ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Memory of love.

    ลำดับตอนที่ #1 : \"เธอเป็นมากกว่าเพื่อนและเป็นต้นไม้ที่ฉันต้องดูแล\"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12
      0
      16 เม.ย. 48

    ….แล้วผมก็ต้องหยุดเดิน  เมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมายืนตรงหน้าผมแล้วพูดว่า......

        “ถ้านายจะเดินผ่านฉันไป นายต้องเอาต้นไม้ของฉันไปเลี้ยง”  ...เสียงของเด็กหญิงผมหยิกคนนั้นดังก้อง  ในตอนแรกผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ถ้าผมไม่หงุดหงิดผมคงจะบ้าไปแล้ว ผมไม่รู้จักเธอนี่  ผมยังคงยืนนิ่งอยู่สักพักหนึ่ง  ผมไม่ได้เอ่ยปากพูดคำใด แต่แล้วเด็กผู้หญิงผมหยิกคนนั้นก็ยิ้มกว้างให้ผมแล้วพูดต่ออีกว่า...

        “ฉันจะไปจากที่นี่  ฉันเห็นเธอเป็นคนแถวนี้และน่าไว้ใจที่สุด  ถึงฉันจะไม่รู้จักเธอแต่ฉันแน่ใจว่าเธอจะสามารถดูแลต้นไม้ต้นเล็กๆของฉันได้  ฝากดูต้นไม้ของฉันหน่อยนะ แล้วสักวันฉันจะกลับมาเอาต้นไม้ต้นนี้คืนนะ”  แล้วเด็กน้อยคนนั้นก็ยื่นกระถางต้นไม้ให้ผม  ผมอยากจะหัวเราะให้ดังลั่นในกระถางเล็กๆนั้นไม่มีอะไรอยู่เลย มีเพียงดินร่วนเท่านั้นที่มีอยู่ในกระถาง  ผมเลยพูดกับเธอไปว่า...

        “เธอจะให้ฉันปลูกต้นไม้ให้เธอหนิ  ฉันนึกว่ามันจะมีต้นไม้อยู่แล้วซะอีก”

        “มันไม่มีอะไรเลย นายจะรู้ได้ไง ฉันฝังเมล็ดลงไปในดินเรียบร้อยแล้ว ไม่นานมันคงออกดอกออกผล แล้วฉันจะกลับมาเอา” เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นบอกกับผม  ตอนนั้นผมอายุ12  ผมไม่เคยคิดที่จะปลูกต้นไม้ แต่ผมเห็นรอยยิ้มของเธอแล้วทำให้ผมตกลงที่จะเลี้ยงดูต้นไม้นั้นให้เธอ

        เด็กผู้หญิงคนนั้นมีผมหยิก มีดวงตาสีน้ำตาล รูปร่างดูท้วม แต่ผมดูแล้วก็น่ารักดี   เธอคนนั้นให้ผมปลูกต้นไม้ให้ แล้วบอกกับผมว่าสักวันหนึ่งเธอจะกลับมา  ผมคิดไม่ออกจริงๆว่า เธอจะรู้ได้ไงว่าเธอฝากต้นไม้ไว้กับใคร แล้วต้นไม้ต้นที่เธอฝากให้ผมเลี้ยงมันจะอยู่ในสภาพที่เธอต้องการหรือเปล่า  ผมไม่รู้จักชื่อของเธอสักนิด  เธอก็ไม่รู้จักผมแต่อย่างไรก็ตาม ผมจะพยายามเลี้ยงดูต้นไม้ที่เธอให้อย่างสุดความสามารถ  ผมจะดูแลมิใช่แค่ว่าเป็นหน้าที่ และไม่ได้ทำเพื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว  ผมทำเพื่อทุกๆคน ถึงจะเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ  แต่ผมถือว่าเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าของมนุษย์บนโลก....

    “เรียงความของเธอดีมากนะ นายทศไนย” อาจารย์ในชั้นกล่าวชม

        เสียงปรบมือของคนในชั้นดังขึ้น  แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็เดินไปนั่งที่ของตัวเอง ไม่มีรอยยิ้มสักน้อยปรากฎบนใบหน้าของหนุ่มคนนั้น  เขายังคงสงบนิ่งผิดกับตอนที่เขาอ่านเรียงความ  ใบหน้าของเขาดูสดใสและแสนอบอุ่น



    “นี่ๆ ต้า เขาแต่งเรียงความดีมากเลยเนอะ เธอว่าไหม” เพื่อนรักของฉัน  “นานา” กระซิบข้างๆหูของฉัน

    “อื้มแต่งดีมากเลย” ฉันมีชื่อว่า ดิว  ฉันมีลักษณะหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับเด็กผู้หญิงในเรียงความของ “ต้า” หรือนายทศไนย  ฉันรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับเรียงความเรื่องนี้มาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

    “นานาว่านะเด็กผู้หญิงที่ต้าพูดถึงอ่ะ ต้องมีจริงๆแน่เลย” นานาเป็นคนช่างคิด คิดเรื่องง่ายๆให้เป็นเรื่องยาก และยังชอบจินตนาการเรื่องต่างๆไปไหนต่อไหน  

    “ฉันว่าไม่หรอก” ฉันโกหก  ฉันคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องมีจริง

    “หมดเวลาแล้ว  พรุ่งนี้เราจะมาฟังเรียงความของคนที่เหลือนะ” อาจารย์วนิดาพูดแล้วเดินออกจากห้องไป

