ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานหน้าแรก : เปิดตำนานซาตานสาว!!!
ซ่า!!!
   
เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณีปราศรัย  เม็ดฝนเล็กๆเย็นบาดเนื้อราวกับคมมีดกรีดลงบนหินผา  หมู่เมฆครึ้มเคลื่อนเข้าบดบังแสงดาว
   
เปรี้ยง!
   
สายฟ้าฟาดเปรี้ยง  แสงสว่างวาบส่องให้เห็นลานหินโล่งหน้าผาสูงชันราวกับถูกตัดด้วยมีดที่มองไม่เห็น
   
เฮ้อ!
   
เสียงถอนหายใจดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ  น้ฝนเย็นเฉียบต้องใบหน้าขาวที่ถูกผมสีดำสนิทปิดไปกว่าครึ่ง  แพขนตาแนบแก้มเนียน  ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้กับหินผาสูงเกือบๆสองร้อยเมตร
   
“เกือบปีแล้วสินะ ”
   
เปรี้ยง!
   
อสุนีบาตฟาดลงตรงหน้าร่างบาง  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปเบื้องหน้าราวกับรอคอยการปรากฏของอะไรบางอย่าง  โดยไม่ใส่ใจแม้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนของตัวเอง
   
ไม่นาน สิ่งที่รอคอยก็มาถึง
   
วิ้ง!
   
ดวงแสงสีดำปรากฏขึ้นเหนือร่างบางเล็กน้อย  สายลมพัดไหวอย่างบ้าคลั่ง  ขณะที่แสงสีดำลอยมาหยุดเบื้องหน้าดวงตาสีน้ำเงิน
   
วูบ!!
   
ดวงแสงสีดำหมุนคว้าง  ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่าง
   
“ตามสัญญานะ ”
   
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม  มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเดาอารมณ์ยาก
   
วิ้ง!!
   
กุญแจสีทองปรากฏขึ้นแทนที่ดวงแสงสีดำ  ก่อนที่มันจะเคลื่อนเข้ามาปลดพันธนาการสีดำด้วยตัวเอง ราวกับเวทย์มนต์
   
กริ๊ก!
   
เสียงเบาแสนเบาดังแทรกเสียงฝน  ข้อมือข้างหนึ่งหลุดจากพันธนาการ  ริมฝีปากบางสะบัดรอยยิ้มมากขึ้น
   
“อ๊ะ!!!ขอบใจมาก อีกข้างชั้นไขเองได้”
   
กุญแจสีทองชะงักเล็กน้อยราวกับชั่งใจ  ก่อนลอยมาอยู่ในมือ
   
หึ
   
จับกุญแจสีทองบิดเพียงเล็กน้อย  พันธนาการที่ตรึงร่างบางเอาไว้หนึ่งปีเต็มก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
   
แต่
   
วูบ!!!
   
ร่างบางลอยละลิ่วลงสู่พื้นด้วยความเร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองทัน  จากความสูงที่ไร้โอกาสรอด สู่เงื้อมมือยมทูตเบื้องล่าง
   
พรึ่บ!!!
   
ปีกสีดำสนิทราวกับปีกค้างคาวกางสยายออกจากกลางหลัง  ร่างลอยคว้างนิดหนึ่ง  ก่อนร่อนลงแตะพื้นศิลาสีดำสนิทอย่างนิ่มนวล  ปีกสีดำสลายกลายเป็นอากาศธาตุทันที
   
“ขอบใจมาก ”
   
นัยน์ตาสีน้ำเงินมองกุญแจสีทองที่สลักเสลาอย่างงดงามในมือ  แย้มรอยยิ้ม  ก่อนกำมือแน่น  มองตรงผ่านสายฝนไปยังความมืดมิดว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น  ลั่นวาจาหนักแน่น
   
“ชั้นก็รักษาสัญญาเหมือนกัน!!!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“หา! คฤหาสน์ผีสิง!?”
   
เสียงตะโกนอย่างคนลืมตัวดังลั่นจนคนแทบทั้งห้องหันมามอง  เพื่อนสาวตรงหน้ารีบส่งเสียงชู่ว์  มองครูที่สอนอยู่หน้าชั้นอย่างหวาดๆ
   
“ใช่ๆ เขตหก  เลยร้านราเมงไปหน่อยนะ” ดวงตาสีน้ำตาลลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
   
“คฤหาสน์ที่เค้าลือกันน่ะหรอ ?” คำถามรัวเร็วจนเพื่อนสาวเบ้หน้า
   
“อือ นั่นแหละ  เดี๋ยวนี้นะ มีดวงไฟลอยไปลอยมาด้วยล่ะ  เห็นว่ามีคนเดินผ่านแถวนั้นตอนมืดๆแล้วเจอเงาประหลาดๆบนหลังคาด้วยนะ”
   
“โห ” เสียงลากยาวอย่างให้ความสนใจเต็มที่  “ แล้วซาโยะไปพิสูจน์มารึยังอ่ะ”
   
“ไม่ง่ะ..” เสียงเจ้าของนามซาโยะตอบ  ส่ายหน้ายิก “ชั้นไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แบบมิจิโกะนี่”
   
มาวารุ  มิจิโกะยิ้มแป้น  กวาดข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋า  แทบกลั้นใจรอเสียงออด  พลางมองฟ้าครึ้มจากหน้าต่างถัดจากที่ว่างข้างตัว
   
กริ๊ง!!!
   
