ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่หนึ่ง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 133
      0
      17 มิ.ย. 46

    เหนือขึ้นไปเล็กน้อยนับจากเมืองพอนเทรา นั่นเป็นป่ารกที่สัตว์เล็กๆเช่นโปริง , ลูนาติค , หรือปูป้าต่างใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัย แต่ในขณะเดียวกันมันก็นับเป็น \"สถานที่ฝึกฝีมือ\" อย่างดีสำหรับนักรบฝึกหัดและพวกมือใหม่ทั้งหลายด้วยเช่นกัน

    นักบวชหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ไต้ต้นไม้พลางเหม่อมอง \"พวกมือไหม่\" เหล่านั้นอย่างซึมเซา ในประกายตาที่เลื่อนลอยไร้จุดหมายนั้นก็คล้ายแฝงเอาไว้ด้วยความเศร้าสร้อยและอับจนปัญญาชนิดหนึ่ง

    \"ปลาใหญ่กินปลาเล็ก\" นี่ความจริงเป็นสัจธรรมที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจปฏิเสธ เขาทราบดีว่าเรื่องนี้ความจริงเป็นเรื่องธรรมดาและที่พวกมือใหม่เหล่านั้นทำไปก็เพื่อฝึกฝีมือให้สามารถคุ้มครองตัวเองจากมอนสเตอร์ที่ดุร้ายยิ่งกว่า ซึ่งถ้าพูดไปมันก็คือการป้องกันตัวอย่างหนึ่งนั่นเอง

    โลกในปัจจุบันมีเพียงผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่ดำรงอยู่ ถ้าหากคนต้องการจะมีชีวิตรอดต่อไปก็ได้แต่ฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นและวิธีที่จะเข้มแข็งขึ้นก็มีแต่ต้องสังเวยชีวิตผู้ที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี

    คนแม้เข้าใจเหตุผลแต่หัวใจกลับไม่ยอมรับ ถ้าอย่างนั้นเข้าใจไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ?



    นักบวชหนุ่มถอนหายใจยาวๆใจคราหนึ่งจากนั้นจึงได้ลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า เขาตกลงใจว่าจากนี้ไปจะไม่คิดเรื่องนี้อีก

    นักบวชหนุ่มทอดสายตามองขึ้นไปยังท้องฟ้าอันเวิ้งว้างแล้วกล่าวขึ้นเบาๆ

    \" เหลืออีกแค่สิบสามวันก็จะครบเจ็ดปีแล้วสินะ \"

    ขณะที่กล่าว บนใบหน้าอันเซื่องซึมของนักบวชหนุ่มก็เริ่มปรากฏรอยยิ้มจางๆขึ้นทีละน้อย



    ..........................................................=_=..........................................................





    ถ้ำพายอน



    \" กรี๊ด !! ช่วยด้วย \"

    ในวงล้อมของซอมบี้นับสิบตัวเด็กสาวคนหนึ่งกำลังหวีดร้องขอความช่วยเหลืออย่างไม่คิดชีวิต แต่น่าเสียดายที่เวลานี้กลับไม่มีแม้สักคนเดียวที่จะปรากฎตัวขึ้นช่วยเหลือเธอให้รอดจากภยันอันตรายครั้งนี้

    น้ำเหลืองและซากเนื้อเน่าเปื่อยของซอมบี้เหล่านั้นเริ่มหยดลงเนืองนองเต็มพื้น บังเกิดเป็นกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วอาณาบริเวณ เด็กสาวมองดูเหล่าซอมบี้ที่ค่อยๆขยับร่างอันเน่าเฟะเข้ามาไกล้ด้วยความหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติ มีดเล็กๆซึ่งเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวของเธอก็ไม่ทราบว่าตกหายไม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดังนั้นเวลานี้เธอได้แต่รอความตายเพียงถ่ายเดียว

    เด็กสาวหลับตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำลงเพื่อหลีกหนีจากสภาพอันโหดร้ายที่เบื้องหน้า ร่างเล็กๆที่บอบบางของเธอทรุดลงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจนสุดขั้วหัวใจ กอปรเป็นสภาพที่น่าเวทนาเกินทนทาน

    เธอไม่หลงเหลือความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว

    แต่ในช่วงเวลานั้นสรรพสำเนียงทั้งหลายพลันหยุดยั้งลง สรรพชีวิตทั่วผืนพสุธาแผ่นฟ้าแผ่นดินคล้ายดั่งสูญสลายกลายเป็นอากาศธาตุไปโดยพร้อมเพรียง หลงเหลือเอาไว้เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

    เป็นความว่างเปล่าที่คล้ายกับความตาย !!

