ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Satan Guardian

    ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานหน้าแรก : เปิดตำนานซาตานสาว!!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7
      0
      8 มี.ค. 48

    ซ่า!!!

        

    เสียงฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ปราณีปราศรัย   เม็ดฝนเล็กๆเย็นบาดเนื้อราวกับคมมีดกรีดลงบนหินผา   หมู่เมฆครึ้มเคลื่อนเข้าบดบังแสงดาว

        

    เปรี้ยง!

        

    สายฟ้าฟาดเปรี้ยง   แสงสว่างวาบส่องให้เห็นลานหินโล่งหน้าผาสูงชันราวกับถูกตัดด้วยมีดที่มองไม่เห็น

        

    เฮ้อ!

        

    เสียงถอนหายใจดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ   น้ฝนเย็นเฉียบต้องใบหน้าขาวที่ถูกผมสีดำสนิทปิดไปกว่าครึ่ง   แพขนตาแนบแก้มเนียน   ข้อมือทั้งสองข้างถูกพันธนาการไว้กับหินผาสูงเกือบๆสองร้อยเมตร

        

    “เกือบปีแล้วสินะ…”

        

    เปรี้ยง!

        

    อสุนีบาตฟาดลงตรงหน้าร่างบาง   ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจ้องมองไปเบื้องหน้าราวกับรอคอยการปรากฏของอะไรบางอย่าง   โดยไม่ใส่ใจแม้ร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนของตัวเอง

        

    ไม่นาน…สิ่งที่รอคอยก็มาถึง…

        

    วิ้ง!

        

    ดวงแสงสีดำปรากฏขึ้นเหนือร่างบางเล็กน้อย   สายลมพัดไหวอย่างบ้าคลั่ง   ขณะที่แสงสีดำลอยมาหยุดเบื้องหน้าดวงตาสีน้ำเงิน

        

    วูบ!!

        

    ดวงแสงสีดำหมุนคว้าง   ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นอะไรบางอย่าง

        

    “ตามสัญญานะ…”

        

    ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม   มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเดาอารมณ์ยาก

        

    วิ้ง!!

        

    กุญแจสีทองปรากฏขึ้นแทนที่ดวงแสงสีดำ   ก่อนที่มันจะเคลื่อนเข้ามาปลดพันธนาการสีดำด้วยตัวเอง…ราวกับเวทย์มนต์…

        

    กริ๊ก!

        

    เสียงเบาแสนเบาดังแทรกเสียงฝน   ข้อมือข้างหนึ่งหลุดจากพันธนาการ   ริมฝีปากบางสะบัดรอยยิ้มมากขึ้น

        

    “อ๊ะ!!!ขอบใจมาก…อีกข้างชั้นไขเองได้”

        

    กุญแจสีทองชะงักเล็กน้อยราวกับชั่งใจ   ก่อนลอยมาอยู่ในมือ

        

    หึ…

        

    จับกุญแจสีทองบิดเพียงเล็กน้อย   พันธนาการที่ตรึงร่างบางเอาไว้หนึ่งปีเต็มก็หลุดออกอย่างง่ายดาย

        

    แต่…

        

    วูบ!!!

        

    ร่างบางลอยละลิ่วลงสู่พื้นด้วยความเร็วเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองทัน   จากความสูงที่ไร้โอกาสรอด…สู่เงื้อมมือยมทูตเบื้องล่าง

        

    พรึ่บ!!!

        

    ปีกสีดำสนิทราวกับปีกค้างคาวกางสยายออกจากกลางหลัง   ร่างลอยคว้างนิดหนึ่ง  ก่อนร่อนลงแตะพื้นศิลาสีดำสนิทอย่างนิ่มนวล   ปีกสีดำสลายกลายเป็นอากาศธาตุทันที

        

    “ขอบใจมาก…”

        

    นัยน์ตาสีน้ำเงินมองกุญแจสีทองที่สลักเสลาอย่างงดงามในมือ   แย้มรอยยิ้ม   ก่อนกำมือแน่น   มองตรงผ่านสายฝนไปยังความมืดมิดว่างเปล่าเบื้องหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น   ลั่นวาจาหนักแน่น

        

    “ชั้นก็รักษาสัญญาเหมือนกัน!!!”



