต : นักเชิดเงา
                                           
                                                            บทที่ 4  ต่อสู้เดิมพันชีวิต : นักเชิดเงา 
                  ริคจ้องมองไปยังมือสังหารอีกสามคนที่เหลือ    พวกมันล้วนสงบนิ่ง  ไม่มีผู้ใดคิดที่จะลงมือ  แต่ในความสงบนิ่งของพวกมันนั้นคล้ายแฝงความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
                        ดาร์กโซล และดาบประหารฟ้านั้นกำลังเผชิญหน้ากันอยู่    ทั้งคู่ก็ล้วนยังสงบนิ่งอยู่เช่นกัน  แต่รังสีการฆ่าฟันกลับพุ่งพวยออกมาอย่างไม่ขาดสาย
                        “ เฮอะ  ที่แท้คนแคระเยี่ยงเจ้าก็เป็นแค่คนขี้กลัว  มิกล้าลงมือต่อผู้คน ”
                  ดาร์กโซล กล่าว คำพูดของมันนั้น ตั้งใจแทงใจดำของดาบประหารฟ้า
                        การทำให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิก็เป็นหลักอย่างหนึ่งในการต่อสู้
                        ยิ่งหากว่าคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกันละก็  หากฝ่ายใดสูญเสียความเยือกเย็นก่อนละก็ ฝ่ายนั้นต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
                        และท่าทีของดาบประหารฟ้าก็เปลี่ยนไป  มันคล้ายสูญเสียความเยือกเย็นไปหลายส่วน
                      “ เจ้า ! บังอาจนัก ”
                  พริบตานั้นดาบยักษ์ในมือของมันก็ถูกสะบัดออกแล้ว  การชิงลงมือของมันแม้รวดเร็ว  แต่ก็เป็นที่คาดคำนวณได้  นั่นเพราะมันได้สูญเสียความเยือกเย็นไปส่วนหนึ่งแล้ว 
                      ประกายดาบวูบขึ้น  ดาร์กโซลแม้มั่นใจในฝีมือของมันเอง  แต่ก็ยังมิกล้าที่จะปะทะกับดาบยักษ์เล่มนี้ตรงๆ  อาศัยวิชาตัวเบาตีลังกาถอยหลังหลบรัศมีการทำลายล้างอย่างรวดเร็ว
                      มิคาดประกายดาบวูบหนึ่งเพียงครั้งเดียว  กำแพงที่อยู่ข้างๆ ตรอกนั้นกลับปรากฏรอยดาบยาว ลึกยิ่ง  นับว่าพลังการทำลายล้างของมันนั้นสูงยิ่ง    หากโดนฟันเข้าละก็ต้องถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแน่นอน
                      ดาบประหารฟ้านั้นแม้ตัวเล็ก  แต่การควบคุมพลังของดาบนั้นใช้ออกมาได้อย่างคล่องแคล่วนับว่ามันสมกลับฉายานี้จริงๆ 
                      ดาร์กโซลขณะหมุนตัวหลบคมดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าอยู่นั้น  ก็รีบตะโกนบอกแก่ริค
                      “ ท่านยังมิไปอีก  หากอยู่ต่อละก็ข้าจะลงมือต่อท่านแล้ว ”
                ริคเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็กัดฟันอุ้มชายหนุ่ม และเตรียมตัวหลบหนีแล้ว
                      “ ข้าจะกลับมาช่วยท่าน ! ”
                มันกล่าวพร้อมกับพุ่งตัวออกไป  ท่าร่างของริคในคราวนี้นั้นรวดเร็วยิ่งนัก    นั่นเพราะมันรู้ว่า  หากช้ากว่านี้แล้วละก็  ย่อมมิสามารถหลบหนีจากยอดฝีมืออีกสามคนได้แน่
                    แต่ถึงแม้ความเร็วของริคจะรวดเร็วเพียงใดก็ตาม  ย่อมมิอาจหนีพ้นคนทั้งสามได้แน่ 
                    มือสังหารทั้งสามที่นิ่งอยู่บัดนี้ได้เคลื่อนไหวแล้ว !
               
                ดาร์กโซลเมื่อเห็นมือสังหารทั้งสามตามริคไป ก็พยายามเพื่อที่จะเข้าไปขัดขวางมือสังหารทั้งสามคนนั้น    แต่ประกายดาบที่วูบขึ้นตลอดเวลาของดาบประหารฟ้านั้น ทำให้มันมิอาจแบ่งสมาธิไปช่วยเหลือริคได้เลย
                        “ เห็นทีข้าคงจะต้องฆ่าเจ้าก่อนกระมัง ”
                  มันกล่าว    พร้อมกันนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าร่างของมัน      มันหมุนตัวพุ่งเข้าหาดาบประหารฟ้าด้วยความรวดเร็วยิ่ง    มันคิดที่จะใช้ท่าร่างนี้พุ่งเข้าสังหารดาบประหารฟ้าในเพียงกระบวนท่าเดียว !
                  หากคู่มือของดาร์กโซลในวันนี้มิใช่ดาบประหารฟ้า  คู่มือของมันต้องตายไปแล้วแน่
                        ดาร์กโซลนั้นแม้เป็นนักฆ่าที่มีฝีมือสูงเยี่ยมแต่คู่ต่อสู้ของมันก็มิใช่ชนชั้นธรรมดา    การจะสังหารมันได้ในกระบวนท่าเดียวย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย
                        แต่การพุ่งท่าร่างของดาร์กโซลในครั้งนี้  เรียกได้ว่ามันใช้พลังลมปราณในตัวของมันอย่างเต็มที่ก็ว่าได้
                        หากจะบรรยายความรวดเร็วของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้นั้นย่อมยากที่จะบรรยายได้
                             
                       
                  อีกเพียงไม่เท่าไหร่ก็จะถึงตัวของดาบประหารฟ้าแล้ว    ตอนนี้ขอเพียงดาร์กโซลใช้กระบี่ของมันออกก็สามารถปลิดชีพของดาบประหารฟ้าได้แล้ว
                        แต่ทันใดนั้นเอง
                        “ ฟ้าววว ! ”
                  ประกายดาบยักษ์กลับวูบขึ้น   
                        ดาบประหารฟ้านั้นอาศัยจังหวะที่ดาร์กโซลชะล่าใจ แกล้งเปิดโอกาสให้มันจู่โจมเข้ามา    ทันทีที่มันกำลังจะใช้สภาวะกระบี่ของนั้นดาบประหารฟ้าก็ชิงลงมือ
                        การใช้แผนล่อดาร์กโซลในครั้งนี้นั้นมิเพียงแต่ต้องอาศัยความกล้า  แต่ยังต้องอาศัยการคาดคำนวณที่แม่นยำมากด้วย
                        หากคาดคำนวณในการชิงลงมือพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียวชีวิตของมันก็ต้องจบสิ้นลงแล้ว
                        ดาร์กโซลนั้นแรกกำลังจะใช้ออกด้วยกระบี่    แต่เมื่อมันรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามก็รู้ว่ามันพลาดเสียแล้ว 
                          มันอาศัยความรวดเร็ว  ใช้ออกด้วยกระบี่ในทันที !
                    “ เช้ง ! ”
                    กระบี่ที่มันใช้ออกนั้นมิได้ใช้สังหารดาบประหารฟ้า  แต่ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีของดาบประหารฟ้า
                          กระบี่สีดำเข้มของดาร์กโซลผ่านการฆ่ามานักต่อนัก  บัดนี้สามารถปะทะกับดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าได้ทันถ่วงที  นับว่าสมแล้วที่มันสามารถอาศัยกระบี่สีดำเข้มเล่มนี้รอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้
                          แต่ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้ามิใช่ดาบทั่วไป
                          มันคือ ดาบที่สามารถประหารได้แม้แต่ฟ้า ดิน ! 
                  แล้วกระบี่ของดาร์กโซลเล่าใช่ ยิ่งใหญ่กว่าฟ้า ดิน หรือไม่ ?
                  คำตอบได้ออกมาแล้ว    ทันทีที่ดาร์กโซลนั้นใช้กระบี่ของมันป้องกันดาบยักษ์ไว้ได้  แต่ก็ไม่สามารถป้องกันอานุภาพทำลายล้างของมันได้    ดาร์กโซลถูกแรงเหวี่ยงของดาบยักษ์กระเด็นชนกำแพงตรอกอย่างจัง
                       