เสียงระฆังสวรรค์ที่รอคอยดังขึ้น  นักเรียนทั้งหมดกวาดข้างของใส่กระเป๋าราวกับหนีลูกระเบิด  ภายในสามวินาที  ทั้งห้องก็เหลือแต่ครูยืนอยู่คนเดียว
   
“ว้าว! จะเป็นผีแบบไหนกันน้า” มิจิโกะร้องเป็นเพลง  สายตามองหาร้านราเมงที่เพื่อนสาวพูดถึง
   
“อ๊ะ! นั่นไง” สายตาไปสะดุดกับร้านราเมงที่มีคนประปราย  มองเลยถัดไปก่อนขมวดคิ้ว  ก้าวฉับๆไปยืนหน้าร้านราเมงอย่างข้องใจ
   
“ยัยซาโยะ โกหกกันรึเปล่าเนี่ย!?~ ไม่เห็นมีเล ”
   
พูดได้ไม่ทันจบคำ  บ้านเก่าๆหลังหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทันทีราวกับเล่นกล  แค่เดินเลยหน้าร้านราเมงไปเพียงสามก้าว
   
“โห ..”
ลากเสียงยาว  ตามองประตูเหล็กสีดำบานใหญ่อย่างตะลึง  รั้วสีขาวทอดรอบตัวบ้านที่กินอาณาเขตเกือบครึ่งกิโลเมตร  มองผ่านประตูเข้าไปเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ    ราวกับได้รับการดูแลอย่างดีทั้งๆที่เป็นบ้านร้าง  ทางเดินสีขาวทอดยาวสู่ตัวบ้านขนาดใหญ่แบบยุโรป  ดุน่ากลัวเข้ากับฉากหลังที่เป็นฟ้าสีเทา  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านเก่าอย่างนี้ผุดขึ้นมากลางดงตึกระฟ้า
“ท่าทางน่ากลัวแฮะ เหมาะกับเรื่องผีๆดีจัง” มิจิโกะแตะประตูเหล็กอย่างทึ่งๆ
“เอาล่ะ ลองเข้าไปดูกันดีกว่า !”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“อืม ”
   
ริมฝีบางคลี่ยิ้ม  ปล่อยผ้าม่านหนาหนักให้ทิ้งตัวลงแนบหน้าต่างบานใหญ่  ก่อนหันกลับมาที่ห้องขนาดใหญ่    ตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม  เครื่องเรือนแต่ละชิ้นใหญ่โตเกินร่างบางหลายเท่า    ตู้หนังสือวางเรียงราย  แต่ละตู้มีหนังสือวางเต็ม  ตั้งแต่เล่มเล็กเท่ากล่องไม้ขีด    ไปจนถึงเล่มใหญ่หนาหนักขนาดบานหน้าต่างย่อมๆ  เตาผิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่อีกฟากนึงของห้อง  ดวงจาสีน้ำเงินเข้มทอแววนึกสนุก
   
“ท่าทางเราจะมีแขกซะแล้ว”
   
เป๊าะ!
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
กริ๊ก!
   
“เอ๋!?~” มิจิโกะอุทาน  ประตูเหล็กเปิดออกอย่างง่ายดายโดยไร้คนเปิด  เด็กสาวผลักประตูบานใหญ่เข้าสู่ตัวบ้าน
   
“นี่น่ะนะ..บ้านผีสิง” มองไปรอบๆตัวอย่างชักไม่แน่ใจ  เพราะบรรยากาศที่เงียบๆ  เรียบร้อยจนดูน่าแปลก  ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เป็นจุดๆ  ตัวบ้านขนาดราวๆสองชั้นทอดเงาสูงเหนือหัว
   
“แปลกจังแหะ ” เลิกคิ้วอย่างงงงันอีกครั้งเมื่อประตูไม้ที่เข้าสู่บ้านเปิดออกอย่างง่ายดาย
   
ง่ายเกินไป
   
ยังกับจะเตรียมไว้ต้อนรับเราอย่างงั้นแหละ
   
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน    ถอดรองเท้าก่อนตะโกน   
   
“มีใครอยู่มั้ยค้า ?!”
   
เงียบ
   
ไม่มีเสียงตอบ
   
มิจิโกะก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ช้าๆ  โคมระย้าห้อยลงมาจากเพดานทรงโดม  บันไดไม้ขัดเงาโค้งงดงาม    รูปภาพ  เครื่องเรือนต่างๆล้นใหญ่โต    หากแต่การจัดวางกลับไม่ทำให้ดูเทอะทะ  ไฟสลัวๆทำให้บรรยากาศดูทึมๆชอบกล
   
“สวัสดีค่า!!!” เด็กสาวก้าวอย่างระมัดระวัง  ดวงตาสีน้ำตามอ่อนกวาดมองบานประตูไม้หนาหนักที่เรียงเป็นระยะๆ  แจกันกระเบื้องจัดตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาว  มองแล้วแอบอึ้งอยู่ในใจ
   
“บ้านผีสิงเหรอเนี่ย !?”
   
ความคิดนี้แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว  ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเสียงใสๆดังขึ้นจากบันไดเหนือหัว
   
“หวัดดี !”
   
มิจิโกะสะบัดหน้าขึ้น  เด็กสาวคนหนึ่งมองลงมา  ผมสีดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าขาว  ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มเป็นรอยยิ้ม  ร่างทั้งร่างอยู่ในชุดสูทที่ดูเรียบร้อย  เข้ากับบรรยากาศของบ้าน    และดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้ม
   
“ไง!~”
   
ร่างเจ้าของบ้านไถลลงมาตามราวบันได    ลงมาจอดที่พื้นเบื้องหน้ามิจิโกะพอดิบพอดี
   
“หวัดดี !”
   
เด็กสาวแปลกหน้าทักอีกครั้ง  มิจิโกะอ้าปากหวอ  ก่อนจะรู้สึกตัว
   
“อ อืม  หวัดดี ”
   
“แล้ว ” เด็กสาวผมดำเลิกคิ้วขึ้น    ก่อนเอ่ยถาม “ เธอมาที่นี่ทำไม ?”
   