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<

        

    “หา! คฤหาสน์ผีสิง!?”

        

    เสียงตะโกนอย่างคนลืมตัวดังลั่นจนคนแทบทั้งห้องหันมามอง   เพื่อนสาวตรงหน้ารีบส่งเสียงชู่ว์   มองครูที่สอนอยู่หน้าชั้นอย่างหวาดๆ

        

    “ใช่ๆ…เขตหก   เลยร้านราเมงไปหน่อยนะ” ดวงตาสีน้ำตาลลุกวาวด้วยความตื่นเต้น

        

    “คฤหาสน์ที่เค้าลือกันน่ะหรอ ?” คำถามรัวเร็วจนเพื่อนสาวเบ้หน้า

        

    “อือ…นั่นแหละ   เดี๋ยวนี้นะ…มีดวงไฟลอยไปลอยมาด้วยล่ะ   เห็นว่ามีคนเดินผ่านแถวนั้นตอนมืดๆแล้วเจอเงาประหลาดๆบนหลังคาด้วยนะ”

        

    “โห…” เสียงลากยาวอย่างให้ความสนใจเต็มที่  “…แล้วซาโยะไปพิสูจน์มารึยังอ่ะ”

        

    “ไม่ง่ะ..” เสียงเจ้าของนามซาโยะตอบ   ส่ายหน้ายิก “ชั้นไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แบบมิจิโกะนี่”

        

    มาวารุ   มิจิโกะยิ้มแป้น   กวาดข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋า   แทบกลั้นใจรอเสียงออด   พลางมองฟ้าครึ้มจากหน้าต่างถัดจากที่ว่างข้างตัว

        

    กริ๊ง!!!

        

    เสียงระฆังสวรรค์ที่รอคอยดังขึ้น   นักเรียนทั้งหมดกวาดข้างของใส่กระเป๋าราวกับหนีลูกระเบิด   ภายในสามวินาที   ทั้งห้องก็เหลือแต่ครูยืนอยู่คนเดียว

        

    “ว้าว! จะเป็นผีแบบไหนกันน้า” มิจิโกะร้องเป็นเพลง   สายตามองหาร้านราเมงที่เพื่อนสาวพูดถึง

        

    “อ๊ะ! นั่นไง” สายตาไปสะดุดกับร้านราเมงที่มีคนประปราย   มองเลยถัดไปก่อนขมวดคิ้ว   ก้าวฉับๆไปยืนหน้าร้านราเมงอย่างข้องใจ

        

    “ยัยซาโยะ…โกหกกันรึเปล่าเนี่ย!?~ ไม่เห็นมีเล…”

        

    พูดได้ไม่ทันจบคำ   บ้านเก่าๆหลังหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทันทีราวกับเล่นกล   แค่เดินเลยหน้าร้านราเมงไปเพียงสามก้าว

        

    “โห…..”

    ลากเสียงยาว   ตามองประตูเหล็กสีดำบานใหญ่อย่างตะลึง   รั้วสีขาวทอดรอบตัวบ้านที่กินอาณาเขตเกือบครึ่งกิโลเมตร   มองผ่านประตูเข้าไปเป็นสนามหญ้าตัดเรียบ    ราวกับได้รับการดูแลอย่างดีทั้งๆที่เป็นบ้านร้าง   ทางเดินสีขาวทอดยาวสู่ตัวบ้านขนาดใหญ่แบบยุโรป   ดุน่ากลัวเข้ากับฉากหลังที่เป็นฟ้าสีเทา   ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านเก่าอย่างนี้ผุดขึ้นมากลางดงตึกระฟ้า



    “ท่าทางน่ากลัวแฮะ…เหมาะกับเรื่องผีๆดีจัง” มิจิโกะแตะประตูเหล็กอย่างทึ่งๆ



    “เอาล่ะ…ลองเข้าไปดูกันดีกว่า !”