                          มันแม้กระเด็นชนกำแพงอย่างจัง  แต่ก็มิได้ล้มลงอาศัยท่าร่างหมุนตัวกลับมายืนอยู่บนพื้นได้อีกครั้ง 
                          เลือดทะลักออกจากปากของมันไม่น้อยทีเดียว  นี่หรือพลังการทำลายล้างของดาบประหารฟ้า
                          สภาพการณ์ในตอนนี้มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ    จากการกระทบกับกำแพงเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังลมปราณในร่างของมันเริ่มแตกซ่านแล้ว 
                          “ ฮ่าๆๆ  ดูท่าวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเสียแล้ว    มีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่ ”
                    ดาบประหารฟ้าหัวเราะอย่างได้ใจ
                          ดาร์กโซลบ้วนเลือดในปากของมันออกก่อนที่จะกล่าวอย่างแข็งใจ  ร่างกายของมันในตอนนี้นั้นหากไม่ใช่ฝึกปรือวิชาฝีมือมานาน  คงจะต้องตายไปแล้ว
                          “ เฮอะ ข้ามิมีทางตายเพราะคนแคระอย่างเจ้าหรอก ”
                    “ ไม่อยากเชื่อว่า มือกระบี่ปีศาจที่แท้ก็เป็นคนที่ดีแต่ปากอย่างนี้    ยังมีหน้าจะมาพูดอีกหรือ  เจ้าลองดูกระบี่ในมือเจ้าเสียก่อน ”
                    ดาร์กโซลเหลียวมองกระบี่สีดำเข้มที่มือของมันก็ถึงกับต้องตะลึง    กระบี่สีดำเข้มของมันในตอนนี้นั้นเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งเล่มเสียแล้ว
                            การใช้กระบี่ป้องกันการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ของมันนั้น  ทำให้แม้แต่กระบี่คู่ใจของมันก็ต้องหักครึ่งลง      ความรู้สึกของดาร์กโซลในตอนนี้นั้นยากที่จะบรรยายได้
                          หากมือกระบี่ผู้หนึ่งสูญเสียกระบี่ของตนเอง  นั่นก็เท่ากับว่ามือกระบี่ผู้นั้นได้ตายไปแล้ว
                          ที่ตายไปอาจมิใช่คนใช้กระบี่  แต่เป็นจิตใจของผู้ใช้กระบี่  !
                    จิตใจดาร์กโซลใช่ได้ตายไปแล้วด้วยหรือไม่ ?   
                    ริคแม้อาศัยท่าร่างเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างสุดกำลังแล้ว  แต่ก็ยังไม่สามารถหนีพ้นจากการติดตามของมือสังหารทั้งสามได้
                          ริคนั้นมิใช่คนที่ชอบหนีแต่อย่างใด  แต่คู่ต่อสู้ของมันในครั้งนี้มิใช่คนที่มันจะต่อกรด้วยได้   
                          การหลบหนีของมันในครั้งนี้  ดูไร้จุดหมายยิ่งนัก  นั่นก็เพราะมิว่ามันจะหนีไปที่ใด  พวกมันล้วนติดตามมาทันเสมอ  ซ้ำยังกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
                        ดูท่าหากยังเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แล้วละก็ชีวิตของมีดสั้นสังหารจะต้องจบลงในคืนนี้แน่นอน 
                        และในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้แล้ว     
                        ริคหยุดท่าร่างของมันลง    พร้อมกับวางร่างของชายหนุ่มลง    มันยิ่งสงบนิ่งอยู่บนหลังคาบ้านใหญ่หลังหนึ่ง   
                        ไม่ทันไรเงาร่างของมือสังหารทั้งสามก็เคลื่อนที่มาล้อมริคไว้แล้ว
                        “ ท่านหยุดอยู่อย่างนี้  ดูท่าจะเข้าใจแล้วกระมัง ”
                  คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวกับมันอย่างสุภาพเช่นเคย 
                        “ พวกท่านอย่างเพิ่งเข้าใจผิด  ที่ข้าหยุดตรงนี้นั้นก็เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ”
                  “ ท่านตัดสินใจอันใด ”
                  “ ข้าตัดสินใจแล้วว่า คงจะต้องต่อสู้กับพวกท่าน  ”
                  “ การตัดสินใจของท่านนั้นก็ไม่นับว่าแย่เกินไป  เพียงแต่ท่านคิดว่าท่านสามารถหรือ ”
                  “ เรื่องที่ข้าได้ตัดสินใจแล้วนั้น  มิว่าสามารถหรือไม่สามารถข้าล้วนต้องกระทำ ”
                  “ กล่าวได้เยี่ยมสมกับเป็นมีดสั้นสังหารจริงๆ  ท่านก่อนตายยังคงคิดจะสู้  ข้าเลื่อมใสในความกล้าหาญของท่านยิ่งนัก ”
                  คนในเสื้อขาวกล่าว  พร้อมกับเริ่มหยิบพิณตั้งสายขนาดเล็กของมันขึ้นช้า      อัศวินมารซามูเอลนั้นยืนสงบนิ่งอยู่  ผ้าคลุมดำของมันไหวต้องกับสายลม  แต่ในดวงตาของมันนั้นแฝงแววพร้อมที่จะฆ่าฟันทุกเมื่อ    มือสังหารเสน่ห์ก็เอามือไข้วหลังไว้พร้อมที่จะซัดอาวุธลับใส่ริคทุกเมื่อ
                        ดูท่าคราวนี้จะเป็นจุดจบของริคเสียแล้ว 
                        ริคเองก็เตรียมพร้อมที่จะสู้แล้วเช่นกัน  ในมือทั้งสองข้างของมันนั้นมิทราบปรากฏมีดสั้นขึ้นเมื่อไหร่    คราวนี้มีดสั้นของมันนั้นเปร่งประกายยิ่งกว่าเดิม    เนื่องด้วยบริเวณที่มันอยู่นั้นมิได้ถูกเฆมบดบัง 
                        มือสังหารทั้งสาม แม้เป็นสุดยอดฝีมือ ที่อาจจัดได้ว่ามีฝีมือสูงกว่าริคนั้น  เมื่อเห็นมีดสั้นปรากฎขึ้นก็มิอาจเปลี่ยนท่าทางไปเล็กน้อย
                        มิว่าผู้ใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้ามีดสั้นของริคแล้วก็ต้องอดที่จะหวาดหวั่นมิได้
                        หากถามว่าทำไมริคไม่ตั้งหลักต่อสู้ที่ตรอกนั้นกับดาร์กโซลตั้งแต่แรกนั้น  อาจสามารถตอบได้สองประการ
                        ประการที่หนึ่งมันรู้ว่า หากมันยังอยู่ดาร์กโซลย่อมมิสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่  และตัวมันเองด้วยเช่นกัน    แต่ถ้าหากมันหนีมามือสังหารอีกสามคนจะต้องตามมาเป็นแน่    และโอกาสที่ดาร์กโซลจะรอดชีวิตย่อมมีมากกว่า
                          ประการที่สองนั้นบริเวณตรอกนั้นมืดสลัวยิ่งนัก  ไม่เหมาะแก่การต่อสู้ตัดสินชะตากรรม  มันจึงเลือกหนีมาหาที่ๆ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด  ซึ่งก็คือที่ตรงนี้ ที่แสงจันทร์สาดส่องมาให้เห็นได้ชัดเจนพอดี
                          “ ข้ามีเรื่องที่คิดจะบอกท่านทั้งสามอย่างหนึ่ง ”
                    มือสังหารทั้งสามคนยืนนิ่ง  แต่ก็หมายความว่าพร้อมที่จะรับฟัง
                          “ การสังหารของข้ามิเคยพลาดมาก่อน !  หากพวกท่านคิดลงมือก็เชิญได้ทุกเมื่อ  ”
                    มันกล่าวเช่นนี้ ทั้งสามรู้ว่ามิใช่การข่มขู่แน่นอน  นั่นเพราะการลงมือของมีดสั้นสังหารมิเคยพลาดมาก่อนจริงๆ
                    มือสังหารทั้งสามยังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นเคย 
                          “ หรือพวกท่านมิกล้าที่จะลงมือ  การสังหารของข้าแม้ไม่เคยพลาดมาก่อน  แต่การที่จะสังหารพวกท่านทั้งสามคนก็ไม่แน่ว่าอาจจะพลาดก็ได้ ”
                    “ พวกข้าแม้มิลงมือ  แต่ท่านเองก็มิกล้าลงมือเช่นกันใช่หรือไม่ ?”
                    คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวอย่างเปิดเผย 
                        “ และหากข้าทั้งสามลงมือพร้อมกันละก็  ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าสามารถเอาชัยพวกข้าได้ ”
                  “ บอกตามตรงว่าข้ามิมั่นใจ    แต่เมื่อพวกท่านลงมือก็คงจะทราบคำตอบเอง ”
                  กล่าวจบทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ    มือสังหารทั้งสามแม้มีฝีมือสูงส่งแต่ก็ยังมิมีผู้ใดกล้าที่จะเป็นฝ่ายลงมือก่อน 
                          ริคกัดฟันของตัวเองแน่น  พยายามควบคุมพลังสมาธิของตนเองให้นิ่งที่สุด  ในตอนนี้หากมันเคลื่อนไหวเชื่องช้าไปเพียงส่วนหนึ่งละก็ชีวิตของมันจะต้องจบสิ้นลงแน่ 
                    นานเท่าไหร่มิทราบ  ก็ยังไม่มีผู้ใดลงมือ    หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ริคจะต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้แน่นอน  นั่นก็เพราะเมื่อใดที่พลังสมาธิของมันถดถอยลงเรื่อยๆ จนใกล้หมดแล้วละก็เมื่อถูกลงมือตอนนั้นมันก็ไม่สามารถหลบหลีกได้แล้ว        แต่หากให้มันลงมือในตอนนี้นั้นมันก็ต้องผ่ายแพ้เช่นกัน 
                         
