ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มือเหนี่ยวไก หัวใจรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : สาวน้อยนักเคนโด กับรักครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 46


    เมื่อขบวนรถของพวกเขาไปถึงสาขาของกองปราบปราม ฟูคาวา นาโอมิ หัวหน้าสาขาก็ออกมาตอนรับ  “ไม่พบกันนานเลย…ทาคุมาซังเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นหรอ” นาโอมิถามด้วยความเป็นห่วง  “พวกเราเจอซันงาโตะตามล่าน่ะ จึงจะมาขออาศัยหน่อย พอให้คนที่บาดเจ็บได้รักษาตัวน่ะ”  “ถ้าไม่รังเกียจจะตั้งฐานที่นี่เลยก็ได้ พอหาที่ได้แล้วค่อยย้ายออกก็ยังไม่สาย”  นาโอมิเสนอไมตรี “ถ้างั้นผมก็ไม่เกรงใจนะครับ”  ทาคุมายิ้มรับ คนทุก ๆ ช่วยกันขนของออกจากรถ แล้วไปยังที่พัก  ฮิโรชิ เพื่อนคู่หูในหน่วยของโทชิยะเห็นว่าโทชิยะยังบาดเจ็บอยู่จึงเข้าไปช่วย  “ให้ฉันช่วยขนของไปดีกว่า นายยังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ”  “ไม่เป็นไรหรอก แค่โดนซ้อมนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว” โทชิยะยิ้มรับความปรารถนาดีของเพื่อน “ฉันตกใจมากตอนที่รถแล่นออกไปโดยที่นายยังสู้อยู่กับซันงาโตะ”  “นายจะกลัวอะไร…ทั้งฉันทั้งเขาก็มีปืน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบซะหน่อย” โทชิยะตอบ ฮิโรชิส่ายหัวแล้วเดินไปพร้อมกับโทชิยะ  ขณะที่ที่ทาคุมากับนาโอมิกำลังคุยกันอยู่นั้น ทาคุมาเห็นโทชิยะเดินมาพอดี จึงแนะนำหลานนายให้นาโอมิรู้จัก  “อืม…อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”  “17 ครับ”โทชิยะตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล  “เธอคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน…ฉันจะหาโรงเรียนให้ก็แล้วกัน…เอาเป็นโรงเรียนโชโฮก็แล้วกัน มันมีชื่อเสียงมากที่สุดในระแวงนี้แล้ว” นาโอมิเสนอจัดหาโรงเรียนให้กับโทชิยะกับฮิโรชิ ซึ่งพวกเขาก็ตกลง

        เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนโชโฮ โทชิยะกับฮิโรชิได้ไปที่ห้อง ผ.อ. เพื่อรอการจัดเข้าห้องเรียน ทั้งคู่อยู่ห้องเดียวกัน  “3D คือห้องของพวกเธอ…อาจารย์อาคิซาวา ช่วยพานักเรียนใหม่ไปที่ห้องด้วยนะครับ” เมื่อผ.อ.พูดจบ พวกเขาก็เดินตามอาจารย์อาคิซาวาไป  เมื่อไปถึงห้อง อาจารย์ก็ให้พวกเขาแนะนำตัวเองให้เพื่อน ๆ รู้จัก  “สวัสดีครับ…ผมโยชิซาวา  ฮิโรชิ  มาจากโตเกียวครับ” ฮิโรชิซึ่งถนัดในเรื่องนี้มากกว่าเป็นคนเริ่มก่อน ตามด้วยโทชิยะ  “ผม อิชิอิ  โทชิยะ มาจากโตเกียวเหมือนกันครับ”  “อ้าว…นักเรียน ตั้งแต่วันนี้พวกเขาจะมาเป็นเพื่อนกับพวกเรานะ…ข้างเคียวโกะกับฮิบุอิว่างนิ พวกเธอ 2 คนก็แยกกันไปนั่งก็แล้วกัน”  โทชิยะไปนั่งข้างเคียวโกะ ซึ่งเป็นนักเคนโดสาวสวยของชมรม สร้างความอิจฉาให้กับพวกผู้ชายในห้องไม่น้อย ส่วนพวกผู้หญิงก็ได้แต่แอบอิจฉาเคียวโกะไปตาม ๆ กัน ที่ได้นั่งข้าง ๆ เด็กใหม่ที่ทั้งหล่อทั้งเท่อย่างโทชิยะ ส่วนฮิโรชินั่งกับฮิบุอิ เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันแล้วต่างก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ดี “นายกับฉันชื่อคล้าย ๆ กันเลยนะ”  ฮิบุอิทักทาย “อืม…เราต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แน่” ฮิโรชิยิ้มให้เพื่อแสดงความจริงใจ