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<

        

    “อืม…”

        

    ริมฝีบางคลี่ยิ้ม   ปล่อยผ้าม่านหนาหนักให้ทิ้งตัวลงแนบหน้าต่างบานใหญ่   ก่อนหันกลับมาที่ห้องขนาดใหญ่    ตกแต่งด้วยไม้สีเข้ม   เครื่องเรือนแต่ละชิ้นใหญ่โตเกินร่างบางหลายเท่า    ตู้หนังสือวางเรียงราย   แต่ละตู้มีหนังสือวางเต็ม   ตั้งแต่เล่มเล็กเท่ากล่องไม้ขีด    ไปจนถึงเล่มใหญ่หนาหนักขนาดบานหน้าต่างย่อมๆ   เตาผิงขนาดใหญ่ตั้งอยู่อีกฟากนึงของห้อง   ดวงจาสีน้ำเงินเข้มทอแววนึกสนุก

        

    “ท่าทางเราจะมีแขกซะแล้ว”

        

    เป๊าะ!



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<

        

    กริ๊ก!

        

    “เอ๋!?~” มิจิโกะอุทาน   ประตูเหล็กเปิดออกอย่างง่ายดายโดยไร้คนเปิด   เด็กสาวผลักประตูบานใหญ่เข้าสู่ตัวบ้าน

        

    “นี่น่ะนะ..บ้านผีสิง” มองไปรอบๆตัวอย่างชักไม่แน่ใจ   เพราะบรรยากาศที่เงียบๆ   เรียบร้อยจนดูน่าแปลก   ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่เป็นจุดๆ   ตัวบ้านขนาดราวๆสองชั้นทอดเงาสูงเหนือหัว

        

    “แปลกจังแหะ…” เลิกคิ้วอย่างงงงันอีกครั้งเมื่อประตูไม้ที่เข้าสู่บ้านเปิดออกอย่างง่ายดาย

        

    …ง่ายเกินไป…

        

    …ยังกับจะเตรียมไว้ต้อนรับเราอย่างงั้นแหละ…

        

    สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน    ถอดรองเท้าก่อนตะโกน    

        

    “มีใครอยู่มั้ยค้า ?!”

        

    …เงียบ…

        

    …ไม่มีเสียงตอบ…

        

    มิจิโกะก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ช้าๆ   โคมระย้าห้อยลงมาจากเพดานทรงโดม   บันไดไม้ขัดเงาโค้งงดงาม    รูปภาพ   เครื่องเรือนต่างๆล้นใหญ่โต    หากแต่การจัดวางกลับไม่ทำให้ดูเทอะทะ   ไฟสลัวๆทำให้บรรยากาศดูทึมๆชอบกล

        

    “สวัสดีค่า!!!” เด็กสาวก้าวอย่างระมัดระวัง   ดวงตาสีน้ำตามอ่อนกวาดมองบานประตูไม้หนาหนักที่เรียงเป็นระยะๆ   แจกันกระเบื้องจัดตกแต่งด้วยดอกไม้โทนสีขาว   มองแล้วแอบอึ้งอยู่ในใจ

        

    “บ้านผีสิงเหรอเนี่ย !?”

        

    ความคิดนี้แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว   ก่อนเบิกตากว้างเมื่อเสียงใสๆดังขึ้นจากบันไดเหนือหัว

        

    “หวัดดี !”

        

    มิจิโกะสะบัดหน้าขึ้น   เด็กสาวคนหนึ่งมองลงมา   ผมสีดำสนิทล้อมกรอบใบหน้าขาว   ริมฝีปากสีกุหลาบแย้มเป็นรอยยิ้ม   ร่างทั้งร่างอยู่ในชุดสูทที่ดูเรียบร้อย   เข้ากับบรรยากาศของบ้าน    และดวงตากลมโตสีน้ำเงินเข้ม…

        

    “ไง!~”

        

    ร่างเจ้าของบ้านไถลลงมาตามราวบันได    ลงมาจอดที่พื้นเบื้องหน้ามิจิโกะพอดิบพอดี

        

    “หวัดดี !”

        

    เด็กสาวแปลกหน้าทักอีกครั้ง   มิจิโกะอ้าปากหวอ   ก่อนจะรู้สึกตัว

        

    “อ…อืม   หวัดดี…”

        

    “แล้ว…” เด็กสาวผมดำเลิกคิ้วขึ้น    ก่อนเอ่ยถาม “…เธอมาที่นี่ทำไม ?”

