ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักแบบนี้ ผิดมั๊ยเอ่ย!

    ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งสองเรา

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 46


                                                                                                      ปฐมบทแห่งสองเรา

                                        ครูครับสวัสดีครับ.! คำๆนี้คงเป็นคำสุดท้ายของ”เอส” หรือ จักกฤษย์  ธีรเลิศนภาพันธ์ เด็กชายชั้นม.3ผู้ที่มีผมสีดำเงางาม ผิวขาวถ้าไว้ผมผมยาวคงหน้าตาราวกับผู้หญิงแท้ๆ  ในการกล่าวลาอาจารย์แม่พิมพ์ที่ได้สั่งสอนไล่ฟาดฟันตนมาตั้งแต่ตั้งแต่เปิดภาคเรียนจนจบภาคเรียน …...”โชคดีนะลูก..สอบเข้าโรงเรียนดีๆให้ได้นะจ๊ะ”อาจารย์กล่าวลาศิษย์ของตนพร้อมอวยพรตามประสาครูที่ผูกพันธ์กันศิษย์ดั่งแม่กับลูก  “ผมไปแล้วนะครับ บ๊าย..บายครับ จารย์”  เอสบอกลาอีกครั้งด้วยคำที่ดูทะแม่งๆตามประสาวัยรุ่น..ก่อนที่จะรีบวิ่งจากไปเพื่อขึ้นรถเมล์กลับบ้าน“จะกลายเป็นเด็กม.ปลายแล้วโว้ย!” เด็กชายคิดดอย่างคึกคะนองใจพร้อมกับวิ่งไปตามฟุตบาทด้วยใจที่ล่องลอยเมื่อความฝันที่จะได้เป็นนักเรียนม.ปลายใกล้เข้ามา   ตุ๊บ!!! โอ๊ย..เสียงสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เสียงแรกเป็นของเอสที่ดูเหมือนว่าเด็ดชายวิ่งชนอะไรบ้างอย่างและล้มลง  เอสรีบลุกขึ้นมาดูเจาของเสียงอีกเสียงหนึ่ง..”ขอโทษจริงๆนะ เราใจลอยไปหน่อย เลยไม่ได้มองทางแหะๆของนายหล่นเกลื่อนเลยเราช่วยเก็บนะ” เอสกุลีกุจอขอโทษขอโพยพร้อมกับรีบเก็บเอกสารต่างๆของชายแปลกหน้าโดยที่ไม่มองหน้ามองหน้าบุคคลที่เขาวิ่งชนเลย “อ้าว!นี่มันใบสมัครโรงเรียน…..”ขอบใจนะเรากำลังรีบ” เอสชวนคุยแต่ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังรีบเขาหยิบเอกสารที่มือเอสอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ที่กำลังจะห่างไกลเข้าไปอีกหากเขายังคุยกับเอสและตอนนั้นเองทำให้เอสเห็นดวงตาที่สีน้ำตาลเข้มที่ดูขรึมของเขา  ผมสีดำออกน้ำตาลหุ่นที่ล่ำๆกำลังดีสูงกว่าเอสนิดหน่อย และเสียงที่ทุ้มแต่ไม่มากนักก่อนที่เขาจะขึ้นรถเมล์จากไป      “นายคนนี้แปลกๆแฮะ”เอสพรึมพรำกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่แปลกๆก่อนจะสังเกตว่าชายคนนั้นลืมใบโบชัวร์สีฟ้าทองไว้ใบหนึ่ง  “นี่มันใบสมัครโรงเรียนในระดับชั้นม.ปลายนี่นาแสดงว่านายคนนั้นก็อยู่ม.เดียวกับเรานี่”เอสพูดกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งตามรถเมล์และกระโดดขึ้นเข้าในรถทันก่อนที่รถจะออกสู่เลนกลางของถนน[ไม่ควรเอาแบบอย่างนะจ๊ะ] “สุดสายนะครับป้าเด็กชายพูดพร้อมควักตังค์เป็นจำนวน5 บาทให้กระเป๋ารถเมล์ก่อนจะหย่อนกายลงบนเบาะอย่างเหนื่อยล้าคิดตลกตัวเองในเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาหมาดๆ “เฮ้อ!!เรานะเรา”