“อ..เออ”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“ฮ่าๆๆ มิน่าล่ะ”
   
เสียงฮาครืนดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ  มือปาดน้ำตาจากดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
   
“ชั้นก็ว่า ทำไมหมูนี้ถึงมีคนแปลกๆมาด้อมๆมองๆแถวนี้”
   
มิจิโกะยิ้มแหย  ยกถ้วยชาที่เจ้าของบ้านยกมาบริการขึ้นจิบ  โต๊ะไม้ตัวยาวในห้องอาหารที่มีคนนั่งแค่สองคนมันดูโหวงเหวงชอบกล  ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองอากาศครึ้มนอกหน้าต่างอย่างไม่สบายใจ
   
“แล้วเธอก็เลยมาพิสูจน์งั้นสิ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองมิจิโกะด้วยแววตาขบขัน
   
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” แก้ตัวแห้งๆ  มอเจ้าของบ้านที่ระเบิดหัวเราะอีกครั้ง
   
“แล้วเจออะไรบ้างมั้ย ?” มิจิโกะแลบลิ้น  ก่อนตอบ
   
“ไม่! “
   
“คิก” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินขยับยิ้มขำ  ก่อนยกถ้วยชาขึ้นจิบ  เหลือบมองมิจิโกะผ่านขอบถ้วย
   
“ชั้นเองก็เพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่ออาทิตย์ก่อน” วางถ้วยชาลงบนจานดังกริ๊ก  ก่อนประสานมือเกยคาง  มองหน้าผู้บุกรุกพร้อมยิ้มน้อยๆ
   
“ง งั้นที่เห็นเป็นไฟลอยไปลอยมาก็เธองั้นสิ” มิจิโกะพูดติดอ่าง  เจ้าของยิ้มยิ้มกว้างเข้าไปอีก
   
“ชั้นชอบเทียนน่ะ มันดูคลาสสิกดี”
   
“อ อย่างนั้นหรอ” พูดเกร็งๆ  ก่อนมองเด็กสาวประหลาดที่ยังยิ้มได้
   
“เธอ อยู่คนเดียวหรอ ?” ที่ถามเพราะบรรยากาศของบ้านหลังใหญ่มันดูวังเวงจนไม่น่าจะมีคนอยู่อีก  มองเจ้าของบ้านที่ยิ้มอย่างลึกลับแต่ไม่ให้คำตอบ
   
“แหม งั้นชั้นก็มารบกวยเธอนานแล้ว กลับก่อนละกันนะ” พูดม้วนเดียวจบ  ก่อนผลักเก้าอี้ไปด้านหลัง  ลูกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว  พลางคว้ากระเป๋าที่เก้าอี้ข้างๆ
   
“ไปล่ะ บาย! “ รวบรัดตัดความเอาดื้อๆ  มองเมฆครึ้มที่ส่อแววจะตกเป็นฝนในอีกไม่ช้าไม่นานนี้
   
“อือ บาย” เจ้าของบ้านยิ้ม  โบกมือน้อยๆ  มอง ‘แขก’ ที่มาเยือนไม่ถึงสิบนาทีวิ่งตื้อออกจากบ้าน
   
“ปล่อยไปอย่างนี้จะดีหรือคะ นายท่าน ?” เสียงเล็กๆดังขึ้นจากข้างตัวของเจ้าของบ้านสาว  เด็กหญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูโผล่มายืนตาแป๋ว  ราวกับออกมาจากอากาศธาตุ  คางของเด็กหญิงเลยขอบโต๊ะมาเพียงเล็กน้อย  ดวงตากลมโตบ้องแบ้วของเด็กน้อยมองใบหน้าขาวๆด้านข้างอย่างกังวล
   
“เป็นห่วงหรอ ยูเอะ” คำถามจากเด็กสาว  ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายไม่หันมองคนถาม  แต่เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาสีฟ้าขึ้น  ผมสีทองหยักศกยาวถึงกลางหลังสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย
   
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ว่าปล่อยให้คนที่เข้ามากลับไปอย่างนี้จะดีหรอคะ ?” เด็กหญิงตัวน้อยนามยูเอะถามต่อ  แต่ริมฝีปากบางของคนถูกถามกลับขยับแย้มรอยยิ้ม
   
“ชั้นรู้สึกน่ะสิ อนาคตของเด็กคนนั้นน่ะ!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“โธ่เอ้ย! นึกว่าจะเป็นผีจริงๆซะอีก”
   
มิจิโกะบ่น  คิ้วขมวดเข้าอย่างเซ็งๆ  ขณะสาวเท้ากลับบ้าน  ผ่านทุ่งหญ้าโล่งๆที่ปกติไม่ค่อยได้เดินผ่าน  ถ้าไม่ได้มาทางนี้น่ะนะ
   
“เด็กคนนั้นก็แปลกพิลึก” ไพล่ไปคิดถึงคนพิลึกแล้วพาลหงุดหงิด
   
“ยัยซาโยะ เจอกันเมื่อไหร่นะ อ๊ะ!” พูดไม่ทันจบ  ฝนที่ทำท่าจะตกมานานก็โปรยน้ำหยดแรกใส่หน้าของเด็กสาวทันที
   
“อะไรกันน่ะ ! ทำไมมาตกเอาตอนนี้นะ ร่มก็ไม่มี” จะโวยวายใส่เม็ดฝนที่ร่วงพลูลงใส่ก็ไม่ได้  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองหาที่ๆพอจะหลบฝนได้  พลันสายตาเหลือบไปเห็นบ้านไม้เก่าๆพอดี
   
“มีบ้านอยู่แถวนี้ด้วยหรอเนี่ย ?” แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก  สองเท้าพาร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเข้าหาที่หลบทันที
   
ก๊อก! ก๊อก!
   