        ในตอนกลางวัน ฮิบุอิพาฮิโรชิกับโทชิยะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน ตลอดทางที่เดินไป โทชิยะจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนไม่น้อย  “ดูนักเรียนใหม่คนนั้นสิ หล่อมากเลยนะ” เสียงนักเรียนหญิงซุบซิบกันตลอดทาง  “อีกหน่อยนายคง POP น่าดูเลยนะ แค่มาวันแรกก็เป็นที่ฮือฮาขนาดนี้แล้ว” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะ โทชิยะได้แต่ยิ้มเขิน ๆ “ขอบใจนะ” เขาพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้กับฮิบุอิ  “ถ้านายหันไปแล้วโบกมือให้พวกเขาน่ะนะ พวกนั้นคงกรี๊ดกันโรงเรียนแทบแตก” ฮิโรชิแซวโทชิยะ  “อย่ายุฉันนะ ฉันยิ่งบ้าจี้อยู่” โทชิยะพูดจบก็หันไปโบกมือให้กับนักเรียนหญิงที่แอบปลื้มเขาอยู่ ผลเป็นดังคาด  “กรี๊ด!!!กรี๊ด!!!…”  พวกนักเรียนหญิงพากันกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่  โทชิยะหัวเราะพร้อมวิ่งออกไปจากอาคารพร้อมฮิโรชิกับฮิบุอิ

        พวกเขาเดินมาจนถึงลานที่ชมรมเคนโดกำลังฝึกซ้อมกันอยู่  ชนะที่พวกเขาเดินตัดผ่านลานนั้นไปนั้น นักเรียนหญิงที่กำลังซ้อมอยู่คนหนึ่งก็เหวี่ยงไม้เคนโดมาโดนตัวโทชิยะอย่างจัง โทชิยะที่ยังบาดเจ็บอยู่ถึงกับทรุดลงกับพื้นทีเดียว  “ขอโทษค่ะ!!!เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ…อ้าว!!!โทชิยะเองหรอ เป็นอะไรมากหรือป่าว ฉันขอโทษนะ”   นักเคนโดคนนั้นพูดพร้อมถอดหน้ากากอก เธอคือเคียวโกะเพื่อร่วมห้องของโทชิยะนั้นเอง  “เอ่อ…อไม่เป็นไรหรอ แค่ตกใจน่ะ”  โทชิยะฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้น ขณะนั้นอายูมิซึ่งเป็นหัวหน้าชมรมเคนโดก็เดินมาดู  “เกิดอะไรขึ้นหรอ”  “ฉันฝาดไม้ไปโดนเขาน่ะ แต่เขาไม่เป็นไรหรอก” เคียวโกะพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด  “นายไม่ควรเดินเข้ามาในเขตของชมรมเคนโด จ้องที่กำลังซ้อมอยู่ เดี๋ยวจะเจ็บตัวอีก แล้วฉันก็ไม่ชอบให้พวกชมรมอื่นมาจุ้นจ้านด้วย”  อายูมิพูดเสียงกร้าวใส่พวกเขาทั้ง 3  “เธอก็เป็นอย่างนี้กับทุกคนแหละ…พวกนายอย่าสนใจเลย” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะและฮิโรชิ แล้วพวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามอาคารต่าง ๆ

        จนกระทั่งในตอนเย็น โทชิยะรู้สึกสนใจอายูมิเป็นพิเศษ เขาไปยืนดูเธอซ้อมเคนโดในตอนเย็น เขารู้สึกว่าอายูมิทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งน่ารัก เขาต้องการจะศึกษาผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น  “ใครน่ะ!!!”อายูมิตะโกนขึ้น เธอรู้ว่ามีใครกำลังมองดูเธออยู่ อายูมิเดินตั้งไม้เคนโดเตรียมโจมตีมาทางที่โทชิยะยืนแอบอยู่ ทันใดนั้นอายูมิก็ฝาดไม้มาที่โทชิยะ แต่โทชิยะหลบได้ทัน “นี่เธอทักทายฉันได้รุนแรงมากเลยนะ…ใจเย็นหน่อยสิ ”  โทชิยะพูดกับอายูมิ  “นายอีกแล้ว…มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ฮ่ะ” อายูมิยังตั้งไม้อยู่ขณะที่พูดกับโทชิยะ “ฉันแค่อยากมาอยู่เธอซ้อมน่ะไม่ได้คิดจะมาทำอะไรซะหน่อย…เธอก็เก็บไม้นั้นก่อนได้หรือป่าว” โทชิยะยืนนิ่งพิงกำแพง อายูมิค่อย ๆ ลดไม้ลง  “นายเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม”  “ใช่”โทชิยะตอบ อายูมิหยุดมองดูโทชิยะอย่าสนใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร…ทำไมเค้าจะต้องมาดูเราซ้อม