                                   15นาทีผ่านไปรถโดยสารประจำทางสีแดงแถบส้มที่ดูก็รู้ว่าคลุกฝุ่นบนถนนมาเนิ่นนานเพียงไรก็หยุดจอดที่หน้าบ้านของเด็กชาย “ ไป!!กระเป๋ารถเมล์ตะโกนบอกคนขับเป็นสัญญาณให้รถวิ่งต่อไปในขณะที่

    ผู้โดยสารลงรถแล้วแต่ขณะนั้นเอสเพิ่งจะก้าวลงไปเพียงก้าวเดียว “เฮ้ย!”เด็กชายตกใจรีบดึงขาอีกข้างลงจากบันไดรถ”นี่แหละน๊า..เมืองไทย  รีบไปหาองค์อินท์ที่ไหนก็ไม่รู้เอสสบถในใจก่อนจะเปิดประตูรั่วของบ้านหลังหนึ่งซึ่งมี 2 ชั้น หลังคาสีน้ำเงิน  มีสนามหญ้าและโต๊ะนั่งเล่นหน้าบ้าน  ซึ่งโดยรวมแล้วเอสก็มีฐานะดีทีเดียว..เด็กชายรีบเอาเท้าขวาเหยียบส้นเท้าซ้ายและดึงเท้าซ้ายออกพร้อมกับทำแบบเดิมกับอีกข้างหนึ่งก่อนจะเตะรองเท้ากะจุยกระจายพร้อมกับวิ่งไปเปิดประตูด้วยความรวดเร็ว “แม่ฮะ  พ่อฮะ เอสจะเป็นนักเรียนม.ปลายแล้วคร้าบ”เด็กชายตระโกนอย่างลิงโลดพร้อมกับวิ่งเข้าใปกอดแม่ของตนในครัวด้วยความเคยชินเหมือนกับทุกวัน”นี่อย่าซนสิเอสเดี๋ยวอาหารเย็ดก็หกหมดพอดี” ขอโทษคร้าบคุณป้ารัตน์”เด็กชายยียวนแม่ของตน หรือ นางรัตนา ธีรเลิศนภาพันธ์ สาววัยกลางคนที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็หน้าตาเหมือนเอสทีเดียว ก่อนที่จะหอมแม่ของตนดังฟอดแล้วลาไปอาบน้ำ “ลูกคนนี้นิ”คุณแม่บ่นอุบอิบกับนิสัยที่ไม่รู้จักโตของลูกชาย

                                    ซ่า….เสียงฟักบัวดังขึ้นขณะที่เอสกำลังล่างแชมพูกลิ่นหอมappleบางออกจากศีรษะพร้อมกับคิดอะไรบางอย่างออกมาในใจ”เราจะขึ้นม.ปลายก็จริงแต่จะอยู่โรงเรียนอะไรดีหล่ะ”เด็กชายคิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ตก”เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราค่อยถามคุณพ่อละกัน”เด็กชายตัดปัญหาในใจทิ้งก่อนที่จะปิดน้ำจากฟักบัวและเช็ดตังและไปแต่งตัวรอทานมื้อเย็นพร้อมกับถามปัญหาที่ยังคงค้างคาในใจตน

        เมื่ออาทิตย์ฉายแววแห่งความอัสดงออกมาเตรียมพร้อมจะลาโลกในช่วงกลางวันที่ร้อนระอุไปผลัดเวรกับดวงจันทร์ในยามค่ำคืน ชายวัยกลางถอดรองเท้าในลักษณะเดียวกับเอสและเปิดประตูเข้าบ้านก่อนจะ ตะโกนดั่งลั่นบ้านว่า “ที่รัก เอส พ่อกฤษย์กลับมาแล้ว” นายกฤษหรือกฤษติน ธีรเลิศนภาพันธ์พ่อที่มี  บุคลิกการกระทำต่างๆพิมพ์เดียวกันกับลูกชาย เดินเข้ามาในบ้านแล้วเข้ามากอดภริยาของตนขณะที่กำลังจัดสำรับอาหารมื้อเย็นอย่างระมัดระวัง”นี่พ่อเดี๋ยวก็หกหมดหรอก  โอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูกเหมือนกันจนน่าเตะ”คุณแม่บ่นด้วยอารมณ์ขัน