“มีใครอยู่มั้ยคะ !?” ตะโกนฝ่าเสียงฝนที่ชักจะแรงขึ้นทุกขณะ  เสียงตึกๆดังขึ้นจากในบ้านไม้เก่าๆหลังน้อย
   
“จ้าๆ เดี๋ยวนะ”
   
เสียงเหมือนคนแก่ใจดีดังขึ้นจากในบ้าน  ประตูเปิดแง้มออกเล็กน้อย  ดวงตาใต้แว่นกรอบหนาบนใบหน้าเหี่ยวๆของหญิงชราคนหนึ่งมองออกมา
   
“อ้าว มาทำอะไรให้เปียกโชกอย่างนั้นเล่า  เข้ามาก่อนซี่ เดี๋ยวไข่หวัดกินกันพอดี” พูดอย่างใจกว้าง  ซึ่งมิจิโกะก็ไม่มีเวลามาเกรงใจตอนนี้  รีบก้าวเข้าไปในบ้านตามคำชวน
   
“เอ้าๆ นั่งก่อนซี่  ยายจะหาอะไรอุ่นๆให้กิน” หญิงชราๆร่างเล็กในชุดสีเทาพูด  ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเตาผิงที่เปลวไฟกำลังปะทุเปรี๊ยะๆ  เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งอย่างเกรงใจน้อยๆ
   
“กินซะๆ” หญิงชราวางถ้วยบิ่นๆใส่นมจนปริ่มลงตรงหน้ามิจิโกะ
   
“มาแถวนี้ทำอะไรหรอจ้ะ ? .วันนี้ฝนยิ่งทำท่าจะตกอยู่” เจ้าบ้านถาม  นั่งลงตรงข้ามกับเด็กสาว
   
“ก้อ คือว่า ” จะให้พูดว่ามาดูบ้านผีสิงก็กระไรอยู่  กำลังนั่งปั้นน้ำเป็นตัวอยู่ในหัว  พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดซะก่อน
   
“แหม วันนี้แขกเยอะจริงๆ” หญิงชรายิ้มกว้าง  รีบกุลีกุจอไปเปิดประตู
   
“หวัดดี ยาย” เสียงคุ้นที่ทำเอามิจิโกะแทบสำลักนม
   
“ธ เธอ  ที่บ้านนั้น ”  ร่างของเด็กสาวในชุดสูทที่เปียกโชกไม่มีชิ้นดีก้าวเข้ามาในบ้าน  ฉีกยิ้มพลางทัก
   
“ไง เจอกันอีกแล้ว!”
   
“อ้าว รู้จักกันหรือนี่” ยายเจ้าของบ้านถาม  พลางหัวเราะหึๆในคอ
   
“ไม่เชิงค่ะยาย” เด็กสาวผมดำตอบ  เดินมายืนกลางห้อง
   
“เธอมาทำอะไรทีนี่ !?” มิจิโกะขมุบขมิบปากเป็นเชิงถาม  แต่เด็กาวลึกลับกลับหัวเราะร่า
   
“ปล้าว มีธุระกับยายต่างหาก  ใช่มั้ยจ้ะ ยาย” คำสุดท้ายตวัดนัยน์ตาไปมองคนถูกพูดถึงด้วยสายตาคมกริบ  ก่อนเอ่ยถามเสียงเฉียบขาด
   
“คิดจะทำอะไรกันแน่ !?”
   
“หึๆ “ยายหัวเราะในคอเบาๆ  แววตาใจดีเริ่มเปลี่ยนเป็นมากเล่ห์แสนกลในทันใด
   
“ถ้าจะดูดวิญญาณเด็กคนนี้ล่ะก็ ฝันไปเหอะ!!!” เด็กสาวลึกลับตะโกนกร้าว  มิจิโกะมองหน้าคนสองคนในห้องสลับกันอย่างสับสน
   
ดูดวิญญาณ!?!
   
“แล้วเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ ?” คำถามเยาะเย้ย  มิจิโกะหันไปมอง  ก่อนร้องอย่างลืมตัว
   
เฮ้ย!!!
   
ที่ๆยายแก่หน้าตาใจดีคนเมื่อกี้ยืนอยู่  กลับถูกแทนที่ด้วยร่างที่เหมือนกับเงาดำๆ  เหมือนของเหลวเมือกๆหนืดคล้ายยางมะตอยไหลวนอยู่ทั่วร่าง  มิจิโกะสะบัดหน้ามองเด็กสาวลึกลับที่พอจะเป็นที่พึ่งเดียวในยามนี้
   
“ก้อ แกคิดว่าชั้นจะทำอะไรได้ล่ะ ?” คำถามไม่แยแสจากเด็กสาวผมดำ  แย้มรอยยิ้มกว้าง    “ชั้นก็คง ”
วูม!!!
ลมพัดวนอย่างบ้าคลั่งในบ้านที่ไม่มีทางให้ลมเข้าได้  สายลม พัดวนไปที่ร่างของเด็กสาวลึกลับ
วูบ!!!~
ประกายแสงระยิบระยับสีดำสนิทวิ่งวนอยู่ในสายลมรอบๆมือของเด็กสาว  ผมสำพัดปลิวไหว  ประกายแสงวิ่งมารวมอยู่ในมือ
หึ
แย้มรอยยิ้มเหี้ยม  ชี้คทาสีดำที่ปรากฏในมือไปทางเงาดำประหลาดที่ยืนเป็นเป้านิ่ง
   
“น่าแปลกใจจริงๆที่มีวิญญาณหลังเขาที่ไม่รู้จักยมทูต!!!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
ตอนแรกอ่าค่ะ...ชอบไม่ชอบช่วยแนะนำด้วยนะคะ
   
เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณีปราศรัย  เม็ดฝนเล็กๆเย็นบาดเนื้อราวกับคมมีดกรีดลงบนหินผา  หมู่เมฆครึ้มเคลื่อนเข้าบดบังแสงดาว
   
เปรี้ยง!
   
