ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : สาวน้อยนักเคนโด กับรักครั้งแรก
เมื่อขบวนรถของพวกเขาไปถึงสาขาของกองปราบปราม ฟูคาวา นาโอมิ หัวหน้าสาขาก็ออกมาตอนรับ  “ไม่พบกันนานเลย
ทาคุมาซังเป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นหรอ” นาโอมิถามด้วยความเป็นห่วง  “พวกเราเจอซันงาโตะตามล่าน่ะ จึงจะมาขออาศัยหน่อย พอให้คนที่บาดเจ็บได้รักษาตัวน่ะ”  “ถ้าไม่รังเกียจจะตั้งฐานที่นี่เลยก็ได้ พอหาที่ได้แล้วค่อยย้ายออกก็ยังไม่สาย”  นาโอมิเสนอไมตรี “ถ้างั้นผมก็ไม่เกรงใจนะครับ”  ทาคุมายิ้มรับ คนทุก ๆ ช่วยกันขนของออกจากรถ แล้วไปยังที่พัก  ฮิโรชิ เพื่อนคู่หูในหน่วยของโทชิยะเห็นว่าโทชิยะยังบาดเจ็บอยู่จึงเข้าไปช่วย  “ให้ฉันช่วยขนของไปดีกว่า นายยังเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอ”  “ไม่เป็นไรหรอก แค่โดนซ้อมนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายแล้ว” โทชิยะยิ้มรับความปรารถนาดีของเพื่อน “ฉันตกใจมากตอนที่รถแล่นออกไปโดยที่นายยังสู้อยู่กับซันงาโตะ”  “นายจะกลัวอะไร
ทั้งฉันทั้งเขาก็มีปืน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบซะหน่อย” โทชิยะตอบ ฮิโรชิส่ายหัวแล้วเดินไปพร้อมกับโทชิยะ  ขณะที่ที่ทาคุมากับนาโอมิกำลังคุยกันอยู่นั้น ทาคุมาเห็นโทชิยะเดินมาพอดี จึงแนะนำหลานนายให้นาโอมิรู้จัก  “อืม
อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”  “17 ครับ”โทชิยะตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล  “เธอคงต้องอยู่ที่นี่อีกนาน
ฉันจะหาโรงเรียนให้ก็แล้วกัน
เอาเป็นโรงเรียนโชโฮก็แล้วกัน มันมีชื่อเสียงมากที่สุดในระแวงนี้แล้ว” นาโอมิเสนอจัดหาโรงเรียนให้กับโทชิยะกับฮิโรชิ ซึ่งพวกเขาก็ตกลง
    เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนโชโฮ โทชิยะกับฮิโรชิได้ไปที่ห้อง ผ.อ. เพื่อรอการจัดเข้าห้องเรียน ทั้งคู่อยู่ห้องเดียวกัน  “3D คือห้องของพวกเธอ อาจารย์อาคิซาวา ช่วยพานักเรียนใหม่ไปที่ห้องด้วยนะครับ” เมื่อผ.อ.พูดจบ พวกเขาก็เดินตามอาจารย์อาคิซาวาไป  เมื่อไปถึงห้อง อาจารย์ก็ให้พวกเขาแนะนำตัวเองให้เพื่อน ๆ รู้จัก  “สวัสดีครับ ผมโยชิซาวา  ฮิโรชิ  มาจากโตเกียวครับ” ฮิโรชิซึ่งถนัดในเรื่องนี้มากกว่าเป็นคนเริ่มก่อน ตามด้วยโทชิยะ  “ผม อิชิอิ  โทชิยะ มาจากโตเกียวเหมือนกันครับ”  “อ้าว นักเรียน ตั้งแต่วันนี้พวกเขาจะมาเป็นเพื่อนกับพวกเรานะ ข้างเคียวโกะกับฮิบุอิว่างนิ พวกเธอ 2 คนก็แยกกันไปนั่งก็แล้วกัน”  โทชิยะไปนั่งข้างเคียวโกะ ซึ่งเป็นนักเคนโดสาวสวยของชมรม สร้างความอิจฉาให้กับพวกผู้ชายในห้องไม่น้อย ส่วนพวกผู้หญิงก็ได้แต่แอบอิจฉาเคียวโกะไปตาม ๆ กัน ที่ได้นั่งข้าง ๆ เด็กใหม่ที่ทั้งหล่อทั้งเท่อย่างโทชิยะ ส่วนฮิโรชินั่งกับฮิบุอิ เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันแล้วต่างก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ดี “นายกับฉันชื่อคล้าย ๆ กันเลยนะ”  ฮิบุอิทักทาย “อืม เราต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แน่” ฮิโรชิยิ้มให้เพื่อแสดงความจริงใจ