                         
                            ดาบประหารฟ้าเตรียมตัวที่จะลงมือแล้ว  ดาร์กโซลในตอนนี้นิ่งเงียบไปแล้ว  นั่นใช่เพราะกระบี่ของมันได้ถูกทำลายไปแล้วใช่หรือไม่
                            “ เจ้าตายซะ ! ”
                    มันกล่าวพร้อมกับกระโดตวัดดาบยักษ์ของมันออกอย่างสุดกำลัง  การลงมือของมันในครั้งนี้ทุ่มกำลังออกอย่างสุดแรงหมายที่จะฟันร่างของดาร์กโซลในขาดครึ่งท่อนภายในดาบเดียว    ดาร์กโซลนั้นคล้ายไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวหลบ    หรืออาจเป็นเพราะร่างกายของมันนั้นบอบช้ำจนไม่สามารถเกร็งพลังได้ทัน 
                          เห็นแน่ชัดว่า ดาบยักษ์ต้องตัดร่างของดาร์กโซลขาดแน่นอน 
                          แต่ทันใดนั้นเองประกายกระบี่สีดำเข้มก็วูบขึ้น
                          ประกายกระบี่ปีศาจที่แสนอำมหิตนั้นเอง
                          กระบี่สีดำเข้มครึ่งท่อนที่เหลือถูกซัดออกด้วยความรวดเร็วยิ่งนัก  ตรงเข้าใส่ดาบประหารฟ้า    พร้อมกันนั้นดาร์กโซลก็อาศัยพลังเฮือกสุดท้ายของมันหลังจากซัดกระบี่ใส่ดาบประหารฟ้าแล้วนั้น  พุ่งตัวขึ้นหลบดาบยักษ์ในทันที   
                          ดาบประหารฟ้าใช้กำลังออกอย่างสุดแรงสภาวะดาบของมันนั้นยากที่จะดึงกลับได้ทันถ่วงที  เมื่อปรากฏประกายกระบี่วูบเข้าใส่มัน    มันคิดหลบก็ไม่ทันถ่วงทีแล้ว
                          แต่มิคาดมันอาศัยวิชาปลดพลังที่เกร็งใส่ดาบยักษ์  เปลี่ยนสภาวะดาบของมันกลับฟันใส่กระบี่ที่ดาร์กโซลซัดมา    กระเด็นหักออกเป็นสองท่อนอีกครั้ง !
                   
                         
                      แผนการที่ดาร์กโซลอุส่าห์ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของมันนั้น เท่ากับว่าล้มเหลวแล้ว
                            “ ฮ่าๆๆ  ลูกไม้ตื้นๆ หรือจะลวงข้าได้    ตอนนี้เจ้าไม่มีอาวุธแล้ว  ทั้งยังใกล้ตายเต็มที่  ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นฝ่ายชนะเสียแล้ว ”
                      มันกล่าวยังไม่ทันจบเงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นตรงไปยังกระบี่ที่กำลังกระเด็นขาดสองท่อนพอดี    เงาร่างสายนั้นจับกระบี่ทั้งสองท่อนนั้นพร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาดาบประหารฟ้า 
                            เงาร่างนั้นอาศัยช่วงเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที  วิ่งไต่ดาบยักษ์เล่มนั้นตรงเข้าหาดาบประหารฟ้า    ตอนนี้ดาบประหารฟ้าคิดหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว    คิดจะใช้ดาบของมันออกนั้นก็ไม่ทันเช่นกัน  นั่นเพราะดาบของมันถูกเงาร่างสายนี้ทิ้งน้ำหนักลงพร้อมวิ่งตรงเข้าหามันแล้ว
                              “ ฟ้าววววว ! ”
                      โลหิตกระเซ็นออกเป็นสาย  ดาบประหารฟ้าถูกฟันใส่คอหอยอย่างจัง  ช่างเป็นการลงมือที่แสนอำมหิตยิงนัก     
                              เงาร่างสายนั้นเมื่อพุ่งเข้าสังหารดาบประหารฟ้าได้แล้ว ก็หมุนตัวลงกลับพื้น  แต่พลังของมันนั้นแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว    ทำให้มันแทบไม่สามารถทรงตัวได้  ต้องชันเข่าข้างหนึ้งลงพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
                              “ ปัง !! ”
                      ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าร่วงลงกับพื้น    แต่ร่างของดาบประหารฟ้ายังไม่ล้มลง
                              “ เจ้า เจ้า ! ”
                      มันเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว  นั่นเพราะหลอดลมของมันถูกฟันขาดสะบัดไปแล้ว  โลกของมันเริ่มมืดลงเรื่อยๆ  สิ่งที่มันรู้สึกสุดท้ายก่อนตายก็คือ  ประกายกระบี่ที่เย็นเฉียบ  กระบี่ที่อำมหิตยิ่งนัก กระบี่ปีศาจ ! 
                            ร่างของดาบประหารฟ้าค่อยๆ ล้มลง    มันตายแล้ว !
                   
                 
                      ที่แท้ดาร์กโซลในตอนแรกจงใจซัดกระบี่ออก  โดยรู้อยู่แล้วว่าดาบประหารฟ้าต้องถอนสภาวะดาบของมัน    จากนั้นดาร์กโซลก็อาศัยท่าร่างพุ่งตัวขึ้นพร้อมเตรียมตัวที่จะรับกระบี่ที่ดาบประหารฟ้าจะฟันออก      เมื่อกระบี่สีดำเข้มของมันถูกฟันขาดเป็นสองท่อนมันก็พุ่งตัวเข้ารับกระบี่สองท่อนนั้นพร้อมอาศัยจังหวะที่สภาวะดาบนั้นไม่มีกำลังชั่วขณะวิ่งไต่ขึ้นบนดาบยักษ์พร้อมกับสังหารดาบประหารฟ้าในทันที
                      แผนการฆ่าของดาร์กโซลนั้นเรียกได้ว่า  แม่นยำทีเดียว  มิเพียงต้องอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชน  ยังต้องอาศัยพลังสมาธิ และพลังฝีมืออย่างมากอีกด้วย 
                              มือของมันนั้นยังคงกำกระบี่ของมันไว้แน่น  แม้ว่าเลือดที่ออกมาจากมือทั้งสองข้างของมันนั้นจะมากเพียงใดก็ตาม
                            ในแววตาของมันนั้นคล้ายปรากฏคราบน้ำตาขึ้น   
                            มันยังคงกำกระบี่ไว้แน่น  คล้ายกับเป็นการไว้อาลัยสิ่งที่มันรักยิ่ง
                      ไม่นานนักมันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ    สภาพร่างกายของมันนั้นเรียกได้ว่า  แค่ลุกขึ้นได้ก็ดีมากแล้ว    เลือดทะลักออกจากปากของมันอีกครั้ง    นั่นก็เพราะเมื่อครู่มันใช้พลังลมปราณไปมาก   
                      มันค่อยๆ นำกระบี่ทั้งสี่ท่อนของมันสอดคืนฝักกระบี่ของมันอย่างดีที่สุด
                              หากเป็นผู้อื่น เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้จะต้องรีบกลับบ้าน  ไม่ก็ไปหาหมอแล้ว  แต่มันทั้งยังไม่กลับบ้าน  ทั้งไม่ไปหาหมอ  มันค่อยๆ เดินตรงไปยังดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้า 
                            มิทราบว่ามันเอาแรงมาจากไหน  มันค่อยๆ ยกดาบยักษ์เล่มนั้นขึ้น      ดาบเล่มนี้มิเพียงหนักยิ่ง  หากมิใช่ผู้ที่ฝึกปรือเพื่อที่จะใช้มานานละก็  ย่อมมิสามารถใช้ได้แน่นอน
                            แต่ดาร์กโซลกลับค่อยๆ ยกดาบนั้นขึ้นช้าๆ    พร้อมกับเตรียมตัวที่จะใช้ดาบเล่มนี้แทนกระบี่ที่หักไปของมัน   
                              ที่มันสามารถมีกำลังได้ถึงตอนนี้นั่นใช่เพราะ  คำว่าสหาย ได้เริ่มเกิดขึ้นในจิตใจมันแล้วหรือไม่   
                          ที่มันยังไม่สามารถพักได้  นั่นก็เพราะมันยังเหลือคนที่มันยังจะต้องไปช่วยเหลืออยู่    มีดสั้นสังหารนั่นเอง !
                    คนผู้หนึ่ง  หากมันพร้อมที่จะทำเพื่อผู้อื่นแล้วละก็  คนผู้นั้นย่อมต้องมีพลังใจเหนือผู้อื่นแน่นอน   
                    จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกแล้ว  การเคลื่อนไหวของมันแม้เชื่องช้าลงไปมากก็ไม่สำคัญ  ที่สำคัญคือ มันยังคงเคลื่อนไหว  มันยังคงไม่ยอมแพ้  นั่นเพราะจิตใจของมันยังคงมิได้ตายลง
                          คนผู้หนึ่งหากจิตใจยังคงไม่ยอมแพ้  คนผู้นั้นย่อมจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ! 
                       