ขนานเราฝาดไปเต็มแรงขนานนั้น เค้ายังหลบได้ทัน แถมยังทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก… “นายก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะไม่เคยมีใครหลบการโจมตีของฉันพ้นเลยซักคน”  อายูมิพูดเป็นเชิงชมเชย  “ขอบคุณสำหรับคำชม แล้วเธอจะซ้อมให้ฉันดูต่อได้หรือยังล่ะ” โทชิยะพูดขึ้นโดยสีหน้าและน้ำเสียงยังคงราบเรียบเหมือนไม่เคยได้ยินคำชมนั้น  “ยัง…นายต้องชนะฉันให้ได้ก่อน” อายูมิพูดจบก็เลื่อนหน้ากากลงปิดหน้า แล้วถอยหลังไปตั้งไม้ในท่าเตรียม  “ฉันกลัวว่าจะทำให้เธอเจ็บน่ะสิ”  โทชิยะยิ้มให้ นั้นเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่ให้แก่อายูมิ ซึ่งเพียงรอยยิ้มนั้นมันก็ทำให้อายูมิประหม่าจนต้องหลบหน้าหนี  “ไม่เป็นไร…ฉันต้องการเห็นฝีมือนายบ้าง…เข้ามา!!! ไม่ต้องยั้ง” อายูมิพูดกระตุ้น  โทชิยะเดินไปหยิบไม้เคนโดมาจากที่วาง โค้งให้อายูมิแล้วตั้งท่าเตรียม  “เป็นเหมือนกันนี่นายน่ะ” อายูมิพูดลอย ๆ ขึ้น โทชิยะไม่ได้ตอบอะไร  ทั้งคู่ลดไม้ลงเตรียมโจมตี ทันใดนั้นอายูมิก็วิ่งเข้าหาโทชิยะทันที เธอฝาดไม้เข้าใส่  โทชิยะเต็มแรง โทชิยะรับไว้ได้ แต่เขาก็เอาแต่ตั้งรับเท่านั้น เพราะกลัวจะพลาดโดนอายูมิเข้า และอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนต่อสู้กับซันงาโตะยังไม่หายดี ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าที่เคย และแขน ขาของเขายังเจ็บปวดจนไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มกำลัง  เมื่ออายูมิโจมตีหนักเข้า โทชิยะเองก็รับไว้ไม่ไหว ไม้เคนโดของอายูมิฝาดลงที่ไหล่ขวาของโทชิยะจนเขาเสียหลักถอยไปชนกำแพง  แต่เขาก็ยังยืนพิงกำแพงอย่างระมัดระวัง  “นายไม่น่าอ่อนให้ฉันเลย”  อายูมิพูดพร้อมกับรีบถอดหน้ากากออก “เจ็บมากหรือป่าว…ทำไมนายไม่สู้ให้เต็มที่ล่ะ…ฉันใส่เครื่องป้องกันไม่เจ็บหรอก แต่นายน่ะ”  อายูมิพูดแล้วเอามือจับที่แขนของโทชิยะ  “ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ชา ๆ น่ะ” โทชิยะยิ้มแหย ๆ  “เออ!  ที่ชมรมเคนโดเรามียาแก้ฟกช้ำเยอะเลย เดี๋ยวฉันจะเอามาทาให้นะ” อายูมิหันหลังวิ่งไป  “เอ่อ…อไม่เป็นไรมั้ง”  โทชิยะพูดอย่างเกรงใจ  “ไม่เป็นไร…ถึงว่าเป็นการขอโทษแล้วกัน”

        อายูมิเดินกลับมาพร้อมกับยา โดยโทชิยะนั่งคอยอยู่ที่พื้น “ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวฉันทาให้” “เฮ้ย! ไม่ต้องมั้ง…คือ ฉะ…ฉันทำเองได้” โทชิยะพูดอย่างเขิน ๆ   “เป็นผู้ชายจะอายอะไร…ถอดสิ”อายูมิพูดโดยไม่ได้มองหน้าโทชิยะ  โทชิยะค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อ แล้วถอดเสื้อออก  “งั้นรบกวนหน่อยนะ”  เมื่อโทชิยะถอดเสื้อออก อายูมิก็ต้องตกใจ เพราะบนตัวของโทชิยะไม่ได้มีแค่รอยที่โดนไม้เคนโดของเธอฝาดเข้าเท่านั้น  แต่ยังมีรอยช้ำ รอยห้อเลือดเต็มไปหมด  “นาน…นายไปทำอะไรมา..