    ในตอนกลางวัน ฮิบุอิพาฮิโรชิกับโทชิยะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน ตลอดทางที่เดินไป โทชิยะจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนไม่น้อย  “ดูนักเรียนใหม่คนนั้นสิ หล่อมากเลยนะ” เสียงนักเรียนหญิงซุบซิบกันตลอดทาง  “อีกหน่อยนายคง POP น่าดูเลยนะ แค่มาวันแรกก็เป็นที่ฮือฮาขนาดนี้แล้ว” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะ โทชิยะได้แต่ยิ้มเขิน ๆ “ขอบใจนะ” เขาพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้กับฮิบุอิ  “ถ้านายหันไปแล้วโบกมือให้พวกเขาน่ะนะ พวกนั้นคงกรี๊ดกันโรงเรียนแทบแตก” ฮิโรชิแซวโทชิยะ  “อย่ายุฉันนะ ฉันยิ่งบ้าจี้อยู่” โทชิยะพูดจบก็หันไปโบกมือให้กับนักเรียนหญิงที่แอบปลื้มเขาอยู่ ผลเป็นดังคาด  “กรี๊ด!!!กรี๊ด!!! ”  พวกนักเรียนหญิงพากันกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่  โทชิยะหัวเราะพร้อมวิ่งออกไปจากอาคารพร้อมฮิโรชิกับฮิบุอิ
    พวกเขาเดินมาจนถึงลานที่ชมรมเคนโดกำลังฝึกซ้อมกันอยู่  ชนะที่พวกเขาเดินตัดผ่านลานนั้นไปนั้น นักเรียนหญิงที่กำลังซ้อมอยู่คนหนึ่งก็เหวี่ยงไม้เคนโดมาโดนตัวโทชิยะอย่างจัง โทชิยะที่ยังบาดเจ็บอยู่ถึงกับทรุดลงกับพื้นทีเดียว  “ขอโทษค่ะ!!!เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ อ้าว!!!โทชิยะเองหรอ เป็นอะไรมากหรือป่าว ฉันขอโทษนะ”  นักเคนโดคนนั้นพูดพร้อมถอดหน้ากากอก เธอคือเคียวโกะเพื่อร่วมห้องของโทชิยะนั้นเอง  “เอ่อ อไม่เป็นไรหรอ แค่ตกใจน่ะ”  โทชิยะฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้น ขณะนั้นอายูมิซึ่งเป็นหัวหน้าชมรมเคนโดก็เดินมาดู  “เกิดอะไรขึ้นหรอ”  “ฉันฝาดไม้ไปโดนเขาน่ะ แต่เขาไม่เป็นไรหรอก” เคียวโกะพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด  “นายไม่ควรเดินเข้ามาในเขตของชมรมเคนโด จ้องที่กำลังซ้อมอยู่ เดี๋ยวจะเจ็บตัวอีก แล้วฉันก็ไม่ชอบให้พวกชมรมอื่นมาจุ้นจ้านด้วย”  อายูมิพูดเสียงกร้าวใส่พวกเขาทั้ง 3  “เธอก็เป็นอย่างนี้กับทุกคนแหละ พวกนายอย่าสนใจเลย” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะและฮิโรชิ แล้วพวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามอาคารต่าง ๆ
    จนกระทั่งในตอนเย็น โทชิยะรู้สึกสนใจอายูมิเป็นพิเศษ เขาไปยืนดูเธอซ้อมเคนโดในตอนเย็น เขารู้สึกว่าอายูมิทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งน่ารัก เขาต้องการจะศึกษาผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น  “ใครน่ะ!!!”อายูมิตะโกนขึ้น เธอรู้ว่ามีใครกำลังมองดูเธออยู่ อายูมิเดินตั้งไม้เคนโดเตรียมโจมตีมาทางที่โทชิยะยืนแอบอยู่ ทันใดนั้นอายูมิก็ฝาดไม้มาที่โทชิยะ แต่โทชิยะหลบได้ทัน “นี่เธอทักทายฉันได้รุนแรงมากเลยนะ ใจเย็นหน่อยสิ ”  โทชิยะพูดกับอายูมิ  “นายอีกแล้ว มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ฮ่ะ” อายูมิยังตั้งไม้อยู่ขณะที่พูดกับโทชิยะ “ฉันแค่อยากมาอยู่เธอซ้อมน่ะไม่ได้คิดจะมาทำอะไรซะหน่อย เธอก็เก็บไม้นั้นก่อนได้หรือป่าว” โทชิยะยืนนิ่งพิงกำแพง อายูมิค่อย ๆ ลดไม้ลง  “นายเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม”  “ใช่”โทชิยะตอบ อายูมิหยุดมองดูโทชิยะอย่าสนใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าจะต้องมาดูเราซ้อม ขนานเราฝาดไปเต็มแรงขนานนั้น เค้ายังหลบได้ทัน แถมยังทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก “นายก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะไม่เคยมีใครหลบการโจมตีของฉันพ้นเลยซักคน”  อายูมิพูดเป็นเชิงชมเชย  “ขอบคุณสำหรับคำชม