ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตัดผม
            วันนี้เป็นวันอาทิตย์ มันเป็นวันที่ฉันจะได้พักผ่อน ไปเที่ยวกับเพื่อน กับครอบครัว แต่ครั้งนี้มันเป็นวันอาทิตย์ที่ฉันไม่ได้คาดคิดไว้เลย เพราะมันเป็นวันที่ฉันจะตัดสินใจครั้งใหญ่ ตลอด 16 ปีของชีวิตฉัน
  “ผมสวยมากเลยนะคะ จะเล็มออกนิดหน่อยดีไหมคะ” ช่างเสริมสวยสาวถาม
            ฉันมาตัดผมที่ฉันไว้มายาวถึง 16 ปี ผมสีดำยาวสลวยมันขลับที่ได้มาจากแม่ มันแวววาวเมื่อกระทบกับแสงไฟจากร้านทำผมแถวๆ บ้านที่ฉันมาประจำ มันมีความยาวถึงเอว ซึ่งมันไม่เคยถูกซอย ดัด ทำสี หรืออะไรทั้งนั้น ฉันภูมิใจในผมของตนเองเป็นที่สุด และไม่เคยนึกว่าฉันจะมีความคิดที่จะตัดมัน
  “เอาให้มันโกร๋นเลยคะ” ฉันว่า เด็ดไหมละ
            แน่นอน วันรุ่งขึ้นทุกคนในห้องเรียน ม. 5/ 17 ของฉันก็มองฉันเป็นตาเดียวกันด้วยความประหลาดใจ ฉันซอยสั้นเป็นทรงบ๊อบ แต่ความเงางามของผมก็ยังคงอยู่ เพื่อนฉัน “มีน” เธอประหลาดใจมาก ถึงกับอาปากค้างตอนที่ฉันเดินเข้ามา
  “อีเปรต!” อ้อ เธอเปลี่ยนชื่อให้ฉันอีกแล้ว...
            มีนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ ม.4  เพราะได้อยู่ห้องเดียวกัน ห้องศิลป์-ฝรั่งเศส เธอเป็นคนที่คุยสนุก และมีนิสัยที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น แต่เธอก็มีความจริงใจ และอ่อนไหวมาก แต่ก็จะไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอหรอก ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง และก็มีลางสังหรณ์ดีด้วยนะ ชอบเม้าท์เรื่องคนอื่นด้วย แต่ไม่ได้นินทาอะไรมากมายนักหรอก...
  “ไง มีน” ฉันทัก แล้วก็เดินไปที่โต๊ะเรียนของฉันซึ่งมีนนั่งอยู่โต๊ะติดกัน
  “โหแก...เปรี้ยวขึ้นเยอะเลยหวะ แต่ฉันว่าแกระห่ำมากเลย” มีนทำหน้าตกใจมาก
  “ระห่ำ? ตรงไหน? ฉันว่าทรงนี้ก็ดีนะ โล่งดี...”
