ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ดาบอมตะ
ณ  ที่ๆหนึ่งที่ผู้แต่งคิดว่าคุณผู้อ่านไม่เคยไปและไม่รู้จักแน่นอน เพราะมันไกลมาก ที่แห่งนี้เรียกว่า อาณาจักรแรดดิเคิ้ล มันสามารถจะพบความลึกลับ ความมหัศจรรย์ของที่นี่ และความอันตราย  ถ้าคุณยืนอยู่ ณ ตรงนี้ที่ใกล้ๆกับปราสาทหินอ่อน คุณจะได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมา
ณ ห้องบรรทมของเจ้าหญิงแพนโดร่า
\"เบ่งอีกนิดเพคะพระองค์หญิง\"เสียงของแม่นมที่มาช่วยทำคลอดให้กับแพนโดร่า ซึ่งกำลังร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดสุดๆ
\" กรี้ด.....กรี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!\" เสียงของเจ้าหญิงแพนโดร่าที่กรีดร้องออกมา
ภายนอกประตูห้อง มีหลายคนที่เดินกระสับกระส่ายไปมา แต่ที่กลุ้มที่สุดก็คงจะเป็น อีริค สวามีของเจ้าหญิงแพนโดร่า อีริคเป็นนักรบฝีมือดีระดับแนวหน้า
แต่เขาคงอดรทนไม่ได้ที่คนรักต้องเจ็บปวด ความคิดเหล่านี้ของเขาสิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้
\"ลูกพ่อ\"อีริคอุทานออกมาด้วยความดีใจสุดขีดแต่ความรู้สึกเหล่านั้นต้องลางหายเพราะเสียงแม่นมที่ร้องออกมา
\"พระองค์หญิงเพคะ พระองค์หญิง พระองค์ต้องไม่เป็นอะไรนะเพคะ\"
อีริคตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบร่างของเจ้าหญิงแพนโดร่าที่ดูท่าจะอ่อนแอลงมาก  เธอกวักมือเรียกอีริคมาใกล้ๆ อีริคจึงรีบวิ่งมา และจับมือเธอกุมไว้
“แพนโดร่า เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจ้าต้องอยู่กับข้าและลูก”อีริคพูด เจ้าหญิงแพนโดร่าดูเหมือนจะอยากพูดหรือส่งเสียงอะไรแต่เธอไม่มีแรงพอ
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้ารักเจ้า”อีริคพูด เจ้าหญิงน้ำตาไหลรินและเธอก็หลับตาปรี่ลงอย่างสงบ
“แพนโดร่า แพนโดร่า ไม่นะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “ อีริคร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและกอดร่างอันไร้วิญญาณและลมหายใจของเจ้าหญิงแพนโดร่า ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมของพวกนางกำนัล
*******************************************************************************************************************************พิธีศพของเจ้าหญิงแพนโดร่าเป็นไปอย่างสงบแต่ก็มีผู้คนมากมายที่ทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะกษัตริย์เดรโคเนียนผู้เป็นพี่ชายของเจ้าหญิงแพนโดร่า และ อีริคนักรบแนวหน้าผู้เป็นสวามีของเจ้าหญิง
และวันหนึ่งกษัตริย์เดรโคเนียนก็ทรงรับสั่งให้อีริคเข้าเฝ้า
“ข้ารู้ว่าท่านยังคงเสียใจกับแพนโดร่าแต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าก็เสียใจไม่น้อยกว่าท่าน อ้อว่าแต่หลานของข้ามีชื่อหรือยัง”กษัตริย์ทรงตรัสถาม