แล้วเธอจะซ้อมให้ฉันดูต่อได้หรือยังล่ะ” โทชิยะพูดขึ้นโดยสีหน้าและน้ำเสียงยังคงราบเรียบเหมือนไม่เคยได้ยินคำชมนั้น  “ยัง นายต้องชนะฉันให้ได้ก่อน” อายูมิพูดจบก็เลื่อนหน้ากากลงปิดหน้า แล้วถอยหลังไปตั้งไม้ในท่าเตรียม  “ฉันกลัวว่าจะทำให้เธอเจ็บน่ะสิ”  โทชิยะยิ้มให้ นั้นเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่ให้แก่อายูมิ ซึ่งเพียงรอยยิ้มนั้นมันก็ทำให้อายูมิประหม่าจนต้องหลบหน้าหนี  “ไม่เป็นไร ฉันต้องการเห็นฝีมือนายบ้าง เข้ามา!!! ไม่ต้องยั้ง” อายูมิพูดกระตุ้น  โทชิยะเดินไปหยิบไม้เคนโดมาจากที่วาง โค้งให้อายูมิแล้วตั้งท่าเตรียม  “เป็นเหมือนกันนี่นายน่ะ” อายูมิพูดลอย ๆ ขึ้น โทชิยะไม่ได้ตอบอะไร  ทั้งคู่ลดไม้ลงเตรียมโจมตี ทันใดนั้นอายูมิก็วิ่งเข้าหาโทชิยะทันที เธอฝาดไม้เข้าใส่  โทชิยะเต็มแรง โทชิยะรับไว้ได้ แต่เขาก็เอาแต่ตั้งรับเท่านั้น เพราะกลัวจะพลาดโดนอายูมิเข้า และอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนต่อสู้กับซันงาโตะยังไม่หายดี ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าที่เคย และแขน ขาของเขายังเจ็บปวดจนไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มกำลัง  เมื่ออายูมิโจมตีหนักเข้า โทชิยะเองก็รับไว้ไม่ไหว ไม้เคนโดของอายูมิฝาดลงที่ไหล่ขวาของโทชิยะจนเขาเสียหลักถอยไปชนกำแพง  แต่เขาก็ยังยืนพิงกำแพงอย่างระมัดระวัง  “นายไม่น่าอ่อนให้ฉันเลย”  อายูมิพูดพร้อมกับรีบถอดหน้ากากออก “เจ็บมากหรือป่าว ทำไมนายไม่สู้ให้เต็มที่ล่ะ ฉันใส่เครื่องป้องกันไม่เจ็บหรอก แต่นายน่ะ”  อายูมิพูดแล้วเอามือจับที่แขนของโทชิยะ  “ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ชา ๆ น่ะ” โทชิยะยิ้มแหย ๆ  “เออ!  ที่ชมรมเคนโดเรามียาแก้ฟกช้ำเยอะเลย เดี๋ยวฉันจะเอามาทาให้นะ” อายูมิหันหลังวิ่งไป  “เอ่อ อไม่เป็นไรมั้ง”  โทชิยะพูดอย่างเกรงใจ  “ไม่เป็นไร ถึงว่าเป็นการขอโทษแล้วกัน”
    อายูมิเดินกลับมาพร้อมกับยา โดยโทชิยะนั่งคอยอยู่ที่พื้น “ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวฉันทาให้” “เฮ้ย! ไม่ต้องมั้ง คือ ฉะ ฉันทำเองได้” โทชิยะพูดอย่างเขิน ๆ  “เป็นผู้ชายจะอายอะไร ถอดสิ”อายูมิพูดโดยไม่ได้มองหน้าโทชิยะ  โทชิยะค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อ แล้วถอดเสื้อออก  “งั้นรบกวนหน่อยนะ”  เมื่อโทชิยะถอดเสื้อออก อายูมิก็ต้องตกใจ เพราะบนตัวของโทชิยะไม่ได้มีแค่รอยที่โดนไม้เคนโดของเธอฝาดเข้าเท่านั้น  แต่ยังมีรอยช้ำ รอยห้อเลือดเต็มไปหมด  “นาน นายไปทำอะไรมา..ทะ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้”  อายูมิพูดอย่างตกใจ โทชิยะเองก็เกือบหลุดปากบอกอายูมิไปว่าตนเป็นสายลับของหน่วยปราบปราม แต่เขาก็รู้ดีว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายจากการตามล่าของซันงาโตะ รวมถึงเพื่อน ๆ อีกหลายสิบคนในหน่วยด้วย  “คือ ฉันโดนซ้อมมานิดหน่อยน่ะ สงสัยไปกวนเขามากไป เขาเลยรุมเอา” โทชิยะจำใจต้องโกหกอายูมิไป “หรอ แต่นายก็ดูรู้ศิลปะการต่อสู้พอสมควรนิ ”  “ก็ใช่ แต่ก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ป้องกันตัวยังไม่ค่อยได้ จะไปสู้ใครเขาน่ะหรอ ไม่ได้หรอก” โทชิยะพยายามแต่งเรื่องเพื่อให้อายูมิเชื่อ การกลบเกลื่อนของเขาได้ผลที่เดียว เพราะอายูมิเองก็ดูเชื่ออย่างสนิทใจ  “เสร็จแล้ว ” อายูมิพูดขึ้น เมื่อทายาให้โทชิยะเสร็จ  “ขอบคุณมากนะ แค่รู้จักกับครั้งแรก เธอก็ดีกับฉันขนาดนี้แล้ว” โทชิยะกล่าวขอบคุณ พร้อมพูดเหมือนจะบอกความในใจให้รู้ อายูมิยิ้มอาย ๆ  “ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย ” โทชิยะถาม “อายูมิน่ะ”  “ฉันโทชิยะ อยู่ 3Dน่ะ” โทชิยะได้โอกาสแนะนำตัวเอง “ฉัน 3C” อายูมิเอาแต่ก้มหน้าพูด “พรุ่งนี้ฉันจะมาดูอายูมิจังซ้อมอีกได้หรือป่าว” โทชิยะยิ้มให้ “อืม ” อายูมิก้มหน้าก้มตาตอบแล้วเดินกลับบ้านไปอย่างเขินอาย