    “อ้าวก็เราเป็นพ่อลูกกันนี่นาใช่มั๊ยเอส!”คุณพ่อแก้ต่างกับคุณแม่พร้อมกับหาแนวร่วม”.ใช่คร้าบ!”เอสตะโกนพร้อมกับวิ่งตึงตังมาจากชั้นบน”ก็ได้ๆรีบไปนั่งกินข้าวเถอะทั้งสองคน”คุณแม่ตัดบทสองพ่อลูกพร้อมกับตักข้าวให้สองพ่อลูก  

        กับข้าววันนี้มีแกงเขียวหวานไก่  ผัดผักรวมมิตรและฝรั่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของชอบของเอสทั้งสิ้น..เอสจึงกินอย่างไม่สนใจใครจนเกือบจะลืมคำถามที่ตนตั้งไว้เมื่อเย็นแต่ก็นึกออกทันทีเมื่อคุณพ่อพูดขึ้นมาว่า”เออนี่ แม่เรื่องโรงเรียน ม.ปลายของ เอส หน่ะ พ่อหาโรงเรียนที่ดีที่สุดไว้ให้แล้วหล่ะแต่…”คุณพ่ออ้ำอึ้ง”แต่ไรอะพ่อ”เอสรีบตะกุกตะกักถามทันที “ใบสมัครมันหมดแล้ว หล่ะลูก แล้วมีแค่โรงเรียนเดียวด้วยที่รับม.4”คุณพ่อพูดอย่างเซ็งๆแป่ว.ว…ว.ว เอส รู้สึกใจหายวูปวาป กับคำตอบที่ไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลยจนเด็กชายแทบจะอิ่มข้าวมื้อนี้ทันที”เอ ..แปบนึงนะคะคุณ”คุณแม่พูดและรีบลุกไปเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างได้แล้วเข้าไปในครัวก่อนจะหยิบกระดาษสีฟ้าแถบทองไปให้พ่อดู”เอสนึกได้ว่ากระดาษแผ่นนี้เป็นของตนจึงรีบถามว่า”แม่ครับแม่ไปเอากระดาษแผ่นนี้มาจากไหนเหรอ”.”อ๋อ ก็ที่ลูกวิ่งมากอดแม่แล้วทำหล่นไว้แม่ก็เลยเก็บมาไง”ยังไม่ทันที่คุณแม่จะกล่าวจบดีคุณพ่อของเอสก็ตะโกนอย่างดีใจแทบจะลั่นบ้าน “แม่ นี่มันใบสมัครโรงเรียนที่พ่อบอกว่าหมดนี่นา เอสลูกไปเอามาจากไหนฮะ”คุณพ่อถามอย่างดีใจ”อ๋อเพื่อนให้มานะครับ เอสพูดปดเพราะกลัวโดนว่าว่าของเค้าทำหล่นไว้แล้วไม่ยอมเอาไปคืน ทั้งที่เอสก็มีเหตุผลว่าที่ไม่เอาคืนเพราะเจ้าของวิ่งไปก่อนแล้ว แต่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ไม่รู้เอสจึงยอมพูดปด   อาจจะเป็นเพราะว่าตนก็ดีใจที่จะได้มีโรงเรียนเรียนตอนม.ปลาย”เนี่ย โรงเรียนประจำชั้นหนึ่งเชียวนะ”คุณพ่อพูดต่ออย่างร่าเริง”โรงเรียนประจำเหรอ”เอสแทบสำรากสิ่งที่กินออกมาหมดไม่ใช่เพราะดีใจแต่เอสเพราะเหตุใดไม่รู้เอสจึงเกลียดโรงเรียนประจำมากที่สุด  “เป็นอะไรไปจ๊ะเอส”คุณแม่ถามเมื่อเห็นอากัปกิริยาของลูกของตนเปลี่ยนไป “เปล่าฮะ แม่เอสอิ่มแล้วเอสขอตัวไปแปรงฟันแล้วนอนนะฮะ”เอสเลี่ยงไม่ตอบและวิ่งขึ้นไปชั้นบน”สงสัยจะดีใจจนอึ้งมั้ง”คุณพ่อของเอสพูดอย่างตลกๆโดยไม่ค่อยใส่ใจกับท่าทางของลูกของตนนักก่อนจะไปคุยจ้อเรื่องโรงเรียนกะคุณแม่ต่อ       “รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะแต่ก็เข้าๆไปเถอะคุณพ่อบอกว่าดีเราคงไม่ต้องกลัวอะไรมากมายหรอกน่า”เอสปลอบตังเองก่อนจะพลิกร่างของตนที่อยู่บนเตียงให้นอนตะแคงแล้วหลับไปในที่สุด