“ชื่อ ไดอาน่า พะย่ะค่ะ”อีริคตอบ
“ชื่อเพราะดีนี่ น่าเสียดายที่แพนโดร่าไม่มีโอกาสได้เชยชมชื่อเพราะๆของลูกตัวเอง”กษัตริย์ตรัสและมองออกไปทางหน้าต่างมองเหล่าดวงดาวที่ระยิบระยับ
“คืนนี้ดาวจูปีเตอร์ช่างงดงามเหลือเกิน ดูเหมือนจะระยิบระยับกว่าวันอื่นๆ เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”กษัตริย์ตรัสถาม
“หมายความว่า ปีนี้จะต้องมีการบูชายัญใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”อีริคตอบ
“ถูกต้อง ในฐานะที่เจ้าเป็นนักรบแนวหน้าข้าอยากให้เจ้าไปปลุกเสกดาบอมตะในคืนพระจันทร์เต็มดวงจงนำมันมาที่นี่”กษัตริย์ตรัสสั่ง
“พะย่ะค่ะ”อีริครับ
“อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังนะ”กษัตริย์ทรงเน้นย้ำ
“พะย่ะค่ะ ข้าจะปลุกเสกดาบและนำมันกลับมาให้ได้”อีริครับ
*******************************************************************************************************************************อีริคออกเดินทางในค่ำวันนั้น เขาได้ฝากไดอาน่าไว้กับแม่นม ก่อนไปเขาได้จุมพิตหน้าผากลูกสาวตัวเอง มองหน้าลูกตัวเองและสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีกับลูกสาวตัวเอง แต่เขาก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่เขายังอยู่ จะไม่มีใครพรากลูกตัวเองไปได้ และเขาก็ควบม้าออกเดินทางโดยทันที ระหว่างที่เขาหยุดพักข้างทางเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกษัตริย์เดรโคเนียนถึงต้องเร่งรีบขนาดนี้หรือว่าหาคนที่จะมาบูชายัญได้แล้วยังนั้นหรือ แต่เขาก็หยุดคิดเมื่อนึกถึงภารกิจที่ตัวเองต้องไปสะสาง วันรุ่งขึ้น เขาได้ไปฆ่าหมูป่าเพื่อและรินเลือดมันมา และเขาก็ได้ไปตัดขนหางม้าป่า เขาได้จัดแจงเตรียมของเรียบร้อยแล้วเขาก็ไปที่แม่น้ำวิคทอรี่ เขาเดินทวนน้ำก่อนที่จะถึงก้อนหินที่มีขนาดใหญ่และแปลกกว่าก้อนหินอื่นๆ เขานำขนหางม้าป่าฟาดไปที่ก้อนหินทันใดนั้นมีแสงบางอย่างที่ส่องออกมาจากก้อนหิน และมีอะไรบางอย่างผุดขึ้นมา มันคือดาบ
“ดาบอมตะ ช่างงดงามยิ่งนัก เสียดายที่ต้องมาพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์” อีริคพึมพำ ก่อนที่เขาจะรินเลือดหมูป่าลงบนดาบ ทำให้เกิดแสงรัศมีสีแดงขึ้น และอีริคก็นำดาบจุ่มลงไปในแม่น้ำ ทำให้เกิดแสงสีฟ้าอ่อนๆ  และดาบก็ลอยขึ้นมาก่อนที่จะค่อยๆล่วงลงบนก้อนหินอย่างเบาๆเป็นเวลาเดียวกับที่พระจันทร์เต็มดวง
“ดาบอมตะ ฟื้นคืนมาอีกครั้ง”อีริคพูด
เมื่ออีริคจะหันกลับไปเขาก็เจอแสงสีขาวที่ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างของเจ้าหญิงแพนโดร่า
“ แพนโดร่า เจ้าใช่มั้ย”อีริคพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข้าเอง อีริค ท่านจะนำดาบไปให้พี่เดรโคเนียน ฆ่าลูกเราไม่ได้นะ”เจ้าหญิงพูด