สายฟ้าฟาดเปรี้ยง  แสงสว่างวาบส่องให้เห็นลานหินโล่งหน้าผาสูงชันราวกับถูกตัดด้วยมีดที่มองไม่เห็น
   
เฮ้อ!
   
เสียงถอนหายใจดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ  น้ฝนเย็นเฉียบต้องใบหน้าขาวที่ถูกผมสีดำสนิทปิดไปกว่าครึ่ง  แพขนตาแนบแก้มเนียน  ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้กับหินผาสูงเกือบๆสองร้อยเมตร
   
“เกือบปีแล้วสินะ ”
   
เปรี้ยง!
   
อสุนีบาตฟาดลงตรงหน้าร่างบาง  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปเบื้องหน้าราวกับรอคอยการปรากฏของอะไรบางอย่าง  โดยไม่ใส่ใจแม้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนของตัวเอง
   
ไม่นาน สิ่งที่รอคอยก็มาถึง
   
วิ้ง!
   
ดวงแสงสีดำปรากฏขึ้นเหนือร่างบางเล็กน้อย  สายลมพัดไหวอย่างบ้าคลั่ง  ขณะที่แสงสีดำลอยมาหยุดเบื้องหน้าดวงตาสีน้ำเงิน
   
วูบ!!
   
ดวงแสงสีดำหมุนคว้าง  ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่าง
   
“ตามสัญญานะ ”
   
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม  มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเดาอารมณ์ยาก
   
วิ้ง!!
   
กุญแจสีทองปรากฏขึ้นแทนที่ดวงแสงสีดำ  ก่อนที่มันจะเคลื่อนเข้ามาปลดพันธนาการสีดำด้วยตัวเอง ราวกับเวทย์มนต์
   
กริ๊ก!
   
เสียงเบาแสนเบาดังแทรกเสียงฝน  ข้อมือข้างหนึ่งหลุดจากพันธนาการ  ริมฝีปากบางสะบัดรอยยิ้มมากขึ้น
   
“อ๊ะ!!!ขอบใจมาก อีกข้างชั้นไขเองได้”
   
กุญแจสีทองชะงักเล็กน้อยราวกับชั่งใจ  ก่อนลอยมาอยู่ในมือ
   
หึ
   
จับกุญแจสีทองบิดเพียงเล็กน้อย  พันธนาการที่ตรึงร่างบางเอาไว้หนึ่งปีเต็มก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
   
แต่
   
วูบ!!!
   
ร่างบางลอยละลิ่วลงสู่พื้นด้วยความเร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองทัน  จากความสูงที่ไร้โอกาสรอด สู่เงื้อมมือยมทูตเบื้องล่าง
   
พรึ่บ!!!
   
ปีกสีดำสนิทราวกับปีกค้างคาวกางสยายออกจากกลางหลัง  ร่างลอยคว้างนิดหนึ่ง  ก่อนร่อนลงแตะพื้นศิลาสีดำสนิทอย่างนิ่มนวล  ปีกสีดำสลายกลายเป็นอากาศธาตุทันที
   
“ขอบใจมาก ”
   
นัยน์ตาสีน้ำเงินมองกุญแจสีทองที่สลักเสลาอย่างงดงามในมือ  แย้มรอยยิ้ม  ก่อนกำมือแน่น  มองตรงผ่านสายฝนไปยังความมืดมิดว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น  ลั่นวาจาหนักแน่น
   
“ชั้นก็รักษาสัญญาเหมือนกัน!!!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“หา! คฤหาสน์ผีสิง!?”
   
เสียงตะโกนอย่างคนลืมตัวดังลั่นจนคนแทบทั้งห้องหันมามอง  เพื่อนสาวตรงหน้ารีบส่งเสียงชู่ว์  มองครูที่สอนอยู่หน้าชั้นอย่างหวาดๆ
   
“ใช่ๆ เขตหก  เลยร้านราเมงไปหน่อยนะ” ดวงตาสีน้ำตาลลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
   
“คฤหาสน์ที่เค้าลือกันน่ะหรอ ?” คำถามรัวเร็วจนเพื่อนสาวเบ้หน้า
   
“อือ นั่นแหละ  เดี๋ยวนี้นะ มีดวงไฟลอยไปลอยมาด้วยล่ะ  เห็นว่ามีคนเดินผ่านแถวนั้นตอนมืดๆแล้วเจอเงาประหลาดๆบนหลังคาด้วยนะ”
   
“โห ” เสียงลากยาวอย่างให้ความสนใจเต็มที่  “ แล้วซาโยะไปพิสูจน์มารึยังอ่ะ”
   
“ไม่ง่ะ..” เสียงเจ้าของนามซาโยะตอบ  ส่ายหน้ายิก “ชั้นไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แบบมิจิโกะนี่”
   
มาวารุ  มิจิโกะยิ้มแป้น  กวาดข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋า  แทบกลั้นใจรอเสียงออด  พลางมองฟ้าครึ้มจากหน้าต่างถัดจากที่ว่างข้างตัว
   
กริ๊ง!!!
   