        

    “อ..เออ”



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<

        

    “ฮ่าๆๆ…มิน่าล่ะ”

        

    เสียงฮาครืนดังจากริมฝีปากสีกุหลาบ   มือปาดน้ำตาจากดวงตาสีน้ำเงินเข้ม

        

    “ชั้นก็ว่า…ทำไมหมูนี้ถึงมีคนแปลกๆมาด้อมๆมองๆแถวนี้”

        

    มิจิโกะยิ้มแหย   ยกถ้วยชาที่เจ้าของบ้านยกมาบริการขึ้นจิบ   โต๊ะไม้ตัวยาวในห้องอาหารที่มีคนนั่งแค่สองคนมันดูโหวงเหวงชอบกล   ตาสีน้ำตาลอ่อนเหลือบมองอากาศครึ้มนอกหน้าต่างอย่างไม่สบายใจ

        

    “แล้วเธอก็เลยมาพิสูจน์งั้นสิ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองมิจิโกะด้วยแววตาขบขัน

        

    “ก็ใครจะไปรู้ล่ะ” แก้ตัวแห้งๆ   มอเจ้าของบ้านที่ระเบิดหัวเราะอีกครั้ง

        

    “แล้วเจออะไรบ้างมั้ย ?” มิจิโกะแลบลิ้น   ก่อนตอบ

        

    “ไม่! “

        

    “คิก” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินขยับยิ้มขำ   ก่อนยกถ้วยชาขึ้นจิบ   เหลือบมองมิจิโกะผ่านขอบถ้วย

        

    “ชั้นเองก็เพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่ออาทิตย์ก่อน” วางถ้วยชาลงบนจานดังกริ๊ก   ก่อนประสานมือเกยคาง   มองหน้าผู้บุกรุกพร้อมยิ้มน้อยๆ

        

    “ง…งั้นที่เห็นเป็นไฟลอยไปลอยมาก็เธองั้นสิ” มิจิโกะพูดติดอ่าง   เจ้าของยิ้มยิ้มกว้างเข้าไปอีก

        

    “ชั้นชอบเทียนน่ะ…มันดูคลาสสิกดี”

        

    “อ…อย่างนั้นหรอ” พูดเกร็งๆ   ก่อนมองเด็กสาวประหลาดที่ยังยิ้มได้

        

    “เธอ…อยู่คนเดียวหรอ ?” ที่ถามเพราะบรรยากาศของบ้านหลังใหญ่มันดูวังเวงจนไม่น่าจะมีคนอยู่อีก   มองเจ้าของบ้านที่ยิ้มอย่างลึกลับแต่ไม่ให้คำตอบ

        

    “แหม…งั้นชั้นก็มารบกวยเธอนานแล้ว…กลับก่อนละกันนะ” พูดม้วนเดียวจบ   ก่อนผลักเก้าอี้ไปด้านหลัง   ลูกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว   พลางคว้ากระเป๋าที่เก้าอี้ข้างๆ

        

    “ไปล่ะ…บาย! “ รวบรัดตัดความเอาดื้อๆ   มองเมฆครึ้มที่ส่อแววจะตกเป็นฝนในอีกไม่ช้าไม่นานนี้

        

    “อือ…บาย” เจ้าของบ้านยิ้ม   โบกมือน้อยๆ   มอง ‘แขก’ ที่มาเยือนไม่ถึงสิบนาทีวิ่งตื้อออกจากบ้าน

        

    “ปล่อยไปอย่างนี้จะดีหรือคะ…นายท่าน ?” เสียงเล็กๆดังขึ้นจากข้างตัวของเจ้าของบ้านสาว   เด็กหญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงบานฟูฟ่องสีชมพูโผล่มายืนตาแป๋ว   ราวกับออกมาจากอากาศธาตุ   คางของเด็กหญิงเลยขอบโต๊ะมาเพียงเล็กน้อย   ดวงตากลมโตบ้องแบ้วของเด็กน้อยมองใบหน้าขาวๆด้านข้างอย่างกังวล

        