                         
                          ขณะที่มือสังหารทั้งสาม และริคนั้นยังคงอยู่ในสภาวะสงบนิ่งพร้อมที่จะลงมือนั้น    ก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น    เสียงที่แสนเย็นชา  แต่เสียงที่แสนเย็นชานี้  กลับช่วยให้ความหวังที่หมดไปสำหรับริคกลับคืนมา 
                            เสียงๆ นั้นเป็นเสียงของดาร์กโซลนั่นเอง !
                    “ พวกท่านทั้งสามคน  รุมสังหารคนเพียงคนเดียว ยังนับว่าพวกท่านมีความละอายอยู่ด้วยหรือ ”
                    มือสังหารทั้งสามถึงกับจ้องมองไปยังเจ้าของเสียงเป็นสายตาเดียวกัน    มือสังหารเสน่ห์ถึงกับต้องหลุดปาก
                            “ เจ้า ! เจ้ายังไม่ตาย  ถ้าอย่างนั้นดาบประหารฟ้า หรือว่า ?! ”
                    “ เฮอะ ”
                    ดาร์กโซลไม่ตอบ แต่ดาบยักษ์ที่อยู่ในมือของมันนั้นได้แทนคำตอบแล้ว
                          ริคนั้นแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย  มันทั้งดีใจที่ดาร์กโซลสามารถเอาชนะดาบประหารฟ้าได้  และยังสามารถมาช่วยเหลือมันได้อีก  ดูท่าในวันเดียวมันจะติดหนี้บุญคุณคนไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว
                      “ สมแล้วที่เป็นมือกระบี่ปีศาจ  ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ    แต่ดูจากอาการของท่านนั้น  ไม่ตายก็ไม่ต่างกับตายแล้วเท่าไหร่ ”
                    คนในเสื้อคลุมขาวยิ้มอย่างสุภาพ    มันไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย  จากการปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งของดาร์กโซล
                            “ ข้าจะเป็นคนส่งวิญญาณของท่านเองก็แล้วกันนะ ”
                      คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวจบก็ไม่รอช้า    มันเปลี่ยนพิณตั้งสายขนาดเล็กในมือของมันเป็นขลุ่ย พร้อมกับเป่าออกในทันที
                            ในทันทีที่มันเป่าขลุ่ยขึ้นนั้น ก็ปรากฏอาวุธลับหลายสายพุ่งพวยออกจากขลุ่ยของมัน 
                            ดาร์กโซลนั้นร่างกายได้รับความบอบช้ำมากอยู่แล้ว    ซ้ำยังถือดาบยักษ์ไว้  จะพุ่งหลบอาวุธลับหลายสายนั้นย่อมมิมีทางทันท่วงทีแน่นอน
                      ริคนั้นแม้จะช่วยเหลือตอนนี้ก็ไม่ทันเช่นกัน  ที่สำคัญหากเขาพุ่งเข้าไปช่วยเหลือตอนนี้ละก็มือสังหารอีกสองคนจะต้องจัดการเขาแน่นอน
                            ดังนั้นตอนนี้ดาร์กโซลได้แต่ตายแล้ว !
                      “ เช้ง เช้ง เช้ง !!! ”
                      เสียงอาวุธลับหลายสายพุ่งเข้าใส่ดาบ
                            ที่อาวุธลับหลายสายนั้นพุ่งชนมิใช่ดาร์กโซล แต่เป็นดาบเล่มหนึ่ง
                            ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้านั่นเอง !
                    “ ท่านยังมีแรงที่จะลับอาวุธลับของข้าได้อีกหรือ ! ”
                    คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวด้วยท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย  แต่ท่าทางของมันยังคงสงบนิ่งเช่นเคย 
                            มิว่าใครก็มิอาจเชื่อได้ว่า  ดาร์กโซลยังคงมีแรงเหลือพอที่จะยกดาบป้องกันอาวุธลับที่แสนอำมหิตเช่นนี้ได้ทัน    ที่ไม่อาจเชื่อนั้นก็ไม่เพียงตัวมันเองด้วยเช่นกัน
                            มันจำไม่ได้ว่ามันได้ใช้ดาบป้องกันอาวุธลับนั้นไว้ด้วยตัวมันเอง   
                            ลมพัดโชยมาวูบหนึ่ง  ก็ปรากฏเสียงหัวเราะลอยตามลมมาด้วยเช่นกัน
                          “ ฮ่าๆๆๆ  มือกระบี่ปีศาจไม่มีแรง  แต่ข้ายังมีแรงเหลืออีกเยอะ ! ”
                    เสียงหัวเราะนี้มิทราบออกมาจากที่ใด  รู้แต่เพียงว่าเสียงหัวเราะนี้แฝงพลังที่แข็งแกร่งมากมายไว้ขุมหนึ่ง       
                          “ พวกท่านมีสามคนสู้กับคนสองคนจะสนุกได้อย่างไร  เพิ่มข้าไปอีกสักคนหนึ่งสิ ถึงจะสนุก ”
                    พร้อมกันนั้นเงาร่างใหญ่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของดาร์กโซล    เงาร่างสายนี้เพียงปรากฏตัวขึ้นท่าทีของมือสังหารทั้งสามก็ต้องเปลี่ยนไปแล้ว
                          “ ท่านหรือว่าท่านจะเป็น ! ”
                    มือสังหารเสน่ห์กล่าวด้วยความตกตะลึง
                          “ ใช่แล้ว ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นผู้ใด ”
                    เงาร่างใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของดาร์กโซลค่อยชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ    กลับปรากฏเป็นชายชราท่าทางใจดีผู้หนึ่ง    ผม และเคราของชายชราผู้นี้แม้จะเป็นสีขาวหมดแล้ว  แต่ยังแฝงไว้ด้วยความมีชีวิตชีวาขุมหนึ่ง    และที่ด้านข้างของชายชราผู้นี้คล้ายมีคนรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งอยู่  แต่หากสังเกตดีๆ คนรูปร่างผอมสูงผู้นี้กลับไม่ใช่ผู้คน  แต่เป็นหุ่นเชิด !
                  ดังนั้นเมื่อมองไกลๆ เวลาชายชราเคลื่อนไหวจึงเหมือนเป็นเงาร่างสายใหญ่นั่นเอง    !
                  และที่ดาร์กโซลสามารถขยับดาบมาป้องกันอาวุธลับไว้ได้นั้นก็เพราะฝีมือของชายชราผู้นี้นั่นเอง
                  และคนผู้นี้ก็คือ ยอดฝีมือ ฉายา นักเชิดเงา นั่นเอง !   
                     
                      “ ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ริค ”
                  นักเชิดเงากล่าวทักทายริค  มิคาดว่าชายชราผู้นี้กลับรู้จักริคมาก่อน  ซ้ำยังเรียกมีดสั้นสังหารว่า ริค อีกด้วย นั่นย่อมแสดงว่าคนทั้งสองนี้รู้จักกันอย่างสนิทสนมเลยทีเดียว
                      “ นั่นสินะครับ ท่านผู้อาวุโส ”
                      “ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดเรื่องเยอะเลยนะ  ”
                  นักเชิดเงาจ้องมองไปยังมือสังหารทั้งสามคน  ทำให้ทั้งสามอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้  สถาณการณืในตอนนี้ริคเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว
                       
                        “ เอาละรีบจัดการเจ้าสามคนนี้ก่อนดีกว่านะ  เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกันอีกเยอะ ”
                        “ ครับ ”
                    นักเชิดเงากล่าวกับริคเสร็จก็หันมากระซิบกับดาร์กโซล
                        “ ข้าขอยืมตัวเจ้าเป็นหุ่นให้ข้าสักครุ่ก่อนนะ ”
                  “ .. ”
                  “ ฮ่าๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่านักเชิดเงาที่หายตัวไปนานกลับปรากฏตัวขึ้นมาในวันนี้  แต่จะจัดการข้าทั้งสามคนได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ ”
                  คนในเสื้อคลุมขาวหัวเราะ  มันคล้ายขาดความเยือกเย็นไปบ้างแล้ว
                  มันคล้ายกับแค้นตัวเองที่ไม่ยอมสังหารริคแต่แรก  ปล่อยให้มีคนมาช่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
                        “ หึหึ เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองละว่า ง่ายหรือไม่ ”
                  นักเชิดเงาหันไปมองริค ดาร์กโซล และหุ่นของเขา  จากนั้นก็มองไปยังมือสังหารทั้งสามคนก่อนที่จะกล่าว
                        “ ถ้าพร้อมแล้วก็จะลงมือละนะ ! ”
                                    __________________________________
   
                                                 
                   
                                         
             
                   
                           