  “ โถๆๆ......... อีหอยเอ๊ย!!.. กะอีแค่อกหัก ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้นี่นา ผมแกไว้มาตั้งนาน ตรงสวยอย่างนั้น ถ้าจะซอย ก็แค่ไสลด์ปลายก็ได้นี่ แบบนั้นจะสวยกว่าอีก”
  “ไหนๆ ก็จะตัดแล้วนี่ ก็เอาให้มันสะใจไปเลย และฉันอยากเปลี่ยนตัวเองดูบ้าง ”
            ฉันอกหักจาก “เกียรติ”เพื่อนชายคนเดียวที่ฉันสนิทสนมที่สุดตั้งแต่ม.ต้น เกียรติเป็นคนร่าเริง คุยสนุก และไม่อยู่นิ่ง เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันชอบเค้า แต่เค้าก็ช่างเขลานักที่ไม่รู้ความในใจฉันเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเขา เพราะเขาคงเห็นว่าฉันเป็นแค่เพื่อน จนตอนนี้เขาก็ได้คบกับ “แก้ว” สาวน้อยเสียงหวานที่อยู่แผนวิทย์- คณิต
  “นี่แก... จะไม่ปิ๊งใครแล้วรึไง” มีนเอ่ยถาม
  “คงงั้นมั้ง” ฉันเลิกคิ้ว ทำท่าเป็นสาวมั่นที่ไม่เสียใจเพราะเรื่องอกหักแค่นี้
  “นี่มีน...ฉันไม่ได้ทำตามอย่างที่เค้าว่ากันนะ ว่าอกหักแล้วต้องตัดผมน่ะ แต่ว่าฉันนะอยากจะลองทำอะไรที่มันทำให้ฉันมั่นใจน่ะ ฉันจะได้ทำใจได้เร็วขึ้นไง แกเข้าใจนะ” ฉันหันไปพูดกับมีนอย่างเปิดอก มีนก็พยักหน้าและถอนหายใจน้อย
  “ฉันเข้าใจเว้ย...พยายามเข้าละกัน ไหนๆ ก็ตัดมาแล้วนี่” มีนตบหลังฉันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ
  “เฟือง!!! ตัดผมทำไม? ใจกล้ามากเลยอ่ะ ” เฟิร์น เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งในห้องและเพื่อนๆในห้องคนอื่นๆ ประหลาดใจ เดินเข้ามาถามกันอย่างสนใจ
  “เบื่อๆ นิดหน่อยนะ สวยไหมละ?” ฉันว่า
  “เปรี้ยวมากเลยเธอ...”
            “ติ๊งต่อง ติงต่อง ติ่งต๊อง ติ๊งต่อง” เสียงระฆังของโรงเรียนก็ดัง เป็นที่รู้กันว่าเด็กนักเรียนทุกคนต้องไปเข้าแถว
ตอนนี้เด็กนักเรียนมาเข้าแถวกันค่อนข้างเรียบร้อยแล้วที่ลานอเนกประสงค์ (หวังจะให้เรียบร้อยเลยนะเหรอ... คงจะยาก!) ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนก็ขึ้นมากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ (น่าเบื่อๆ) ก่อนเคารพธงชาติที่หน้าเสาธง เด็กนักเรียนก็ฟังบ้างคุยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา อาจารย์ระดับชั้นต่างๆ ก็เดินตรวจนักเรียนของระดับตนเอง ริบนู่นบ้างนี่บ้างที่ผิดระเบียบ อย่างเช่นพวกเครื่องประดับผมทั้งหลาย เด็กนักเรียนก็หลบหลีกกันเป็นแถว
