ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อ อะไร

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มเรื่อง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 23
      0
      18 ต.ค. 46

           ผมกำลังนั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขณะฟังข่าว เครื่องบินของกลุ่มตาลีบัน พุ่งเข้าชนตึกเวิร์ลด์ เทรดเซนเตอร์ของสหรัฐอเมริกา เป็นเรื่องที่ชวนให้หลายคนคิดถึง เรื่อง50กว่าปีก่อน ที่ฝูงบิน b29ของญี่ปุ่น พุ่งเข้าชน เรือรบอเมริกัน แต่นั่นเป็นเพื่อการป้องกันหาใช่เพื่อรุกรานเช่นที่ กลุ่มทหารตาลีบันกลุ่มนี้ทำ

        ผมกดรีโมตปิด ทีวีอย่างไม่แยแสเท่าไหร่นัก เรื่องมนุษยธรรมเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างผม ที่ผมเป็นห่วงคือ ถ้าเกิดสงครามจริง น้ำมันคงแพงขึ้น พอน้ำมันแพงอะไรๆมันก็แพง คราวนี้ชีวิตก็ลำบากเหมือนคราวสงครามล่ะ

        ผมเกิดไม่ทันสงคราม  หรอกครับสงครามที่ดูใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ผมประสพก็ เห็นจะเป็นพฤษภาทมิฬ เมื่อ ปี35ตอนผมเรียนชั้น มัธยม แต่ก็เป็นแค่สงครามความวุ่นวายภายในประเทศ มากกว่า จะเป็นสงครามระหว่างประเทศที่ดูยิ่งใหญ่ เหมือนที่พ่อของผมเล่าไว้

        คุณพ่อของผม จิโต มัตสึโอกะ ,ใช่ครับพ่อของผมเป็นชาวญี่ปุ่น เข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่อายุ9ขวบ พร้อมกับคุณย่า และคุณอาของท่าน แต่ผมและ พี่น้องทั้ง4คนตั้งแต่ทำบัตรประชาชน ก็เปลี่ยนมาใช้นามสกุลคุณแม่ หมดทุกคน เนื่องจากการใช้นามสกุลญี่ปุ่น ไม่สู้จะสะดวกในการติดต่อ กับทางราชการนัก ซึ่งพ่อของผมก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร แต่ท่านก็ยืนยันขอใช้ชื่อ แซ่ของท่าน ทั้งชีวิต ไม่ขอเปลี่ยนแปลง แม้ลูกหลานของท่านจะไม่ใช่ชาวญี่ปุ่น แต่ท่านขอเป็นคนญี่ปุ่นจนตัวตาย

        บางทีผมก็ ส่ายหัวเอือมระอา ในความคิดของท่านในจุดนี้ คนญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้มีอยู่ทั่วโลก ลัทธิชาตินิยมเรื่มอ่อนลง โลกเปิดถึงกันมาดขึ้น ไม่มีเหตผลที่พ่อ จะมาถือลัทธิบูชิโด แบบนี้  แม้พ่อจะอยู่ญี่ปุ่นด้วยเวลาเล็กน้อยยิ่งนัก ถ้าเทียบกับชีวิตของพ่อทั้งหมด แต่ก็เหมือนเหตการณ์ หลายอย่างที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เพียงพอที่จะปลูกฝังค่านิยมของพ่อทั้งชีวิต

