ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
                    ใครๆในเมืองเชสเตอร์ก็ยังเชื่อว่า สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดกำลังสิงสถิตอยู่ในเมืองแห่งนี้กำลังจะหวนกลับมาพร้อมกับความชั่วร้ายในรูปแบบอื่นที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนสัมผัสมาก่อน  ความชั่วร้ายที่ก่อกำเนิดจากอิทธิพลบางอย่างไม่สามารถจะทำให้ใครหาคำตอบได้  ความลับแห่งเมืองยังคงเป็นความลับอยู่  หากแต่จะไม่มีใครย่างกรายไปยัง ‘ขุนเขามหากาฬ’ เพื่อค้นหาคำตอบและเหตุผลที่เหตุใดจึงมีเสียงลึกลับชวนขนลุกดังขึ้นมาจากใจกลางของขุนเขาอาถรรพ์แห่งนั้น  เสื้อกรอมเท้าของชายลึกลับผู้ที่เคยค้นหาคำตอบของขุนเขาแห่งนี้ยังคงถูกซ่อนไว้ในสถานที่ใดหรือสถานที่หนึ่ง  ซึ่งไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน  เพียงแต่ใครสักคนที่ค้นพบมันก็จะมีฤทธิ์พอที่จะเอาไปสวมเพื่อเดินทางไปยังขุนเขาลึกลับแห่งนั้นเพื่อค้นหาคำตอบที่ไม่มีใครล่วงรู้มาเป็นเวลาสิบปีแล้ว
                                                                                                                -*-
    สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับราล์ฟก็คือ  การทานอาหารเช้าที่โรงเรียนประจำบนยอดเขาแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ  เด็กชายผู้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเจริญวัยควรจะได้รับประทานอาหารเช้าที่สมบูรณ์ไปกว่าข้าวโอ๊ตกลิ่นฉุนๆของมาดามเฟนิวาร์ที่มีกลิ่นชวนอาเจียน  ทุกเวลาหลังจากมื้ออาหารเช้า  เขาจะมีความรู้สึกว่าวิงเวียนและคลื่นไส้  นักเรียนประจำทุกคนก็ถูกบังคับเช่นนั้น  หากไม่ยอมทาน  ทุกคนรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับคะแนนในวิชาโภชนาศาสตร์
    วันนี้ก็เช่นเคย  มาดามเฟนิวาร์มายืนตักข้าวโอ๊ตที่กำลังส่งกลิ่นอันไม่น่าพิสมัยไปทั่วหอพักพลางขีดรายชื่อนักเรียนที่น่าสงสารหนึ่งอัน  กติกาของมาดามเฟนิวาร์ก็คือต้องมาตักข้าวโอ๊ตไปนั่งกินในโรงอาหารเงียบๆ  และหลังจะออกจากโรงอาหารนักเรียนก็จะต้องถือชามข้าวโอ๊ตที่ไม่มีเหลือแม้แต่เศษข้าวเพียงเม็ดเดียว
                                กริ๊ง!!!
                                เสียงนาฬิกาปลุกที่หัวนอนโวยวายเรียกร้องให้ราล์ฟตื่นจากความฝันที่งี่เง่าของเขา  เขาฝันถึงคะแนนสอบศูนย์  ศูนย์  และศูนย์ในทุกๆวิชาที่เรียนอยู่ที่นี่  เขาตื่นอย่างรวดเร็ว  เพราะไม่ต้องการจะอยู่ในฝันนี้สักเท่าไร 
                                  ราล์ฟ  บาร์ชอเดินไปปลุกปีเตอร์เพื่อนสนิทร่วมห้องในหอพักปีหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย  เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขารู้สึกง่วงนอนมากขนาดนี้
                                “โอ๊ยยย..” ปีเตอร์ครางพลางหาวจนมีน้ำตาไหลออกมาไม่กี่เม็ด “กี่โมงแล้ว- -” เขาลุกขึ้นจากเตียงพลางกวาดสายตาไปรอบๆห้องแห่งนั้น “ราล์ฟ  นายคิดว่าเราควรจะเรียกร้องสิทธิที่เด็กนักเรียนปีหนึ่งอย่างเราควรจะได้นอนให้มากกว่านี้ซักสามชั่วโมงนะ  นายว่าไง  เราไปเรียกร้องอาจารย์ใหญ่พุงโย้กันดีไหม”