            ฉันเป็นคนตัวสูง จึงต้องเข้าแถวเกือบหลังสุด แต่เพราะมี “เล็ก” ที่เหนือกว่าทั้งความกว้างความสูง และความหนา.. แต่ทำไมชื่อเล็กก็ไม่รู้ เธอยืนเข้าแถวอยู่หลังสุดแทน ห้องของพวกเราเป็นแผนศิลป์-ฝรั่งเศส ผู้หญิงต้องมากกว่าอยู่แล้ว (เพศที่สามด้วย) ที่ๆ ฉันอยู่ มันก็เหมือนที่สำหรับนักเรียนชายของห้องอื่นๆ อยู่กันนั่นแหละ แล้วเกียรติซึ่งอยู่ห้อง16 ก็จะยืนเข้าแถวตรงกับฉันทุกวัน ‘วันนี้ฉันอยากตัวเตี้ยจัง’ ฉันคิดในใจเพราะจะได้ไม่ต้องพบหน้าเค้า แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก ที่ฉันจะตัวเล็กลง เกียรติ...ก็เข้าแถวที่เดิม
  “เฮ่ย เฟือง ตัดผมทำไมอ่ะ” เกียรติประหลาดใจมาก เกียรติเขาไม่รู้หรอกนะ ว่าฉันนะชอบเขา ถ้าฉันบอก ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนจะจบลงนะสิ
  “เบื่อๆ นิดหน่อย” ฉันก็ยังพูดกับเขาเหมือนเดิม เพราะฉันแสร้งทำอยู่เสมอที่จะไม่ให้เขารู้ว่าฉันชอบ
  “น่าเสียดายออก ผมเธอสวยออกจะตาย” เขาลูบผมฉัน ฉันสะท้านไปทั้งตัว คิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่า ‘ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่อายเค้าบ้าง’ นี่ละนิสัยเกียรติ
    “ยุ่งน่า ...รำคาญ” แล้วฉันก็ตัดสินใจปัดมือเขาออก ฉันค่อยรู้สึกโล่ง แต่แล้วฉันก็คิดได้ว่าทำเกินไป แต่ฉันก็ยังเงียบเฉย เขาหน้าเสีย.. และคงตกใจด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเมินเขา
  “เฮ่ย เฟือง เป็นอะไรอ่ะ เคียดไรเปล่า” เกียรติผู้น่ารัก ถามฉันด้วยความเป็นห่วง
  “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเหอะ” แล้วเพลงชาติก็ขึ้น เกียรติจึงไม่ถามต่อ ฉันก็ไม่มองหน้าเขา เพราะถ้ามอง ฉันคงร้องไห้ออกมาแน่
เกียรติเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี จะคุยกับทุกคนได้หมด ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่ก็มีฉันที่สนิทที่สุด ฉันเลยโมเมคิดเสมอว่า ฉันนี่แหละเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขา เพราะเขาไม่เคยพูดถึงใครอื่นเลย แต่แล้วเมื่อวาน ระหว่างที่เราโทรศัพท์กัน เกียรติก็มาบอกกับฉันว่า “มีแฟนแล้ว” อย่างอายๆ  ทำไมเกียรติไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังนะเหรอ? ...เพราะเกียรติคิดว่าเขาไม่มีความหวังแน่ๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นจะมาชอบเขา แต่แล้ว... เค้าสองคนก็เป็นแฟนกัน ส่วนฉันนะเหรอ ร้องไห้ไม่ออก...กลับกลายเป็นความเจ็บใจแทน
            แล้วพวกเราก็ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และปฏิญาณกันเสร็จเรียบร้อย อาจารย์สั่งให้นักเรียนแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน เด็กนักเรียนก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตนเอง ฉันก็รีบเดินออกไปทันที โดยไม่ได้ล่ำลาเกียรติ