    “คาบนี้คาบว่าง เย่ๆ” นานาส่งเสียงดัง

    “พรุ่งนี้ฉันต้องอ่านเรียงความแน่เลย ไม่อยากอ่านเลยอ่ะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ

    “นี่ เดี๋ยวฉันไปเล่นกับวีสุดที่รักเราก่อนนะ” นานาพูดพร้อมยิ้มบาน

    “ตามสบาย” ฉันตอบง่ายๆ

    “เมื่อกี้  เธอพูดว่าไม่อยากอ่านเรียงความหรอ” ต้ามายืนอยู่ข้างโต๊ะฉัน

    “ได้ยินหรอ” ฉันตกใจจังที่มีคนได้ยิน

    “อืม”  เขาตอบสั้นๆ

    “ก็ใช่สิเนอะ  เธอนั่งข้างฉันหนิ”

    “อืม” ต้ายังคงตอบสั้นๆ

    “เธอ  ชอบต้นไม้ต้นนี้ไหม” เขาถาม พร้อมยื่นกระถางต้นไม้ให้ฉันดู

    “ต้า  จะบ้าหรอ นี่มันกระถางเปล่า”  ฉันขำต้าจริงๆ  เขาคิดยังไงกัน  

    “นายคงไม่ให้ฉันเลี้ยงต้นไม้ต้นนี้ไว้ให้  แล้วบอกว่าสักวันหนึ่งนายจะกลับมาเอาเหมือนในเรียงความหรอ” ฉันพูดต่อ

    “ก็ไม่เชิง” ต้าเป็นคนไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร แต่ถ้าจะพูดไปเขาเป็นเพื่อนผู้ชายที่ฉันสนิทที่สุด  ถึงแม้ว่าในบางครั้งเขาจะดูเหมือนอยู่ห่างไกลฉันมากก็ตาม  แต่เขาก็เพื่อนที่ดี เขาเป็นห่วงเมื่อฉันป่วย  เขาเอาใจใส่เมื่อฉันเหงา เขาจะให้กำลังใจเมื่อฉันท้อ  และจะคอยดูและฉันอยู่ห่างๆ เขาไม่ใช่เพื่อนอย่างเดียวเขายังเป็นพี่ชายที่ดีของฉันด้วย

    “เธอเป็นต้นไม้ที่ฉันต้องเลี้ยงดู”  ต้าพูดกับฉันเสมอว่า ฉันเป็นต้นไม้ที่เขาต้องเลี้ยงดู เขาเป็นคนรักต้นไม้มากๆ  แต่มันก็จริงที่ฉันเป็นต้นไม้ของเขา

    “วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ  ฉันจะต้องให้อาหารต้นไม้”  ต้าบอกกกับฉัน

    “นายนี่ก็นะ  ทำอย่างกับฉันเป็นต้นไม้จริงๆ” เฮ๊อออ เพื่อนที่ดีเห็นฉันเป็นต้นไม้

    “ก็เหมือนนะ” เสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งดังอยู่ข้างหูฉัน  เขาชื่อว่า “เบส” เป็นเพื่อนร่วมห้อง  ฉันไม่รู้ทำไมว่าเขาต้องมายุ่งยากยุ่มย่ามกับชีวิตฉันเหลือเกิน  และอีกอย่างที่สำคัญ  เบสกับต้าไม่ถูกกันเอามากๆ

    “นายไม่มีสิทธิ์มาพูดว่า ดิวเหมือนต้นไม้” ต้าพูดอย่างสงบนิ่งแต่เป็นน้ำเสียงที่เข้ม คม ขรึม

    “ทำไมจะไม่ได้ นายยังเรียกได้เลยนี่”เบส กระชากคอเสื้อของต้าขึ้น

    “หยุดนะ” เอาอีกแล้วจะทะเลาะกันอีกแล้ว ฉันล่ะเกลียดไอ้ตาเนี่ยจริงๆ  นายเบสเป็นตัวป่วนประจำห้อง เป็นคนที่ทุกคนกลัว เว้นแต่เพื่อนบางคนที่มีความคิด  รู้ว่าสิ่งไหนที่ควรกลัวและไม่ควรกลัว

    “อย่ามายุ่ง  ยัยต้นไม้ซื่อบื้อ” เบสว่าฉันอีกแล้ว

    “นายไม่มีสิทธิ์ไปว่า ดิว” แน่นอน เป็นคำพูดของ ต้า

    “นายเป็นเจ้าของยัยบื้อนี่หรือไง” เบสง้างหมัดจะชกหน้าของต้า   ฉันต้องหยุดพวกเขาแล้ว  ทำยังไงดี......

    .....ป๊าป!!..