    สองสามวันมานี้ โทชิยะจะอยู่ดูอายูมิซ้อมเคนโดทุกวัน ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จนฮิบุอิกับฮิโรชิดูออกว่าโทชิยะชอบอายูมิเข้าให้แล้ว วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่มีชมรม โทชิยะกับฮิโรชิจะต้องเลือกชมรม เพราะเป็นเด็กใหม่ ฮิโรชิกับโทชิยะเลือกชมรมบาส หัวหน้าชมรมก็ทดสอบทักษะความสามารถของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดอยู่แล้ว พวกเขาจึงทำได้เป็นอย่างดี แถมยังจะดีเกินหน้าเกินตาพวกที่เป็นตัวจริงอยู่ก่อนเสียอีก แต่การที่โทชิยะมาอยู่ชมรมบาสก็สร้างความฮือฮาให้กับสาว ๆ ในโรงเรียนอย่างมาก เพราะเมื่อหัวหน้าชมรมลงสนานอุ่นเครื่อง เพื่อดูความพร้อม ทุกๆ ต่างก็ต้องโชว์ลีลาอย่างเต็มที่เพื่อจะได้มีโอกาศได้ลงเป็นตัวจริงบ้าง โทชิยะกับฮิโรชิก็เช่นกัน สาว ๆ ที่มายืนดูอยู่ข้างสนานต่างก็กรี๊ดกร๊าดเสียงดังทุกครั้งที่ได้เห็นท่าเท่ ๆ ของโทชิยะ บางคนตะโกนเรียกชื่อโทชิยะ เขาเองก็ได้แต่หันไปมองด้วยนัยตาคมเข้มของเขา แต่นั้นก็เพียงพอที่จะได้รับเสียงกรี๊ดตอยกลับมาอย่างมากมายแล้ว “นายนี้ชัดจะดังใหญ่แล้ว มาอยู่แค่อาทิตย์เดียว พวกสาว ๆ ก็รู้จักชื่อเธอแล้ว”  ฮิโรชิพูดเป็นเชิงล้อเลียนโทชิยะ โทชิยะก็ได้แต่ยิ้มเขิน ๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร “แต่ใครจะไปรู้ ว่าโทชิยะที่ทั้งหล่อทั้งเท่จะมีผู้หญิงในใจแล้ว ว”ฮิโรชิทำเหมือนพูดลอย ๆ “นายไปเอาอะไรมาพูดฮะ ผู้หญิงในใจอะไรที่ไหน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  โทชิยะทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป    ฮิโรชิพอดูออก แต่ก็ยังจับตามองโทชิยะกับอายูมิ ในช่วงบ่ายมีวิชาพละ ซึ่งพวกเขาจะต้องเรียน เทควันโด ห้องของโทชิยะได้เรียนพร้อมกับห้องของอายูมิ โทชิยะรู้เข้าก็ดีใจ รีบเก็บข้าวของไปที่โรงยิมอย่างรวดเร็ว  “ฮิโรชิ นายว่าโทชิยะมันชอบอายูมิจังจริง ๆ อ่ะป่าว” ฮิบุอิถาม  “ฉันว่าจริงนะ พอรู้ว่าได้เรียนพละพร้อมกับห้อง 3 เจ้านั้นก็รีบวิ่งใหญ่เลย ปกติมันอ้อยสร้อยจะตาย”
    เมื่อไปถึงโรงยิม ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพละเตรียมเรียน โทชิยะนั่งมองอายูมิจากอีกด้านหนึ่งของโรงยิม  “อายูมิจังเนี้ย พอใส่กางเกงขาสั้นแล้วดูน่ารักจังเนอะ” โทชิยะพูดด้วยท่าทางเคลิ้ม ๆ กับฮิบุอิโดยไม่รู้ว่าฮิบุอิกำลังฟังอยู่หรือป่าว “ฉันว่าเจ้านี้มันชอบอายูมิจังชัวร์แล้วล่ะ ดูมันดิ เคลิ้มจนฟอร์มหลุดแล้ว ปกติมันจะเฉย ๆ รักษาฟอร์มนะ” ฮิบุอิหันไปกระซิบกระซาบกันฮิโรชิครู่หนึ่งอายูมิก็เดินเข้ามาคุยกันโทชิยะ ขณะนั้นเอง ซาโตชิ หัวหน้าชมรมเทควันโดซึ่งแอบชอบอายูมิอยู่ก็เดินเข้ามาหาอายูมิกับโทชิยะ  “นายสินะโทชิยะที่เพิ่งเข้ามาใหม่” ซาโตชิถามอย่างหาเรื่อง  “ใช่ ”  “นายน่าจะหัดเจียมตัวซะบ้างนะว่าตัวเองเป็นใคร ทำมายุ่งกับอายูมิน่ะ” ซาโตชิพยายามหาเรื่องโทชิยะ แต่โทชิยะเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่เขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนัก  “ฉันแค่อยากรู้จัก เป็นเพื่อนกันเนี้ยมันผิดด้วยหรอ”  “ผิดตรงที่เป็นอายูมิ เพราะฉันชอบอายูมิ เธอจะเป็นของฉัน แล้วถ้าใครอยากจะได้ ก็ต้องมาเจอกันหน่อย” ซาโตชิท้าทายโทชิยะ “ที่จริงแล้วฉันก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครนะ แต่ถ้ามาหาเรื่องกันแบบนี้ ฉันก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน”  “โทชิยะอย่านะ อย่าไปมีเรื่องกับซาโตชิเลย เธอบอกเองว่าสู้ใครไม่ได้ไม่ใช่หรอ แล้วเขาก็เป็นหัวหน้าชมรมเทควันโดด้วย ไม่มีใครที่มีเรื่องกันเขาแล้วชนะเขาได้เลย”อายูมิพูดห้ามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง แต่โทชิยะไม่ฟัง  “รู้สึกว่าฉันจะพอเป็นบ้างเหมือนกัน ไม่มีใครเคยชนะหรอ..ไหน มาลองกันหน่อยเป็นไง” โทชิยะเดินตรงไปข้างหน้าของซาโตชิ แล้วทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งกันและกันด้วยเทควันโดท่าเตรียม อายูมิเองมองเห็นก็รู้ทันทีว่าโทชิยะเป็นเทควันโด แล้วทั้งคู่ก็เดินแลกหมัดกันอย่างรวดเร็ว ฝีมือทั้งคู่สูสีกัน เพราะโทชิยะเองถนัดด้านนี้อยู่แล้ว แต่ซาโตชิรู้สึกสงสัยในฝีมือของโทชิยะ เพราะตัวของเขาเองเป็นมือปืนให้กับกลุ่มมาเฟียร์ที่ทรงอธิพลในโอซากา ที่เขามีฝีมือในการต่อสู้นั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่โทชิยะเป็นเพียงเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา แต่กลับมีฝีมือที่ดีเอามาก ๆ ดีพอ ๆ หรือไม่ก็ดีกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างรุนแรง เอาจริงเอาจัง ไม่มีใครเสียเปรียบใครโทชิยะใช่ท่าเตะสูงไปที่คอของซาโตชิแต่เขาสามารถหลบได้ทัน “ชวดแต้ม ”เขาพูดขึ้นแล้วหันกลับมาชกซาโตชิเข้าเต็ม ๆ ที่ใบหน้า แต่ซาโตชิก็ชกหน้าเขาไปเต็ม ๆ เช่นกัน ต่างคนต่างลงไปนั่งกับพื้น “ตัดใช่อาวุธผิดประเภท 2 แต้ม” ซาโตชิล้อเลียน “นายก็เหมือนกัน หมัดเมื่อกี้ฉันขอนอกสูตร      เทควันโดนะหัวหน้าชมรม” โทชิยะพูดขึ้นเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็เตรียมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอดีเพื่อนในห้องไปตามอาจารย์มาห้ามเอาไว้ได้ทันแล้วทั้งคู่ก็ถูกนำตัวไปห้องปกครอง อายูมิมองตามโทชิยะอย่างเป็นห่วงและสงสัยในความสามารถในการต่อสู้ของโทชิยะ ซึ่งเขาบอกกับเธอว่าเขาสู้ใครไม่ได้ แถมยังโดนซ้อมมาทั้งตัวอีก แต่ในวันนี้ทุกอย่างดูผิดไปหมด โทชิยะดูชำนาญในการต่อสู้เป็นอย่างมาก เหมือนกับพวกมืออาชีพเลยทีเดียว เพราะตัวเธอเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยปราบปรามสาขาโอซากา ถึงแม้จะไม่ได้ทำเป็นอาชีพก็ตาม แต่เธอก็ชำนาญการต่อสู้พอสมควร เธอมองออกว่าใครเป็นหรือใครไม่เป็น คนทั้ง 3 คนจาก 3 หน่วยงานมาพัวพันกันเสียแล้ว ยังมีฮิโรชิอีกคน พวกเขาคงจะปิดฐานะของตัวเองไว้ไม่ได้นานเสียแล้ว