  “เกียรติๆ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่ง เสียงนั้นทำให้ฉันหันกลับไป เสียงที่น่ารักน่าฟังเหมือนนกน้อยยามเช้าที่กำลังร้องเพลงอย่างเริงร่า ฟังแล้วช่างเสนาะหูเหลือเกิน เสียงนั้นสะกดเกียรติให้หยุดนิ่ง และหันหลังกลับมา เจ้าของเสียงมิใช่ใครอื่น “แก้ว” แฟนเกียรตินั้นแล
  “แก้ว มีอะไรเหรอ” เกียรติถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่ม เพราะเพิ่งข้าวใหม่ปลามัน คบกันหมาดๆ ฉันมองดูพอรู้ว่าเกียรตินั้นเก็บอารมณ์ความดีใจนั้นไม่อยู่
  “เราเอากระดาษรายงานมาให้ เพราะวันนี้อาจารย์เลขจะให้ทำเทสต์” แก้วว่า
  “อ้าว... เฟือง! ว้าย!.. ตัดผมเหรอ น่ารักดี” แก้ววิ่งมาด้วยท่อนขาที่เพรียวไร้ไขมันให้กำจัด สีหน้าเธอดูประหลาดใจ
แก้ว หล่อนเป็นผู้หญิงขาว ผมสั้น ตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอม เธอไม่อ้วนเลย ค่อนข้างจะผอมเสียด้วยซ้ำ ตาเธอตี่นิดๆ ด้วยความที่มีเชื้อจีนอยู่เยอะ แต่เธอก็คล่องแคล่ว ฉลาด และมีน้ำเสียงที่ใครฟังก็จะต้องนึกถึงนกน้อยที่ร้องเพลงเล่นด้วยความสุขใจ
  “อื้อ เปลี่ยนบรรยากาศนะ” ฉันพูดออกไปด้วยแสร้งว่าเป็นธรรมชาติที่สุด แล้วแก้วก็วิ่งกลับไปหาเกียรติซึ่งยื่นบื้ออยู่ที่เดิม
  “งั้นฉันไปนะ” ฉันจึงตะโกนบอกทั้งสองคนเพราะไม่อยากเห็นภาพที่เจ็บปวด แล้วก็หันหลังเดินกลับไป
  “เดี๋ยว! เฟือง!” แต่แล้วเกียรติก็ตะโกนขึ้นมา ฉันรีบหันหลังกลับไป
  “วันนี้จะโทรไปหา... ทำสายให้ว่างนะ!” เขาตะโกน
  “ได้!” เมื่อฉันตอบรับเสร็จก็หันมาและปลดปล่อยอารมณ์ที่ไม่สามารถให้คนสองคนนั้นเห็นได้
  ‘ดีใจ...ดีใจ...ดีใจที่สุด!!!!!!’
ตุบ!
  “อ๊ะ!!!” ฉันตกใจเพราะชนกับใครคนหนึ่งเข้า
  “โทษครับ อ้าว เธอเอง”
  “อาชา ..”
              อาชา เป็นเด็กนักเรียนแผนวิทย์- คณิต ซึ่งอยู่ห้องเดียวกับแก้ว เขาหัวดี เรียนเก่ง กีฬาก็ใช้ได้ แต่ไม่เก่งเท่าเกียรติหรอก อาชากับเกียรติสนิทกันมากตอนมัธยมต้น เหตุนั้นเองที่ทำให้ฉันได้สนิทกับอาชาไปด้วย แต่ฉันไม่อยากยุ่งกับเขามากนัก เพราะเขาชอบเดาใจฉันถูก และชอบแกล้งทำให้ฉันหงุดหงิดด้วยปากอันเสียๆ ของเขา
  “อะไร...เธอตัดผมเหรอ อกหักละสิ”
  “แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยเล่า! .” ฉันเคืองนิดๆ เพราะดันพูดแทงใจ
  “ก็เปล่า.. แค่ถามดู เออนี่ เธอว่าไหม คู่นั้นเหมาะกันดีนะ” อาชาว่าแล้วชี้ไปที่เกียรติกับแก้ว ฉันงงสิ อาชารู้เหรอว่าฉันชอบเกียรติ หรือว่าเขาไม่รู้ หรือเขาต้องการแค่ความเห็น