เสียงระฆังสวรรค์ที่รอคอยดังขึ้น  นักเรียนทั้งหมดกวาดข้างของใส่กระเป๋าราวกับหนีลูกระเบิด  ภายในสามวินาที  ทั้งห้องก็เหลือแต่ครูยืนอยู่คนเดียว
   
“ว้าว! จะเป็นผีแบบไหนกันน้า” มิจิโกะร้องเป็นเพลง  สายตามองหาร้านราเมงที่เพื่อนสาวพูดถึง
   
“อ๊ะ! นั่นไง” สายตาไปสะดุดกับร้านราเมงที่มีคนประปราย  มองเลยถัดไปก่อนขมวดคิ้ว  ก้าวฉับๆไปยืนหน้าร้านราเมงอย่างข้องใจ
   
“ยัยซาโยะ โกหกกันรึเปล่าเนี่ย!?~ ไม่เห็นมีเล ”
   
พูดได้ไม่ทันจบคำ  บ้านเก่าๆหลังหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทันทีราวกับเล่นกล  แค่เดินเลยหน้าร้านราเมงไปเพียงสามก้าว
   
“โห ..”
ลากเสียงยาว  ตามองประตูเหล็กสีดำบานใหญ่อย่างตะลึง  รั้วสีขาวทอดรอบตัวบ้านที่กินอาณาเขตเกือบครึ่งกิโลเมตร  มองผ่านประตูเข้าไปเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ    ราวกับได้รับการดูแลอย่างดีทั้งๆที่เป็นบ้านร้าง  ทางเดินสีขาวทอดยาวสู่ตัวบ้านขนาดใหญ่แบบยุโรป  ดุน่ากลัวเข้ากับฉากหลังที่เป็นฟ้าสีเทา  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านเก่าอย่างนี้ผุดขึ้นมากลางดงตึกระฟ้า
“ท่าทางน่ากลัวแฮะ เหมาะกับเรื่องผีๆดีจัง” มิจิโกะแตะประตูเหล็กอย่างทึ่งๆ
“เอาล่ะ ลองเข้าไปดูกันดีกว่า !”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“อืม ”
   
ริมฝีบางคลี่ยิ้ม  ปล่อยผ้าม่านหนาหนักให้ทิ้งตัวลงแนบหน้าต่างบานใหญ่  ก่อนหันกลับมาที่ห้องขนาดใหญ่    ตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม  เครื่องเรือนแต่ละชิ้นใหญ่โตเกินร่างบางหลายเท่า    ตู้หนังสือวางเรียงราย  แต่ละตู้มีหนังสือวางเต็ม  ตั้งแต่เล่มเล็กเท่ากล่องไม้ขีด    ไปจนถึงเล่มใหญ่หนาหนักขนาดบานหน้าต่างย่อมๆ  เตาผิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่อีกฟากนึงของห้อง  ดวงจาสีน้ำเงินเข้มทอแววนึกสนุก
   
“ท่าทางเราจะมีแขกซะแล้ว”
   
เป๊าะ!
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
กริ๊ก!
   
“เอ๋!?~” มิจิโกะอุทาน  ประตูเหล็กเปิดออกอย่างง่ายดายโดยไร้คนเปิด  เด็กสาวผลักประตูบานใหญ่เข้าสู่ตัวบ้าน
   
“นี่น่ะนะ..บ้านผีสิง” มองไปรอบๆตัวอย่างชักไม่แน่ใจ  เพราะบรรยากาศที่เงียบๆ  เรียบร้อยจนดูน่าแปลก  ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เป็นจุดๆ  ตัวบ้านขนาดราวๆสองชั้นทอดเงาสูงเหนือหัว
   
“แปลกจังแหะ ” เลิกคิ้วอย่างงงงันอีกครั้งเมื่อประตูไม้ที่เข้าสู่บ้านเปิดออกอย่างง่ายดาย
   
ง่ายเกินไป
   
ยังกับจะเตรียมไว้ต้อนรับเราอย่างงั้นแหละ
   
สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน    ถอดรองเท้าก่อนตะโกน   
   
“มีใครอยู่มั้ยค้า ?!”
   
เงียบ
   
ไม่มีเสียงตอบ
   
มิจิโกะก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ช้าๆ  โคมระย้าห้อยลงมาจากเพดานทรงโดม  บันไดไม้ขัดเงาโค้งงดงาม    รูปภาพ  เครื่องเรือนต่างๆล้นใหญ่โต    หากแต่การจัดวางกลับไม่ทำให้ดูเทอะทะ  ไฟสลัวๆทำให้บรรยากาศดูทึมๆชอบกล
   
“สวัสดีค่า!!!” เด็กสาวก้าวอย่างระมัดระวัง  ดวงตาสีน้ำตามอ่อนกวาดมองบานประตูไม้หนาหนักที่เรียงเป็นระยะๆ  แจกันกระเบื้องจัดตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาว  มองแล้วแอบอึ้งอยู่ในใจ
   
“บ้านผีสิงเหรอเนี่ย !?”
   
ความคิดนี้แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว  ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเสียงใสๆดังขึ้นจากบันไดเหนือหัว
   
“หวัดดี !”
   
มิจิโกะสะบัดหน้าขึ้น  เด็กสาวคนหนึ่งมองลงมา  ผมสีดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าขาว  ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มเป็นรอยยิ้ม  ร่างทั้งร่างอยู่ในชุดสูทที่ดูเรียบร้อย  เข้ากับบรรยากาศของบ้าน    และดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้ม
   
“ไง!~”
   
ร่างเจ้าของบ้านไถลลงมาตามราวบันได    ลงมาจอดที่พื้นเบื้องหน้ามิจิโกะพอดิบพอดี
   
“หวัดดี !”
   
เด็กสาวแปลกหน้าทักอีกครั้ง  มิจิโกะอ้าปากหวอ  ก่อนจะรู้สึกตัว
   
“อ อืม  หวัดดี ”
   
“แล้ว ” เด็กสาวผมดำเลิกคิ้วขึ้น    ก่อนเอ่ยถาม “ เธอมาที่นี่ทำไม ?”
   