ทะ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้”  อายูมิพูดอย่างตกใจ โทชิยะเองก็เกือบหลุดปากบอกอายูมิไปว่าตนเป็นสายลับของหน่วยปราบปราม แต่เขาก็รู้ดีว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายจากการตามล่าของซันงาโตะ รวมถึงเพื่อน ๆ อีกหลายสิบคนในหน่วยด้วย  “คือ…ฉันโดนซ้อมมานิดหน่อยน่ะ สงสัยไปกวนเขามากไป เขาเลยรุมเอา” โทชิยะจำใจต้องโกหกอายูมิไป “หรอ…แต่นายก็ดูรู้ศิลปะการต่อสู้พอสมควรนิ…”  “ก็ใช่…แต่ก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ป้องกันตัวยังไม่ค่อยได้ จะไปสู้ใครเขาน่ะหรอ ไม่ได้หรอก” โทชิยะพยายามแต่งเรื่องเพื่อให้อายูมิเชื่อ การกลบเกลื่อนของเขาได้ผลที่เดียว เพราะอายูมิเองก็ดูเชื่ออย่างสนิทใจ  “เสร็จแล้ว…” อายูมิพูดขึ้น เมื่อทายาให้โทชิยะเสร็จ  “ขอบคุณมากนะ…แค่รู้จักกับครั้งแรก เธอก็ดีกับฉันขนาดนี้แล้ว” โทชิยะกล่าวขอบคุณ พร้อมพูดเหมือนจะบอกความในใจให้รู้ อายูมิยิ้มอาย ๆ  “ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย…” โทชิยะถาม “อายูมิน่ะ”  “ฉันโทชิยะ อยู่ 3Dน่ะ” โทชิยะได้โอกาสแนะนำตัวเอง “ฉัน 3C” อายูมิเอาแต่ก้มหน้าพูด “พรุ่งนี้ฉันจะมาดูอายูมิจังซ้อมอีกได้หรือป่าว” โทชิยะยิ้มให้ “อืม…” อายูมิก้มหน้าก้มตาตอบแล้วเดินกลับบ้านไปอย่างเขินอาย

        สองสามวันมานี้ โทชิยะจะอยู่ดูอายูมิซ้อมเคนโดทุกวัน ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จนฮิบุอิกับฮิโรชิดูออกว่าโทชิยะชอบอายูมิเข้าให้แล้ว วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่มีชมรม โทชิยะกับฮิโรชิจะต้องเลือกชมรม เพราะเป็นเด็กใหม่ ฮิโรชิกับโทชิยะเลือกชมรมบาส หัวหน้าชมรมก็ทดสอบทักษะความสามารถของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดอยู่แล้ว พวกเขาจึงทำได้เป็นอย่างดี แถมยังจะดีเกินหน้าเกินตาพวกที่เป็นตัวจริงอยู่ก่อนเสียอีก แต่การที่โทชิยะมาอยู่ชมรมบาสก็สร้างความฮือฮาให้กับสาว ๆ ในโรงเรียนอย่างมาก เพราะเมื่อหัวหน้าชมรมลงสนานอุ่นเครื่อง เพื่อดูความพร้อม ทุกๆ ต่างก็ต้องโชว์ลีลาอย่างเต็มที่เพื่อจะได้มีโอกาศได้ลงเป็นตัวจริงบ้าง โทชิยะกับฮิโรชิก็เช่นกัน สาว ๆ ที่มายืนดูอยู่ข้างสนานต่างก็กรี๊ดกร๊าดเสียงดังทุกครั้งที่ได้เห็นท่าเท่ ๆ ของโทชิยะ บางคนตะโกนเรียกชื่อโทชิยะ เขาเองก็ได้แต่หันไปมองด้วยนัยตาคมเข้มของเขา แต่นั้นก็เพียงพอที่จะได้รับเสียงกรี๊ดตอยกลับมาอย่างมากมายแล้ว “นายนี้ชัดจะดังใหญ่แล้ว มาอยู่แค่อาทิตย์เดียว พวกสาว ๆ ก็รู้จักชื่อเธอแล้ว”  ฮิโรชิพูดเป็นเชิงล้อเลียนโทชิยะ โทชิยะก็ได้แต่ยิ้มเขิน ๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร “แต่ใครจะไปรู้…ว่าโทชิยะที่ทั้งหล่อทั้งเท่จะมีผู้หญิงในใจแล้ว…ว”ฮิโรชิทำเหมือนพูดลอย ๆ “นายไปเอาอะไรมาพูดฮะ ผู้หญิงในใจอะไรที่ไหน…ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  โทชิยะทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป    ฮิโรชิพอดูออก แต่ก็ยังจับตามองโทชิยะกับอายูมิ ในช่วงบ่ายมีวิชาพละ ซึ่งพวกเขาจะต้องเรียน เทควันโด ห้องของโทชิยะได้เรียนพร้อมกับห้องของอายูมิ โทชิยะรู้เข้าก็ดีใจ รีบเก็บข้าวของไปที่โรงยิมอย่างรวดเร็ว  “ฮิโรชิ…นายว่าโทชิยะมันชอบอายูมิจังจริง ๆ อ่ะป่าว” ฮิบุอิถาม  “ฉันว่าจริงนะ พอรู้ว่าได้เรียนพละพร้อมกับห้อง 3 เจ้านั้นก็รีบวิ่งใหญ่เลย ปกติมันอ้อยสร้อยจะตาย”