  “อาชา นายรู้อะไรงั้นเหรอ” ฉันดึงเค้าให้ต่ำลงมาใกล้ๆ (แต่ความสูงเราก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ อาชาสูงกว่าฉันสัก 5-6 เซ็นได้มั้ง) เพื่อที่ฉันจะเจรจาอะไรบางอย่างหากเขารู้ว่าฉันมีใจให้เกียรติ
  “อะไร... เรื่องอะไร” อาชาทำเป็นไม่รู้ ท่าทางเขายิ้มมีเลศนัย ฉันสับสน และสงสัย
  “ช่างเหอะ” ฉันปล่อยแขนเสื้อเขา ไม่คิดจะเอาความ
  “มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ?” อาชาพูดแล้วยิ้มๆ เลิกคิ้ว ทำหน้าไร้เดียงสา กริยานั้นของอาชาก็สามารถทำให้ฉันหงุดหงิดได้เสมอ
  “เรื่องอะไรจะบอกนายละ! ” ฉันพูดแกมโกรธ แล้วก็เดินฉับๆ หนีเขาไป
  “ผมสวยมากเลยนะคะ จะเล็มออกนิดหน่อยดีไหมคะ” ช่างเสริมสวยสาวถาม
            ฉันมาตัดผมที่ฉันไว้มายาวถึง 16 ปี ผมสีดำยาวสลวยมันขลับที่ได้มาจากแม่ มันแวววาวเมื่อกระทบกับแสงไฟจากร้านทำผมแถวๆ บ้านที่ฉันมาประจำ มันมีความยาวถึงเอว ซึ่งมันไม่เคยถูกซอย ดัด ทำสี หรืออะไรทั้งนั้น ฉันภูมิใจในผมของตนเองเป็นที่สุด และไม่เคยนึกว่าฉันจะมีความคิดที่จะตัดมัน
  “เอาให้มันโกร๋นเลยคะ” ฉันว่า เด็ดไหมละ
            แน่นอน วันรุ่งขึ้นทุกคนในห้องเรียน ม. 5/ 17 ของฉันก็มองฉันเป็นตาเดียวกันด้วยความประหลาดใจ ฉันซอยสั้นเป็นทรงบ๊อบ แต่ความเงางามของผมก็ยังคงอยู่ เพื่อนฉัน “มีน” เธอประหลาดใจมาก ถึงกับอาปากค้างตอนที่ฉันเดินเข้ามา
  “อีเปรต!” อ้อ เธอเปลี่ยนชื่อให้ฉันอีกแล้ว...
            มีนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่ ม.4  เพราะได้อยู่ห้องเดียวกัน ห้องศิลป์-ฝรั่งเศส เธอเป็นคนที่คุยสนุก และมีนิสัยที่ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็น แต่เธอก็มีความจริงใจ และอ่อนไหวมาก แต่ก็จะไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอหรอก ทำปากแข็งไปอย่างนั้นเอง และก็มีลางสังหรณ์ดีด้วยนะ ชอบเม้าท์เรื่องคนอื่นด้วย แต่ไม่ได้นินทาอะไรมากมายนักหรอก...
  “ไง มีน” ฉันทัก แล้วก็เดินไปที่โต๊ะเรียนของฉันซึ่งมีนนั่งอยู่โต๊ะติดกัน
  “โหแก...เปรี้ยวขึ้นเยอะเลยหวะ แต่ฉันว่าแกระห่ำมากเลย” มีนทำหน้าตกใจมาก
  “ระห่ำ? ตรงไหน? ฉันว่าทรงนี้ก็ดีนะ โล่งดี...”
  “ โถๆๆ......... อีหอยเอ๊ย!!.. กะอีแค่อกหัก ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้นี่นา ผมแกไว้มาตั้งนาน ตรงสวยอย่างนั้น ถ้าจะซอย ก็แค่ไสลด์ปลายก็ได้นี่ แบบนั้นจะสวยกว่าอีก”
  “ไหนๆ ก็จะตัดแล้วนี่ ก็เอาให้มันสะใจไปเลย และฉันอยากเปลี่ยนตัวเองดูบ้าง ”