    เมื่อถึงตอนเย็นฮิบุอิก็ถามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง “ โดนทำโทษหรือป่าวน่ะ”  “โดนดิ ถามอะไรแปลก ๆ” โทชิยะตอบแล้วหัวเราะ  “วันนี้อายูมิจังต้องทำงาน ไม่ได้อยู่ซ้อมเคนโด นายก็กลับบ้านกับฉันก็แล้วกัน” ฮิโรชิชวนโทชิยะ  “อืม ”  “แต่ฉันจะขอไปร้านหนังสือก่อนนะ” ฮิโรชิบอก  แล้วทั้งคู่ก็กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อทั้งคู่ออกจากร้านหนังสือก็เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว  “ฮิโรชิ ฉันว่าที่เจ้าของร้านเขาแต่ไล่นายออกมาเนี้ยมันยังน้อยไปนะ ถ้าเป็นฉัน นายมานั่งยู่ในร้านตั้ง  2-3 ช.ม. มาอ่านหนังสือเขาแล้วก็ไม่ซื้อแบบเนี้ยอ่ะนะ ฉันคงถีบส่งนายออกมาด้วยน่ะนะ” โทชิยะแซวฮิโรชิเล็กน้อยแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากซอยนั้นและแล้วฮิโรชิก็หันไปเห็นอายูมิเขาจึงเรียกโทชิยะ เมื่อโทชิยะหันไปมองเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินตามอายูมิมา อายูมิเองก็พยายามเดินหนีคนคนนั้น “ซาโตชินิ เขามาเดินตามอายูมิจังทำไม”ฮิโรชิพูดขึ้น  “ทันใดนั้น ซาโตชิก็เดินมาถึงตัวอายูมิแล้วดึงแขนของเธอไว้  “อายูมิจัง เธอจะเดินหนีฉันไปถึงไหน รู้บ้างไหมว่าฉันชอบเธอ ชอบเธอมานานแล้ว แล้วฉันจะไม่ยอมให้ไอ้เด็กใหม่นั้นมาแย่งเธอไปจามฉันเด็ดขาด” ซาโตชิกอดอายูมิไว้แน่น  อายูมิพยายามที่จะสลัดเขาออกไป  “ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับฉัน” แล้วอายูมิก็สบัดหนีไปได้ แต่ซาโตชิก็ยังคงเดินตามเธอไป อายูมิหันกลับไปชกซาโตชิ แต่ซาโตชิจับมือเธอเอาไว้ได้  “เธออย่าลืมสิว่า ฉันเป็นหัวหน้าชมรมเทควันโด เธอมันก็แค่หัวหน้าชมรมเคนโด เรื่องการต่อสู้มือเปล่าน่ะ เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก เปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืนฉัน”  “ปล่อยนะ ช่วยด้วย!!!”อายูมิกรีดร้องของความช่วยเหลือ  โทชิยะรีบวิ่งออกมาจากมุมตึก  แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ซาโตชิอย่างจัง ซาโตชิผละออกจากอายูมิ  “นายนี้มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ เมื่อกลางวันฉันเสียท่านาย แต่คราวนี้ไม่มีแน่นอน”  ซาโตชิพูดจบก็ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋านักเรียนเล็งมาที่โทชิยะ ฮิโรชิที่วิ่งตามมาถึงกับต้องหยุดนิ่ง  “ถ้านายเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันยิงเพื่อนนายแน่ “ซาโตชิพูดกับฮิโรชิ อายูมิก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ซาโตชิเดินเข้ามาหาอายูมิ  “นายจะเอายังไงอีก” อายูมิถาม “กลับไปกับฉัน อยู่กับฉันซักคืน เรื่องทุกอย่างก็จะจบ” “ไม่ ” อายูมิเสียงแข็ง  โทชิยะเห็นว่าซาโตชิเผลอ จึงวิ่งไปดึงอายูมามาอยู่ข้างหลังของตัวเอง  “อ๊ะ!!! นายจะทำอะไร” ซาโตชิพูดพร้อมยกปืนขึ้นมาส่องโทชิยะ  “ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้ ”อายูมิตะโกนพูดกับซาโตชิ  “นายไม่ควรเอาไอ้นี้ออกมาเล่นนะ” โทชิยะพูดเสียงเข้ม “พอดีฉันชอบเล่นมันซะด้วย โดยเฉพาะเวลาส่องไปที่นาย” ซาโตชิพูดท้าทาย  “ถ้านายชอบ ฉันก็จะเล่นกับนาย เพราะฉันก็เริ่มสนุกเหมือนกัน”  โทชิยะพูดจบก็ดึงปืนสีเงินเป็นวาวออกมาจากกระเป๋าสะพาย  “อืม ฉันประเมินนายต่ำไปนิด แน่กว่าที่ฉันคิด ฉันสงสัยนายมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วว่านายเป็นใครกันแน่ และมาที่โอซากาทำไม แต่เราไม่ใช่เพื่อนกันแน่ เพาะปืนแบบที่นายถือเนี้ย  มันเป็นของพวกสายลับตำรวจหรือไม่ก็สายลับมืออาชีพเขาใช่กัน ถูกไหม!!!”  