    “เจ็บ” ฉันครางเบาๆ  ฉันไม่รู้จำทำอย่างไร  ฉันเลยเอาหน้าไปรับแทน  โง่จริงๆเลย

        ต้าผลักเบสชนกับโต๊ะ 3 ตัวที่ตั้งติดกันในห้อง  เพื่อนๆในห้องต่างรู้ดีว่า  สองคนนี้ต้องทะเลาะกันอีก  มันเป็นเรื่องปกติที่สองคนนี้ต้องทะเลาะกัน ในห้องจึงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เบสคงรู้สึกเจ็บใจมาก แต่เขากลับเดินไปนั่งที่ของเขาเอาเฉยๆ  ปกติแล้วเขาจะต้องทะเลาะกันจนกว่า  อาจารย์จะเข้ามาหยุด

    “เป็นอะไรหรือเปล่า ดิว”ต้าคุกเข่าลงมาดูฉันที่กำลังนั่งกองอยู่กับพื้น

    “ฉันเป็นต้นไม้ ก็ต้องแข็งแรงสิ” ฉันพยายามทรงตัวยืนขึ้นแล้วพาตัวเองไปนั่งที่

    “นานา!!” ต้าตะโกนเรียก

    “มีอะไร!!” นานาตะโกนขานตอบ

    “มานี่!!”  ต้าตะโกนต่อ

    “นายจะมายุ่งอะไรกับแฟนฉัน!!!” คราวนี้นายวีแฟนของนานาตะโกนกลับมา  ต้าส่ายศีรษะแล้วชี้มาที่ฉันให้นานาเห็น

    ฉันมองนานาที่อยู่หลังห้อง กำลังคุยกับวี เพื่อจะเดินมาหาฉัน  แล้วนานาก็เดินมา

    “ดูต้นไม้ให้ที” ต้าพูดเรียบๆแล้วไปยืนพิงหน้าต่าง

    “ฮ่าๆๆๆ ต้นไม้ ฉันล่ะขำจริงๆ เวลาเขาเรียกเธอเป็นต้นไม้น่ะ  ไหนเงยหน้าสิโดนอะไรมา” นานาจับบริเวณคางของฉันแล้วดันขึ้นเพื่อดูแผลบริเวณมุมปาก

    “เธอคงอยู่กับวีจนไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอเอาหน้าไปรับแทนต้า” ฉันประชด

    “เอาหน้าไปรับแทนต้า เวรกรรมจริงๆ เบสต่อยเธอน่ะสิ” นานารู้ทันที

    “อืม” ฉันขานรับสั้นๆ เพราะเจ็บ

    “เอ๋ ไม่ใช่แค่ตรงปากที่เดียวนี่  ตรงแขนก็มีรอยช้ำ”นานาเป็นคนสังเกตดีจริงๆ

    “ก็เขาต่อยฉันจนกระเด็นอ่ะ เลยไปโดนโต๊ะ  เดี๋ยวก็หายไม่นานหรอก” ฉันพูด แต่มันเจ็บจริงๆนะเนี่ย

    “ต้องไปห้องพยาบาล”

    “ไม่ต้องอีกคาบเดียวก็เลิกเรียนแล้ว”

    “อืมงั้นทนหน่อยล่ะกัน แล้วกลับไปใส่ยาที่บ้านนะ” นานาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงฉัน

    “เดี๋ยวฉันจะทำแผลให้เธอ” ต้าเดินกลับมายืนข้างๆโต๊ะของฉัน

    “ไม่เป็นไร ฉันทำเองได้ แค่นี้เอง”

    “ฉันบอกแล้วไง วันนี้ฉันจะให้อาหารต้นไม้ของฉัน”

    “ตามใจ”

        ในคาบเรียนสุดท้าย  ฉันต้องนั่งเรียนอย่างทรมาน  ฉันรู้สึกปวดไปทั่วทั้งตัวไม่ใช่แค่บริเวณแขนเพียงที่เดียว  ฉันรู้สึกเจ็บไปทั่วร่างกาย  นานาเพื่อนที่ฉันรักคอยถามเสมอว่าฉันเป็นอย่างไรบ้างและเธอก็พยายามจะบอกอาจารย์แต่ฉันห้ามไว้  ส่วนต้า เขาเป็นคนเฉยชาแต่มีจิตใจดี  เขาไม่ถามและไม่สนใจฉันระหว่างคาบเรียน แต่ว่าเขาหยิบน้ำขวดหนึ่งให้ฉัน  เขาคงจะให้ฉันดื่ม  แต่ว่าฉันจะดื่มได้ยังไงในเมื่อนี่มันเวลาเรียน... ต้องขออาจารย์ดื่มน้ำ  ถ้าฉันขออาจารย์ก็คงสังเกตเห็นหน้าที่มีรอยฟกช้ำ  และแล้วเวลาที่ฉันทนทรมานก็ผ่านไป เวลาเลิกเรียนมาถึง

    “กลับไปใส่ยาด้วยนะ ที่บ้านมียาหรือเปล่า” นานาถามฉันทันที่อาจารย์ออกไปจากห้อง เพื่อนๆก็ต่างทะยอยกันออกจากห้องไป เหลือเพียง ฉัน นานา ต้าและเบส

    “มีสิ” ฉันรู้ว่านานาเป็นห่วงมากเพราะฉันอยู่ตัวคนเดียวในบ้าน ดังนั้นนานาจึงเป็นห่วงฉันเป็นพิเศษ

    “อืม งั้นฉันคงโล่งใจ  รีบทายาแล้วก็อ่านหนังสือนะ พรุ่งนี้มีสอบวิชาเลขนะ” นานาเตือนแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องไป

        วันนี้ฉันจะกลับบ้านกับต้า ฉันต้องช่วยต้าถือของ เพราะสัมภาระเขามากเหลือเกินไหนจะต้นไม้   กระเป๋า หนังสือหนาๆอีก 3 เล่ม