            ฉันอกหักจาก “เกียรติ”เพื่อนชายคนเดียวที่ฉันสนิทสนมที่สุดตั้งแต่ม.ต้น เกียรติเป็นคนร่าเริง คุยสนุก และไม่อยู่นิ่ง เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันชอบเค้า แต่เค้าก็ช่างเขลานักที่ไม่รู้ความในใจฉันเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเขา เพราะเขาคงเห็นว่าฉันเป็นแค่เพื่อน จนตอนนี้เขาก็ได้คบกับ “แก้ว” สาวน้อยเสียงหวานที่อยู่แผนวิทย์- คณิต
  “นี่แก... จะไม่ปิ๊งใครแล้วรึไง” มีนเอ่ยถาม
  “คงงั้นมั้ง” ฉันเลิกคิ้ว ทำท่าเป็นสาวมั่นที่ไม่เสียใจเพราะเรื่องอกหักแค่นี้
  “นี่มีน...ฉันไม่ได้ทำตามอย่างที่เค้าว่ากันนะ ว่าอกหักแล้วต้องตัดผมน่ะ แต่ว่าฉันนะอยากจะลองทำอะไรที่มันทำให้ฉันมั่นใจน่ะ ฉันจะได้ทำใจได้เร็วขึ้นไง แกเข้าใจนะ” ฉันหันไปพูดกับมีนอย่างเปิดอก มีนก็พยักหน้าและถอนหายใจน้อย
  “ฉันเข้าใจเว้ย...พยายามเข้าละกัน ไหนๆ ก็ตัดมาแล้วนี่” มีนตบหลังฉันเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ
  “เฟือง!!! ตัดผมทำไม? ใจกล้ามากเลยอ่ะ ” เฟิร์น เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งในห้องและเพื่อนๆในห้องคนอื่นๆ ประหลาดใจ เดินเข้ามาถามกันอย่างสนใจ
  “เบื่อๆ นิดหน่อยนะ สวยไหมละ?” ฉันว่า
  “เปรี้ยวมากเลยเธอ...”
            “ติ๊งต่อง ติงต่อง ติ่งต๊อง ติ๊งต่อง” เสียงระฆังของโรงเรียนก็ดัง เป็นที่รู้กันว่าเด็กนักเรียนทุกคนต้องไปเข้าแถว
ตอนนี้เด็กนักเรียนมาเข้าแถวกันค่อนข้างเรียบร้อยแล้วที่ลานอเนกประสงค์ (หวังจะให้เรียบร้อยเลยนะเหรอ... คงจะยาก!) ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนก็ขึ้นมากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ (น่าเบื่อๆ) ก่อนเคารพธงชาติที่หน้าเสาธง เด็กนักเรียนก็ฟังบ้างคุยบ้างเป็นเรื่องธรรมดา อาจารย์ระดับชั้นต่างๆ ก็เดินตรวจนักเรียนของระดับตนเอง ริบนู่นบ้างนี่บ้างที่ผิดระเบียบ อย่างเช่นพวกเครื่องประดับผมทั้งหลาย เด็กนักเรียนก็หลบหลีกกันเป็นแถว
            ฉันเป็นคนตัวสูง จึงต้องเข้าแถวเกือบหลังสุด แต่เพราะมี “เล็ก” ที่เหนือกว่าทั้งความกว้างความสูง และความหนา.. แต่ทำไมชื่อเล็กก็ไม่รู้ เธอยืนเข้าแถวอยู่หลังสุดแทน ห้องของพวกเราเป็นแผนศิลป์-ฝรั่งเศส ผู้หญิงต้องมากกว่าอยู่แล้ว (เพศที่สามด้วย) ที่ๆ ฉันอยู่ มันก็เหมือนที่สำหรับนักเรียนชายของห้องอื่นๆ อยู่กันนั่นแหละ แล้วเกียรติซึ่งอยู่ห้อง16 ก็จะยืนเข้าแถวตรงกับฉันทุกวัน ‘วันนี้ฉันอยากตัวเตี้ยจัง’ ฉันคิดในใจเพราะจะได้ไม่ต้องพบหน้าเค้า แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก ที่ฉันจะตัวเล็กลง เกียรติ...ก็เข้าแถวที่เดิม