“เจ้าพูดอะไรข้าสับสนไปหมดแล้วนะ”อีริคพูด
“ลูกเราถูกส่งมาเป็นเครื่องบูชายัญ  พี่เดรโคเนียนรู้เรื่องนี่ ถ้าท่านส่งดาบให้พี่เมื่อใด เมื่อนั้นลูกเราต้องสิ้นชีวิตแน่”เจ้าหญิงร้องเสียงหลง
“ข้าไม่อยากเชื่อเลย ว่ากษัตริย์เดรโคเนียนจะทรยศข้า แล้วข้าควรทำยังไง”อีริคถาม
“ท่านต้องพาไดอาน่าหนีไปให้ไกลที่สุดอย่าให้ พี่ข้าตามไปได้ และนำสร้อยเส้นนี้ให้ลูกเราใส่ไว้ มันจะช่วยเป็นเกราะคุ้มกันลูกเรา”เจ้าหญิงสั่งและยื่นสร้อยเส้นนั้นให้อีริค และนางดูเหมือนจะเตรียมตัวไป
“เดี๋ยวแพนโดร่า เรากอดกันสักพักได้ไหม ให้ข้าได้เก็บกลิ่นรักของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”อีริคพูดขึ้น เจ้าหญิงจึงโผเข้ามากอดอีริค น้ำตาของเจ้าหญิงที่ไหลริน ลงบนไหล่ของอีริค
“อีริค ต้องช่วยไดอาน่าให้ได้ อย่าให้ลูกต้องเป็นอะไรไป”เจ้าหญิงพึมพำ
“ข้ารักท่าน”เจ้าหญิงพึมพำเป็นครั้งสุดท้ายและสลายตัวหายไป เหลือเพียงแต่อีริคที่ตอนนี้สัมผัสได้แค่อากาศ
“ข้าก็รักเจ้า  และจะรักตลอดไป”อีริคพึมพำ และเขาก็ปักดาบอมตะไว้ที่ก้อนหินเหมือนเดิม ดาบคอยๆจมลงไปในก้อนหินเหมือนเดิมดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีใครสังเวยชีวิตลูกสาวข้าได้”อีริคตะโกน ก่อนที่เขาจะควบม้ากลับไปที่ปราสาทด้วยความโกรธแค้น
*****************************************************************************************************************************
เป็นไปตามที่วิญญาณของเจ้าหญิงแพนโดร่าได้มาบอก เพราะเมื่ออีริคกลับเข้ามาที่ปราสาทเพื่อมาหาแม่นมก็พบว่าที่ห้องบรรทมข้าวของกระจัดกระจาย แม่นมอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ เพราะเลือดเต็มตัวนาง ดูเหมือนจะถูกแทงและทำร้าย
“เกิดอะไรขึ้น”อีริคถาม
“เร็วเข้ารีบไปช่วยพระธิดาเร็วๆ  อย่าให้พระธิดาน้อยทรงเป็นอะไรไป อย่าห่วงข้า ไปสิ”แม่นมใช้แรงที่เหลือทั้งหมดผลักอีริคให้ไปก่อนที่นางจะสิ้นใจ อีริควิ่งไปที่กลางสนามของปราสาท ก็ได้เห็นลูกสาวของตัวเอง ถูกจับนอนอยู่บนแท่น ซึ่งกำลังส่งเสียงร้องไห้ด้วยความเวทนา นางกำนัลหลายคนพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกกีดกันจากทหาร อีริคตัดสินใจเดินเข้าไปที่แท่นพิธี  กษัตริย์เดรโคเนียนมองเขาด้วยความยินดี หารู้ไม่ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องนำดาบกลับมาได้ ไหนล่ะดาบ ข้าจะได้ทำพิธีให้เสร็จก่อนดวงจันทร์จะลับตาไป”กษัตริย์ตรัสสั่ง
“ดาบอมตะไว้สังเวยลูกข้าไม่มีหรอก มีแต่ดาบของข้าที่จะสังเวยชีวิตเจ้า”อีริคชักดาบออกมาจ่อไว้ที่คอของกษัตริย์
ทำให้ทหาร นักรบอื่นๆชักดาบออกมา
“ทำไม ทำไมท่านไม่บอกข้าสักคำ”อีริคถามด้วยเสียงอันก้อง ขณะที่ดาบจ่อไว้ที่คอกษัตริย์