                 
                                                            บทที่ 4  ต่อสู้เดิมพันชีวิต : นักเชิดเงา 
                  ริคจ้องมองไปยังมือสังหารอีกสามคนที่เหลือ    พวกมันล้วนสงบนิ่ง  ไม่มีผู้ใดคิดที่จะลงมือ  แต่ในความสงบนิ่งของพวกมันนั้นคล้ายแฝงความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
                        ดาร์กโซล และดาบประหารฟ้านั้นกำลังเผชิญหน้ากันอยู่    ทั้งคู่ก็ล้วนยังสงบนิ่งอยู่เช่นกัน  แต่รังสีการฆ่าฟันกลับพุ่งพวยออกมาอย่างไม่ขาดสาย
                        “ เฮอะ  ที่แท้คนแคระเยี่ยงเจ้าก็เป็นแค่คนขี้กลัว  มิกล้าลงมือต่อผู้คน ”
                  ดาร์กโซล กล่าว คำพูดของมันนั้น ตั้งใจแทงใจดำของดาบประหารฟ้า
                        การทำให้คู่ต่อสู้เสียสมาธิก็เป็นหลักอย่างหนึ่งในการต่อสู้
                        ยิ่งหากว่าคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกันละก็  หากฝ่ายใดสูญเสียความเยือกเย็นก่อนละก็ ฝ่ายนั้นต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แน่นอน
                        และท่าทีของดาบประหารฟ้าก็เปลี่ยนไป  มันคล้ายสูญเสียความเยือกเย็นไปหลายส่วน
                      “ เจ้า ! บังอาจนัก ”
                  พริบตานั้นดาบยักษ์ในมือของมันก็ถูกสะบัดออกแล้ว  การชิงลงมือของมันแม้รวดเร็ว  แต่ก็เป็นที่คาดคำนวณได้  นั่นเพราะมันได้สูญเสียความเยือกเย็นไปส่วนหนึ่งแล้ว 
                      ประกายดาบวูบขึ้น  ดาร์กโซลแม้มั่นใจในฝีมือของมันเอง  แต่ก็ยังมิกล้าที่จะปะทะกับดาบยักษ์เล่มนี้ตรงๆ  อาศัยวิชาตัวเบาตีลังกาถอยหลังหลบรัศมีการทำลายล้างอย่างรวดเร็ว
                      มิคาดประกายดาบวูบหนึ่งเพียงครั้งเดียว  กำแพงที่อยู่ข้างๆ ตรอกนั้นกลับปรากฏรอยดาบยาว ลึกยิ่ง  นับว่าพลังการทำลายล้างของมันนั้นสูงยิ่ง    หากโดนฟันเข้าละก็ต้องถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแน่นอน
                      ดาบประหารฟ้านั้นแม้ตัวเล็ก  แต่การควบคุมพลังของดาบนั้นใช้ออกมาได้อย่างคล่องแคล่วนับว่ามันสมกลับฉายานี้จริงๆ 
                      ดาร์กโซลขณะหมุนตัวหลบคมดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าอยู่นั้น  ก็รีบตะโกนบอกแก่ริค
                      “ ท่านยังมิไปอีก  หากอยู่ต่อละก็ข้าจะลงมือต่อท่านแล้ว ”
                ริคเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็กัดฟันอุ้มชายหนุ่ม และเตรียมตัวหลบหนีแล้ว
                      “ ข้าจะกลับมาช่วยท่าน ! ”
                มันกล่าวพร้อมกับพุ่งตัวออกไป  ท่าร่างของริคในคราวนี้นั้นรวดเร็วยิ่งนัก    นั่นเพราะมันรู้ว่า  หากช้ากว่านี้แล้วละก็  ย่อมมิสามารถหลบหนีจากยอดฝีมืออีกสามคนได้แน่
                    แต่ถึงแม้ความเร็วของริคจะรวดเร็วเพียงใดก็ตาม  ย่อมมิอาจหนีพ้นคนทั้งสามได้แน่ 
                    มือสังหารทั้งสามที่นิ่งอยู่บัดนี้ได้เคลื่อนไหวแล้ว !
               
                ดาร์กโซลเมื่อเห็นมือสังหารทั้งสามตามริคไป ก็พยายามเพื่อที่จะเข้าไปขัดขวางมือสังหารทั้งสามคนนั้น    แต่ประกายดาบที่วูบขึ้นตลอดเวลาของดาบประหารฟ้านั้น ทำให้มันมิอาจแบ่งสมาธิไปช่วยเหลือริคได้เลย
                        “ เห็นทีข้าคงจะต้องฆ่าเจ้าก่อนกระมัง ”
                  มันกล่าว    พร้อมกันนั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลงท่าร่างของมัน      มันหมุนตัวพุ่งเข้าหาดาบประหารฟ้าด้วยความรวดเร็วยิ่ง    มันคิดที่จะใช้ท่าร่างนี้พุ่งเข้าสังหารดาบประหารฟ้าในเพียงกระบวนท่าเดียว !
                  หากคู่มือของดาร์กโซลในวันนี้มิใช่ดาบประหารฟ้า  คู่มือของมันต้องตายไปแล้วแน่
                        ดาร์กโซลนั้นแม้เป็นนักฆ่าที่มีฝีมือสูงเยี่ยมแต่คู่ต่อสู้ของมันก็มิใช่ชนชั้นธรรมดา    การจะสังหารมันได้ในกระบวนท่าเดียวย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย
                        แต่การพุ่งท่าร่างของดาร์กโซลในครั้งนี้  เรียกได้ว่ามันใช้พลังลมปราณในตัวของมันอย่างเต็มที่ก็ว่าได้
                        หากจะบรรยายความรวดเร็วของเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้นั้นย่อมยากที่จะบรรยายได้
                             
                       
                  อีกเพียงไม่เท่าไหร่ก็จะถึงตัวของดาบประหารฟ้าแล้ว    ตอนนี้ขอเพียงดาร์กโซลใช้กระบี่ของมันออกก็สามารถปลิดชีพของดาบประหารฟ้าได้แล้ว
                        แต่ทันใดนั้นเอง
                        “ ฟ้าววว ! ”
                  ประกายดาบยักษ์กลับวูบขึ้น   
                        ดาบประหารฟ้านั้นอาศัยจังหวะที่ดาร์กโซลชะล่าใจ แกล้งเปิดโอกาสให้มันจู่โจมเข้ามา    ทันทีที่มันกำลังจะใช้สภาวะกระบี่ของนั้นดาบประหารฟ้าก็ชิงลงมือ
                        การใช้แผนล่อดาร์กโซลในครั้งนี้นั้นมิเพียงแต่ต้องอาศัยความกล้า  แต่ยังต้องอาศัยการคาดคำนวณที่แม่นยำมากด้วย
                        หากคาดคำนวณในการชิงลงมือพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียวชีวิตของมันก็ต้องจบสิ้นลงแล้ว
                        ดาร์กโซลนั้นแรกกำลังจะใช้ออกด้วยกระบี่    แต่เมื่อมันรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามก็รู้ว่ามันพลาดเสียแล้ว 
                          มันอาศัยความรวดเร็ว  ใช้ออกด้วยกระบี่ในทันที !
                    “ เช้ง ! ”
                    กระบี่ที่มันใช้ออกนั้นมิได้ใช้สังหารดาบประหารฟ้า  แต่ใช้เพื่อป้องกันการโจมตีของดาบประหารฟ้า
                          กระบี่สีดำเข้มของดาร์กโซลผ่านการฆ่ามานักต่อนัก  บัดนี้สามารถปะทะกับดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าได้ทันถ่วงที  นับว่าสมแล้วที่มันสามารถอาศัยกระบี่สีดำเข้มเล่มนี้รอดชีวิตมาได้ถึงตอนนี้
                          แต่ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้ามิใช่ดาบทั่วไป
                          มันคือ ดาบที่สามารถประหารได้แม้แต่ฟ้า ดิน ! 
                  แล้วกระบี่ของดาร์กโซลเล่าใช่ ยิ่งใหญ่กว่าฟ้า ดิน หรือไม่ ?
                  คำตอบได้ออกมาแล้ว    ทันทีที่ดาร์กโซลนั้นใช้กระบี่ของมันป้องกันดาบยักษ์ไว้ได้  แต่ก็ไม่สามารถป้องกันอานุภาพทำลายล้างของมันได้    ดาร์กโซลถูกแรงเหวี่ยงของดาบยักษ์กระเด็นชนกำแพงตรอกอย่างจัง
                       