    “นี่” เสียงเรียกของเบสดังขึ้น ขณะที่ฉันกับต้ากำลังจะเดินออกจากห้อง

    “ฉันจะช่วยเธอถือ  ในฐานะที่ฉันทำเธอเจ็บ แต่นายอย่าคิดนะว่าฉันจะยอมนาย” เบสพูดแล้วกระชากหนังสือ 3 เล่ม ออกจากมือฉันไป

    “ขอบใจ” ฉันจำใจพูด

    “ไม่ต้อง  ฉันถือเองก็ได้  ถ้านายมาช่วยถือ นายก็ต้องกลับบ้านกับพวกเรา ฉันไม่ต้องการอยู่กับคนอย่างนาย” ต้าพูดแล้วกระชากหนังสือออกจากเบส

    “ตามใจ แต่ฉันถือว่า ฉันได้ไถ่โทษที่ทำเธอเจ็บแล้วนะ แต่ที่จริงแล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องมาช่วยถือหรอก  เพราะเธอมันเซ่อเองที่มารับหมัดฉันแทนมัน” เบสพูดอย่างเสียดสีที่สุด

    “แต่ถ้าฉันไม่เอาหน้าไปรับหมัด  นายคงได้เจ็บมากกว่านี้แน่ๆ  แค่ต้าผลักน่ะมันน้อยเกินไปสำหรับนาย” ฉันรู้สึกทนไม่ไหว ฉันไม่ได้เป็นคนอ่อนหวาน  ออกจะดูก้าวร้าวด้วยซ้ำ  เวลาจะทำอะไรก็ทำไม่คิดอย่างวันนี้ที่เอาหน้าไปรับแทน แต่ฉันก็ได้พูดออกไปแล้ว ว่านายเบส มันเป็นอะไรที่ดีที่สุด ว่าตัวป่วนของห้อง

    “เธอจะว่าฉันได้ก็แค่วันนี้วันเดียว” เบสพูดแล้วเดินดุ่มออกจากห้อง  จากนั้นฉันกับต้าก็เดินกลับบ้าน

        บ้านของต้าอยู่ตรงข้ามกับฉัน  เวลากลับบ้าน ถ้าไม่ได้กลับด้วยกัน  ต้าจะกลับบ้านมาก่อนฉันเสมอ  ต้าก็อยู่ตัวคนเดียวเหมือนกับฉันเหมือนกัน  เนื่องจากแม่ของต้าเสียชีวิตไป  10 ปีก่อน พ่อของต้าก็ต้องบินไปมาต่างประเทศบ่อยๆ ต้าจึงต้องอยู่คนเดียว  พ่อของต้าจะกลับมาตอนปีใหม่เท่านั้น  ต้าจึงต้องอยู่ตัวคนเดียว  ส่วนพ่อแม่ของฉันต้องทำงานอยู่ที่ต่างประเทศเหมือนกัน  ท่านทั้งสองพึ่งไปต่างประเทศปีนี้และอีกตั้ง 5 ปีกว่าจะกลับมา  ฉันทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้วที่จะต้องอยู่คนเดียว  พ่อกับแม่จะส่งเงินค่าเรียน  ค่าขนมมาให้เสมอ  จำนวนไม่มากไม่น้อยไป  ฉันต้องออกไปทำงานพิเศษ ทุกวันเสาร์จึงพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง  อาจไม่มากเพราะทำแค่วันเสาร์เพียงวันเดียวแต่ว่าฉันสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสุขสบายเพราะฉันมีเงินพอมีพอกิน  ฉันเลยมีความสุขที่ได้มีชีวิตอยู่อย่างนี้

    “มัวคิดอะไรอยู่” ต้าถาม  

    “คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ”

    “เจ็บมากหรือเปล่า”

    “เจ็บสิ”

    “เธอเป็นต้นไม้ที่ฉันต้องดูแล” พูดแบบนี้อีกแล้ว (เฮ๊อ.......)

    “อืม ทำไมนายถึงทำดีกับฉันขนาดนี้” ฉันรู้สึกสงสัยมานาน  ตั้งแต่เขาย้ายเข้ามาในโรงเรียน เขาก็พยายามมาคุยกับฉัน อาจจะไม่มากก็เถอะแต่ก็แสดงให้เห็นว่า เขาต้องการเป็นเพื่อนกับฉัน

    “เธอคงจำไม่ได้จริงๆ” น้ำเสียงดูแผ่วเบาลงไป

    “จำไม่ได้  มีเรื่องอะไรที่ฉันจำไม่ได้”

    “ช่างเถอะ ไว้วันหนึ่งฉันจะพาเธอไปเที่ยวแถวบ้านเก่าของฉัน”

    “อยากไปนะ แต่ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกันยังไง”

    “สักวันเธอจะรู้เอง”

    “ทำไมต้อง สักวัน พูดเหมือนเด็กผู้หญิงในเรียงความ”

    “เด็กหญิงคนนั้นมีจริง”

    “ฉันหรอ”

    “....................คำตอบจะมีก็ต่อเมื่อเธอได้กลับไปบ้านเก่าของฉัน”

    “ลึกลับจริงๆนะนาย”

        พวกเราเดินคุยกันมาจนถึงบ้าน  ต้ามาบ้านฉันบ่อยๆ บ้านเราใกล้กันนี่นา  แต่ฉันไม่เคยไปบ้านต้าสักครั้ง แต่ถ้าดูจากภายนอกบ้านมีต้นไม้มากมาย ดูร่มรื่นมากๆ  ฉันไม่เคยขอที่จะเข้าไป แต่ฉันเชื่อว่าสักวันฉันคงได้เข้าไป เฮ่อ....ฉันพูดสักวันเหมือนเด็กนั่นในเรียงความของต้าเลย