“ถ้าข้าบอกเจ้า เจ้าจะนำลูกของเจ้ามาบูชายัญหรือ”กษัตริย์ย้อน
“ถึงอย่างไรท่านควรบอกข้า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้า ไม่ใช่การตัดสินใจของท่านจอมเผด็จการ”อีริคตะโกน
“เรื่องแค่นี้เจ้าไม่พร้อมที่จะสละหรือไง ไหนเจ้าเคยสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินแรดดิเคิ้ล และจะยอมทุกอย่างแม้จะแลกด้วยชีวิตไง”กษัตริย์พูด
“แต่นั่นข้าหมายถึงชีวิตของข้า ท่านช่างอำมหิตนัก มิน่าล่ะ แพนโดร่าถึงอยากไปคลอดไดอาน่าที่อื่น ท่านจะต้องบูชายัญไปทำไมในเมื่อ แผ่นดินแรดดิเคิ้ลก็อุดมสมบูรณ์ดีมีอะไรอีกที่มันไม่ดีพอ”อีริคถาม
“ใช่มันยังไม่ดีพอสำหรับข้า อำนาจของข้ามันยังน้อย ถ้าข้าสังเวยชีวิตเด็กคนนี้ข้าจะได้เป็นอมตะ มีพลังวิเศษเหนือผู้ใดและแน่นอนเหล่านักรบผู้ภักดีรวมทั้งเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งในความเป็นอมตะ”กษัตริย์ตอบ
“ข้าภักดีต่อท่านมาตลอด แต่เสียดายที่ความภักดีมันจะสิ้นสุดลง เพราะท่านทรยศข้า ข้าก็จะทรยศท่านด้วยเช่นกัน ส่งลูกข้ามามิฉะนั้นกษัตริย์ของพวกท่านจะมีอันเป็นไป”อีริคร้องขู่ ทหารจึงต้องรีบนำไดอาน่าไปส่งให้กับอีริค อีริคเอามืออุ้มลูกไว้และอีกมือเขาถือดาบจ่อไว้ที่คอของกษัตริย์
“เดินตามข้ามา”อีริคร้องขู่ทำให้กษัตริย์ต้องจำใจเดินตามอีริคไปและเมื่อถึงปลายสนามเขาปล่อยตัวกษัตริย์ และเขาก็ขึ้นม้าควบออกไป
“จับมันไว้ ผู้ใดที่จับมันได้และนำเด็กนั่นมาให้ข้าได้ ข้าจะตอบแทนด้วยรางวัลอย่างงาม”กษัตริย์ร้องตะโกน ทหารทุกคนวิ่งตามไปแต่ดูเหมือนว่าคงไม่ทันเพราะอีริคได้ควบม้าหนีไปแล้ว
ณ ห้องบรรทมของเจ้าหญิงแพนโดร่า
\"เบ่งอีกนิดเพคะพระองค์หญิง\"เสียงของแม่นมที่มาช่วยทำคลอดให้กับแพนโดร่า ซึ่งกำลังร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดสุดๆ
\" กรี้ด.....กรี้ด!!!!!!!!!!!!!!!!!!\" เสียงของเจ้าหญิงแพนโดร่าที่กรีดร้องออกมา
ภายนอกประตูห้อง มีหลายคนที่เดินกระสับกระส่ายไปมา แต่ที่กลุ้มที่สุดก็คงจะเป็น อีริค สวามีของเจ้าหญิงแพนโดร่า อีริคเป็นนักรบฝีมือดีระดับแนวหน้า
แต่เขาคงอดรทนไม่ได้ที่คนรักต้องเจ็บปวด ความคิดเหล่านี้ของเขาสิ้นสุดลงเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้
\"ลูกพ่อ\"อีริคอุทานออกมาด้วยความดีใจสุดขีดแต่ความรู้สึกเหล่านั้นต้องลางหายเพราะเสียงแม่นมที่ร้องออกมา
\"พระองค์หญิงเพคะ พระองค์หญิง พระองค์ต้องไม่เป็นอะไรนะเพคะ\"
อีริคตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบร่างของเจ้าหญิงแพนโดร่าที่ดูท่าจะอ่อนแอลงมาก  เธอกวักมือเรียกอีริคมาใกล้ๆ อีริคจึงรีบวิ่งมา และจับมือเธอกุมไว้
