ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดปลายทาง ที่เธอ. . .

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 340
      1
      12 มี.ค. 48

    “อะ อย่าไปทางนั้นซาริฟ มันอันตราย”



    หญิงสาวนาม ซาริฟ ที่เจ้าตัวไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก เป็นชื่อที่เธอไม่ปรารถนาเอาเสียเลย กำลังปีนป่ายต้นไม้อายุนับพันปี ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางภูเขาสูง มันดูแข็งแกร่ง และเย็นชา ยามต้องลม มันจะสั่นไหวกิ่งอันใหญ่โตของมันเพียงเล็กน้อย ไม่ต่างกับตอนพายุถาโถมเข้ามา  มันก็ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง ไม่หวั่นเกรงแม้ว่าจะมีพายุ พัดผลาญให้เกิดความเสียหายแต่อย่างใด



    “ซาริฟ ลงมานะ พี่บอกให้ลงมายังไงละ”



    ผู้เป็นพี่สาวตะโกนสุดเสียง เพื่อให้หญิงสาวอีกคนได้ยิน หากแต่ไม่มีการตอบสนองใดๆนอกจากเสียงที่บ่งบอกถึงความรำคาญ



    “อย่าตะโกนซีพี่ก็ อยากให้พ่อมาลากคอกลับไปหรือไง ข้าแค่ขึ้นมาเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้นเอง”



    “แต่ต้องไม่ใช่บนนั้น พี่ไม่อยากว่าเจ้าหรอกนะ แต่ว่าถ้าเกิดเจ้าตกลงมา แล้วพี่จะบอกพ่อว่าอย่างไร เจ้าไม่ใช่เด็กๆอีกต่อไปแล้วนะซาริฟ เจ้ากำลังจะไปเป็นเจ้าสาวในอีกไม่นานนี้แล้ว”



    แรกๆอยู่ ซาริฟก็ยังพอจะทนเสียงจู้จี้ของผู้เป็นพี่สาวได้อยู่บ้าง คิดว่าอีกไม่นานก็คงเบื่อและแสบคอ แล้วเลิกตะโกนไปเอง หากแต่ กลับไม่ใช่แค่นั้น นางกลับพูดเรื่องที่เธอไม่อยากได้ยินและรับรู้อย่างที่สุดออกมา



    และเธอชักจะโกรธขึ้นมาอีกครั้งแล้ว



    “กลับไปซะ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพี่ แล้วก็ใครทั้งนั้น ข้าเกลียด เกลียด เกลียด พี่ได้ยินไหม”



    “พี่รู้ว่าเจ้าไม่พอใจ แต่จะทำสิ่งใดได้เล่า พ่อของเราเป็นถึงขุนนางในวัง ท่านก็อยากที่จะให้ลูกๆของท่านได้ดี มีหน้ามีตา จึงได้เลือกคู่ครองให้กับพวกเรา คนพวกนั้นก็ไม่เลวมิใช่หรือ เจ้าอาจจะรักเขาได้เมื่ออยู่กันไป”



    “เหมือนพี่ใช่ไหม”



    เธอแค่นเสียงหัวเราะขณะพูดไปด้วย ยังไม่ลืมเรื่องราวที่ครั้งหนึ่ง ก่อนวันนี้จะมาถึงตัวเธอ  ที่ได้ยินเสียงร่ำไห้ของผู้เป็นพี่สาว เห็นภาพที่ทำให้เธอสะท้านไปทั้งก้นบึ้งของหัวใจ นางกำลังเกาะเกี่ยวขาข้างหนึ่งของผู้เป็นบิดา ส่งเสียงอ้อนวอน ขอร้อง เหมือนสัตว์กำลังบาดเจ็บ หากแต่สิ่งที่ได้รับคือการต้องอยู่ร่วมกินกับคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว



    นั่นคือสิ่งที่เธอเจ็บปวดยิ่งนัก เธอ เป็นน้องสาวที่มีพี่สาวเพียงคนเดียวเท่านั้น และสิ่งที่เธอปรารถนาอย่างที่สุด ก็คืออย่าให้ใครมาพรากผู้ที่เป็นเพื่อนและเป็นพี่เพียงคนเดียวของเธอไปเลย



    กาจัสตา เป็นคนๆเดียวที่ทำอะไรร่วมกับเธอได้ทุกเรื่อง  และรักเธอเหมือนกับที่เธอรัก แต่ตอนนี้บิดาของเธอก็ได้พรากมันไปแล้ว ซาริฟบีบมือตัวเองแน่นอย่างข่มความเจ็บปวดในอดีตให้มลายหายไป



    “ข้าจะกลับไปเอง จะเข้าบ้านเอง พี่ไปเถอะ ป่านนี้สามีพี่คงรอพี่อยู่แล้วละ ไม่ต้องห่วงข้าหรอก”



    “พี่รู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรซาริฟ แต่เพราะท่านพ่อรักเจ้า ท่านถึงต้องทำแบบนี้”



    “เขารักตัวเอง รักหน้าตาของเขาเอง รักทุกอย่างที่เป็นของเขา แต่เขาไม่เคยรักข้า รักพี่ หรือแม้กระทั่ง ท่านแม่ของเรา”



    ท้ายเสียงแสดงถึงความสะเทือนใจนัก กาจัสตา ถอนหายใจ ไม่มีสิ่งใดจะมาหยุดยั้งอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และโกรธผสมกันอย่างนี้ของซาริฟได้ ไม่เคยมีซักคน



    “พี่มีความสุขนะซาริฟ พี่อยากให้เจ้ารู้ ท่านพ่อไม่เคยทำร้ายพี่ หรือใครทั้งนั้น ไม่เคยเลยซักครั้ง ท่านปกป้องเรา ถ้าคิดได้แล้วก็ลงมาเสียที พี่เหนื่อยเหลือเกินที่เจ้าพูดไม่รู้เรื่องเช่นนี้”



    “. . .”



    เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ กาจัสตาจึงตัดสินใจเดินกลับไปอย่างจนใจที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เธอกำลังท้องลูกคนที่สอง ทำให้ไม่สามารถ ปีนตามขึ้นไปดูได้ว่า ซาริฟจะเป็นอย่างไรบ้าง



    “เห็นทีต้องตามคนมาลากตัวลงมาซะแล้ว เฮ้อ ทำไมถึงดื้อแบบนี้นะ”



    เธอบ่นพึมไปตลอดทาง และตัดสินใจที่จะบอกกับบิดาเพื่อให้คนนำตัวลูกสาวคนเล็กลงมาจากต้นไม้อย่างปลอดภัย



    แต่อีกขณะหนึ่ง หญิงสาวอีกคนกลับนั่งนิ่งอยู่บนกิ่งไม้ยักษ์กิ่งหนึ่งอย่างสงบ สมองคิดถึงเรื่องราวในอดีตซ้ำไปซ้ำมา  



    “แม่ขา อย่าจากข้าไปนะ ข้ารักท่านเหลือเกิน”

    มือเรียวเล็กสีขาว ออกจะเซียวไปนิดหนึ่งยกขี้นลูบผมหญิงสาวที่ขณะนี้ซบอยู่บนหน้าท้องของตนและกำลังร่ำไห้อย่างหนัก  มือเล็กๆที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น วาระสุดท้ายของคนที่ หญิงสาวรักที่สุด



    ซาริฟจำได้ว่าเธอร่ำไห้ไม่หยุด  ไม่มีคำพูดใดๆเลย ที่ออกจากปากมารดา นางยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย แสดงถึงความสงบอย่างแท้จริง ทั้งสงบและมีความสุข สายตาที่ส่องแสงไปทางที่บิดายืนอยู่  และส่งมาทางลูกสาวทั้งสอง  เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆที่นางหลับตาลง และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย



    “ท่านพี่ ทำไมท่านต้องไปด้วย อยู่กับข้าที่นี่เถิด ข้าไม่มีใครอีกแล้ว ถ้าไม่มีท่าน”



    “ไม่ได้หรอกซาริฟ ท่านพ่อสั่งลงมาแล้ว พี่ได้ขอร้องท่านแล้ว แต่ท่านไม่ยอม พี่สัญญานะ ซาริฟ พี่จะหมั่นมาเยี่ยมเจ้า  เจ้าเองก็อย่าดื้อนักละ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับท่านพ่อบ่อยๆ”



    และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายในรอบ 5 ปีอีกนั่นละ ที่เธอไม่ได้เจอกาจัสตาอีกเลย นางพึ่งจะมาปรากฏ ให้เห็นอีกครั้ง ก็ตอนนี้นี่ละ ตอนที่ท่านพ่อต้องการเกลี้ยกล่อมให้เธอแต่งงาน



    เห็นอยู่ชัดๆว่าคนที่แย่งทุกอย่างไปก็คือ เขา ผู้เป็นบิดาของเธอเอง  เธอเกลียดเขา เขาแย่งท่านแม่ไป ทำให้ท่านต้องตรอมใจเพราะท่านพ่อไปมีหญิงอื่น



    แย่งกาจัสตา ผู้เป็นพี่สาวของเธอ ทำให้เธอเงียบเหงาและไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย ตลอดระยะเวลา5 ปี



    แย่งอิสรภาพของเธอ ไม่ยอมให้เธอย่างก้าวไปไหนโดยอยู่นอกสายตาของท่านเลย แม้แต่ก้าวเดียว



    แต่ครั้งนี้ มันมากเกินไปจริงๆ กับการที่จะบีบบังคับ เธอให้แต่งงานกับคนที่ไม่เห็นแม้แต่หน้า และได้ยินเสียง  เธอไม่ใช่หุ่นชัก ในเกมการเมืองของใคร ไม่ทั้งท่านพ่อ หรือสามีของเธอเอง ไม่ยอมเด็ดขาด



    ซาริฟ ยืดตัวบนกิ่งไม้อย่างตัดสินใจ งั้นคงมีทางเดียวที่จะทำให้เธอเป็นอิสระ จากกรงทองอันนี้



    หญิงสาว เริ่มต้นปีนลงต้นไม่ใหญ่ยักษ์อย่างรู้สึกสยองอยู่บ้าง หากแต่สมองก็คิดถึงแผนการชั่วร้ายเล็กๆที่จะทำขึ้น  “ถ้าไม่สำเร็จ ชีวิตเราต้องจบแน่” หญิงสาวบ่น และเริ่มเกี่ยวเท้าปล่าวเปลือยกับกิ่งไม่กิ่งหนึ่ง และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น



    “ว้าย!”



    กิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่ซาริฟ เหยียบ มันยังอ่อนอยู่ และไม่สามารถรองรับน้ำหนักของเธอทั้งตัวได้  หญิงสาวไม่สามารถคว้าสิ่งใดไว้ได้เลย  



    เธอต้องกลับไปอยู่กับมารดาก็วันนี้สินะ



    ซาริฟ หลับตาปี๋ ภาวนาพราะผู้เป็นเจ้า เพื่อให้เมตตาเธอให้ตายอย่างสงบและไม่ทรมานกับแผลชอกช้ำในการตกต้นไม้ยักษ์นี่เลย



    “โอ้ย!”



    เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น  แต่ซาริฟกลับไม่แปลกใจ เธอไม่เจ็บตัว ซ้ำยังรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยอย่างมาก  



    “นั่นคงเป็นเสียงพระผู้เป็นเจ้าสินะ ขอบคุณพระองค์มากๆที่ทำให้ข้าพระองค์ปลอดภัย ให้ข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไป และไม่ทำให้ข้าพระองค์ต้องทรมาน”



    เธอยกมือขึ้นเหมือนขอพร แล้วลูบหน้า ทั้งยังรู้สึกว่าตอนนี้ข้างใต้ตัวเธอมันนิ่มๆ อย่างไรบอกไม่ถูก นี่เธอคงจะโชคดีอย่างแรงละมั้งนี่



    “ใช่ไม่ทรมาน แต่เจ้ากำลังทำให้ข้าทรมาน ในเมื่อรู้ตัวแล้วว่ากำลังนั่งทับข้าอยู่ก็ช่วยขยับ ก้นของเจ้าออกไปจากตัวข้าเสียที”



    ซาริฟ ก้มลงมองสิ่งที่ตนนั่งทับอยู่ อย่างตกใจ และลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว นี่เธอนั่งทับชายหนุ่มที่ไหนกัน  เขาไม่เหมือนคนแถวนี้เลยซักนิดเดียว



    และเมื่อคนแปลกหน้าลุกขึ้นยืน พลางปัดฝุ่นออกจากตัว ดูเหมือนเขาจะไม่สบอารมณ์นัก ดูจากเขาไม่คิดแม้แต่จะชายตามองมาทางเธอเลย



    แล้วซาริฟก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อเขาหันมาทางเธออย่างรวดเร็ว และนั่น ทำให้หล่อนตกตะลึง



    ดวงหน้าคมสัน หล่อเหลายิ่งนัก มันคมเสียจนสามารถกระชากใจผู้หญิงหลายๆคนให้มลายหายไปได้อย่างไม่ยากเย็นเลย ดวงตาที่ล้ำลึกสี น้ำเงิน เปล่งประกายความโกรธวาววับ หากแต่เธอกลับไม่กลัวซักนิด แม้มันจะดูทั้งเย็นชาและแข็งกระด้างเพียงใดก็ตาม



    “เจ้า ช่างบังอาจนัก กล้ากระโดดลงมาทับข้าอย่างนั้นหรือ”



    สติที่กระเจิดกระเจิงเมื่อครู่ เริ่มกลับเข้าสู่ร่องรอย ตามเดิม  ซาริฟยังงุนงงอยู่บ้าง เธอสั่นหัวน้อยๆ



    “ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพียงแต่ข้าตกลงมาและ. . .”



    “และทับข้าไงละแม่ตัวดี”



    เขา เอ่ยสวนขึ้นมาอย่างน่าโมโห ซาริฟ เริ่มรับรู้อย่างเต็มที่แล้วว่า ชายผู้นี้เป็นนักรบที่น่ารังเกียจที่สุด ที่นอกจากจะไม่มีความอดทนแล้ว ยังกล้า ตะคอกใส่เธออีกด้วย



    เธอขึงตาให้เขาทันทีที่เขาสบตากับเธอ แม้จะหล่อเหลาแค่ไหน แต่ถ้าใจดำแบบนี้ละ ก็ภาพพจน์เทวดาผู้หล่อเหลา ก็เปลี่ยนเป็นซาตานผู้หล่อเหลาได้เช่นกัน



    \"ข้าไม่ได้ตั้งใจ มันจะตายไหมถ้า ข้าขอโทษท่านแล้ว ท่านจะเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ตะคอกใส่ข้าด้วยโทสะเช่นนี้\"



    เหมือนเขาจะพึ่งรู้ตัว ว่าทำอะไรอะไรลงไป และกำลังจะเอ่ยปากเพื่อขอโทษหญิงสาว เขาเหนื่อยและล้าเกินไป ที่เดินทางรอนแรมมาหลังจากรบเสร็จ พึ่งจะได้พักก็เมื่อครู่ก่อนที่ จะรู้สึกจุกอย่างแรง เพราะสตรีตรงหน้าตกลงมาจากต้นไม้ ในขณะที่เขาไม่ทันตั้งตัว จึงได้กล่าวว่าเธอไปด้วยนิสัย เดิมๆของเขา เขาพูดจาไม่น่าฟังนักหรอก