        ต้าทำแผลให้ฉัน  ต้าเป็นคนมือหนักมากๆ ฉันเจ็บ  ฉันร้องเสียงดังลั่น  ต้ารู้สึกจะรำคาญมากตอนที่ฉันร้อง แต่ว่าสุดท้ายเขาก็ต้องทนจนกว่าเขาจะทำแผลให้ฉันเสร็จ

    “บอกแล้วเดี๋ยวฉันทำเอง”

    “เชอะ ต้นไม้แข็งแรง”รู้สึกว่าเขาจะประชด คำพูดที่ฉันพูดไปที่โรงเรียน

    “ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะ ว่ามันจะเจ็บขนาดนี้”

    “เธอไม่น่าเอาหน้าไปรับแทนเลย”

    “ถ้าไม่อย่างนั้น นาย2 คนก็ต้องทะเลาะกันต่อ”

    “เธอเป็นต้นไม้ที่ฉันดูแล เธอไม่มีหน้าที่มาดูแลฉัน”

    “แต่ถ้าเธอไม่มีต้นไม้เธอก็อยู่ไม่ได้ เพราะเธอจะไม่มีอากาศหายใจ” ฉันพูดภาษาเดียวกับ ต้า บ้าง

    “ฉันรับอากาศหายใจจากต้นไม้ต้นอื่น ที่ไม่ใช่ต้นไม้อย่างเธอ”

    “แหมๆๆ พูดอย่างนี้มีต้นไม้ส่วนตัวที่เป็นคนให้ลมหายใจอ่ะดิ๊” ฉันแซวเขา  เขาก้มหน้าลง ต้าคงอายแน่เลย

    “ถ้ามี ฉันจะเอามาให้เธอดูเป็นคนแรก”

    “คนแรก อย่างนายน่ะมีอยู่แล้ว  รุ่นน้องชอบนายเยอะจะตาย”

    “ฉันไม่เอารุ่นน้อง พวกนั้น”

    “แล้วนายอยากได้แบบไหน”

    “แล้วทำไมฉันต้องบอกกับเธอ”

    “ก็นายเป็นเพื่อนฉัน”

    “เพื่อนหรอ”

    “อ่าวหรือนายเป็นอะไรกับฉันล่ะ”

    “ฉันเป็นผู้ดูแลต้นไม้อย่างเธอ”

    “เอ๊ะ นายนี่ยังไง สรุปฉันไม่ได้เป็นเพื่อนนายล่ะสิ”

    “เป็นแต่เป็นฐานะที่เหนือกว่าความเป็นเพื่อน”

    “เอ๋  มากกว่าเพื่อน...แฟนรึ  ฉันไม่ได้เป็นแฟนนาย”

    “เธอนี่ฟุ้งซ่านจริงๆ”

    “นายว่าฉันรึ”

    “อืม”

    “อย่ามา อืม นะ ว่าคนอื่นแล้วพูดว่า อืม ได้ลงคอ”

    “ก็มันจริง”

    “เชอะ”

    “เธอรู้ไว้ก็พอว่าเธอเป็นมากกว่าเพื่อน เป็นต้นไม้ที่ฉันดูแล”

    “เฮ่อ  เซ็งกับการที่ต้องเป็นต้นไม้จริงๆ”

    “ฉันจะไปต้มข้าวต้มให้กิน”

    “ไม่ต้อง ฝีมือนาย ห่วย มากๆ”

    “แต่คราวที่แล้วเธอกินหมดชาม”

    “ฉันฝืนๆ”

    “ทำไมไม่บอก !!”

    “ก็เห็นนายอุตส่าห์ทำให้”

        ต้าเดินมาข้างหลังฉัน แล้วทุบหลังฉันหลายที เหมือนพยายามทำให้  อ๊วก ถึงจะไม่แรงมากแต่ฉันก็เจ็บ วันนี้ตัวฉันต้องระบมแน่เลย  โอ๊ยๆๆ จะตายแล้ว

    “ข้าวต้มที่นายทำให้ฉันกินน่ะ  ฉันกินไปเมื่อเดือนก่อน แล้วนายจะมาให้ฉันอ๊วกเดือนนี้หรือไง”

    “ลืม” ต้าหยุดตีฉัน แล้วทำหน้าไร้อารมณ์

    “พูดง่ายดี  ลืม”

    “เดี๋ยวฉันมา”

    “ไปไหน”

    “อาบน้ำ”

    “อืม”

    “เดี๋ยวเธอติวหนังสือให้ฉันด้วยล่ะกัน”

    “.........ทำไมต้องฉันทุกที” การติวหนังสือให้คนไม่พูดอย่างต้า เป็นอะไรที่ฉันเบื่อหน่ายที่สุด