“แพนโดร่า เจ้าต้องไม่เป็นอะไร เจ้าต้องอยู่กับข้าและลูก”อีริคพูด เจ้าหญิงแพนโดร่าดูเหมือนจะอยากพูดหรือส่งเสียงอะไรแต่เธอไม่มีแรงพอ
“เจ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ข้ารักเจ้า”อีริคพูด เจ้าหญิงน้ำตาไหลรินและเธอก็หลับตาปรี่ลงอย่างสงบ
“แพนโดร่า แพนโดร่า ไม่นะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “ อีริคร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและกอดร่างอันไร้วิญญาณและลมหายใจของเจ้าหญิงแพนโดร่า ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมของพวกนางกำนัล
*******************************************************************************************************************************พิธีศพของเจ้าหญิงแพนโดร่าเป็นไปอย่างสงบแต่ก็มีผู้คนมากมายที่ทำใจไม่ได้ โดยเฉพาะกษัตริย์เดรโคเนียนผู้เป็นพี่ชายของเจ้าหญิงแพนโดร่า และ อีริคนักรบแนวหน้าผู้เป็นสวามีของเจ้าหญิง
และวันหนึ่งกษัตริย์เดรโคเนียนก็ทรงรับสั่งให้อีริคเข้าเฝ้า
“ข้ารู้ว่าท่านยังคงเสียใจกับแพนโดร่าแต่ข้าอยากให้เจ้ารู้ว่าข้าก็เสียใจไม่น้อยกว่าท่าน อ้อว่าแต่หลานของข้ามีชื่อหรือยัง”กษัตริย์ทรงตรัสถาม
“ชื่อ ไดอาน่า พะย่ะค่ะ”อีริคตอบ
“ชื่อเพราะดีนี่ น่าเสียดายที่แพนโดร่าไม่มีโอกาสได้เชยชมชื่อเพราะๆของลูกตัวเอง”กษัตริย์ตรัสและมองออกไปทางหน้าต่างมองเหล่าดวงดาวที่ระยิบระยับ
“คืนนี้ดาวจูปีเตอร์ช่างงดงามเหลือเกิน ดูเหมือนจะระยิบระยับกว่าวันอื่นๆ เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าหมายความว่าอย่างไร”กษัตริย์ตรัสถาม
“หมายความว่า ปีนี้จะต้องมีการบูชายัญใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”อีริคตอบ
“ถูกต้อง ในฐานะที่เจ้าเป็นนักรบแนวหน้าข้าอยากให้เจ้าไปปลุกเสกดาบอมตะในคืนพระจันทร์เต็มดวงจงนำมันมาที่นี่”กษัตริย์ตรัสสั่ง
“พะย่ะค่ะ”อีริครับ
“อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังนะ”กษัตริย์ทรงเน้นย้ำ
“พะย่ะค่ะ ข้าจะปลุกเสกดาบและนำมันกลับมาให้ได้”อีริครับ
*******************************************************************************************************************************อีริคออกเดินทางในค่ำวันนั้น เขาได้ฝากไดอาน่าไว้กับแม่นม ก่อนไปเขาได้จุมพิตหน้าผากลูกสาวตัวเอง มองหน้าลูกตัวเองและสังหรณ์ใจว่าต้องเกิดอะไรไม่ดีกับลูกสาวตัวเอง แต่เขาก็คิดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นตราบใดที่เขายังอยู่ จะไม่มีใครพรากลูกตัวเองไปได้ และเขาก็ควบม้าออกเดินทางโดยทันที ระหว่างที่เขาหยุดพักข้างทางเขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมกษัตริย์เดรโคเนียนถึงต้องเร่งรีบขนาดนี้หรือว่าหาคนที่จะมาบูชายัญได้แล้วยังนั้นหรือ แต่เขาก็หยุดคิดเมื่อนึกถึงภารกิจที่ตัวเองต้องไปสะสาง วันรุ่งขึ้น เขาได้ไปฆ่าหมูป่าเพื่อและรินเลือดมันมา และเขาก็ได้ไปตัดขนหางม้าป่า เขาได้จัดแจงเตรียมของเรียบร้อยแล้วเขาก็ไปที่แม่น้ำวิคทอรี่ เขาเดินทวนน้ำก่อนที่จะถึงก้อนหินที่มีขนาดใหญ่และแปลกกว่าก้อนหินอื่นๆ เขานำขนหางม้าป่าฟาดไปที่ก้อนหินทันใดนั้นมีแสงบางอย่างที่ส่องออกมาจากก้อนหิน และมีอะไรบางอย่างผุดขึ้นมา มันคือดาบ
“ดาบอมตะ ช่างงดงามยิ่งนัก เสียดายที่ต้องมาพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์” อีริคพึมพำ ก่อนที่เขาจะรินเลือดหมูป่าลงบนดาบ ทำให้เกิดแสงรัศมีสีแดงขึ้น และอีริคก็นำดาบจุ่มลงไปในแม่น้ำ ทำให้เกิดแสงสีฟ้าอ่อนๆ  และดาบก็ลอยขึ้นมาก่อนที่จะค่อยๆล่วงลงบนก้อนหินอย่างเบาๆเป็นเวลาเดียวกับที่พระจันทร์เต็มดวง
“ดาบอมตะ ฟื้นคืนมาอีกครั้ง”อีริคพูด
เมื่ออีริคจะหันกลับไปเขาก็เจอแสงสีขาวที่ค่อยๆก่อตัวเป็นรูปร่างของเจ้าหญิงแพนโดร่า
“ แพนโดร่า เจ้าใช่มั้ย”อีริคพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ข้าเอง อีริค ท่านจะนำดาบไปให้พี่เดรโคเนียน ฆ่าลูกเราไม่ได้นะ”เจ้าหญิงพูด
“เจ้าพูดอะไรข้าสับสนไปหมดแล้วนะ”อีริคพูด
“ลูกเราถูกส่งมาเป็นเครื่องบูชายัญ  พี่เดรโคเนียนรู้เรื่องนี่ ถ้าท่านส่งดาบให้พี่เมื่อใด เมื่อนั้นลูกเราต้องสิ้นชีวิตแน่”เจ้าหญิงร้องเสียงหลง
“ข้าไม่อยากเชื่อเลย ว่ากษัตริย์เดรโคเนียนจะทรยศข้า แล้วข้าควรทำยังไง”อีริคถาม
“ท่านต้องพาไดอาน่าหนีไปให้ไกลที่สุดอย่าให้ พี่ข้าตามไปได้ และนำสร้อยเส้นนี้ให้ลูกเราใส่ไว้ มันจะช่วยเป็นเกราะคุ้มกันลูกเรา”เจ้าหญิงสั่งและยื่นสร้อยเส้นนั้นให้อีริค และนางดูเหมือนจะเตรียมตัวไป
“เดี๋ยวแพนโดร่า เรากอดกันสักพักได้ไหม ให้ข้าได้เก็บกลิ่นรักของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย”อีริคพูดขึ้น เจ้าหญิงจึงโผเข้ามากอดอีริค น้ำตาของเจ้าหญิงที่ไหลริน ลงบนไหล่ของอีริค
“อีริค ต้องช่วยไดอาน่าให้ได้ อย่าให้ลูกต้องเป็นอะไรไป”เจ้าหญิงพึมพำ
“ข้ารักท่าน”เจ้าหญิงพึมพำเป็นครั้งสุดท้ายและสลายตัวหายไป เหลือเพียงแต่อีริคที่ตอนนี้สัมผัสได้แค่อากาศ
“ข้าก็รักเจ้า  และจะรักตลอดไป”อีริคพึมพำ และเขาก็ปักดาบอมตะไว้ที่ก้อนหินเหมือนเดิม ดาบคอยๆจมลงไปในก้อนหินเหมือนเดิมดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตราบใดที่ข้ายังอยู่ จะไม่มีใครสังเวยชีวิตลูกสาวข้าได้”อีริคตะโกน ก่อนที่เขาจะควบม้ากลับไปที่ปราสาทด้วยความโกรธแค้น
*****************************************************************************************************************************
เป็นไปตามที่วิญญาณของเจ้าหญิงแพนโดร่าได้มาบอก เพราะเมื่ออีริคกลับเข้ามาที่ปราสาทเพื่อมาหาแม่นมก็พบว่าที่ห้องบรรทมข้าวของกระจัดกระจาย แม่นมอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ เพราะเลือดเต็มตัวนาง ดูเหมือนจะถูกแทงและทำร้าย