        วันเวลาแห่งการปิดภาคเรียนของฤดูร้อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ผลปรากฏว่าเอสสอบติดและติดในลำดับที่ 1 ของนักเรียนทั้งหมดด้วย “ลูกพ่อเก่งเหมือนกันนี่นา”คุณพ่อดีใจจนเกินลิมิตแห่งวัยจนเอสรู้สึกอายสายตาที่ต่างจบจ้องชายวัยกลางคนผู้นี้ผู้ท่ตะโกนโหวกเหวกว่าลูดของตนสอบได้อันดับที่ 1 ในวันฟังผลสอบและมอบตัว

    เข้าหอพัก “ลูกคุณหน้าตาน่ารักดีนะคะ เรียนก็เก่งด้วย”หญิงสาวหน้าตาดีคงหนึ่งที่ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วเอสคิดว่าต้องเป็นอาจารย์แน่ๆ”อยู่หอไหนคะเนี่ย”หญิงสาวถามต่อทำเอาพ่อของเอสที่กระโดดโลดเต้นเมื่อกี้สงบลงและป้ำเป๋อกับคำถามที่ถูกถามเพราะตัวคุณพ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”เอ่อ..คือไม่ทราบเหมือนกันครับ”คุณพ่อของเอสตอบพร้อมกับหัวเราะแฮะ “อืม..คือว่าโรงเรียนของเราจะแบ่งเป็น 4 หอพักนะคะ ซึ่งแต่ละหอก็จะมีสีเป็นของตนเอง เช่น หอ 1 สีส้ม หอ 2 สี เหลือง หอ 3 สีม่วง หอ 4 สีแดง”อาจารย์สาวกล่าวพร้อมกับชี้มือไปยังหอต่างๆซึ่งทำให้เอสเพิ่งจะสังเกตลักษณะของโรงเรียนนี้ว่ามีความกว้างและใหญ่โตทีเดียว  ด้านหน้าของโรงเรียนจะมีตึกเรียงกัน 4 ตึก ถัดมาเป็นห้องประชาสัมพันธ์และฝ่ายปกครอง ส่วนที่เอสยืนอยู่น่าจะเป็น      ใจกลางของโรงเรียนเด็กชายยืนอยู่ใต้ตึกที่มีชื่อว่า อนุสรณ์200ปีแห่งโรงเรียนสุภาพบุรุษ ซึ่งตึกนี้จะมีชั้นอยู่ทั้งหมด 7 ชั้นแต่ที่เอสรู้คือ ชั้น 2 ของตึกนี้คือ ห้องทะเบียนวัดผล และ ธุรการถัดไปทางซ้ายมือหรือจะมีอาคารเรียนของระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและด้านชวาของตึก 7 ชั้นจะเป็นโรงอาหาร  ส่วนตรงข้ามกับตึกๆนี้จะเป็นห้องสมุดที่ใหญ่โตและดูเหมือนจะติดเกียรติบัตร “ห้องสมุดดีเด่น”ไว้ด้วย “นี่หนูครูขอดูใบส่งตัวหน่อยนะจ๊ะ”เสียงของครูที่ดึงสติของเด็กชายกลับคืนจากภวังค์ “อ้าว..หนูอยู่หอ1.ชื่อแรกเลยนี่นา แหม..!อยู่หอครูซะด้วยดีจริงๆไม่มีเด็กที่สอบเข้าได้ที่1อยู่หอครูมานานแล้ว” “จริงหรือครับคุณครู….เอ่อ..”คุณพ่อพูดอย่างตื่นเต้น “สุรัตน์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก!!”คุณครูกล่าวอย่างไม่ถือตัว “ผมของฝากลูกของผมด้วยนะคับ”คุณพ่อพูดอย่างดีใจที่มีคนช่วยเหลือเร็วกว่าที่คิด