ซาโตชิเริ่มรู้ฐานะของโทชิยะ “นายไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร ปืนของฉันจะเป็นแบบไหน หรือว่ามาที่โอซากาทำไมก็ตาม ฉันจะพาอายูมิจังไป ฉันไม่อยากยุ่งกับแก็งของนาย” โทชิยะขู่  “ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายคงเป็นลูกน้องของพวกมาเฟียร์ที่ไหนแน่นอน” โทชิยะพูดกับซาโตชิ ฮิโรชิเห็นเหตุการณ์ตึงเครียดจึงหยิบปืนของตนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ซาโตชิ  “ฉันไม่อยากมีเรื่องกับกลุ่มมาเฟียร์ที่โอซากาหรอ ฉันของเตือนนายให้รีบไปซะ สองต่อหนึ่งอาจจะดูไม่ค่อยสวยน่ะ” ฮิโรชิพูดขู่ซาโตชิ ซาโตชิเห็นท่าไม่ดี จึงค่อย ๆ ถอยหลังแล้ววิ่งหนีเข้าซอยเล็ก ๆ ไป  “ไม่เป็นไรนะ”โทชิยะถามอายูมิ “ไม่ ไม่เป็นไร ขอบใจมากเลยนะ”  อายูมิพยายามพูดเหมือนไม่รู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่เลย  “อายูมิจังจะไปไหนต่อล่ะ”  ฮิโรชิถาม  “ก็คงไปอยู่กับแม่น่ะ”  “ที่ไหนหรอ เผื่อไปทางเดียวกัน”    โทชิยะรีบถาม  “ซอยชินโตน่ะ”  “พอดีบ้านพักของฉันกับฮิโรชิก็อยู่ในซอยนั้นเหมือนกัน  ไปด้วยกันเลยดีกว่า  จะได้ไม่เกิดอะไรอีก”  โทชิยะพูดอย่างหวังดี
    เมื่อโทชิยะกับฮิโรชิเดินมาถึงบ้านพัก ฮิโรชิก็ถามอายูมิ “บ้านของคุณแม่ของเธออยู่ไหนล่ะ บ้านของพวกเราอยู่ตรงเนี้ย เราจะได้ไปส่งเธอ”  “พวกเธออยู่ที่นี่กันหรอ”  อายูมิทำหน้างง ๆ แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ประตูของคฤหาดหรือก็คือศูนย์บัญชาการของสาขาโอซากานั้นเอง “คุณหนูอายูมิมาหาคุณนายหรอค่ะ”  แม่บ้านถาม “ค่ะ”  “คุณนายอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” แล้ว เอ่อ อคุณโทชิยะกับคุณฮิโรชิก็รอทานอาหารพร้อมกับคุณนาย คุณทาคุมา และคุณหนูเลยนะคะ” แม่บ้านบอกกันทั้งสอง “ครับคุณป้า” ฮิโรชิตอบแล้วหันไปมองหน้าอายูมิโดยไม่ได้พูดอะไร  เมื่อนั่งรับประทานอาหาร นาโอมิก็ถือโอกาสแนะนำลูกสาวของตนซึ่งก็คืออายูมิให้ทุกคนได้รู้จัก มันทำให้โทชิยะกับฮิโรชิถึงกับนิ่งอึ่งทีเดียว เพราะตั้งแต่บัดนี้จะมีคนรู้ฐานะของพวกเขามากขึ้นอีก 1 คนแล้ว “อายูมิจังนี้คือโทชิยะ เห็นว่ายังเป็นเด็ก ม.ปลาย แต่เขาก็เป็นสายลับมืออาชีพเชียวนะ ฝีมือดีทีเดียว แล้วนี้ก็  ฮิโรชิ เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณทาคุมาตอนนี้เป็นสายลับอยู่หลายปีแล้ว เป็นคนเก่งรอบด้านทีเดียว  ถ้าลูกชอบงานแบบนี้ มีอะไรก็ปรึกษาพวกเขาได้นะจ๊ะ”  นาโอมิคุยกับลูกสาว  “หนูรู้จักพวกเขาแล้วล่ะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน”  อายูมิพูดอย่างเขิน ๆ  “เอ่อ โทชิยะ  คือฉันมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย หนูของตัวก่อนนะคะ” อายูมิขอตัวเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับโทชิยะ อายูมิพาโทชิยะออกมาที่สระน้ำ  “ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าจะมาอยู่ที่บ้านของเธอ แล้วมีอะไรหรออายูมิจัง”โทชิยะถามอย่างสงสัย  “เธอฉันมาอย่างนึง ฉันอย่างได้ยินจากปากของเธอ  เธอทำงานอะไร”  อายูมิถามเสียงจริงจัง  “ฉะ ฉัน..