        เมื่อไปถึงโรงยิม ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพละเตรียมเรียน โทชิยะนั่งมองอายูมิจากอีกด้านหนึ่งของโรงยิม  “อายูมิจังเนี้ย…พอใส่กางเกงขาสั้นแล้วดูน่ารักจังเนอะ” โทชิยะพูดด้วยท่าทางเคลิ้ม ๆ กับฮิบุอิโดยไม่รู้ว่าฮิบุอิกำลังฟังอยู่หรือป่าว “ฉันว่าเจ้านี้มันชอบอายูมิจังชัวร์แล้วล่ะ ดูมันดิ เคลิ้มจนฟอร์มหลุดแล้ว ปกติมันจะเฉย ๆ รักษาฟอร์มนะ” ฮิบุอิหันไปกระซิบกระซาบกันฮิโรชิครู่หนึ่งอายูมิก็เดินเข้ามาคุยกันโทชิยะ ขณะนั้นเอง ซาโตชิ หัวหน้าชมรมเทควันโดซึ่งแอบชอบอายูมิอยู่ก็เดินเข้ามาหาอายูมิกับโทชิยะ  “นายสินะโทชิยะที่เพิ่งเข้ามาใหม่” ซาโตชิถามอย่างหาเรื่อง  “ใช่…”  “นายน่าจะหัดเจียมตัวซะบ้างนะว่าตัวเองเป็นใคร ทำมายุ่งกับอายูมิน่ะ” ซาโตชิพยายามหาเรื่องโทชิยะ แต่โทชิยะเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่เขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนัก  “ฉันแค่อยากรู้จัก…เป็นเพื่อนกันเนี้ยมันผิดด้วยหรอ”  “ผิดตรงที่เป็นอายูมิ เพราะฉันชอบอายูมิ เธอจะเป็นของฉัน แล้วถ้าใครอยากจะได้…ก็ต้องมาเจอกันหน่อย” ซาโตชิท้าทายโทชิยะ “ที่จริงแล้วฉันก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครนะ แต่ถ้ามาหาเรื่องกันแบบนี้ ฉันก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน”  “โทชิยะอย่านะ…อย่าไปมีเรื่องกับซาโตชิเลย เธอบอกเองว่าสู้ใครไม่ได้ไม่ใช่หรอ แล้วเขาก็เป็นหัวหน้าชมรมเทควันโดด้วย ไม่มีใครที่มีเรื่องกันเขาแล้วชนะเขาได้เลย”อายูมิพูดห้ามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง แต่โทชิยะไม่ฟัง  “รู้สึกว่าฉันจะพอเป็นบ้างเหมือนกัน…ไม่มีใครเคยชนะหรอ..ไหน…มาลองกันหน่อยเป็นไง” โทชิยะเดินตรงไปข้างหน้าของซาโตชิ แล้วทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งกันและกันด้วยเทควันโดท่าเตรียม อายูมิเองมองเห็นก็รู้ทันทีว่าโทชิยะเป็นเทควันโด แล้วทั้งคู่ก็เดินแลกหมัดกันอย่างรวดเร็ว ฝีมือทั้งคู่สูสีกัน เพราะโทชิยะเองถนัดด้านนี้อยู่แล้ว แต่ซาโตชิรู้สึกสงสัยในฝีมือของโทชิยะ เพราะตัวของเขาเองเป็นมือปืนให้กับกลุ่มมาเฟียร์ที่ทรงอธิพลในโอซากา ที่เขามีฝีมือในการต่อสู้นั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่โทชิยะเป็นเพียงเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา แต่กลับมีฝีมือที่ดีเอามาก ๆ ดีพอ ๆ หรือไม่ก็ดีกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างรุนแรง เอาจริงเอาจัง ไม่มีใครเสียเปรียบใครโทชิยะใช่ท่าเตะสูงไปที่คอของซาโตชิแต่เขาสามารถหลบได้ทัน “ชวดแต้ม…”เขาพูดขึ้นแล้วหันกลับมาชกซาโตชิเข้าเต็ม ๆ ที่ใบหน้า แต่ซาโตชิก็ชกหน้าเขาไปเต็ม ๆ เช่นกัน ต่างคนต่างลงไปนั่งกับพื้น “ตัดใช่อาวุธผิดประเภท 2 แต้ม” ซาโตชิล้อเลียน “นายก็เหมือนกัน หมัดเมื่อกี้ฉันขอนอกสูตร       เทควันโดนะหัวหน้าชมรม” โทชิยะพูดขึ้นเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็เตรียมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอดีเพื่อนในห้องไปตามอาจารย์มาห้ามเอาไว้ได้ทันแล้วทั้งคู่ก็ถูกนำตัวไปห้องปกครอง อายูมิมองตามโทชิยะอย่างเป็นห่วงและสงสัยในความสามารถในการต่อสู้ของโทชิยะ ซึ่งเขาบอกกับเธอว่าเขาสู้ใครไม่ได้ แถมยังโดนซ้อมมาทั้งตัวอีก แต่ในวันนี้ทุกอย่างดูผิดไปหมด โทชิยะดูชำนาญในการต่อสู้เป็นอย่างมาก เหมือนกับพวกมืออาชีพเลยทีเดียว เพราะตัวเธอเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยปราบปรามสาขาโอซากา ถึงแม้จะไม่ได้ทำเป็นอาชีพก็ตาม แต่เธอก็ชำนาญการต่อสู้พอสมควร เธอมองออกว่าใครเป็นหรือใครไม่เป็น คนทั้ง 3 คนจาก 3 หน่วยงานมาพัวพันกันเสียแล้ว ยังมีฮิโรชิอีกคน พวกเขาคงจะปิดฐานะของตัวเองไว้ไม่ได้นานเสียแล้ว

