ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legend of Thor : Part I Excallibur

    ลำดับตอนที่ #1 : Event in the night

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24
      0
      10 มี.ค. 48

                                  

                  “ตึก..ๆ ๆๆๆ” เสียงฝีเท้าที่สะท้อนออกมาจากความมืดในซอกตึกสีเหลือง เก่าๆ ค่อยๆ ถี่ขึ้น…ถี่ขึ้น…



        ร่างของชายวัยกลางคน สวมชุดสูทสีน้ำตาล วิ่งพรวดออกมาจากความมืด แวบเข้าไปสู่ซอกตึกอีกฝั่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยร่างในชุดคลุมสีดำนับสิบ วิ่งตามเข้าไป

        

        “พบเป้าหมายแล้ว ที่จุด 128,18 บอกหัวหน้าด้วย ทราบแล้วเปลี่ยน”     ชายในชุดคลุมที่วิ่งหน้าสุด พูดใส่วิทยุสื่อสาร ทรงสี่เหลี่ยมเก่าๆ

        

        “รับทราบ”      ชายร่างเล็กยืนพิงหอนาฬิกา ผ้าคลุมสีดำปิดคลุมใบหน้าเผยให้เห็นเพียงแค่จมูกอันเรียวแหลมงองุ้มมาข้างหน้า ตอบอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงอันแหบกร้าน เขาค่อยๆ ผละออกมาจากผนังที่ทำด้วยอิฐก้อนโต เก่าๆ ของหอนาฬิกา วิทยุสื่อสารถูกเก็บเข้าไปข้างในผ้าคลุม เขาค่อยๆ เดินไปตามทางเดินที่ถูกอาบด้วยแสงสีฟ้าอ่อนของดวงจันทร์ดวงมหึมาที่ลอยอย่างสงบบนท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมืดมิดที่ไม่มีแม้แต่ดาวสักดวง



                              ทางเดินนำเขาไปสู่น้ำพุใจกลางเมืองที่ยังคงมีน้ำพุ่งออกมาจากปากรูปปั้นสิงโตสีขาวสูงราวๆ 2 เมตร ละอองน้ำสะท้อนกับแสงจันทร์ส่องประกายสีฟ้าอ่อน ระยิบระยับไปทั่วทั้งบริเวณนั้น ด้านหลังของรูปปั้นมีร่างในผ้าคลุมสีขาวยืนแหงนหน้ามองดวงจันทร์อย่างสงบ



        “เอ่อ… ขอประทานโทษครับท่าน พวกเราพบเป้าหมายแล้วครับ”      ชายร่างเล็กคุกเข่าลงข้างรูปปั้น



        นัยน์ตาสีขาวโพลน และเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง จ้องมองออกมาจากภายในผ้าคลุมสีขาวนั้น



                             “พาข้าไป”      ร่างนั้นเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ

        

        “ขอรับ”     ชายร่างเล็กลุกพรวดขึ้นมา แล้วหันหลังเดินนำหัวหน้าของตนไปอย่างรวดเร็ว



                                                  *********************************************************************



        “ฮึ่ม… มันหายหัวไปไหนแล้ววะ”     ชายร่างใหญ่ในผ้าคลุมสีดำยืนตะโกนขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดสุดๆ หน้าป้ายสีน้ำเงินที่เขียนว่า ตรอกแลงเกอร์ จนคนอื่นๆ ต่างหันมามอง



        “เงียบๆ หน่อยสิวะ เดี๋ยวชาวบ้านก็ตื่นกันหมดหรอก”  เสียงของชายอีกคนที่ฟังดูหนุ่มกว่ามากพูดขึ้นมา “เอ้า รีบๆ หากันหน่อย ให้เจอก่อนที่หัวหน้าจะมา”     ทุกคนต่างก็สะดุ้งแล้วรีบแยกกันตามหา เมื่อได้ยินว่าหัวหน้ากำลังจะมาถึง



        นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อน ที่บ่งบอกถึงความกลัวและอ่อนแรงได้อย่างเห็นได้ชัด จ้องออกมาจากความมืด หลังอาคารที่มีตัวอักษรพี ตั้งเด่นอยู่ด้านบน พวกชุดคลุมสีดำเดินผ่านไปผ่านมาอยู่แถวนั้นหลายหน แววตาของชายวัยกลางคนค่อยๆ ปรือลงๆ ก่อนที่จะเบิกโพลงขึ้น ด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อพวกที่สวมชุดคลุมสีดำคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว มือขวาของเขาค่อยล้วงลึกเข้าไปข้างในเสื้อสูทสีน้ำตาลนั้น



        ปัง !!!