    “เป็นห่วงหรอ…ยูเอะ” คำถามจากเด็กสาว   ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายไม่หันมองคนถาม   แต่เด็กหญิงตัวน้อยเบิกตาสีฟ้าขึ้น   ผมสีทองหยักศกยาวถึงกลางหลังสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย

        

    “ไม่ใช่ค่ะ…แต่ว่าปล่อยให้คนที่เข้ามากลับไปอย่างนี้จะดีหรอคะ ?” เด็กหญิงตัวน้อยนามยูเอะถามต่อ   แต่ริมฝีปากบางของคนถูกถามกลับขยับแย้มรอยยิ้ม

        

    “ชั้นรู้สึกน่ะสิ…อนาคตของเด็กคนนั้นน่ะ!”



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<

        

    “โธ่เอ้ย! นึกว่าจะเป็นผีจริงๆซะอีก”

        

    มิจิโกะบ่น   คิ้วขมวดเข้าอย่างเซ็งๆ   ขณะสาวเท้ากลับบ้าน   ผ่านทุ่งหญ้าโล่งๆที่ปกติไม่ค่อยได้เดินผ่าน   ถ้าไม่ได้มาทางนี้น่ะนะ

        

    “เด็กคนนั้นก็แปลกพิลึก” ไพล่ไปคิดถึงคนพิลึกแล้วพาลหงุดหงิด

        

    “ยัยซาโยะ…เจอกันเมื่อไหร่นะ…อ๊ะ!” พูดไม่ทันจบ   ฝนที่ทำท่าจะตกมานานก็โปรยน้ำหยดแรกใส่หน้าของเด็กสาวทันที

        

    “อะไรกันน่ะ ! ทำไมมาตกเอาตอนนี้นะ…ร่มก็ไม่มี” จะโวยวายใส่เม็ดฝนที่ร่วงพลูลงใส่ก็ไม่ได้   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกวาดมองหาที่ๆพอจะหลบฝนได้   พลันสายตาเหลือบไปเห็นบ้านไม้เก่าๆพอดี

        

    “มีบ้านอยู่แถวนี้ด้วยหรอเนี่ย ?” แต่ไม่มีเวลาให้คิดมาก   สองเท้าพาร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเข้าหาที่หลบทันที

        

    ก๊อก! ก๊อก!

        

    “มีใครอยู่มั้ยคะ !?” ตะโกนฝ่าเสียงฝนที่ชักจะแรงขึ้นทุกขณะ   เสียงตึกๆดังขึ้นจากในบ้านไม้เก่าๆหลังน้อย

        

    “จ้าๆ…เดี๋ยวนะ”

        

    เสียงเหมือนคนแก่ใจดีดังขึ้นจากในบ้าน   ประตูเปิดแง้มออกเล็กน้อย   ดวงตาใต้แว่นกรอบหนาบนใบหน้าเหี่ยวๆของหญิงชราคนหนึ่งมองออกมา

        

    “อ้าว…มาทำอะไรให้เปียกโชกอย่างนั้นเล่า   เข้ามาก่อนซี่…เดี๋ยวไข่หวัดกินกันพอดี” พูดอย่างใจกว้าง   ซึ่งมิจิโกะก็ไม่มีเวลามาเกรงใจตอนนี้   รีบก้าวเข้าไปในบ้านตามคำชวน

        

    “เอ้าๆ…นั่งก่อนซี่   ยายจะหาอะไรอุ่นๆให้กิน” หญิงชราๆร่างเล็กในชุดสีเทาพูด   ชี้ไปที่เก้าอี้ข้างๆเตาผิงที่เปลวไฟกำลังปะทุเปรี๊ยะๆ   เด็กสาวทรุดตัวลงนั่งอย่างเกรงใจน้อยๆ

        

    “กินซะๆ” หญิงชราวางถ้วยบิ่นๆใส่นมจนปริ่มลงตรงหน้ามิจิโกะ

        

    “มาแถวนี้ทำอะไรหรอจ้ะ ?….วันนี้ฝนยิ่งทำท่าจะตกอยู่” เจ้าบ้านถาม   นั่งลงตรงข้ามกับเด็กสาว

        