        เมื่อถึงตอนเย็นฮิบุอิก็ถามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง “ โดนทำโทษหรือป่าวน่ะ”  “โดนดิ…ถามอะไรแปลก ๆ” โทชิยะตอบแล้วหัวเราะ  “วันนี้อายูมิจังต้องทำงาน ไม่ได้อยู่ซ้อมเคนโด นายก็กลับบ้านกับฉันก็แล้วกัน” ฮิโรชิชวนโทชิยะ  “อืม…”  “แต่ฉันจะขอไปร้านหนังสือก่อนนะ” ฮิโรชิบอก  แล้วทั้งคู่ก็กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อทั้งคู่ออกจากร้านหนังสือก็เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว  “ฮิโรชิ…ฉันว่าที่เจ้าของร้านเขาแต่ไล่นายออกมาเนี้ยมันยังน้อยไปนะ ถ้าเป็นฉัน นายมานั่งยู่ในร้านตั้ง   2-3 ช.ม. มาอ่านหนังสือเขาแล้วก็ไม่ซื้อแบบเนี้ยอ่ะนะ ฉันคงถีบส่งนายออกมาด้วยน่ะนะ” โทชิยะแซวฮิโรชิเล็กน้อยแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากซอยนั้นและแล้วฮิโรชิก็หันไปเห็นอายูมิเขาจึงเรียกโทชิยะ เมื่อโทชิยะหันไปมองเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินตามอายูมิมา อายูมิเองก็พยายามเดินหนีคนคนนั้น “ซาโตชินิ เขามาเดินตามอายูมิจังทำไม”ฮิโรชิพูดขึ้น  “ทันใดนั้น ซาโตชิก็เดินมาถึงตัวอายูมิแล้วดึงแขนของเธอไว้  “อายูมิจัง เธอจะเดินหนีฉันไปถึงไหน…รู้บ้างไหมว่าฉันชอบเธอ ชอบเธอมานานแล้ว แล้วฉันจะไม่ยอมให้ไอ้เด็กใหม่นั้นมาแย่งเธอไปจามฉันเด็ดขาด” ซาโตชิกอดอายูมิไว้แน่น  อายูมิพยายามที่จะสลัดเขาออกไป  “ปล่อยนะ…อย่ามายุ่งกับฉัน” แล้วอายูมิก็สบัดหนีไปได้ แต่ซาโตชิก็ยังคงเดินตามเธอไป อายูมิหันกลับไปชกซาโตชิ แต่ซาโตชิจับมือเธอเอาไว้ได้  “เธออย่าลืมสิว่า ฉันเป็นหัวหน้าชมรมเทควันโด เธอมันก็แค่หัวหน้าชมรมเคนโด เรื่องการต่อสู้มือเปล่าน่ะ เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก เปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืนฉัน”  “ปล่อยนะ…ช่วยด้วย!!!”อายูมิกรีดร้องของความช่วยเหลือ  โทชิยะรีบวิ่งออกมาจากมุมตึก  แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ซาโตชิอย่างจัง ซาโตชิผละออกจากอายูมิ  “นายนี้มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ เมื่อกลางวันฉันเสียท่านาย แต่คราวนี้ไม่มีแน่นอน”  ซาโตชิพูดจบก็ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋านักเรียนเล็งมาที่โทชิยะ ฮิโรชิที่วิ่งตามมาถึงกับต้องหยุดนิ่ง  “ถ้านายเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันยิงเพื่อนนายแน่ “ซาโตชิพูดกับฮิโรชิ อายูมิก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ซาโตชิเดินเข้ามาหาอายูมิ  “นายจะเอายังไงอีก” อายูมิถาม “กลับไปกับฉัน อยู่กับฉันซักคืน เรื่องทุกอย่างก็จะจบ” “ไม่…” อายูมิเสียงแข็ง  โทชิยะเห็นว่าซาโตชิเผลอ จึงวิ่งไปดึงอายูมามาอยู่ข้างหลังของตัวเอง  “อ๊ะ!!! นายจะทำอะไร” ซาโตชิพูดพร้อมยกปืนขึ้นมาส่องโทชิยะ  “ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้…”อายูมิตะโกนพูดกับซาโตชิ  “นายไม่ควรเอาไอ้นี้ออกมาเล่นนะ” โทชิยะพูดเสียงเข้ม “พอดีฉันชอบเล่นมันซะด้วย โดยเฉพาะเวลาส่องไปที่นาย” ซาโตชิพูดท้าทาย  “ถ้านายชอบ…ฉันก็จะเล่นกับนาย เพราะฉันก็เริ่มสนุกเหมือนกัน”  โทชิยะพูดจบก็ดึงปืนสีเงินเป็นวาวออกมาจากกระเป๋าสะพาย  “อืม…ฉันประเมินนายต่ำไปนิด…แน่กว่าที่ฉันคิด ฉันสงสัยนายมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วว่านายเป็นใครกันแน่ และมาที่โอซากาทำไม แต่เราไม่ใช่เพื่อนกันแน่ เพาะปืนแบบที่นายถือเนี้ย  มันเป็นของพวกสายลับตำรวจหรือไม่ก็สายลับมืออาชีพเขาใช่กัน ถูกไหม!!!”  