        ขณะที่ต้าไปอาบน้ำ  ฉันเข้าครัวทำอาหาร  ฉันทำข้าวต้มเพราะวันนี้ฉันป่วย  เมื่อฉันทำข้าวต้มฉันจะนึกถึงต้าเสมอ หน้าตาตอนที่เขาทำข้าวต้มให้ฉันกินเดือนก่อน  เขาดูตั้งใจมากๆ  แต่มันทำให้ฉันตลก  เขาทำข้าวต้มให้ฉันกินเพราะเขาจะให้ฉันกินลงไปเพื่อล้างท้อง  ท้องฉันมันสกปรกนักหรือไงกันนะ  ข้าวต้มที่เขาทำ เค็มมากๆ แทบจะกินไม่ได้ แต่ฉันนึกถึงหน้าตาของเขา ฉันต้องจำใจกินแล้วบอกว่า  “อร่อยดีนะ” แต่มันก็เป็นผลดีเพราะเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ฉัน ซึ่งต้าไม่เคยยิ้มให้ใครแบบที่เขายิ้มให้ฉันในวันนั้นมาก่อน โฮะๆๆ คิดแล้วก็รู้สึกตัวเองมีความสำคัญกับต้าจัง

    “มาแล้ว  กินด้วย” ต้าพูดสั้น ได้ใจความ

        ฉันนำข้าวต้ม  2  ที่มาวางบนโต๊ะ  แล้วฉันก็ไปเตรียมหนังสือที่จะอ่านมาวางด้วย

    “อร่อยไหม”

    “ไม่”

    “อะไร ฉันทำก็ต้องอร่อยสิ”  เขาก้มหน้าก้มตากิน  ไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน

    “อิ่ม อย่างพะอืดพะอม” ต้าพูด

    “อืม” ฉันตอบสั้นๆ อุตส่าห์ตั้งใจทำ มาบอกว่าไม่อร่อย  อย่างฉันเนี่ยนะทำอาหารไม่อร่อย คนที่ชื่อดิว คนอย่างฉันเนี่ยนะ ทำอาหารไม่อร่อย ไม่อร่อยแล้วกินไปทำไมตั้งหมดชาม

    “กินเสร็จหรือยัง  จะเอาไปล้าง แล้วเธอก็ไปอาบน้ำซะ” ต้าพูดเสียงดุๆ

    “เสร็จแล้ว”

    “ทำไมกินเหลือเยอะ”

    “ไม่อร่อยไม่ใช่หรอ”

    “อืม ลืมไป เธอไปอาบน้ำแล้วมาติวฉันด้วย”

        ฉันอาบน้ำเสร็จเร็วมาก ไม่นานฉันก็กลับมานั่งที่เก้าอี้รับประทานอาหารตัวเดิม  แล้วฉันก็เริ่มติวหนังสือให้ต้า  เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องติวหนังสือให้ต้า  ไม่มีการขานรับ หรือปฏิกิริยาใด เหมือนในห้องเรียนอย่างกับถอดแบบกันมา เราติวหนังสือจนดึกมาก  แล้วในที่สุด ต้าก็หลับคาโต๊ะ

    “จะบอกว่าพูดจนลิงหลับก็ไม่ได้ด้วยสิ” ฉันพึมพำกับตัวเอง  เอ๊ะแต่นี่มันบ้านฉัน  มานอนบ้านฉันได้ไง แต่ถ้าปลุกก็ไม่ดีด้วยสิทำไงดี

    “ทำไงดีๆ”   ฉันคิดอยู่สักพักหนึ่ง ฉันคิดออกแล้ว

        ฉันลากต้าไปนอนบนโซฟา  ฉันรู้สึกว่าเขาตัวหนักจัง  รู้สึกว่าเขาจะละเมอซะด้วย  และรู้สึกว่าจะละเมอถึงฉัน

    “เธอเป็นต้นไม้ที่ฉันต้องดูแล” ต้าละเมอ

    “เฮ่อออ ละเมอยังเป็นประโยคนี้เลย”

    “อยากบอกว่า ข้าวต้มอร่อยนะ” เอ๊ะๆ เขาละเมอว่าข้าวต้มอร่อย

    “ทีเมื่อกี้ทำเป็นบอกว่า ไม่ เชอะ”

        ฉันขึ้นไปเอาผ้าห่มมาห่มให้ แล้วฉันก็นอนอยู่ที่โซฟาที่อยู่ตรงข้ามกัน  ถ้าให้เขานอนคนเดียวคงไม่ดีแน่ เขาคงไม่ทำอะไรหรอก ถ้าเขาตื่นขึ้นมากลางคัน  

        ต้าและดิวหลับอยู่ที่ห้องรับแขกบนโซฟา  ต้ายังคงละเมออยู่สองประโยคเดิม  ส่วนดิวก็ได้ยินเสียงต้าละเมอจนต้องนอนหลับๆตื่นๆ จนถึงเช้า

    “ตื่นได้แล้ว นายต้า” ฉันตะคอก แล้วหมอนฟาดหน้าเขา

    “ปลุกแล้วทำไม ถึงต้องเอาหมอนมาฟาดด้วย ฉันทำอะไรให้เธอ” ต้าพูดอย่างัวเงีย

    “ก็นายละเมอ ทั้งคืน ฉันไม่ได้นอนเลยรู้ไหม”

    “ละเมอว่าไร” ต้ามีสีหน้าตกใจ

    “หึ อยากรู้จริงๆอ่ะ”

    “ฉันว่าต้องละเมออะไรซี้ซั้ว” ต้าทำหน้าไม่สนใจอะไร

    “อืม งั้นก็ไม่ต้องรู้หรอก”

    “ใช่ว่าฉันจะสนใจ”

    “รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว”

    “ไม่อาบ”

    “บ้าเรอะ สกปรก”

    “ขี้เกียจ”