“อ..เออ”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“ฮ่าๆๆ มิน่าล่ะ”
   
เสียงฮาครืนดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ  มือปาดน้ำตาจากดวงตาสีน้ำเงินเข้ม
   
“ชั้นก็ว่า ทำไมหมูนี้ถึงมีคนแปลกๆมาด้อมๆมองๆแถวนี้”
   
มิจิโกะยิ้มแหย  ยกถ้วยชาที่เจ้าของบ้านยกมาบริการขึ้นจิบ  โต๊ะไม้ตัวยาวในห้องอาหารที่มีคนนั่งแค่สองคนมันดูโหวงเหวงชอบกล  ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองอากาศครึ้มนอกหน้าต่างอย่างไม่สบายใจ
   
“แล้วเธอก็เลยมาพิสูจน์งั้นสิ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองมิจิโกะด้วยแววตาขบขัน
   
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” แก้ตัวแห้งๆ  มอเจ้าของบ้านที่ระเบิดหัวเราะอีกครั้ง
   
“แล้วเจออะไรบ้างมั้ย ?” มิจิโกะแลบลิ้น  ก่อนตอบ
   
“ไม่! “
   
“คิก” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินขยับยิ้มขำ  ก่อนยกถ้วยชาขึ้นจิบ  เหลือบมองมิจิโกะผ่านขอบถ้วย
   
“ชั้นเองก็เพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่ออาทิตย์ก่อน” วางถ้วยชาลงบนจานดังกริ๊ก  ก่อนประสานมือเกยคาง  มองหน้าผู้บุกรุกพร้อมยิ้มน้อยๆ
   
“ง งั้นที่เห็นเป็นไฟลอยไปลอยมาก็เธองั้นสิ” มิจิโกะพูดติดอ่าง  เจ้าของยิ้มยิ้มกว้างเข้าไปอีก
   
“ชั้นชอบเทียนน่ะ มันดูคลาสสิกดี”
   
“อ อย่างนั้นหรอ” พูดเกร็งๆ  ก่อนมองเด็กสาวประหลาดที่ยังยิ้มได้
   
“เธอ อยู่คนเดียวหรอ ?” ที่ถามเพราะบรรยากาศของบ้านหลังใหญ่มันดูวังเวงจนไม่น่าจะมีคนอยู่อีก  มองเจ้าของบ้านที่ยิ้มอย่างลึกลับแต่ไม่ให้คำตอบ
   
“แหม งั้นชั้นก็มารบกวยเธอนานแล้ว กลับก่อนละกันนะ” พูดม้วนเดียวจบ  ก่อนผลักเก้าอี้ไปด้านหลัง  ลูกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว  พลางคว้ากระเป๋าที่เก้าอี้ข้างๆ
   
“ไปล่ะ บาย! “ รวบรัดตัดความเอาดื้อๆ  มองเมฆครึ้มที่ส่อแววจะตกเป็นฝนในอีกไม่ช้าไม่นานนี้
   
“อือ บาย” เจ้าของบ้านยิ้ม  โบกมือน้อยๆ  มอง ‘แขก’ ที่มาเยือนไม่ถึงสิบนาทีวิ่งตื้อออกจากบ้าน
   
“ปล่อยไปอย่างนี้จะดีหรือคะ นายท่าน ?” เสียงเล็กๆดังขึ้นจากข้างตัวของเจ้าของบ้านสาว  เด็กหญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูโผล่มายืนตาแป๋ว  ราวกับออกมาจากอากาศธาตุ  คางของเด็กหญิงเลยขอบโต๊ะมาเพียงเล็กน้อย  ดวงตากลมโตบ้องแบ้วของเด็กน้อยมองใบหน้าขาวๆด้านข้างอย่างกังวล
   
“เป็นห่วงหรอ ยูเอะ” คำถามจากเด็กสาว  ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายไม่หันมองคนถาม  แต่เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาสีฟ้าขึ้น  ผมสีทองหยักศกยาวถึงกลางหลังสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย
   
“ไม่ใช่ค่ะ แต่ว่าปล่อยให้คนที่เข้ามากลับไปอย่างนี้จะดีหรอคะ ?” เด็กหญิงตัวน้อยนามยูเอะถามต่อ  แต่ริมฝีปากบางของคนถูกถามกลับขยับแย้มรอยยิ้ม
   
“ชั้นรู้สึกน่ะสิ อนาคตของเด็กคนนั้นน่ะ!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
   
“โธ่เอ้ย! นึกว่าจะเป็นผีจริงๆซะอีก”
   
มิจิโกะบ่น  คิ้วขมวดเข้าอย่างเซ็งๆ  ขณะสาวเท้ากลับบ้าน  ผ่านทุ่งหญ้าโล่งๆที่ปกติไม่ค่อยได้เดินผ่าน  ถ้าไม่ได้มาทางนี้น่ะนะ
   
“เด็กคนนั้นก็แปลกพิลึก” ไพล่ไปคิดถึงคนพิลึกแล้วพาลหงุดหงิด
   
“ยัยซาโยะ เจอกันเมื่อไหร่นะ อ๊ะ!” พูดไม่ทันจบ  ฝนที่ทำท่าจะตกมานานก็โปรยน้ำหยดแรกใส่หน้าของเด็กสาวทันที
   
“อะไรกันน่ะ ! ทำไมมาตกเอาตอนนี้นะ ร่มก็ไม่มี” จะโวยวายใส่เม็ดฝนที่ร่วงพลูลงใส่ก็ไม่ได้  ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองหาที่ๆพอจะหลบฝนได้  พลันสายตาเหลือบไปเห็นบ้านไม้เก่าๆพอดี
   
“มีบ้านอยู่แถวนี้ด้วยหรอเนี่ย ?” แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก  สองเท้าพาร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเข้าหาที่หลบทันที
   
ก๊อก! ก๊อก!
   