  “เฮ่ย เฟือง ตัดผมทำไมอ่ะ” เกียรติประหลาดใจมาก เกียรติเขาไม่รู้หรอกนะ ว่าฉันนะชอบเขา ถ้าฉันบอก ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนจะจบลงนะสิ
  “เบื่อๆ นิดหน่อย” ฉันก็ยังพูดกับเขาเหมือนเดิม เพราะฉันแสร้งทำอยู่เสมอที่จะไม่ให้เขารู้ว่าฉันชอบ
  “น่าเสียดายออก ผมเธอสวยออกจะตาย” เขาลูบผมฉัน ฉันสะท้านไปทั้งตัว คิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่า ‘ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่อายเค้าบ้าง’ นี่ละนิสัยเกียรติ
    “ยุ่งน่า ...รำคาญ” แล้วฉันก็ตัดสินใจปัดมือเขาออก ฉันค่อยรู้สึกโล่ง แต่แล้วฉันก็คิดได้ว่าทำเกินไป แต่ฉันก็ยังเงียบเฉย เขาหน้าเสีย.. และคงตกใจด้วย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเมินเขา
  “เฮ่ย เฟือง เป็นอะไรอ่ะ เคียดไรเปล่า” เกียรติผู้น่ารัก ถามฉันด้วยความเป็นห่วง
  “ไม่มีอะไรหรอก ช่างมันเหอะ” แล้วเพลงชาติก็ขึ้น เกียรติจึงไม่ถามต่อ ฉันก็ไม่มองหน้าเขา เพราะถ้ามอง ฉันคงร้องไห้ออกมาแน่
เกียรติเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี จะคุยกับทุกคนได้หมด ทั้งผู้หญิงผู้ชาย แต่ก็มีฉันที่สนิทที่สุด ฉันเลยโมเมคิดเสมอว่า ฉันนี่แหละเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขา เพราะเขาไม่เคยพูดถึงใครอื่นเลย แต่แล้วเมื่อวาน ระหว่างที่เราโทรศัพท์กัน เกียรติก็มาบอกกับฉันว่า “มีแฟนแล้ว” อย่างอายๆ  ทำไมเกียรติไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังนะเหรอ? ...เพราะเกียรติคิดว่าเขาไม่มีความหวังแน่ๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นจะมาชอบเขา แต่แล้ว... เค้าสองคนก็เป็นแฟนกัน ส่วนฉันนะเหรอ ร้องไห้ไม่ออก...กลับกลายเป็นความเจ็บใจแทน
            แล้วพวกเราก็ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และปฏิญาณกันเสร็จเรียบร้อย อาจารย์สั่งให้นักเรียนแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน เด็กนักเรียนก็แยกย้ายกันเข้าห้องของตนเอง ฉันก็รีบเดินออกไปทันที โดยไม่ได้ล่ำลาเกียรติ
  “เกียรติๆ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่ง เสียงนั้นทำให้ฉันหันกลับไป เสียงที่น่ารักน่าฟังเหมือนนกน้อยยามเช้าที่กำลังร้องเพลงอย่างเริงร่า ฟังแล้วช่างเสนาะหูเหลือเกิน เสียงนั้นสะกดเกียรติให้หยุดนิ่ง และหันหลังกลับมา เจ้าของเสียงมิใช่ใครอื่น “แก้ว” แฟนเกียรตินั้นแล
  “แก้ว มีอะไรเหรอ” เกียรติถามด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่ม เพราะเพิ่งข้าวใหม่ปลามัน คบกันหมาดๆ ฉันมองดูพอรู้ว่าเกียรตินั้นเก็บอารมณ์ความดีใจนั้นไม่อยู่