                                “ปีเตอร์” ราล์ฟนั่งลงบนเตียงของปีเตอร์ “นายช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวที่โซฟาให้ฉันหน่อยสิ” ราล์ฟบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านก่อนจะพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ ตีห้าแล้ว  เราต้องรีบอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวโอ๊ตของมาดามเฟนีวาร์ก่อนหกโมง  ฉันไม่อยากจะพลาดสิบคะแนนในวันนี้หรอกนะ”
                                  แล้วไง” ปีเตอร์ตอบอย่างท้าทาย  “ยายแก่นั้นใส่อะไรลงไปในข้าวโอ๊ตกัน  กลิ่นของมันถึงเหม็นหึ่งอย่างนั้น  ถ้าหมามันมีสิทธิ์จะกินได้  มันคงถ่มน้ำลายใส่  โอ้!สวรรค์ทรงโปรด  พระเจ้าช่วย” ปีเตอร์ร้องอย่างตกใจ  เมื่อเห็นว่ารูปภาพของมาดามเฟนีวาร์ตกใส่หัวจากชั้นบนอย่างจัง ซึ่งเป็นหอพักของนักเรียนปีสอง  บนเพดานห้องของเขาเปิดเป็นรูโหว่  เพราะการเขวี้ยงของและการทะเลาะของนักเรียนปีสองชั้นบน
                                  “แก  ไอ้บ้าสามานย์  แกบังอาจขว้างรูปของมาดามเฟนีวาร์  อาจารย์คนโปรดของฉันได้รึ” เสียงแหบห้าวของนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างบน
                                  “ทำไม  มาดามที่ทำอาหารให้ช้างกินนะเรอะ  ฉันไม่สนใจหรอก  แกอยากขโมยมันฝรั่งทอดของฉันไปกินทำไมล่ะ” เสียงที่สองโต้กลับไป  ก่อนที่จะโยนรูปของมาดามเฟนีวาร์อันที่สองลงใส่นักเรียนหญิงคนแรกที่ราล์ฟกับปีเตอร์ไม่รู้จักมาก่อน
                                  “ไปเถอะราล์ฟ  เราไม่อยากจะอยู่รับรูปภาพของมาดามเฟนีวาร์แล้ว” ปีเตอร์บ่นพลางเอามือลูบแผลที่หัวที่มีเลือดไหลซิบๆ
                                  “ฉันอาบน้ำก่อนนะ  นายนั่งทำแผลไปก่อน  เลือดไหลใหญ่เลย” ราล์ฟพูด ในมือถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูใส่ปีเตอร์ดังปัง  ทิ้งให้ปีเตอร์ทำแผลบนหัวจากขอบกรอบรูปภาพที่หล่นมาจากชั้นบน  เขารู้อยู่แล้วว่าในห้องของเขากับห้องชั้นบนสามารถเชื่อมต่อกันได้  โดยที่ไม่มีอาจารย์หรือนักเรียนคนไหนรู้  มันถูกทำเมื่อสองปีก่อนที่พี่ของปีเตอร์ตอนที่อยู่ปีหนึ่งมาเจาะเอาไว้จีบนักเรียนหญิงปีสอง  แต่สิ่งที่พี่ของปีเตอร์ได้ก็คือ  การถูกผู้หญิงข้างบนปิดตายช่องลับ
                                หลังจากนั้นสิบนาที  นักเรียนหญิงข้างบนก็สงบศึก  พลางชะโงกหน้าเข้ามาในห้องของปีเตอร์  ปีเตอร์เพิ่งจะรู้ว่านักเรียนหญิงข้างบนเป็นฝาแฝดกัน
                                “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ฝาแฝดคนแรกถาม
                                “เกือบตาย” ปีเตอร์ตอบ
                                “เธอมายืนตรงช่องทางลับทำไม  เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอปีเตอร์” นักเรียนหญิงฝาแฝดคนที่สองพูด
                                “เธอรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง” ปีเตอร์ถาม  “ฉันไม่เคยพูดกับพวกเธอมาก่อนเลยนะ”
                                “เฮอะ” คนแรกพูด “ฉันรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในโรงเรียนนี้  ฉันก็มาจากประเทศไทยเหมือนเธอนั้นแหละ”
                                ปีเตอร์ลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในโรงเรียนต่างประเทศ  แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดภาษาไทยกับเขา  “เธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
                                “ฉัน- - แอนเจลิน่า” คนแรกพูด
                              “ฉัน- - แอนเจริต้า” คนที่สองพูด