“มีใครอยู่มั้ยคะ !?” ตะโกนฝ่าเสียงฝนที่ชักจะแรงขึ้นทุกขณะ  เสียงตึกๆดังขึ้นจากในบ้านไม้เก่าๆหลังน้อย
   
“จ้าๆ เดี๋ยวนะ”
   
เสียงเหมือนคนแก่ใจดีดังขึ้นจากในบ้าน  ประตูเปิดแง้มออกเล็กน้อย  ดวงตาใต้แว่นกรอบหนาบนใบหน้าเหี่ยวๆของหญิงชราคนหนึ่งมองออกมา
   
“อ้าว มาทำอะไรให้เปียกโชกอย่างนั้นเล่า  เข้ามาก่อนซี่ เดี๋ยวไข่หวัดกินกันพอดี” พูดอย่างใจกว้าง  ซึ่งมิจิโกะก็ไม่มีเวลามาเกรงใจตอนนี้  รีบก้าวเข้าไปในบ้านตามคำชวน
   
“เอ้าๆ นั่งก่อนซี่  ยายจะหาอะไรอุ่นๆให้กิน” หญิงชราๆร่างเล็กในชุดสีเทาพูด  ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเตาผิงที่เปลวไฟกำลังปะทุเปรี๊ยะๆ  เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งอย่างเกรงใจน้อยๆ
   
“กินซะๆ” หญิงชราวางถ้วยบิ่นๆใส่นมจนปริ่มลงตรงหน้ามิจิโกะ
   
“มาแถวนี้ทำอะไรหรอจ้ะ ? .วันนี้ฝนยิ่งทำท่าจะตกอยู่” เจ้าบ้านถาม  นั่งลงตรงข้ามกับเด็กสาว
   
“ก้อ คือว่า ” จะให้พูดว่ามาดูบ้านผีสิงก็กระไรอยู่  กำลังนั่งปั้นน้ำเป็นตัวอยู่ในหัว  พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดซะก่อน
   
“แหม วันนี้แขกเยอะจริงๆ” หญิงชรายิ้มกว้าง  รีบกุลีกุจอไปเปิดประตู
   
“หวัดดี ยาย” เสียงคุ้นที่ทำเอามิจิโกะแทบสำลักนม
   
“ธ เธอ  ที่บ้านนั้น ”  ร่างของเด็กสาวในชุดสูทที่เปียกโชกไม่มีชิ้นดีก้าวเข้ามาในบ้าน  ฉีกยิ้มพลางทัก
   
“ไง เจอกันอีกแล้ว!”
   
“อ้าว รู้จักกันหรือนี่” ยายเจ้าของบ้านถาม  พลางหัวเราะหึๆในคอ
   
“ไม่เชิงค่ะยาย” เด็กสาวผมดำตอบ  เดินมายืนกลางห้อง
   
“เธอมาทำอะไรทีนี่ !?” มิจิโกะขมุบขมิบปากเป็นเชิงถาม  แต่เด็กาวลึกลับกลับหัวเราะร่า
   
“ปล้าว มีธุระกับยายต่างหาก  ใช่มั้ยจ้ะ ยาย” คำสุดท้ายตวัดนัยน์ตาไปมองคนถูกพูดถึงด้วยสายตาคมกริบ  ก่อนเอ่ยถามเสียงเฉียบขาด
   
“คิดจะทำอะไรกันแน่ !?”
   
“หึๆ “ยายหัวเราะในคอเบาๆ  แววตาใจดีเริ่มเปลี่ยนเป็นมากเล่ห์แสนกลในทันใด
   
“ถ้าจะดูดวิญญาณเด็กคนนี้ล่ะก็ ฝันไปเหอะ!!!” เด็กสาวลึกลับตะโกนกร้าว  มิจิโกะมองหน้าคนสองคนในห้องสลับกันอย่างสับสน
   
ดูดวิญญาณ!?!
   
“แล้วเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ ?” คำถามเยาะเย้ย  มิจิโกะหันไปมอง  ก่อนร้องอย่างลืมตัว
   
เฮ้ย!!!
   
ที่ๆยายแก่หน้าตาใจดีคนเมื่อกี้ยืนอยู่  กลับถูกแทนที่ด้วยร่างที่เหมือนกับเงาดำๆ  เหมือนของเหลวเมือกๆหนืดคล้ายยางมะตอยไหลวนอยู่ทั่วร่าง  มิจิโกะสะบัดหน้ามองเด็กสาวลึกลับที่พอจะเป็นที่พึ่งเดียวในยามนี้
   
“ก้อ แกคิดว่าชั้นจะทำอะไรได้ล่ะ ?” คำถามไม่แยแสจากเด็กสาวผมดำ  แย้มรอยยิ้มกว้าง    “ชั้นก็คง ”
วูม!!!
ลมพัดวนอย่างบ้าคลั่งในบ้านที่ไม่มีทางให้ลมเข้าได้  สายลม พัดวนไปที่ร่างของเด็กสาวลึกลับ
วูบ!!!~
ประกายแสงระยิบระยับสีดำสนิทวิ่งวนอยู่ในสายลมรอบๆมือของเด็กสาว  ผมสำพัดปลิวไหว  ประกายแสงวิ่งมารวมอยู่ในมือ
หึ
แย้มรอยยิ้มเหี้ยม  ชี้คทาสีดำที่ปรากฏในมือไปทางเงาดำประหลาดที่ยืนเป็นเป้านิ่ง
   
“น่าแปลกใจจริงๆที่มีวิญญาณหลังเขาที่ไม่รู้จักยมทูต!!!”
>.<.>.<.>.<.>.<.>.<
ตอนแรกอ่าค่ะ...ชอบไม่ชอบช่วยแนะนำด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น