        พ่อเล่าให้ฟังว่า ตระกูลของพ่อ,ไม่สิของเรา เป็นทหาร ที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่ก่อนสมัยปฏิวัติใหญ่ในญี่ปุ่น สืบเชื้อสายซามูไร ตอนเด็กๆเวลาผมได้ยินคำนี้ ก็ต้องทำตาโตทุกครั้ง เพราะคำซามูไรทำให้ผมนึกถึง นักดาบในการ์ตูนมากกว่า ที่จะเป็นบรรพบุรุษของผม ตระกูลของเราเป็นทหารมาตลอด จนนายทหารคน สุดท้าย เรือ อากาศเอก โยอิจิ มัตสึโอกะ หรือลุง โย ที่ผมกับพี่ๆเรียกกัน ลุงคนเดียวของผม จากนั้น ตระกูลเราก็ไม่มีใครเป็นทหารเลย พี่น้องผมทั้งหมด ก็ไม่สนใจอาชีพนี้เท่าใดนัก กับสังคมยุคใหม่ ที่เกียรติยศไม่ทำให้อิ่มท้อง และ สมัยนี้เรื่องสงครามดูไกลเหลือเกิน

        พ่อ ย่า และ อาของพ่อท่านมาถึงเมืองไทย เมื่อปี2484เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นรุกคืบในสงครามแต่จากนั้นไม่กี่ปีก็เป็นญี่ปุ่นที่แพ้สงคราม อา ตอนนั้น พันเอก  อาโอกิ มัตซึโอกะ เอาปืนจ่อหัว ยิงตัวตาย ถึงตอนนี้ผมฟังแล้วก็ขนหัวลุก พร้อมกับงง ที่ทำไมเลือดภักดีไม่ตกถึงผมบ้างเลยนะ,ผมเปลี่ยนที่ทำงาน มา3แห่งแล้วในระยะเวลาทำงานแค่10ปีเศษ แล้วก็มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนอีก ในไม่กีปีข้างหน้า

        พูดถึงลุงโย ที่บ้าน มีรูปนายทหารใส่เครื่องแบบทหารญี่ปุ่น ยืนโพสต์ท่าอยู่ ท่าทางไม่เหมือน นายทหารญี่ปุ่นคนอื่น หน้าตา ดูอ่อนโยน มีไรหนวดเล็กน้อย พ่อเคยทักว่า ผมหน้าตาคล้ายลุงโยมาก ซึ่งผมก็รับด้วยความยินดี เพราะสำหรับพ่อแล้ว ลุงโย เป็นยิ่งกว่าวีรบุรุษ ยิ่งกว่ายอดทหาร ยิ่งกว่าพี่ชายที่แสนดี ยิ่งกว่าลูกกตัญญู  เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับคนที่ยิ่งใหญ่เพียงนี้

        วันอาทิตย์ ที่บ้านของเราจะพร้อมหน้ากันรับประทานอาหารเย็น

        \"พ่อ รู้ข่าวเครื่องบินชนตึกที่ เมกายังครับ\" พี่ อรรถ พี่ชายคนโตถามขึ้น

        \"อือ\" พ่อตอบสั้นๆ อย่างไม่สนใจ

        \"ผมว่าเหมือนคามิคาเซ่นะ สมัยสงครามโลก ที่ญี่ปุ่นใช้ถล่มเรือรบอเมริกา\"...\"ที่พ่อเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ\"ผมพูดขึ้น

        

        สายตาพอเริ่มจริงจังขึ้น แล้วเพ่งมาที่ผม\"แกพูดอย่างนั้นไม่ได้\" พ่อพูดเสียงเข้ม

        \"คามิคาเซ่ คือลมของพระเจ้า ที่ป้องกันภัยของชาวญี่ปุ่น\"พ่อหยุดกลืนน้ำลาย

        \"ไม่ใช่อาวุธสงครามที่ฆ่าคนบริสุทธิ์ เหมือนที่เกิดขึ้นตอนนี้\"

        ผมทำหน้าจ๋อย ขณะที่แม่ยิ้มให้ เชิงปลอบใจที่ผมลูกชายคนเล็กมักจะโดนพ่อดุอยู่เสมอ



        \"แต่ที่เหมือนกันคือ สงคราม...ไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ก็มีแต่นำความสูญเสียมาให้\"

    พ่อทำตาลอยไปที่สนามหน้าบ้าน เหมือนปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเหมือนที่ผ่านมา





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×