                              ปีเตอร์ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดทั้งสองจึงมีชื่อคล้ายๆกัน “พวกเธอต้องการรูปคืนไหม”  แอนเจลิน่าพยักหน้ารับ  ปีเตอร์จึงดึงเก้าอี้จากโต๊ะทำการบ้านมาแล้วปีนขึ้นไปเพื่อส่งรูปคืนให้กับฝาดแฝดทั้งสอง  ก่อนที่ฝาแฝดทั้งสองจะปิดช่องทางลับและเงียบเสียงไป
                                ราล์ฟเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับสวมเสื้อเชิ้ตลายจิงโจ้อันเป็นสัญลักษณ์ของคณะครัฟเลคที่เขาสังกัดอยู่ กับกางเกงขายาวสีดำของโรงเรียน “นายพูดกับใครน่ะ”
   
    “ยายบ็องสองคนข้างบนไง” ปีเตอร์ตอบเมื่อปิดกล่องปฐมพยาบาลประจำห้องเมื่อเขาทำแผลเสร็จแล้ว “ช่วงนี้ฉันคงจะไม่สระผมแล้วละ”
                                                                                                          -*-
    “นายคิดว่าเช้าวันนี้ ฉันจะเรียนวิชาภาษาอังกฤษได้ดีขนาดไหน  เพราะฤทธิ์ของรสชาติอาหารของยายแก่นั้นทำให้ฉันเวียนหัวไปหมด” ปีเตอร์พูดขณะที่ทั้งคู่กำลังออกมาจากโรงอาหารของนักเรียนปีหนึ่ง  มุ่งหน้าไปยังตึกใหญ่เพื่อเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
   
    “นายทนเรียนไปเถอะ” ราล์ฟพูดพลางด้มหน้าลงดูนาฬิกาข้อมูล “ฉันจะขอเปลี่ยนตารางเวลาไปเรียนในคาบวิชาที่อาจารย์จากไทยสอน”
    “โธ่ ราล์ฟ  ฉันไม่อยากจะเรียนกับอาจารย์คนนั้นเลย  เขาขี้บ่น  และ ”
    “เหมือนกับนายแหละปีเตอร์  นายขี้บ่นมาก  ฉันเบื่อที่จะฟังนายบ่นเต็มทนแล้ว  เอางี้เราเปลี่ยนสายโรงเรียนเลยดีไหม”
    “งั้นเราไปเปลี่ยนสายวิชากันที่ห้องพักครูใหญ่ดีกว่า  เร็ว- - เดี๋ยวจะหมดเวลาก่อน”
    ทั้งสองเปลี่ยนทิศทางจากห้องภาษาอังกฤษไปยังห้องอาจารย์ใหญ่อย่างรวดเร็ว  พวกเขาคิดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว  เพราะนักเรียนปีหนึ่งส่วนใหญ่ก็ไปเปลี่ยนสายคาบวิชาได้ที่ห้องอาจารย์ใหญ่    ทั้งสองไม่คิดว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าในห้องอาจารย์ใหญ่กำลังรอเขาอยู่
                                                                                                  -*-
                                                                                                                -*-
    สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับราล์ฟก็คือ  การทานอาหารเช้าที่โรงเรียนประจำบนยอดเขาแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ  เด็กชายผู้ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเจริญวัยควรจะได้รับประทานอาหารเช้าที่สมบูรณ์ไปกว่าข้าวโอ๊ตกลิ่นฉุนๆของมาดามเฟนิวาร์ที่มีกลิ่นชวนอาเจียน  ทุกเวลาหลังจากมื้ออาหารเช้า  เขาจะมีความรู้สึกว่าวิงเวียนและคลื่นไส้  นักเรียนประจำทุกคนก็ถูกบังคับเช่นนั้น  หากไม่ยอมทาน  ทุกคนรู้ว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นกับคะแนนในวิชาโภชนาศาสตร์
    วันนี้ก็เช่นเคย  มาดามเฟนิวาร์มายืนตักข้าวโอ๊ตที่กำลังส่งกลิ่นอันไม่น่าพิสมัยไปทั่วหอพักพลางขีดรายชื่อนักเรียนที่น่าสงสารหนึ่งอัน  กติกาของมาดามเฟนิวาร์ก็คือต้องมาตักข้าวโอ๊ตไปนั่งกินในโรงอาหารเงียบๆ  และหลังจะออกจากโรงอาหารนักเรียนก็จะต้องถือชามข้าวโอ๊ตที่ไม่มีเหลือแม้แต่เศษข้าวเพียงเม็ดเดียว
                                กริ๊ง!!!