    \"ข้าเสียใจ จริงๆที่ทำให้ท่านต้องเจ็บตัว ข้าซุ่มซ่ามจึงตกลงมาจากต้นไม้ และข้าขอภาวนาถึงพระผู้เป็นเจ้า ขอให้อย่าได้เจอนักรบเช่นท่าน อีกเลย ท่านมันใจเสาะที่สุด!\"



    \"เจ้าว่าอย่างไรนะ\"



    เขา หนุ่มนักรบ ที่ซาริฟเห็นว่า ขี้ขลาด เดินอย่างช้าๆเข้ามาใกล้เธอ เหมือนแมวกำลังจ้องจะตระครุบเหยื่อ มันทำให้เธอชักกลัวขึ้นมาซะแล้ว ก็เขาทั้งตัวโต สายตาก็ฆ่าคนได้แบบนี้ ใครไม่กลัว ก็ขยาดละน่า



    \"ข้า. . .\" ซาริฟ เริ่มนึกเสียใจที่ไปดูถูกเขาแบบนั้น เธอรู้ว่านั่นเป็นถึงคำต้องห้ามของเหล่านักรบทีเดียว แต่เธอกำลังโกรธ มันช่วยไม่ได้นี่นา



    \"เจ้า ว่าข้าขี้ขลาดอย่างนั้นหรือ\"



    \"ข้าไม่ได้พูดเช่นนั้น ข้าบอกว่าท่านใจเสาะต่างหากละ ตางี่เง่า\"



    หลุดปากไปแล้ว ซาริฟก็อยากกัด ปากตัวเองนัก เรื่องเก่ายังไม่ทันจบเรื่องดี เธอก็หาเรื่องใหม่มาจนได้  นี่เธอไม่ควรคุยกับเขาจริงๆ มีแต่จะเข้าเนื้อเปล่าๆ



    ราฟาล มองหญิงสาวตรงหน้าเขาอย่างโกรธขึ้ง เขาควรจะทำอย่างไรกับเธอดี ไม่เคยมีใครกล้าว่าเขาอย่างที่ เธอทำเลยซักคน นี่คนอย่างเขา ที่สามารถออกคำสั่งให้นักรบ ห้าพันชีวิตทำตามได้ กลับมายืนนิ่งให้หญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เขาไม่เคยพบ และรู้จักมาก่อน ด่าอย่างนั้นหรือ



    เขานะหรือ



    \"เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าว่าข้า ว่าขี้ขลาด ด่าข้าว่า ตางี่เง่าอย่างนั้นหรือ เจ้าช่างไม่กลัวว่าหัวจะหลุดบ้างหรืออย่างไร\"



    เขากัดฟันกรอด พลางปราดไปด้านหน้าด้วยความเร็ว ที่ซาริฟนึกไม่ถึง เธอจึงหลบไม่ทัน แขนทั้งสองข้างของเธอจึงถูกบีบอย่างแรง เหมือนอีกฝ่ายอยากจะลงโทษเธอ แต่คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว



    \"ข้าเจ็บ เจ้า ไอ้นักรบเฮงซวย ข้าไม่กลัวท่านหรอก ไม่กลัวแม้ว่าท่านจะบั่นคอข้า สิ่งที่ข้ากลัวก็คือ การที่ท่านมาแตะเนื้อต้องตัวข้าต่างหาก เอามืออันโสมมของท่าน ออกไปจากข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าไม่ชอบเสวนากับคนที่ชอบฆ่าคนเช่นท่าน\"



    \"ข้า อยากจะฆ่าเจ้าเหลือเกิน\"