  “เราเอากระดาษรายงานมาให้ เพราะวันนี้อาจารย์เลขจะให้ทำเทสต์” แก้วว่า
  “อ้าว... เฟือง! ว้าย!.. ตัดผมเหรอ น่ารักดี” แก้ววิ่งมาด้วยท่อนขาที่เพรียวไร้ไขมันให้กำจัด สีหน้าเธอดูประหลาดใจ
แก้ว หล่อนเป็นผู้หญิงขาว ผมสั้น ตัวเล็กๆ น่าทะนุถนอม เธอไม่อ้วนเลย ค่อนข้างจะผอมเสียด้วยซ้ำ ตาเธอตี่นิดๆ ด้วยความที่มีเชื้อจีนอยู่เยอะ แต่เธอก็คล่องแคล่ว ฉลาด และมีน้ำเสียงที่ใครฟังก็จะต้องนึกถึงนกน้อยที่ร้องเพลงเล่นด้วยความสุขใจ
  “อื้อ เปลี่ยนบรรยากาศนะ” ฉันพูดออกไปด้วยแสร้งว่าเป็นธรรมชาติที่สุด แล้วแก้วก็วิ่งกลับไปหาเกียรติซึ่งยื่นบื้ออยู่ที่เดิม
  “งั้นฉันไปนะ” ฉันจึงตะโกนบอกทั้งสองคนเพราะไม่อยากเห็นภาพที่เจ็บปวด แล้วก็หันหลังเดินกลับไป
  “เดี๋ยว! เฟือง!” แต่แล้วเกียรติก็ตะโกนขึ้นมา ฉันรีบหันหลังกลับไป
  “วันนี้จะโทรไปหา... ทำสายให้ว่างนะ!” เขาตะโกน
  “ได้!” เมื่อฉันตอบรับเสร็จก็หันมาและปลดปล่อยอารมณ์ที่ไม่สามารถให้คนสองคนนั้นเห็นได้
  ‘ดีใจ...ดีใจ...ดีใจที่สุด!!!!!!’
ตุบ!
  “อ๊ะ!!!” ฉันตกใจเพราะชนกับใครคนหนึ่งเข้า
  “โทษครับ อ้าว เธอเอง”
  “อาชา ..”
              อาชา เป็นเด็กนักเรียนแผนวิทย์- คณิต ซึ่งอยู่ห้องเดียวกับแก้ว เขาหัวดี เรียนเก่ง กีฬาก็ใช้ได้ แต่ไม่เก่งเท่าเกียรติหรอก อาชากับเกียรติสนิทกันมากตอนมัธยมต้น เหตุนั้นเองที่ทำให้ฉันได้สนิทกับอาชาไปด้วย แต่ฉันไม่อยากยุ่งกับเขามากนัก เพราะเขาชอบเดาใจฉันถูก และชอบแกล้งทำให้ฉันหงุดหงิดด้วยปากอันเสียๆ ของเขา
  “อะไร...เธอตัดผมเหรอ อกหักละสิ”
  “แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วยเล่า! .” ฉันเคืองนิดๆ เพราะดันพูดแทงใจ
  “ก็เปล่า.. แค่ถามดู เออนี่ เธอว่าไหม คู่นั้นเหมาะกันดีนะ” อาชาว่าแล้วชี้ไปที่เกียรติกับแก้ว ฉันงงสิ อาชารู้เหรอว่าฉันชอบเกียรติ หรือว่าเขาไม่รู้ หรือเขาต้องการแค่ความเห็น
  “อาชา นายรู้อะไรงั้นเหรอ” ฉันดึงเค้าให้ต่ำลงมาใกล้ๆ (แต่ความสูงเราก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ อาชาสูงกว่าฉันสัก 5-6 เซ็นได้มั้ง) เพื่อที่ฉันจะเจรจาอะไรบางอย่างหากเขารู้ว่าฉันมีใจให้เกียรติ
  “อะไร... เรื่องอะไร” อาชาทำเป็นไม่รู้ ท่าทางเขายิ้มมีเลศนัย ฉันสับสน และสงสัย
  “ช่างเหอะ” ฉันปล่อยแขนเสื้อเขา ไม่คิดจะเอาความ
  “มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้งั้นเหรอ?” อาชาพูดแล้วยิ้มๆ เลิกคิ้ว ทำหน้าไร้เดียงสา กริยานั้นของอาชาก็สามารถทำให้ฉันหงุดหงิดได้เสมอ
  “เรื่องอะไรจะบอกนายละ! ” ฉันพูดแกมโกรธ แล้วก็เดินฉับๆ หนีเขาไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น