        “ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก”เสียงคุณพ่อกล่าวลาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยครั้งที่100..กว่าแล้วมั่งถ้าเอสไม่พรรณนาโวหารจนเกินไป “ครับพ่อเอสดูแลตัวเองได้..บอกแม่ด้วยนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง พ่อกลับได้แล้วละครับเดี๋ยวจะทำงานไม่ทัน” “งั้นพ่อไปแล้วนะคับลูก”พ่อกล่าวพร้อมควักเงินค่าขนมให้เอสเพิ่มอีกเท่าตัวทั้งๆที่ฝากที่ครูสุรัตน์อีกตั้งค์ 5000 บาท “บาย ครับ” เอสกล่าวพร้อมรถBMWคันดำงามที่จากไป

        “บ่ายสองแล้วเหรอนี่” เด็กชายพึมพัมพร้อมกับขนของเข้าตู้ของตน ในตอนแรก เอสนึกว่าหอ1จะเป็นหอๆเดียวและนอนเตียง2ชั้น แต่จริงๆแล้วหอ1ยังแบ่งเป็นห้องๆอีกหลายๆห้อง แต่ละห้องก็จะมีเตียงอยู่1เตียงใหญ่สำหรับนอน2คน และหอ1นี่มีห้องย่อยทั้งหมด15ห้องสำหรับรองรับนักเรียนทั้งหมด30คน “คนที่นอนกับเราอีกคนอยู่ไหนน่า…รึว่าจะสละสิทธิ์ไปแล้ว” แต่บ่นอุบอิบพลางจัดของไป “ขอโทษครับ”เสียงๆหนึ่งที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปิดประตูเอสนึกคุ้นๆกับเสียงๆนี้พร้อมกับหันไปมอง แล้วต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น “นาย..นายคนที่โดนเราชนใช่ปะ”นายรีบตั้งคำถามทันทีโดยไม่มีการทักทายมาก่อน “อืม มันก็ใช่..”เด็กหนุ่มคิดนิดนึงก่อนตอบ “และเราก็ลืมใบสมัครอีกใบไว้ที่นายด้วย” เหมือนอะไรมาจิ้มใจของเอสใช่แล้ว..เขาเอาใบสมัครของคนอื่นมาสอบเข้านี่นา  “แต่ไม่เป็นไรหรอกเราซื้อไว้เผื่อเฉยๆ อย่าคิดมากเลย”เด็กชายคนนั้นพูดเชิงแก้ตัวให้ เขาหันหน้าสบตาเอส ยิ้มและยื่นมีที่เอสคิดว่าดูใหญ่ให้เป็นเชิงขอจับมือและเอสก็ตอบโต้ปฏิกิริยานี้โดยการยื่นมือไปจับมือเช่นกัน “เราเจส..เจสซี่ แบร๊ดฟอร์ด นายล่ะ..”เด็กชายบอกชื่อของตนที่ดูก็รู้ว่าเป็นลูกครึ่ง “เรา..เอส..จักกฤษย์ ธีรเลิศนภาพันธ์”เอสแนะนำตนเองมั่ง…เด็กชายรู้สึกแปลกๆทะแม่งกับเพื่อนคนใหม่คนนี้ แต่ก็ดีใจนิดๆที่ได้เจอกันอีกครั้ง “เฮ้.. ปล่อยมือได้แล้วมั้ง” เด็กหนุ่มถามเอสซึ่งเป็นการเรียกสติของเอสกลับคืนมา เอสรีบดึงมือกลับและแก้ตัว “ป่าวๆ ไม่เป็นไรหรอก” เอสยิ้มให้และรีบเก็บของต่อ “นายนี่ตลกดีนะ”เจสหัวเราะอย่างร่าเริงทำให้เขาดูดีมากยิ่งขึ้นจากมาดขรึมๆ “เสร็จแล้วไปทานมื้อเย็นกันนะ”เจสชวนเอส “อืม…”เอสตกลงพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆจนเอสงงตัวเองเหมือนกันว่าเกิดอะไรกับตัวเอง “นายนี่ท่าจะไม่สบายแน่ๆเลย” เจสเอ่ยและเริ่มจัดของๆตัวเอง

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×