    แต่โชคยังดีที่เพียงแต่ \"คล้าย\" เท่านั้น นั่นเพราะเหตุแปรเปลี่ยนที่ไม่นึกฝันนี้เป็นฝีมือของคนผู้หนึ่ง

    แต่รอจนเด็กสาวเผยอเปลือกตาขึ้นมองดูสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น สิ่งที่หลงเหลืออยู่เวลานี้กลับมีเพียงซากศพที่สลายกลายเป็นเถ้าธุลี และลูกธนูที่ส่องประกายแวววับในความมืดเท่านั้น

    ลูกธนูมีทั้งสิ้นสิบเจ็ดดอก ซากศพมีทั้งสิ้นสิบเจ็ดศพ พวกมันทั้งหมดกลับถูกสังหารในการลงมือเพียงครั้งเดียว !!





    ในขณะที่เด็กสาวยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความมืดพลันปรากฏร่างฮันเตอร์คนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ

    ที่เธอเห็น เป็นบุรุษหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอเล็กน้อย ดวงตาที่เป็นสีเขียวเรืองเส้นผมสีเงินยวงของเขาส่องเป็นประกายอยู่ในความมืดมิด ฮันเตอร์หนุ่มเดินมาหยุดลงที่เบื้องหน้าของเด็กสาวแล้วกล่าวถามว่า

    \" บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ? \"

    เด็กสาวหน้าแดงวูบ ก้มลงส่ายหน้าไม่หยุด ฮันเตอร์นั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า

    \" ที่นี่คงจะอันตรายเกินไปสำหรับเธอ เอาเป็นว่าชั้นจะพาเธอออกไปดีมั้ย ? \"

    \" จริงเหรอ ? \"

    เด็กสาวเงยหน้าขึ้นพูดด้วยความยินดีแต่เมื่อได้สบตากับฮันเตอร์หนุ่มตรงๆเธอก็ต้องก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ฮันเตอร์หนุ่มล้วงมือเข้าไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อแล้วส่งให้เด็กสาวพลางกล่าวว่า

    \" ปีกผีเสื้อนี่จะพาเธอไปส่งบ้านได้ รับไปสิ \"

    \" ขอบ... ขอบคุณ.. \"

    เด็กสาวพูดอย่างขัดเขินแล้วจึงได้รับปีกผีเสื้อมา ฮันเตอร์หนุ่มที่กำลังจะเดินจากไปก็หันหน้ามายิ้มแล้วพูดว่า

    \" โชคดีนะ \"

    \" เดี๋ยวก่อนพี่ชาย เอ่อ......ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยบอกชื่อของพี่ชายหน่อย..... จะได้มั้ย ? \"

    เด็กสาวกล่าวเสียงสั่น หน้าแดงไปจนถึงใบหู ฮันเตอร์หนุ่มเห็นก็มีอาการหน้าแดงเล็กน้อย เอื้อมมือไปเกาหัวแก้เขินแล้วกล่าว

    \" ชั้นชื่อฮานะ..... ฮานะ ฮานารุท \"





    เด็กสาวพยายามรวมรวบความกล้าเท่าที่มีกล่าวออกไปว่า

    \" พี่ชายช่วยชีวิตหนูไว้ ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็........ \"

    เธอพูดได้แค่นั้นก็ต้องหุบปากลงเมื่อฮานะเอื้อมมือมาปิดปากของเธอไว้พลางกล่าวเสียงแผ่วเบาว่า

    \" เงียบก่อน \"

    ใบหน้าของฮานะเวลานี้ปราศจากรอยยิ้มที่ใจดีดังเช่นเมื่อครู่อีก เหงื่อเม็ดโป้งๆผุดขึ้นมาตามใบหน้าของเขาเป็นเส้นสาย กล่าวถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

    \" ได้ยินมั้ย ? \"

    เด็กสาวความจริงคิดจะถามว่าได้ยินอะไร แต่เมื่อเธอได้ยินเสียงบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบสงบนี้หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นระทึกขึ้น

    แปะ....แปะ.....แปะ..

    เสียงของวัตถุที่อ่อนนุ่มคล้ายสัตว์ที่มีขนปุกปุยเริ่มเดินไกล้เข้ามาทุกที ฮานะเริ่มหน้าซีดลงไปบ้างแล้วหันมากล่าวเบาๆ

    \" รีบไปซะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว \"

    \" อะไรกำลังมาเหรอคะ ? \"

    ฮานะเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าวเน้นทีละคำ

    \" มูนไลท์สี่ตัว \"

    คราวนี้เป็นทีของเด็กสาวที่ต้องหน้าซีดบ้าง เธอมองดูแสงไฟริบหรี่สี่ดวงที่เริ่มไกล้เข้ามาแล้วพูดเสียงสั่น

    \" ถ้างั้น.....พวกเราหนีกันเถอะค่ะ \"

    ฮานะมีสีหน้าลำบากใจปรากฎขึ้นวูบหนึ่งแต่แล้วก็กลับเป็นปรกติได้ในทันที กล่าวว่า

    \" ตกลง ! เธอไปก่อนแล้วชั้นจะดูหลังให้ \"

    เด็กสาวยิ้มแล้วหยิบปีกผีเสื้อขึ้นมาชูขึ้นฟ้า ลำแสงสีขาวนวลเปล่งออกมาจากปีกนั้นและครอบคลุมร่างของเด็กสาวเอาไว้ในอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างของเธอก็หายวับไปในพริบตา

    รอจนแสงสว่างนั้นถูกเงาสลัวจากความมืดกลืนกินไปจนหมดสิ้น ฮานะจึงได้ฝืนยิ้มกล่าว

    \" รู้งี้ซื้อปีกมาอีกอันก็จะดีหรอก ดูท่าครั้งนี้คงจะต้องสู้เท่านั้นสินะ \"



    ..........................................................=_=..........................................................





    วาบ !!!!!! ระเบิดแสงอันที่หกของฮานะเริ่มสำแดงประสิทธิภาพพร้อมกับที่ลูกธนูสองดอกพุ่งฝ่าอากาศเข้าไปปักตรึงอยู่กับดวงตาทั้งสองของมูนไลท์ตัวหนึ่งอย่างแม่นยำ

    มูนไลท์ตัวนั้นแผดเสียงร้องครั้งหนึ่ง ร่างล้มลงไปบิดกระตุกด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวเกินจะทานทน แต่อาการบิดกระตุกนั้นก็สงบลงเมื่อลูกธนูอีกดอกได้เจาะทะลวงกระโหลกศีรษะของมันเข้าไปจนเป็นรูกลวง

    \" ตัวที่สองล่ะ \"

    ฮานะกล่าวพร้อมทั้งเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของมูนไลท์อีกสองตัวที่เหลือ แต่ถึงกระนั้นที่ท้องของเขาก็ยังโดนอัดเข้าไปหมัดหนึ่งส่งผลให้ร่างของเขาลอยกระเด็นออกไปบนอากาศ

    ฮานะขบกรามกรอด บังคับร่างให้หมุนคว้างตลบหนึ่งพร้อมทั้งปล่อยลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศออกไปปักขาของมูนไลท์ตัวนั้น จากนั้นร่างจึงได้ลอยไปปะทะกับผนังดังโครม ในเวลานั้นเขารับรู้ได้เลยว่ากระดูกของตนหักไปไม่ต่ำกว่าสามซี่แล้ว

    หน้าผากของฮานะปรากฏหยาดโลหิตหลั่งไหลออกมาไม่หยุดยั้ง แต่เขากระทั่งคิ้วยังไม่ขมวดก็ปล่อยธนูพุ่งเข้าใส่มูนไลท์ที่บาดเจ็บนั้นอย่างไม่ขาดตอน

    มูนไลท์ทั้งสองต่างวิ่งเข้ามาหาฮานะอย่างพร้อมเพียง แต่ฮานะมิเพียงไม่หยุดยิงเท่านั้น กระทั่งหลบหนีก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลบหนีแม้แต่น้อย

    มูนไลท์ตัวที่สามทอดร่างกลายเป็นซากศพแล้ว เหลืออีกเพียงตัวเดียวเท่านั้น

    แต่กับฮันเตอร์ที่บาดเจ็บเจียนตายผู้หนึ่ง มูนไลท์ตัวเดียวก็มากเกินพอ





    ทว่าในเวลานั้นฮานะกลับแย้มยิ้มออกมา จากนั้นค่อยระบายลมจากปากแล้วกล่าวว่า

    \" มาแล้ว \"

    คำพูดเมื่อกล่าวจบ ในถ้ำมืดที่อับชื้นกลับปรากฎสายลมวูบขึ้น

    สายลมโชยพัดมาอย่างกระทันหัน คนก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหัน

    คนที่รวดเร็วผู้หนึ่ง มือที่รวดเร็วคู่หนึ่ง !!

    ไม่มีใครทราบว่าในชั่วพริบตานั้นได้เกิดอะไรขึ้น ฮานะเพียงทราบว่าสายลมวูบนั้นได้กระแทกศีรษะของมูนไลท์แหลกสลายไปแล้ว ชีวิตของตนก็นับว่าได้ถูกสายลมวูบนี้กู้คืนกลับมาได้เช่นกัน

    \"สายลม\" นั้นหันมายิ้มให้กับเขาแล้วกล่าวว่า

    \" โลกนี้มีฮันแตอร์ที่ไหนสู้กับมูนไลท์สี่ตัวซึ่งๆหน้าบ้าง นายบ้ารึเปล่า \"

    ฮานะเองก็ยิ้มเล็กน้อยพลางถามย้อนกลับไปว่า

    \" แล้วโลกนี้มีนักบวชที่ไหนฆ่ามูนไลท์ได้สบายๆไร้รอยขีดข่วนแต่ดันไม่ยอมรักษาแผลให้คนเจ็บบ้าง นายก็บ้าพอกันน่ะแหละ \"



    ..........................................................=_=..........................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×