    ราฟาล กัดฟันพูดออกมา พลางปล่อยมือจากแขน เล็กกลมกลึงนั้น นุ่มนิ่ม เขารู้ดี เขาอดหญิงสาวมานานเป็นแรมปี เจอแต่พวกกักขฬะ ได้แต่กลิ่นคาวเลือด และฝ่นละออง เธอนึกว่าเขาชอบสิ่งเหล่านี้หรือยังไง เขามีทุกอย่างพรักพร้อมอยู่ที่ปราสาทใหญ่โต ที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่กีไมล์ ขาดเพียงแต่ เขาต้องการพักผ่อนซักนิดก่อนที่จะเดินทางต่อเท่านั้นเอง



    แต่นาง กลับทำให้เขาต้องเสียเวลานั้นไป



    \"ข้าเกลียดท่าน และถ้าท่านนึกอยากฆ่าข้าอยู่อีกละก็ วังเอรอสต้อนรับท่านเสมอ!\"



    เอรอส งั้นรึ ชายหนุ่มชะงักเมื่อได้ยินคำนี้จากปากหญิงสาว และเขาก็ยืนเพ่งพิศ สตรีตรงหน้าด้วยความสนใจจริงๆ คล้ายเสียด้วย ไม่สิอาจจะเหมือน นี่เขามองข้ามสิ่งนี้ไปได้อย่างไรนะ นางมารออยู่นี่แล้วจริงๆ



    \"งั้นรึ ก็ดี ไม่นานหรอกข้าจะไปหา\"



    เขาเอ่ยพลางกระตุกริมฝีปาก เป็นยิ้มแรกที่ซาริฟพึ่งเห็น แต่ดูแปลกๆอย่างไรไม่รู้



    เธอเชิดหน้าขึ้น พลางยกกระโปรงขึ้นสูง วิ่งห่างออกไปหลายก้าว แล้วหันหลังกลับมาเมื่อเห็นแล้วว่าอยู่ในระยะปลอดภัย



    \"ใช่ และข้าก็จะสั่งทหารให้ออกมาต้อนรับท่านด้วยปืนด้ามยาว ที่ท่านเห็นแล้วต้องสยอง มันเหมาะแล้วกับคนอย่างท่าน ไอ้นักรบโรคจิต ชอบรังแกผู้หญิง\"



    แล้วซาริฟก็วิ่งหนีไป พร้อมเสียงหัวเราะตลอดทาง ปล่อยให้ นักรบโรคจิต ที่ว่า ยืนงุนงงแล้วก็เปลี่ยนเป็นโกรธ สุดท้าย ราฟาลกลับเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน นี่ถ้าพวกทหาร หรือ พวกคนที่ปราสาทได้ยินหัวเราะแบบนี้ละก็ คงจะแปลกใจกันไม่น้อยทีเดียว



    \"แล้วพบกัน ซาริฟ\"



    เขาพึมพำกับตัวเอง แล้วตัดสินใจไม่พักต่อ จึงเดินทางกลับบ้านเลย เขามีเรื่องอีกมากทีเดียวที่ต้องจัดการ โดยเฉพาะ กับเจ้าสาวของเขาในอนาคต







    คือว่า นี่เป็นเรื่องแรกของเราคะ เห็นคนอื่นแต่งแล้วสนุกม้ากมาก เลยนึกอยากแต่งเองบ้าง พอดีว่าตัวเองชอบเรื่องเกี่ยวกับแบบ นักรบ กับหญิงสาว มากเลยคะ เลยลองเอามาแต่งเอง จินตนาการด้วยตัวเองเลยออกมาเป็นแบบนี้นะคะ ถ้ามีอะไรที่ผู้อ่านไม่พอใจก็เข้ามาเม้นได้นะคะ sweet heart ยินดีรับฟัง และยินดีแก้ไขคะ ขอให้สนุกกับตอนแรกนี้นะคะ ขอยำอีกครั้งคะ ว่ามือใหม่ ถ้าไม่ได้เรื่อง ก็อย่าว่ากันเลยนะคะ แล้วพบกันนะคะ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×