    “นายอย่าน่าเกลียด ขี้เกียจเรียน แต่อย่าขี้เกียจอาบน้ำดิ๊  คนเค๊าจะรังเกียจเอา นายตัวเหม็น”

    “เคยดมหรือไง ว่าตัวฉันเหม็น”

    “ป่าว” ใครจะไปดมตัวนายเนี่ย

    “เธอ รีบไปอาบ ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้านฉัน”

    “อืม แล้วเดี๋ยวจะไปด้วยกัน หรือว่าเจอกันที่โรงเรียน”

    “ถามได้ก็ต้องไปด้วยกันดิ”

    “ทำไมฉันต้องไปไหนมาไหนพร้อมนายอยู่เรื่อย” ฉันรู้ว่า ต้า จะตอบอะไร

    “เธอเป็นต้นไม้ที่ฉันต้องดูแล” ฉันพูดพร้อมเขา

    “รู้แล้วจะถามทำไม”

    “ถ้านายไม่บอกเหตุผลจริงๆ สักวันฉันจะเลิกยุ่งกับนาย”

    “อย่าพูดแบบนั้น” เขาตะคอก แล้วเดินออกจากบ้านไป

    “เฮ๊อ ทำตัวลึกลับ ใครอยากจะคบด้วยล่ะ” ฉันพึมพำ

        ฉันกับต้าเดินไปโรงเรียนพร้อมกันทุกวัน  ปกติแล้วฉันกับเขาจะต้องมีข้อถกเถียงตลอดทางเดิน แต่ว่าคราวนี้ ฉันกับเขาไม่มีใครที่เอ่ยปากพูดอะไร  ทำให้บรรยากาศเงียบเชียบ  ฉันคิดจะหาอะไรขึ้นมาพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรจริงๆ

        เมื่อถึงโรงเรียน เราต่างแยกย้ายกันอยู่กับกลุ่มเพื่อน  ต้าไม่มีเพื่อนเพราะเขาไม่สุงสิงกับใคร ยกเว้นฉัน  แต่ถ้ามีงานที่จะต้องทำร่วมกับเพื่อนๆ เขาทำหน้าที่สมาชิกในกลุ่มได้ดีทีเดียว ถึงแม้เขาจะเรียนไม่ดีก็ตาม  เพื่อนๆจึงไม่เกลียดขี้หน้ามากสักเท่าไร  แต่ถึงอย่างไรก็มีคู่กรณีอยู่ คือ นายเบส  หรือเรียกเต็มๆว่า นาย “นพพล”

    “นี่ เป็นยังไงบ้าง” เพื่อนรักของฉัน นานา ถามด้วยความห่วงใย

    “แผลอ่ะหรอ ก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ”

    “แล้วเรื่องสอบล่ะ อ่านดีหรือยัง”

    “ก็.....”

    “หมายความว่าไง ทำไมถึงไม่ตอบ”

    “ก็พอทำได้แหละน่า  เมื่อวานติวให้ต้าอ่ะ เลยไม่ได้ทวนที่ฉันยังไม่ค่อยได้”

    “ใช้ไม่ได้เลยนะ ต้าเนี่ย ฉันจะไปสั่งสอน”

    “ฉันจัดการเองได้หน่า เธอทำตัวอย่างกะเพื่อนของนางเอกที่อ่อนแอ แต่เสียใจนะ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอ”

    “เอ๊ะ แล้วใครเป็นพระเอก ต้าหรือไง”

    “อย่างนายนั่น”

    “ทำไมหรอ”

    “นักเรียนเข้าที่ ได้เวลาสอบแล้ว”    

        วันนี้อาจารย์ กมล เป็นคนคุมสอบ  อาจารย์กมล เป็นผู้ชายที่มีอายุแต่อารมณ์ดี  และรู้ทันเด็กอย่างมาก ถ้าจะทุจริตในเวลาที่อาจารย์กมลคุมสอบ บอกได้คำเดียวว่า ไม่มีทาง

    “ทำให้ดี ไม่ต้องไว ถ้าทำได้ไม่ต้องซ่อม” อาจารย์พูดเลียนเสียงพิธีกรรายการ “แข่งร้อยได้ล้าน”

        เวลาในการสอบทำไมผ่านไปช้าเหลือเกิน  ฉันอยากให้สอบเสร็จไวๆ ข้อสอบในวันนี้ยากเอาการเหมือนกัน  ฉันก็ติวตัวเองมาไม่ละเอียด แต่ว่ายังไงฉันก็คิดว่าน่าจะทำได้  ฉันไม่เคยตกวิชาอะไรเลย  มันน่าจะมีพรสวรรค์ในการมั่วได้บ้างสิถูกไหม?  แล้วฉันก็ทำข้อสอบเสร็จ  ฉันมองไปรอบๆห้องทุกคนมีใบหน้าตึงเครียด  เว้นอยู่ 2 คน คืออาจารย์กมล กับ ต้า  อาจารย์กมลหน้าตาร่าเริงแจ่มใส  ส่วนต้า หน้าตาย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และรู้สึกว่าเขาจะทำข้อสอบเสร็จแล้วด้วย เก่งดีนี่นา  แต่ฝีมือฉันติวให้ตังหาก