                          มันแม้กระเด็นชนกำแพงอย่างจัง  แต่ก็มิได้ล้มลงอาศัยท่าร่างหมุนตัวกลับมายืนอยู่บนพื้นได้อีกครั้ง 
                          เลือดทะลักออกจากปากของมันไม่น้อยทีเดียว  นี่หรือพลังการทำลายล้างของดาบประหารฟ้า
                          สภาพการณ์ในตอนนี้มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ    จากการกระทบกับกำแพงเมื่อสักครู่นี้ทำให้พลังลมปราณในร่างของมันเริ่มแตกซ่านแล้ว 
                          “ ฮ่าๆๆ  ดูท่าวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเสียแล้ว    มีอะไรจะสั่งเสียหรือไม่ ”
                    ดาบประหารฟ้าหัวเราะอย่างได้ใจ
                          ดาร์กโซลบ้วนเลือดในปากของมันออกก่อนที่จะกล่าวอย่างแข็งใจ  ร่างกายของมันในตอนนี้นั้นหากไม่ใช่ฝึกปรือวิชาฝีมือมานาน  คงจะต้องตายไปแล้ว
                          “ เฮอะ ข้ามิมีทางตายเพราะคนแคระอย่างเจ้าหรอก ”
                    “ ไม่อยากเชื่อว่า มือกระบี่ปีศาจที่แท้ก็เป็นคนที่ดีแต่ปากอย่างนี้    ยังมีหน้าจะมาพูดอีกหรือ  เจ้าลองดูกระบี่ในมือเจ้าเสียก่อน ”
                    ดาร์กโซลเหลียวมองกระบี่สีดำเข้มที่มือของมันก็ถึงกับต้องตะลึง    กระบี่สีดำเข้มของมันในตอนนี้นั้นเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งเล่มเสียแล้ว
                            การใช้กระบี่ป้องกันการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ของมันนั้น  ทำให้แม้แต่กระบี่คู่ใจของมันก็ต้องหักครึ่งลง      ความรู้สึกของดาร์กโซลในตอนนี้นั้นยากที่จะบรรยายได้
                          หากมือกระบี่ผู้หนึ่งสูญเสียกระบี่ของตนเอง  นั่นก็เท่ากับว่ามือกระบี่ผู้นั้นได้ตายไปแล้ว
                          ที่ตายไปอาจมิใช่คนใช้กระบี่  แต่เป็นจิตใจของผู้ใช้กระบี่  !
                    จิตใจดาร์กโซลใช่ได้ตายไปแล้วด้วยหรือไม่ ?   
                    ริคแม้อาศัยท่าร่างเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วอย่างสุดกำลังแล้ว  แต่ก็ยังไม่สามารถหนีพ้นจากการติดตามของมือสังหารทั้งสามได้
                          ริคนั้นมิใช่คนที่ชอบหนีแต่อย่างใด  แต่คู่ต่อสู้ของมันในครั้งนี้มิใช่คนที่มันจะต่อกรด้วยได้   
                          การหลบหนีของมันในครั้งนี้  ดูไร้จุดหมายยิ่งนัก  นั่นก็เพราะมิว่ามันจะหนีไปที่ใด  พวกมันล้วนติดตามมาทันเสมอ  ซ้ำยังกระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
                        ดูท่าหากยังเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ แล้วละก็ชีวิตของมีดสั้นสังหารจะต้องจบลงในคืนนี้แน่นอน 
                        และในที่สุดมันก็ตัดสินใจได้แล้ว     
                        ริคหยุดท่าร่างของมันลง    พร้อมกับวางร่างของชายหนุ่มลง    มันยิ่งสงบนิ่งอยู่บนหลังคาบ้านใหญ่หลังหนึ่ง   
                        ไม่ทันไรเงาร่างของมือสังหารทั้งสามก็เคลื่อนที่มาล้อมริคไว้แล้ว
                        “ ท่านหยุดอยู่อย่างนี้  ดูท่าจะเข้าใจแล้วกระมัง ”
                  คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวกับมันอย่างสุภาพเช่นเคย 
                        “ พวกท่านอย่างเพิ่งเข้าใจผิด  ที่ข้าหยุดตรงนี้นั้นก็เพราะข้าได้ตัดสินใจแล้ว ”
                  “ ท่านตัดสินใจอันใด ”
                  “ ข้าตัดสินใจแล้วว่า คงจะต้องต่อสู้กับพวกท่าน  ”
                  “ การตัดสินใจของท่านนั้นก็ไม่นับว่าแย่เกินไป  เพียงแต่ท่านคิดว่าท่านสามารถหรือ ”
                  “ เรื่องที่ข้าได้ตัดสินใจแล้วนั้น  มิว่าสามารถหรือไม่สามารถข้าล้วนต้องกระทำ ”
                  “ กล่าวได้เยี่ยมสมกับเป็นมีดสั้นสังหารจริงๆ  ท่านก่อนตายยังคงคิดจะสู้  ข้าเลื่อมใสในความกล้าหาญของท่านยิ่งนัก ”
                  คนในเสื้อขาวกล่าว  พร้อมกับเริ่มหยิบพิณตั้งสายขนาดเล็กของมันขึ้นช้า      อัศวินมารซามูเอลนั้นยืนสงบนิ่งอยู่  ผ้าคลุมดำของมันไหวต้องกับสายลม  แต่ในดวงตาของมันนั้นแฝงแววพร้อมที่จะฆ่าฟันทุกเมื่อ    มือสังหารเสน่ห์ก็เอามือไข้วหลังไว้พร้อมที่จะซัดอาวุธลับใส่ริคทุกเมื่อ
                        ดูท่าคราวนี้จะเป็นจุดจบของริคเสียแล้ว 
                        ริคเองก็เตรียมพร้อมที่จะสู้แล้วเช่นกัน  ในมือทั้งสองข้างของมันนั้นมิทราบปรากฏมีดสั้นขึ้นเมื่อไหร่    คราวนี้มีดสั้นของมันนั้นเปร่งประกายยิ่งกว่าเดิม    เนื่องด้วยบริเวณที่มันอยู่นั้นมิได้ถูกเฆมบดบัง 
                        มือสังหารทั้งสาม แม้เป็นสุดยอดฝีมือ ที่อาจจัดได้ว่ามีฝีมือสูงกว่าริคนั้น  เมื่อเห็นมีดสั้นปรากฎขึ้นก็มิอาจเปลี่ยนท่าทางไปเล็กน้อย
                        มิว่าผู้ใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้ามีดสั้นของริคแล้วก็ต้องอดที่จะหวาดหวั่นมิได้
                        หากถามว่าทำไมริคไม่ตั้งหลักต่อสู้ที่ตรอกนั้นกับดาร์กโซลตั้งแต่แรกนั้น  อาจสามารถตอบได้สองประการ
                        ประการที่หนึ่งมันรู้ว่า หากมันยังอยู่ดาร์กโซลย่อมมิสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่  และตัวมันเองด้วยเช่นกัน    แต่ถ้าหากมันหนีมามือสังหารอีกสามคนจะต้องตามมาเป็นแน่    และโอกาสที่ดาร์กโซลจะรอดชีวิตย่อมมีมากกว่า
                          ประการที่สองนั้นบริเวณตรอกนั้นมืดสลัวยิ่งนัก  ไม่เหมาะแก่การต่อสู้ตัดสินชะตากรรม  มันจึงเลือกหนีมาหาที่ๆ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุด  ซึ่งก็คือที่ตรงนี้ ที่แสงจันทร์สาดส่องมาให้เห็นได้ชัดเจนพอดี
                          “ ข้ามีเรื่องที่คิดจะบอกท่านทั้งสามอย่างหนึ่ง ”
                    มือสังหารทั้งสามคนยืนนิ่ง  แต่ก็หมายความว่าพร้อมที่จะรับฟัง
                          “ การสังหารของข้ามิเคยพลาดมาก่อน !  หากพวกท่านคิดลงมือก็เชิญได้ทุกเมื่อ  ”
                    มันกล่าวเช่นนี้ ทั้งสามรู้ว่ามิใช่การข่มขู่แน่นอน  นั่นเพราะการลงมือของมีดสั้นสังหารมิเคยพลาดมาก่อนจริงๆ
                    มือสังหารทั้งสามยังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นเคย 
                          “ หรือพวกท่านมิกล้าที่จะลงมือ  การสังหารของข้าแม้ไม่เคยพลาดมาก่อน  แต่การที่จะสังหารพวกท่านทั้งสามคนก็ไม่แน่ว่าอาจจะพลาดก็ได้ ”
                    “ พวกข้าแม้มิลงมือ  แต่ท่านเองก็มิกล้าลงมือเช่นกันใช่หรือไม่ ?”
                    คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวอย่างเปิดเผย 
                        “ และหากข้าทั้งสามลงมือพร้อมกันละก็  ท่านมั่นใจหรือไม่ว่าสามารถเอาชัยพวกข้าได้ ”
                  “ บอกตามตรงว่าข้ามิมั่นใจ    แต่เมื่อพวกท่านลงมือก็คงจะทราบคำตอบเอง ”
                  กล่าวจบทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ    มือสังหารทั้งสามแม้มีฝีมือสูงส่งแต่ก็ยังมิมีผู้ใดกล้าที่จะเป็นฝ่ายลงมือก่อน 
                          ริคกัดฟันของตัวเองแน่น  พยายามควบคุมพลังสมาธิของตนเองให้นิ่งที่สุด  ในตอนนี้หากมันเคลื่อนไหวเชื่องช้าไปเพียงส่วนหนึ่งละก็ชีวิตของมันจะต้องจบสิ้นลงแน่ 
                    นานเท่าไหร่มิทราบ  ก็ยังไม่มีผู้ใดลงมือ    หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ริคจะต้องเป็นฝ่ายผ่ายแพ้แน่นอน  นั่นก็เพราะเมื่อใดที่พลังสมาธิของมันถดถอยลงเรื่อยๆ จนใกล้หมดแล้วละก็เมื่อถูกลงมือตอนนั้นมันก็ไม่สามารถหลบหลีกได้แล้ว        แต่หากให้มันลงมือในตอนนี้นั้นมันก็ต้องผ่ายแพ้เช่นกัน 
                         