                                เสียงนาฬิกาปลุกที่หัวนอนโวยวายเรียกร้องให้ราล์ฟตื่นจากความฝันที่งี่เง่าของเขา  เขาฝันถึงคะแนนสอบศูนย์  ศูนย์  และศูนย์ในทุกๆวิชาที่เรียนอยู่ที่นี่  เขาตื่นอย่างรวดเร็ว  เพราะไม่ต้องการจะอยู่ในฝันนี้สักเท่าไร 
                                  ราล์ฟ  บาร์ชอเดินไปปลุกปีเตอร์เพื่อนสนิทร่วมห้องในหอพักปีหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย  เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขารู้สึกง่วงนอนมากขนาดนี้
                                “โอ๊ยยย..” ปีเตอร์ครางพลางหาวจนมีน้ำตาไหลออกมาไม่กี่เม็ด “กี่โมงแล้ว- -” เขาลุกขึ้นจากเตียงพลางกวาดสายตาไปรอบๆห้องแห่งนั้น “ราล์ฟ  นายคิดว่าเราควรจะเรียกร้องสิทธิที่เด็กนักเรียนปีหนึ่งอย่างเราควรจะได้นอนให้มากกว่านี้ซักสามชั่วโมงนะ  นายว่าไง  เราไปเรียกร้องอาจารย์ใหญ่พุงโย้กันดีไหม”
                                “ปีเตอร์” ราล์ฟนั่งลงบนเตียงของปีเตอร์ “นายช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวที่โซฟาให้ฉันหน่อยสิ” ราล์ฟบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้านก่อนจะพูดต่อไปว่า “ตอนนี้ ตีห้าแล้ว  เราต้องรีบอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวโอ๊ตของมาดามเฟนีวาร์ก่อนหกโมง  ฉันไม่อยากจะพลาดสิบคะแนนในวันนี้หรอกนะ”
                                  แล้วไง” ปีเตอร์ตอบอย่างท้าทาย  “ยายแก่นั้นใส่อะไรลงไปในข้าวโอ๊ตกัน  กลิ่นของมันถึงเหม็นหึ่งอย่างนั้น  ถ้าหมามันมีสิทธิ์จะกินได้  มันคงถ่มน้ำลายใส่  โอ้!สวรรค์ทรงโปรด  พระเจ้าช่วย” ปีเตอร์ร้องอย่างตกใจ  เมื่อเห็นว่ารูปภาพของมาดามเฟนีวาร์ตกใส่หัวจากชั้นบนอย่างจัง ซึ่งเป็นหอพักของนักเรียนปีสอง  บนเพดานห้องของเขาเปิดเป็นรูโหว่  เพราะการเขวี้ยงของและการทะเลาะของนักเรียนปีสองชั้นบน
                                  “แก  ไอ้บ้าสามานย์  แกบังอาจขว้างรูปของมาดามเฟนีวาร์  อาจารย์คนโปรดของฉันได้รึ” เสียงแหบห้าวของนักเรียนหญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างบน
                                  “ทำไม  มาดามที่ทำอาหารให้ช้างกินนะเรอะ  ฉันไม่สนใจหรอก  แกอยากขโมยมันฝรั่งทอดของฉันไปกินทำไมล่ะ” เสียงที่สองโต้กลับไป  ก่อนที่จะโยนรูปของมาดามเฟนีวาร์อันที่สองลงใส่นักเรียนหญิงคนแรกที่ราล์ฟกับปีเตอร์ไม่รู้จักมาก่อน
                                  “ไปเถอะราล์ฟ  เราไม่อยากจะอยู่รับรูปภาพของมาดามเฟนีวาร์แล้ว” ปีเตอร์บ่นพลางเอามือลูบแผลที่หัวที่มีเลือดไหลซิบๆ
                                  “ฉันอาบน้ำก่อนนะ  นายนั่งทำแผลไปก่อน  เลือดไหลใหญ่เลย” ราล์ฟพูด ในมือถือผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำปิดประตูใส่ปีเตอร์ดังปัง  ทิ้งให้ปีเตอร์ทำแผลบนหัวจากขอบกรอบรูปภาพที่หล่นมาจากชั้นบน  เขารู้อยู่แล้วว่าในห้องของเขากับห้องชั้นบนสามารถเชื่อมต่อกันได้  โดยที่ไม่มีอาจารย์หรือนักเรียนคนไหนรู้  มันถูกทำเมื่อสองปีก่อนที่พี่ของปีเตอร์ตอนที่อยู่ปีหนึ่งมาเจาะเอาไว้จีบนักเรียนหญิงปีสอง  แต่สิ่งที่พี่ของปีเตอร์ได้ก็คือ  การถูกผู้หญิงข้างบนปิดตายช่องลับ
                                หลังจากนั้นสิบนาที  นักเรียนหญิงข้างบนก็สงบศึก  พลางชะโงกหน้าเข้ามาในห้องของปีเตอร์  ปีเตอร์เพิ่งจะรู้ว่านักเรียนหญิงข้างบนเป็นฝาแฝดกัน