    “อีก 20 นาที คนที่เสร็จแล้วจะมาส่งแล้วกลับบ้านเลยก็ได้นะ” อาจารย์กมลพูดขึ้น

        โรงเรียนของฉัน  ออกจะแตกต่างจากโรงเรียนอื่นสักหน่อย สอบวันละวิชา ดังนั้นวันสอบนักเรียนจึงกลับบ้านได้ไวมากๆ ไม่ถึงเที่ยงด้วยซ้ำ แต่จะสอบติดกันทุกวัน   ฉันมองหาข้อดีของการสอบติดกันทุกวันไม่เจอจริงๆ ถึงแม้บางคนจะบอกว่า สอบติดกันทุกวัน ในวันสอบจะได้ไม่เครียด แต่ฉันมาคิด แล้ววันติวหนังสือล่ะ คงเครียดมากๆ มีเวลาอีกไม่เต็มวัน ให้ติวหนังสือที่เรียนมาทั้งหมดทั้งปี

        ต้าลุกจากห้องสอบไปเป็นคนแรก  อาจารย์กมลมีอาการ งุนงง เล็กน้อย  ก่อนที่ต้าจะเดินออกจากห้องไป อาจารย์เลยถามอะไรต้าบางอย่าง ทำให้เพื่อนทั้งห้องได้ยิน

    “เธอแน่ใจกับคำตอบของเธอรึ เสร็จไวดีนะ แปลกจากคราวก่อน”

    “ผมมีติวเตอร์ดี”

    “บอกหน่อยสิ ใคร สถาบันไหน”

    “ไม่จำเป็นต้องบอก ติวเตอร์ส่วนตัว คนอื่นรู้เดี๋ยวติวเตอร์ของผม จะไม่มีเวลาให้ผมพอดีสิครับ อาจารย์”

    “ถ้าคะแนนสอบคราวนี้เธอไม่ดี  เธอเรียกติวเตอร์ของเธอมาให้ฉันดูด้วยล่ะกัน”  เพื่อนๆในห้องขำกันเล็กน้อย แต่เขาหมายถึงฉัน  แต่ถ้าเขาทำคะแนนไม่ดี  ฉันก็ต้องไปหาอาจารย์กมล รับรองได้เลยว่าเพื่อนในห้องก็ต้องรู้ว่าฉันเป็นคนติวหนังสือให้เขา

        ฉันยื่นข้อสอบให้อาจารย์  อาจารย์ไม่พูดอะไร ฉันจึงออกจากห้องสอบได้อย่างสบายใจที่สุด  พรุ่งนี้ต้องสอบวิชาภาษาอังกฤษ  วิชาถนัดของฉัน และก็เป็นวิชาที่ต้าถนัดที่สุด ฉันคิดว่า วันนี้เขาคงไม่ให้ฉันติวให้อย่างแน่นอน  แล้วก็ใช่จริงๆ เขาล่วงหน้ากลับบ้านไปแล้ว  

    “พอไม่มีผลประโยชน์ให้ก็ไม่เห็นค่ากันเลย” ฉันบ่น แต่เจ็บใจจริงๆ ที่ไม่รอฉันกลับบ้านด้วย

    วันสอบวันที่2 วิชาอังกฤษ...........ต้าเสร็จคนแรก  อาจารย์คุมสอบไม่ถามอะไร

    วันสอบวันที่3 วิชาสังคม..........ต้าเสร็จคนแรก อาจารย์คุมสอบ คืออาจารย์วนิดา อาจารย์ประจำชั้น ไม่ได้สนใจอะไร

        ตั้งแต่มีปัญหากับต้านิดหน่อยในวันนั้น  เขาไม่เอ่ยปากคุยกับฉัน ไม่มายุ่งจริงๆ  กลับบ้านก็ไม่พร้อมกัน มาโรงรียนก็ไม่ได้มาพร้อมกัน มันเหมือนมีอะไรขาดหายไป แต่เรื่องที่ฉันกลัว คือเรื่องอาจารย์รู้เรื่องที่ฉันติวให้เขา  เขาเรียนไม่ได้เรื่องถ้าไม่ได้ฉันเขาแย่แน่  แต่ฉันจะไม่ยอมไปง้อเขาเด็ดขาด

    วันสอบวันที่4 วิชาภาษาไทย........ฉันเสร็จพร้อมกับนานา[เช้าวันสอบวิชาวิทยาศาสตร์ ฉันได้ยินมาว่า วิชาภาษาไทยต้าเสร็จคนสุดท้าย]

    วันสอบวันที่5 วิชาวิทยาศาสตร์.......คนที่เสร็จคนแรก คือ  นก เด็กนักเรียนหญิงที่เรียนเก่งที่สุดในชั้น และฉันเสร็จคนสุดท้าย น่าเศร้าจริงๆ ฉันไม่ชอบวิชาวิทยาศาสตร์เลย ไม่ใช่ว่าอาจารย์สอนไม่ดี แต่ว่าฉันสิ หัวไม่ดีกับวิชาวิทยาศาสตร์เอาซะเลย

        หลังจากการสอบอีกไม่กี่วัน ก็ปิดเทอม  ข้อสอบคราวนี้มันยากขึ้นจริงๆเลย ฉันทำได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะอาจมีปัญหามากมายที่กังวลใจ เรื่องแรกคงเป็นเรื่องของต้า  เรื่องที่2 คือฉันพักผ่อนไม่พอ เรื่องที่3 คิดถึงพ่อแม่  ปัญหางี่เง่ามากๆ

    สำหรับคนอย่างฉัน ที่มีชื่อว่า ดิว!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×