“เกิดอะไรขึ้น”อีริคถาม
“เร็วเข้ารีบไปช่วยพระธิดาเร็วๆ  อย่าให้พระธิดาน้อยทรงเป็นอะไรไป อย่าห่วงข้า ไปสิ”แม่นมใช้แรงที่เหลือทั้งหมดผลักอีริคให้ไปก่อนที่นางจะสิ้นใจ อีริควิ่งไปที่กลางสนามของปราสาท ก็ได้เห็นลูกสาวของตัวเอง ถูกจับนอนอยู่บนแท่น ซึ่งกำลังส่งเสียงร้องไห้ด้วยความเวทนา นางกำนัลหลายคนพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกกีดกันจากทหาร อีริคตัดสินใจเดินเข้าไปที่แท่นพิธี  กษัตริย์เดรโคเนียนมองเขาด้วยความยินดี หารู้ไม่ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องนำดาบกลับมาได้ ไหนล่ะดาบ ข้าจะได้ทำพิธีให้เสร็จก่อนดวงจันทร์จะลับตาไป”กษัตริย์ตรัสสั่ง
“ดาบอมตะไว้สังเวยลูกข้าไม่มีหรอก มีแต่ดาบของข้าที่จะสังเวยชีวิตเจ้า”อีริคชักดาบออกมาจ่อไว้ที่คอของกษัตริย์
ทำให้ทหาร นักรบอื่นๆชักดาบออกมา
“ทำไม ทำไมท่านไม่บอกข้าสักคำ”อีริคถามด้วยเสียงอันก้อง ขณะที่ดาบจ่อไว้ที่คอกษัตริย์
“ถ้าข้าบอกเจ้า เจ้าจะนำลูกของเจ้ามาบูชายัญหรือ”กษัตริย์ย้อน
“ถึงอย่างไรท่านควรบอกข้า ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้า ไม่ใช่การตัดสินใจของท่านจอมเผด็จการ”อีริคตะโกน
“เรื่องแค่นี้เจ้าไม่พร้อมที่จะสละหรือไง ไหนเจ้าเคยสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินแรดดิเคิ้ล และจะยอมทุกอย่างแม้จะแลกด้วยชีวิตไง”กษัตริย์พูด
“แต่นั่นข้าหมายถึงชีวิตของข้า ท่านช่างอำมหิตนัก มิน่าล่ะ แพนโดร่าถึงอยากไปคลอดไดอาน่าที่อื่น ท่านจะต้องบูชายัญไปทำไมในเมื่อ แผ่นดินแรดดิเคิ้ลก็อุดมสมบูรณ์ดีมีอะไรอีกที่มันไม่ดีพอ”อีริคถาม
“ใช่มันยังไม่ดีพอสำหรับข้า อำนาจของข้ามันยังน้อย ถ้าข้าสังเวยชีวิตเด็กคนนี้ข้าจะได้เป็นอมตะ มีพลังวิเศษเหนือผู้ใดและแน่นอนเหล่านักรบผู้ภักดีรวมทั้งเจ้าก็จะได้ส่วนแบ่งในความเป็นอมตะ”กษัตริย์ตอบ
“ข้าภักดีต่อท่านมาตลอด แต่เสียดายที่ความภักดีมันจะสิ้นสุดลง เพราะท่านทรยศข้า ข้าก็จะทรยศท่านด้วยเช่นกัน ส่งลูกข้ามามิฉะนั้นกษัตริย์ของพวกท่านจะมีอันเป็นไป”อีริคร้องขู่ ทหารจึงต้องรีบนำไดอาน่าไปส่งให้กับอีริค อีริคเอามืออุ้มลูกไว้และอีกมือเขาถือดาบจ่อไว้ที่คอของกษัตริย์
“เดินตามข้ามา”อีริคร้องขู่ทำให้กษัตริย์ต้องจำใจเดินตามอีริคไปและเมื่อถึงปลายสนามเขาปล่อยตัวกษัตริย์ และเขาก็ขึ้นม้าควบออกไป
“จับมันไว้ ผู้ใดที่จับมันได้และนำเด็กนั่นมาให้ข้าได้ ข้าจะตอบแทนด้วยรางวัลอย่างงาม”กษัตริย์ร้องตะโกน ทหารทุกคนวิ่งตามไปแต่ดูเหมือนว่าคงไม่ทันเพราะอีริคได้ควบม้าหนีไปแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น