                         
                            ดาบประหารฟ้าเตรียมตัวที่จะลงมือแล้ว  ดาร์กโซลในตอนนี้นิ่งเงียบไปแล้ว  นั่นใช่เพราะกระบี่ของมันได้ถูกทำลายไปแล้วใช่หรือไม่
                            “ เจ้าตายซะ ! ”
                    มันกล่าวพร้อมกับกระโดตวัดดาบยักษ์ของมันออกอย่างสุดกำลัง  การลงมือของมันในครั้งนี้ทุ่มกำลังออกอย่างสุดแรงหมายที่จะฟันร่างของดาร์กโซลในขาดครึ่งท่อนภายในดาบเดียว    ดาร์กโซลนั้นคล้ายไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวหลบ    หรืออาจเป็นเพราะร่างกายของมันนั้นบอบช้ำจนไม่สามารถเกร็งพลังได้ทัน 
                          เห็นแน่ชัดว่า ดาบยักษ์ต้องตัดร่างของดาร์กโซลขาดแน่นอน 
                          แต่ทันใดนั้นเองประกายกระบี่สีดำเข้มก็วูบขึ้น
                          ประกายกระบี่ปีศาจที่แสนอำมหิตนั้นเอง
                          กระบี่สีดำเข้มครึ่งท่อนที่เหลือถูกซัดออกด้วยความรวดเร็วยิ่งนัก  ตรงเข้าใส่ดาบประหารฟ้า    พร้อมกันนั้นดาร์กโซลก็อาศัยพลังเฮือกสุดท้ายของมันหลังจากซัดกระบี่ใส่ดาบประหารฟ้าแล้วนั้น  พุ่งตัวขึ้นหลบดาบยักษ์ในทันที   
                          ดาบประหารฟ้าใช้กำลังออกอย่างสุดแรงสภาวะดาบของมันนั้นยากที่จะดึงกลับได้ทันถ่วงที  เมื่อปรากฏประกายกระบี่วูบเข้าใส่มัน    มันคิดหลบก็ไม่ทันถ่วงทีแล้ว
                          แต่มิคาดมันอาศัยวิชาปลดพลังที่เกร็งใส่ดาบยักษ์  เปลี่ยนสภาวะดาบของมันกลับฟันใส่กระบี่ที่ดาร์กโซลซัดมา    กระเด็นหักออกเป็นสองท่อนอีกครั้ง !
                   
                         
                      แผนการที่ดาร์กโซลอุส่าห์ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของมันนั้น เท่ากับว่าล้มเหลวแล้ว
                            “ ฮ่าๆๆ  ลูกไม้ตื้นๆ หรือจะลวงข้าได้    ตอนนี้เจ้าไม่มีอาวุธแล้ว  ทั้งยังใกล้ตายเต็มที่  ดูเหมือนว่าข้าจะเป็นฝ่ายชนะเสียแล้ว ”
                      มันกล่าวยังไม่ทันจบเงาร่างสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นตรงไปยังกระบี่ที่กำลังกระเด็นขาดสองท่อนพอดี    เงาร่างสายนั้นจับกระบี่ทั้งสองท่อนนั้นพร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาดาบประหารฟ้า 
                            เงาร่างนั้นอาศัยช่วงเวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที  วิ่งไต่ดาบยักษ์เล่มนั้นตรงเข้าหาดาบประหารฟ้า    ตอนนี้ดาบประหารฟ้าคิดหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว    คิดจะใช้ดาบของมันออกนั้นก็ไม่ทันเช่นกัน  นั่นเพราะดาบของมันถูกเงาร่างสายนี้ทิ้งน้ำหนักลงพร้อมวิ่งตรงเข้าหามันแล้ว
                              “ ฟ้าววววว ! ”
                      โลหิตกระเซ็นออกเป็นสาย  ดาบประหารฟ้าถูกฟันใส่คอหอยอย่างจัง  ช่างเป็นการลงมือที่แสนอำมหิตยิงนัก     
                              เงาร่างสายนั้นเมื่อพุ่งเข้าสังหารดาบประหารฟ้าได้แล้ว ก็หมุนตัวลงกลับพื้น  แต่พลังของมันนั้นแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว    ทำให้มันแทบไม่สามารถทรงตัวได้  ต้องชันเข่าข้างหนึ้งลงพร้อมกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
                              “ ปัง !! ”
                      ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้าร่วงลงกับพื้น    แต่ร่างของดาบประหารฟ้ายังไม่ล้มลง
                              “ เจ้า เจ้า ! ”
                      มันเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว  นั่นเพราะหลอดลมของมันถูกฟันขาดสะบัดไปแล้ว  โลกของมันเริ่มมืดลงเรื่อยๆ  สิ่งที่มันรู้สึกสุดท้ายก่อนตายก็คือ  ประกายกระบี่ที่เย็นเฉียบ  กระบี่ที่อำมหิตยิ่งนัก กระบี่ปีศาจ ! 
                            ร่างของดาบประหารฟ้าค่อยๆ ล้มลง    มันตายแล้ว !
                   
                 
                      ที่แท้ดาร์กโซลในตอนแรกจงใจซัดกระบี่ออก  โดยรู้อยู่แล้วว่าดาบประหารฟ้าต้องถอนสภาวะดาบของมัน    จากนั้นดาร์กโซลก็อาศัยท่าร่างพุ่งตัวขึ้นพร้อมเตรียมตัวที่จะรับกระบี่ที่ดาบประหารฟ้าจะฟันออก      เมื่อกระบี่สีดำเข้มของมันถูกฟันขาดเป็นสองท่อนมันก็พุ่งตัวเข้ารับกระบี่สองท่อนนั้นพร้อมอาศัยจังหวะที่สภาวะดาบนั้นไม่มีกำลังชั่วขณะวิ่งไต่ขึ้นบนดาบยักษ์พร้อมกับสังหารดาบประหารฟ้าในทันที
                      แผนการฆ่าของดาร์กโซลนั้นเรียกได้ว่า  แม่นยำทีเดียว  มิเพียงต้องอาศัยประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชน  ยังต้องอาศัยพลังสมาธิ และพลังฝีมืออย่างมากอีกด้วย 
                              มือของมันนั้นยังคงกำกระบี่ของมันไว้แน่น  แม้ว่าเลือดที่ออกมาจากมือทั้งสองข้างของมันนั้นจะมากเพียงใดก็ตาม
                            ในแววตาของมันนั้นคล้ายปรากฏคราบน้ำตาขึ้น   
                            มันยังคงกำกระบี่ไว้แน่น  คล้ายกับเป็นการไว้อาลัยสิ่งที่มันรักยิ่ง
                      ไม่นานนักมันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นช้าๆ    สภาพร่างกายของมันนั้นเรียกได้ว่า  แค่ลุกขึ้นได้ก็ดีมากแล้ว    เลือดทะลักออกจากปากของมันอีกครั้ง    นั่นก็เพราะเมื่อครู่มันใช้พลังลมปราณไปมาก   
                      มันค่อยๆ นำกระบี่ทั้งสี่ท่อนของมันสอดคืนฝักกระบี่ของมันอย่างดีที่สุด
                              หากเป็นผู้อื่น เมื่อตกอยู่ในสภาพเช่นนี้จะต้องรีบกลับบ้าน  ไม่ก็ไปหาหมอแล้ว  แต่มันทั้งยังไม่กลับบ้าน  ทั้งไม่ไปหาหมอ  มันค่อยๆ เดินตรงไปยังดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้า 
                            มิทราบว่ามันเอาแรงมาจากไหน  มันค่อยๆ ยกดาบยักษ์เล่มนั้นขึ้น      ดาบเล่มนี้มิเพียงหนักยิ่ง  หากมิใช่ผู้ที่ฝึกปรือเพื่อที่จะใช้มานานละก็  ย่อมมิสามารถใช้ได้แน่นอน
                            แต่ดาร์กโซลกลับค่อยๆ ยกดาบนั้นขึ้นช้าๆ    พร้อมกับเตรียมตัวที่จะใช้ดาบเล่มนี้แทนกระบี่ที่หักไปของมัน   
                              ที่มันสามารถมีกำลังได้ถึงตอนนี้นั่นใช่เพราะ  คำว่าสหาย ได้เริ่มเกิดขึ้นในจิตใจมันแล้วหรือไม่   
                          ที่มันยังไม่สามารถพักได้  นั่นก็เพราะมันยังเหลือคนที่มันยังจะต้องไปช่วยเหลืออยู่    มีดสั้นสังหารนั่นเอง !
                    คนผู้หนึ่ง  หากมันพร้อมที่จะทำเพื่อผู้อื่นแล้วละก็  คนผู้นั้นย่อมต้องมีพลังใจเหนือผู้อื่นแน่นอน   
                    จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกแล้ว  การเคลื่อนไหวของมันแม้เชื่องช้าลงไปมากก็ไม่สำคัญ  ที่สำคัญคือ มันยังคงเคลื่อนไหว  มันยังคงไม่ยอมแพ้  นั่นเพราะจิตใจของมันยังคงมิได้ตายลง
                          คนผู้หนึ่งหากจิตใจยังคงไม่ยอมแพ้  คนผู้นั้นย่อมจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ! 
                       