                                “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ฝาแฝดคนแรกถาม
                                “เกือบตาย” ปีเตอร์ตอบ
                                “เธอมายืนตรงช่องทางลับทำไม  เธอก็รู้ไม่ใช่เหรอปีเตอร์” นักเรียนหญิงฝาแฝดคนที่สองพูด
                                “เธอรู้จักชื่อของฉันได้ยังไง” ปีเตอร์ถาม  “ฉันไม่เคยพูดกับพวกเธอมาก่อนเลยนะ”
                                “เฮอะ” คนแรกพูด “ฉันรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในโรงเรียนนี้  ฉันก็มาจากประเทศไทยเหมือนเธอนั้นแหละ”
                                ปีเตอร์ลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ในโรงเรียนต่างประเทศ  แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่พูดภาษาไทยกับเขา  “เธอชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”
                                “ฉัน- - แอนเจลิน่า” คนแรกพูด
                              “ฉัน- - แอนเจริต้า” คนที่สองพูด
                              ปีเตอร์ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดทั้งสองจึงมีชื่อคล้ายๆกัน “พวกเธอต้องการรูปคืนไหม”  แอนเจลิน่าพยักหน้ารับ  ปีเตอร์จึงดึงเก้าอี้จากโต๊ะทำการบ้านมาแล้วปีนขึ้นไปเพื่อส่งรูปคืนให้กับฝาดแฝดทั้งสอง  ก่อนที่ฝาแฝดทั้งสองจะปิดช่องทางลับและเงียบเสียงไป
                                ราล์ฟเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับสวมเสื้อเชิ้ตลายจิงโจ้อันเป็นสัญลักษณ์ของคณะครัฟเลคที่เขาสังกัดอยู่ กับกางเกงขายาวสีดำของโรงเรียน “นายพูดกับใครน่ะ”
   
    “ยายบ็องสองคนข้างบนไง” ปีเตอร์ตอบเมื่อปิดกล่องปฐมพยาบาลประจำห้องเมื่อเขาทำแผลเสร็จแล้ว “ช่วงนี้ฉันคงจะไม่สระผมแล้วละ”
                                                                                                          -*-
    “นายคิดว่าเช้าวันนี้ ฉันจะเรียนวิชาภาษาอังกฤษได้ดีขนาดไหน  เพราะฤทธิ์ของรสชาติอาหารของยายแก่นั้นทำให้ฉันเวียนหัวไปหมด” ปีเตอร์พูดขณะที่ทั้งคู่กำลังออกมาจากโรงอาหารของนักเรียนปีหนึ่ง  มุ่งหน้าไปยังตึกใหญ่เพื่อเรียนวิชาภาษาอังกฤษ
   
    “นายทนเรียนไปเถอะ” ราล์ฟพูดพลางด้มหน้าลงดูนาฬิกาข้อมูล “ฉันจะขอเปลี่ยนตารางเวลาไปเรียนในคาบวิชาที่อาจารย์จากไทยสอน”
    “โธ่ ราล์ฟ  ฉันไม่อยากจะเรียนกับอาจารย์คนนั้นเลย  เขาขี้บ่น  และ ”
    “เหมือนกับนายแหละปีเตอร์  นายขี้บ่นมาก  ฉันเบื่อที่จะฟังนายบ่นเต็มทนแล้ว  เอางี้เราเปลี่ยนสายโรงเรียนเลยดีไหม”
    “งั้นเราไปเปลี่ยนสายวิชากันที่ห้องพักครูใหญ่ดีกว่า  เร็ว- - เดี๋ยวจะหมดเวลาก่อน”
    ทั้งสองเปลี่ยนทิศทางจากห้องภาษาอังกฤษไปยังห้องอาจารย์ใหญ่อย่างรวดเร็ว  พวกเขาคิดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว  เพราะนักเรียนปีหนึ่งส่วนใหญ่ก็ไปเปลี่ยนสายคาบวิชาได้ที่ห้องอาจารย์ใหญ่    ทั้งสองไม่คิดว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าในห้องอาจารย์ใหญ่กำลังรอเขาอยู่
                                                                                                  -*-
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น