ซาโตชิเริ่มรู้ฐานะของโทชิยะ “นายไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร ปืนของฉันจะเป็นแบบไหน หรือว่ามาที่โอซากาทำไมก็ตาม…ฉันจะพาอายูมิจังไป…ฉันไม่อยากยุ่งกับแก็งของนาย” โทชิยะขู่  “ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายคงเป็นลูกน้องของพวกมาเฟียร์ที่ไหนแน่นอน” โทชิยะพูดกับซาโตชิ ฮิโรชิเห็นเหตุการณ์ตึงเครียดจึงหยิบปืนของตนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ซาโตชิ  “ฉันไม่อยากมีเรื่องกับกลุ่มมาเฟียร์ที่โอซากาหรอ ฉันของเตือนนายให้รีบไปซะ สองต่อหนึ่งอาจจะดูไม่ค่อยสวยน่ะ” ฮิโรชิพูดขู่ซาโตชิ ซาโตชิเห็นท่าไม่ดี จึงค่อย ๆ ถอยหลังแล้ววิ่งหนีเข้าซอยเล็ก ๆ ไป  “ไม่เป็นไรนะ”โทชิยะถามอายูมิ “ไม่…ไม่เป็นไร ขอบใจมากเลยนะ”  อายูมิพยายามพูดเหมือนไม่รู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่เลย  “อายูมิจังจะไปไหนต่อล่ะ”  ฮิโรชิถาม  “ก็คงไปอยู่กับแม่น่ะ”  “ที่ไหนหรอ เผื่อไปทางเดียวกัน”    โทชิยะรีบถาม  “ซอยชินโตน่ะ”  “พอดีบ้านพักของฉันกับฮิโรชิก็อยู่ในซอยนั้นเหมือนกัน  ไปด้วยกันเลยดีกว่า  จะได้ไม่เกิดอะไรอีก”  โทชิยะพูดอย่างหวังดี

        เมื่อโทชิยะกับฮิโรชิเดินมาถึงบ้านพัก ฮิโรชิก็ถามอายูมิ “บ้านของคุณแม่ของเธออยู่ไหนล่ะ บ้านของพวกเราอยู่ตรงเนี้ย…เราจะได้ไปส่งเธอ”  “พวกเธออยู่ที่นี่กันหรอ”  อายูมิทำหน้างง ๆ แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ประตูของคฤหาดหรือก็คือศูนย์บัญชาการของสาขาโอซากานั้นเอง “คุณหนูอายูมิมาหาคุณนายหรอค่ะ”  แม่บ้านถาม “ค่ะ”  “คุณนายอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ”…แล้ว…เอ่อ…อคุณโทชิยะกับคุณฮิโรชิก็รอทานอาหารพร้อมกับคุณนาย คุณทาคุมา และคุณหนูเลยนะคะ” แม่บ้านบอกกันทั้งสอง “ครับคุณป้า” ฮิโรชิตอบแล้วหันไปมองหน้าอายูมิโดยไม่ได้พูดอะไร  เมื่อนั่งรับประทานอาหาร นาโอมิก็ถือโอกาสแนะนำลูกสาวของตนซึ่งก็คืออายูมิให้ทุกคนได้รู้จัก มันทำให้โทชิยะกับฮิโรชิถึงกับนิ่งอึ่งทีเดียว เพราะตั้งแต่บัดนี้จะมีคนรู้ฐานะของพวกเขามากขึ้นอีก 1 คนแล้ว “อายูมิจังนี้คือโทชิยะ เห็นว่ายังเป็นเด็ก ม.ปลาย แต่เขาก็เป็นสายลับมืออาชีพเชียวนะ ฝีมือดีทีเดียว แล้วนี้ก็   ฮิโรชิ เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณทาคุมาตอนนี้เป็นสายลับอยู่หลายปีแล้ว เป็นคนเก่งรอบด้านทีเดียว  ถ้าลูกชอบงานแบบนี้…มีอะไรก็ปรึกษาพวกเขาได้นะจ๊ะ”  นาโอมิคุยกับลูกสาว  “หนูรู้จักพวกเขาแล้วล่ะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน”  อายูมิพูดอย่างเขิน ๆ   “เอ่อ…โทชิยะ   คือฉันมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย หนูของตัวก่อนนะคะ” อายูมิขอตัวเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับโทชิยะ อายูมิพาโทชิยะออกมาที่สระน้ำ  “ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าจะมาอยู่ที่บ้านของเธอ…แล้วมีอะไรหรออายูมิจัง”โทชิยะถามอย่างสงสัย  “เธอฉันมาอย่างนึง…ฉันอย่างได้ยินจากปากของเธอ  เธอทำงานอะไร”  อายูมิถามเสียงจริงจัง  “ฉะ…ฉัน..