                         
                          ขณะที่มือสังหารทั้งสาม และริคนั้นยังคงอยู่ในสภาวะสงบนิ่งพร้อมที่จะลงมือนั้น    ก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น    เสียงที่แสนเย็นชา  แต่เสียงที่แสนเย็นชานี้  กลับช่วยให้ความหวังที่หมดไปสำหรับริคกลับคืนมา 
                            เสียงๆ นั้นเป็นเสียงของดาร์กโซลนั่นเอง !
                    “ พวกท่านทั้งสามคน  รุมสังหารคนเพียงคนเดียว ยังนับว่าพวกท่านมีความละอายอยู่ด้วยหรือ ”
                    มือสังหารทั้งสามถึงกับจ้องมองไปยังเจ้าของเสียงเป็นสายตาเดียวกัน    มือสังหารเสน่ห์ถึงกับต้องหลุดปาก
                            “ เจ้า ! เจ้ายังไม่ตาย  ถ้าอย่างนั้นดาบประหารฟ้า หรือว่า ?! ”
                    “ เฮอะ ”
                    ดาร์กโซลไม่ตอบ แต่ดาบยักษ์ที่อยู่ในมือของมันนั้นได้แทนคำตอบแล้ว
                          ริคนั้นแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย  มันทั้งดีใจที่ดาร์กโซลสามารถเอาชนะดาบประหารฟ้าได้  และยังสามารถมาช่วยเหลือมันได้อีก  ดูท่าในวันเดียวมันจะติดหนี้บุญคุณคนไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว
                      “ สมแล้วที่เป็นมือกระบี่ปีศาจ  ไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ    แต่ดูจากอาการของท่านนั้น  ไม่ตายก็ไม่ต่างกับตายแล้วเท่าไหร่ ”
                    คนในเสื้อคลุมขาวยิ้มอย่างสุภาพ    มันไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย  จากการปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งของดาร์กโซล
                            “ ข้าจะเป็นคนส่งวิญญาณของท่านเองก็แล้วกันนะ ”
                      คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวจบก็ไม่รอช้า    มันเปลี่ยนพิณตั้งสายขนาดเล็กในมือของมันเป็นขลุ่ย พร้อมกับเป่าออกในทันที
                            ในทันทีที่มันเป่าขลุ่ยขึ้นนั้น ก็ปรากฏอาวุธลับหลายสายพุ่งพวยออกจากขลุ่ยของมัน 
                            ดาร์กโซลนั้นร่างกายได้รับความบอบช้ำมากอยู่แล้ว    ซ้ำยังถือดาบยักษ์ไว้  จะพุ่งหลบอาวุธลับหลายสายนั้นย่อมมิมีทางทันท่วงทีแน่นอน
                      ริคนั้นแม้จะช่วยเหลือตอนนี้ก็ไม่ทันเช่นกัน  ที่สำคัญหากเขาพุ่งเข้าไปช่วยเหลือตอนนี้ละก็มือสังหารอีกสองคนจะต้องจัดการเขาแน่นอน
                            ดังนั้นตอนนี้ดาร์กโซลได้แต่ตายแล้ว !
                      “ เช้ง เช้ง เช้ง !!! ”
                      เสียงอาวุธลับหลายสายพุ่งเข้าใส่ดาบ
                            ที่อาวุธลับหลายสายนั้นพุ่งชนมิใช่ดาร์กโซล แต่เป็นดาบเล่มหนึ่ง
                            ดาบยักษ์ของดาบประหารฟ้านั่นเอง !
                    “ ท่านยังมีแรงที่จะลับอาวุธลับของข้าได้อีกหรือ ! ”
                    คนในเสื้อคลุมขาวกล่าวด้วยท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย  แต่ท่าทางของมันยังคงสงบนิ่งเช่นเคย 
                            มิว่าใครก็มิอาจเชื่อได้ว่า  ดาร์กโซลยังคงมีแรงเหลือพอที่จะยกดาบป้องกันอาวุธลับที่แสนอำมหิตเช่นนี้ได้ทัน    ที่ไม่อาจเชื่อนั้นก็ไม่เพียงตัวมันเองด้วยเช่นกัน
                            มันจำไม่ได้ว่ามันได้ใช้ดาบป้องกันอาวุธลับนั้นไว้ด้วยตัวมันเอง   
                            ลมพัดโชยมาวูบหนึ่ง  ก็ปรากฏเสียงหัวเราะลอยตามลมมาด้วยเช่นกัน
                          “ ฮ่าๆๆๆ  มือกระบี่ปีศาจไม่มีแรง  แต่ข้ายังมีแรงเหลืออีกเยอะ ! ”
                    เสียงหัวเราะนี้มิทราบออกมาจากที่ใด  รู้แต่เพียงว่าเสียงหัวเราะนี้แฝงพลังที่แข็งแกร่งมากมายไว้ขุมหนึ่ง       
                          “ พวกท่านมีสามคนสู้กับคนสองคนจะสนุกได้อย่างไร  เพิ่มข้าไปอีกสักคนหนึ่งสิ ถึงจะสนุก ”
                    พร้อมกันนั้นเงาร่างใหญ่สายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของดาร์กโซล    เงาร่างสายนี้เพียงปรากฏตัวขึ้นท่าทีของมือสังหารทั้งสามก็ต้องเปลี่ยนไปแล้ว
                          “ ท่านหรือว่าท่านจะเป็น ! ”
                    มือสังหารเสน่ห์กล่าวด้วยความตกตะลึง
                          “ ใช่แล้ว ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นผู้ใด ”
                    เงาร่างใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของดาร์กโซลค่อยชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ    กลับปรากฏเป็นชายชราท่าทางใจดีผู้หนึ่ง    ผม และเคราของชายชราผู้นี้แม้จะเป็นสีขาวหมดแล้ว  แต่ยังแฝงไว้ด้วยความมีชีวิตชีวาขุมหนึ่ง    และที่ด้านข้างของชายชราผู้นี้คล้ายมีคนรูปร่างผอมสูงคนหนึ่งอยู่  แต่หากสังเกตดีๆ คนรูปร่างผอมสูงผู้นี้กลับไม่ใช่ผู้คน  แต่เป็นหุ่นเชิด !
                  ดังนั้นเมื่อมองไกลๆ เวลาชายชราเคลื่อนไหวจึงเหมือนเป็นเงาร่างสายใหญ่นั่นเอง    !
                  และที่ดาร์กโซลสามารถขยับดาบมาป้องกันอาวุธลับไว้ได้นั้นก็เพราะฝีมือของชายชราผู้นี้นั่นเอง
                  และคนผู้นี้ก็คือ ยอดฝีมือ ฉายา นักเชิดเงา นั่นเอง !   
                     
                      “ ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ริค ”
                  นักเชิดเงากล่าวทักทายริค  มิคาดว่าชายชราผู้นี้กลับรู้จักริคมาก่อน  ซ้ำยังเรียกมีดสั้นสังหารว่า ริค อีกด้วย นั่นย่อมแสดงว่าคนทั้งสองนี้รู้จักกันอย่างสนิทสนมเลยทีเดียว
                      “ นั่นสินะครับ ท่านผู้อาวุโส ”
                      “ ดูเหมือนว่าวันนี้จะเกิดเรื่องเยอะเลยนะ  ”
                  นักเชิดเงาจ้องมองไปยังมือสังหารทั้งสามคน  ทำให้ทั้งสามอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้  สถาณการณืในตอนนี้ริคเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว
                       
                        “ เอาละรีบจัดการเจ้าสามคนนี้ก่อนดีกว่านะ  เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกันอีกเยอะ ”
                        “ ครับ ”
                    นักเชิดเงากล่าวกับริคเสร็จก็หันมากระซิบกับดาร์กโซล
                        “ ข้าขอยืมตัวเจ้าเป็นหุ่นให้ข้าสักครุ่ก่อนนะ ”
                  “ .. ”
                  “ ฮ่าๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่านักเชิดเงาที่หายตัวไปนานกลับปรากฏตัวขึ้นมาในวันนี้  แต่จะจัดการข้าทั้งสามคนได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ ”
                  คนในเสื้อคลุมขาวหัวเราะ  มันคล้ายขาดความเยือกเย็นไปบ้างแล้ว
                  มันคล้ายกับแค้นตัวเองที่ไม่ยอมสังหารริคแต่แรก  ปล่อยให้มีคนมาช่วยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
                        “ หึหึ เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้เองละว่า ง่ายหรือไม่ ”
                  นักเชิดเงาหันไปมองริค ดาร์กโซล และหุ่นของเขา  จากนั้นก็มองไปยังมือสังหารทั้งสามคนก่อนที่จะกล่าว
                        “ ถ้าพร้อมแล้วก็จะลงมือละนะ ! ”
                                    __________________________________
   
                                                 
                   
                                         
             
                   
                           
                 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น