        เสียงปืนดังขึ้น ร่างของผ้าคลุมสีดำคนนั้นลอยออกไป ติดกำแพงอีกฝั่งหนึ่ง แล้วล้มลงนอนจมกองเลือดที่ไหลนองเต็มพื้น



        “ซวยแล้วไหมล่ะ”      ชายวัยกลางคนพึมพำกับตัวเอง



        ไม่นานนักร่างของพวกผ้าคลุมสีดำนับสิบก็ยืนล้อมเขาไว้ ร่องรอยบาดแผลที่ถูกรุมทำร้ายยังคงอยู่เต็มตัว เลือดสดๆ ยังคงไหลออกมาจากจมูกและปาก ภาพของร่างนับสิบที่ยืนล้อมอยู่นั้นค่อยๆ พร่าลง และหายไปเหลือแต่ความมืดมิด



        “อ้อก !!!”      ร่างของชายผู้อ่อนแรงถูกยกขึ้นติดผนัง มืออันซีดเซียวและเย็นเฉียบราวกับศพที่ถูกแช่แข็งไว้จับที่คอเขาไว้แน่น  ดวงตาสีน้ำตาลที่อ่อนแรงค่อยๆ เลื่อนลงมองเจ้าของมืออันน่าเกลียดน่ากลัวนี้ นัยน์ตาสีขาวของเจ้าของมือก็กำลังจ้องออกมาจากความมืดภายในผ้าคลุมสีขาวเหมือนกัน



        “สิ่งนั้นอยู่ไหน?”    ร่างในผ้าคลุมสีขาวเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด



        “หึๆ ๆ … พวกเจ้าจะไม่มีวันได้มันมาหรอก… ฮ่าๆๆ ๆ..”    ชายวัยกลางคนหัวเราะเย้ยหยันอย่างไม่เกรงกลัว



        “แสดงว่าไม่อยู่กับเจ้าแล้วสินะ… ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้”    มือสีขาวซีดปล่อยออกจากคอของชายวัยกลางคน ร่างอันอ่อนเพลียล้มลงไปนอนกองกับพื้น ตายังคงจ้องมองไปยังนัยน์ตาสีขาวนั้น ครู่หนึ่งนัยน์ตาสีแดงฉาดโผล่ขึ้นข้างๆ นัยน์ตาสีขาวซีดนั้น แล้วค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาทีละนิดๆ แล้ว…



        อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!



        เด็กหนุ่มนั่งอยู่บนเตียงด้วยร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แขนทั้งสองยังคงสั่นเพราะความกลัว เด็กหนุ่มนั่งสงบสติอารมณ์พักหนึ่งก่อนจะกระโดดลงจากเตียงนอนเล็กๆ ของเขา แสงสว่างลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านสีเทาขาดๆ เข้ามาทำให้เขาต้องหรี่ตาลง เด็กหนุ่มเดินไปที่หน้าต่าง ยกมือที่เริ่มจะหายสั่นเปิดผ้าม่านออก แล้วดันหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกหนาออกไป นกคิริสีน้ำเงินบินหนีไปด้วยความตกใจทิ้งเศษกระดาษที่คาบมาชิ้นหนึ่งไว้ เด็กหนุ่มยืนบิดขี้เกียจ ขยี้ตาแล้วมองออกไปยังปราสาทสีขาว ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลจากที่นี่นัก สายลมอ่อนๆ ยามเช้าพัดเข้ามา ทำเอาผมสีดำขลับ ยาวถึงหู ปลิวไปมา เด็กหนุ่มค่อยๆ หยิบเศษกระดาษที่นกตัวนั้นทิ้งเอาไว้มาดู พยายามอ่านตัวอักษรขยุกขยิก บนเศษกระดาษที่ยับยู่ยี่อย่างยากลำบาก



        “อืมม์… ขอต้อนรับสู่…สู่..เอ่อ………    อเล็กซานเดรีย”





                                               ***************************************************************************************************************

        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×