คือ…” โทชิยะอึกอัก “บอกฉัน…ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แล้วไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันก็จะไม่โกรธ”  โทชิยะยังไม่กล้าที่จะบอกกับอายูมิ เพราะกลัวว่าอายูมิจะกลัวเขา  “ถ้าฉันบอกเธอไปแล้ว เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือป่าว”  โทชิยะถามอย่างจริงจัง  “เป็นสิ…เพื่อนก็คือเพื่อน งานก็คืองาน เธอไม่ต้องห่วง”  อายูมิยืนยันพร้อมยิ้มให้  “ฉัน…ฉันเป็นสายลับให้กับองกรณ์ลับในการปราบปรามกลุ่มอธิพลนอกกฎหมายและก็เป็นสายลับอิสระ”โทชิยะกลั้นใจตอบ  อายูมิยิ้ม  “นี่สิลูกผู้ชาย…ฉันดูคนไม่ผิดจริง ๆ”  อายูมิพูดอย่างจริงใจ  “ฉันเองก็ทำงานให้องกรณ์เหมือนกัน เพียงแต่เราอยู่คนละสาขากันเท่านั้น ก็แม่ของฉันเป็นหัวหน้าสาขานิ…ฉันชอบเสียอีกที่มีคนที่ทำงานอย่างเดียวกัน”  คำตอบของอายูมิทำเอาโทชิยะอึ้งไปครู่หนึ่ง “เธอมาอยู่กับคุณทาคุมาได้ไงล่ะ”  อายูมิถามอย่างสงสัย  “ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนั้นหรอก  จำได้ว่า พ่อของฉันตาย แม่กับน้าทาคุมาบอกว่าพ่อตายเพราะอุบัติเหตุ  ส่วนช่วงหลัง ๆ เราย้ายบ้านบ่อยมาก แล้วแม่ก็ไปไต้หวั่น ทิ้งฉันกับน้องสาวให้อยู่กับน้าทาคุมา ซึ่งเป็นน้าแท้ ๆ ฉันจึงอยู่กับเขามาตั้งแต่ 6 ขวบ ฝึกทุกอย่างเหมือนกับคนอื่น ๆ ในหน่วย จนอายุ 13…ฉันก็ได้ออกทำงานครั้งแรก…คุ้มกันบุคคลสำคัญ แล้วก็ชิงตัวประกัน ทลายกลุ่มมาเฟียร์จนถึงตอนนี้” โทชิยะพูดแล้วทำหน้าเศร้า  “แต่ฉันรู้สึกสนุกกับมันนะ”  อายูมิแสดงความเห็น   “นั้นเพราะเธอไม่ได้ทำมันเป็นอาชีพ ไม่ต้องทำมันเกือบทุกวัน แรก ๆ ฉันก็คิดเหมือนเธอ แต่พอทำได้ซักพักแล้ว เธอก็จะรู้ว่ามันเป็นเกมส์  เกมส์ที่เดินพันด้วยชีวิต เกมส์ที่เริ่มขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าสู่ถนนสายนี้ เมื่อกระสุนนัดแรกออกจากลำกล่อง  แต่เกมส์นี้ไม่มีทางออก เมื่อเริ่มเล่นไปแล้ว ก็ต้องเล่นมันต่อไป จะหยุดไม่ได้ ถ้าจะหยุดก็มี 2 ทาง คือ ศัตรูตาย แล้วอีกทางก็คือ…ตาย…”โทชิยะก้มหน้าลง น้ำเสียงสั่นเครือ  อายูมิหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดของโทชิยะ เธอไม่กล้าที่จะถามอะไรมากไปกว่านี้ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุยไป  “ขอบคุณเธอมากนะ ที่ช่วยฉันไว้” เธอยิ้ม  “อืม…เอ่อ!!!ไม่เป็นไรหรอก เล็กน้อยน่ะ” โทชิยะยิ้มเขิน ๆ  “เอ่อ…อายูมิจัง คือฉันมีอะไรอยากจะบอกเธอน่ะ”  เขาก้มหน้าพูด “อะไรหรอ…ว่ามาสิ”  “เธอ…เอ่อ…เป็นผู้หญิงที่หน้าสนใจดีนะ”  โทชิยะพูดพรางยิ้มอาย ๆ แล้วมองหน้าอายูมิตาไม่กระพริบ” อะไรของเธอน่ะโทชิยะ” อายูมิหลบหน้าจากสายตาของโทชิยะ  “ฉัน…คือ…เธอจะว่าอะไรฉันไหม…ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบเธอ” โทชิยะพูดแล้วก้มหน้าหนี ใบหน้าเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ “บ้าหรอ….” อายูมิเขินจนทนนั่งอยู่ไม่ได้ ทั้งที่ในใจก็ชอบโทชิยะอยู่ไม่น้อย เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตู  “จะว่าไปแล้ว…เธอก็น่ารักดีเหมือนกัน” อายูมิอยู่ยิ้ม แล้ววิ่งขึ้นห้องไป โทชิยะนั่งมองอายูมิวิ่งไปจนสุดสายตา ตอนนี้เขากำลังเคลิบเคลิ้มกับคำพูดของอายูมิเสียแล้ว  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×