    “ก้อ…คือว่า…” จะให้พูดว่ามาดูบ้านผีสิงก็กระไรอยู่   กำลังนั่งปั้นน้ำเป็นตัวอยู่ในหัว   พอดีมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดซะก่อน

        

    “แหม…วันนี้แขกเยอะจริงๆ” หญิงชรายิ้มกว้าง   รีบกุลีกุจอไปเปิดประตู

        

    “หวัดดี…ยาย” เสียงคุ้นที่ทำเอามิจิโกะแทบสำลักนม

        

    “ธ…เธอ   ที่บ้านนั้น…”  ร่างของเด็กสาวในชุดสูทที่เปียกโชกไม่มีชิ้นดีก้าวเข้ามาในบ้าน   ฉีกยิ้มพลางทัก

        

    “ไง…เจอกันอีกแล้ว!”

        

    “อ้าว…รู้จักกันหรือนี่” ยายเจ้าของบ้านถาม  พลางหัวเราะหึๆในคอ

        

    “ไม่เชิงค่ะยาย” เด็กสาวผมดำตอบ   เดินมายืนกลางห้อง

        

    “เธอมาทำอะไรทีนี่ !?” มิจิโกะขมุบขมิบปากเป็นเชิงถาม   แต่เด็กาวลึกลับกลับหัวเราะร่า

        

    “ปล้าว…มีธุระกับยายต่างหาก   ใช่มั้ยจ้ะ…ยาย” คำสุดท้ายตวัดนัยน์ตาไปมองคนถูกพูดถึงด้วยสายตาคมกริบ   ก่อนเอ่ยถามเสียงเฉียบขาด

        

    “คิดจะทำอะไรกันแน่ !?”

        

    “หึๆ “ยายหัวเราะในคอเบาๆ   แววตาใจดีเริ่มเปลี่ยนเป็นมากเล่ห์แสนกลในทันใด

        

    “ถ้าจะดูดวิญญาณเด็กคนนี้ล่ะก็…ฝันไปเหอะ!!!” เด็กสาวลึกลับตะโกนกร้าว   มิจิโกะมองหน้าคนสองคนในห้องสลับกันอย่างสับสน

        

    ดูดวิญญาณ!?!

        

    “แล้วเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้ล่ะ ?” คำถามเยาะเย้ย   มิจิโกะหันไปมอง   ก่อนร้องอย่างลืมตัว

        

    เฮ้ย!!!

        

    ที่ๆยายแก่หน้าตาใจดีคนเมื่อกี้ยืนอยู่   กลับถูกแทนที่ด้วยร่างที่เหมือนกับเงาดำๆ   เหมือนของเหลวเมือกๆหนืดคล้ายยางมะตอยไหลวนอยู่ทั่วร่าง   มิจิโกะสะบัดหน้ามองเด็กสาวลึกลับที่พอจะเป็นที่พึ่งเดียวในยามนี้

        

    “ก้อ…แกคิดว่าชั้นจะทำอะไรได้ล่ะ ?” คำถามไม่แยแสจากเด็กสาวผมดำ   แย้มรอยยิ้มกว้าง    “ชั้นก็คง…”



    วูม!!!



    ลมพัดวนอย่างบ้าคลั่งในบ้านที่ไม่มีทางให้ลมเข้าได้   สายลม…พัดวนไปที่ร่างของเด็กสาวลึกลับ



    วูบ!!!~



    ประกายแสงระยิบระยับสีดำสนิทวิ่งวนอยู่ในสายลมรอบๆมือของเด็กสาว   ผมสำพัดปลิวไหว   ประกายแสงวิ่งมารวมอยู่ในมือ



    หึ…



    แย้มรอยยิ้มเหี้ยม   ชี้คทาสีดำที่ปรากฏในมือไปทางเงาดำประหลาดที่ยืนเป็นเป้านิ่ง

        

    “น่าแปลกใจจริงๆที่มีวิญญาณหลังเขาที่ไม่รู้จักยมทูต!!!”



    >.<.>.<.>.<.>.<.>.<



    ตอนแรกอ่าค่ะ...ชอบไม่ชอบช่วยแนะนำด้วยนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×