คือ ” โทชิยะอึกอัก “บอกฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แล้วไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันก็จะไม่โกรธ”  โทชิยะยังไม่กล้าที่จะบอกกับอายูมิ เพราะกลัวว่าอายูมิจะกลัวเขา  “ถ้าฉันบอกเธอไปแล้ว เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือป่าว”  โทชิยะถามอย่างจริงจัง  “เป็นสิ เพื่อนก็คือเพื่อน งานก็คืองาน เธอไม่ต้องห่วง”  อายูมิยืนยันพร้อมยิ้มให้  “ฉัน ฉันเป็นสายลับให้กับองกรณ์ลับในการปราบปรามกลุ่มอธิพลนอกกฎหมายและก็เป็นสายลับอิสระ”โทชิยะกลั้นใจตอบ  อายูมิยิ้ม  “นี่สิลูกผู้ชาย ฉันดูคนไม่ผิดจริง ๆ”  อายูมิพูดอย่างจริงใจ  “ฉันเองก็ทำงานให้องกรณ์เหมือนกัน เพียงแต่เราอยู่คนละสาขากันเท่านั้น ก็แม่ของฉันเป็นหัวหน้าสาขานิ ฉันชอบเสียอีกที่มีคนที่ทำงานอย่างเดียวกัน”  คำตอบของอายูมิทำเอาโทชิยะอึ้งไปครู่หนึ่ง “เธอมาอยู่กับคุณทาคุมาได้ไงล่ะ”  อายูมิถามอย่างสงสัย  “ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนั้นหรอก  จำได้ว่า พ่อของฉันตาย แม่กับน้าทาคุมาบอกว่าพ่อตายเพราะอุบัติเหตุ  ส่วนช่วงหลัง ๆ เราย้ายบ้านบ่อยมาก แล้วแม่ก็ไปไต้หวั่น ทิ้งฉันกับน้องสาวให้อยู่กับน้าทาคุมา ซึ่งเป็นน้าแท้ ๆ ฉันจึงอยู่กับเขามาตั้งแต่ 6 ขวบ ฝึกทุกอย่างเหมือนกับคนอื่น ๆ ในหน่วย จนอายุ 13 ฉันก็ได้ออกทำงานครั้งแรก คุ้มกันบุคคลสำคัญ แล้วก็ชิงตัวประกัน ทลายกลุ่มมาเฟียร์จนถึงตอนนี้” โทชิยะพูดแล้วทำหน้าเศร้า  “แต่ฉันรู้สึกสนุกกับมันนะ”  อายูมิแสดงความเห็น  “นั้นเพราะเธอไม่ได้ทำมันเป็นอาชีพ ไม่ต้องทำมันเกือบทุกวัน แรก ๆ ฉันก็คิดเหมือนเธอ แต่พอทำได้ซักพักแล้ว เธอก็จะรู้ว่ามันเป็นเกมส์  เกมส์ที่เดินพันด้วยชีวิต เกมส์ที่เริ่มขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าสู่ถนนสายนี้ เมื่อกระสุนนัดแรกออกจากลำกล่อง  แต่เกมส์นี้ไม่มีทางออก เมื่อเริ่มเล่นไปแล้ว ก็ต้องเล่นมันต่อไป จะหยุดไม่ได้ ถ้าจะหยุดก็มี 2 ทาง คือ ศัตรูตาย แล้วอีกทางก็คือ ตาย ”โทชิยะก้มหน้าลง น้ำเสียงสั่นเครือ  อายูมิหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดของโทชิยะ เธอไม่กล้าที่จะถามอะไรมากไปกว่านี้ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุยไป  “ขอบคุณเธอมากนะ ที่ช่วยฉันไว้” เธอยิ้ม  “อืม เอ่อ!!!ไม่เป็นไรหรอก เล็กน้อยน่ะ” โทชิยะยิ้มเขิน ๆ  “เอ่อ อายูมิจัง คือฉันมีอะไรอยากจะบอกเธอน่ะ”  เขาก้มหน้าพูด “อะไรหรอ ว่ามาสิ”  “เธอ เอ่อ เป็นผู้หญิงที่หน้าสนใจดีนะ”  โทชิยะพูดพรางยิ้มอาย ๆ แล้วมองหน้าอายูมิตาไม่กระพริบ” อะไรของเธอน่ะโทชิยะ” อายูมิหลบหน้าจากสายตาของโทชิยะ  “ฉัน คือ เธอจะว่าอะไรฉันไหม ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบเธอ” โทชิยะพูดแล้วก้มหน้าหนี ใบหน้าเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ “บ้าหรอ .” อายูมิเขินจนทนนั่งอยู่ไม่ได้ ทั้งที่ในใจก็ชอบโทชิยะอยู่ไม่น้อย เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตู  “จะว่าไปแล้ว เธอก็น่ารักดีเหมือนกัน” อายูมิอยู่ยิ้ม แล้ววิ่งขึ้นห้องไป โทชิยะนั่งมองอายูมิวิ่งไปจนสุดสายตา ตอนนี้เขากำลังเคลิบเคลิ้มกับคำพูดของอายูมิเสียแล้ว 
    เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนโชโฮ โทชิยะกับฮิโรชิได้ไปที่ห้อง ผ.อ. เพื่อรอการจัดเข้าห้องเรียน ทั้งคู่อยู่ห้องเดียวกัน  “3D คือห้องของพวกเธอ อาจารย์อาคิซาวา ช่วยพานักเรียนใหม่ไปที่ห้องด้วยนะครับ” เมื่อผ.อ.พูดจบ พวกเขาก็เดินตามอาจารย์อาคิซาวาไป  เมื่อไปถึงห้อง อาจารย์ก็ให้พวกเขาแนะนำตัวเองให้เพื่อน ๆ รู้จัก  “สวัสดีครับ ผมโยชิซาวา  ฮิโรชิ  มาจากโตเกียวครับ” ฮิโรชิซึ่งถนัดในเรื่องนี้มากกว่าเป็นคนเริ่มก่อน ตามด้วยโทชิยะ  “ผม อิชิอิ  โทชิยะ มาจากโตเกียวเหมือนกันครับ”  “อ้าว นักเรียน ตั้งแต่วันนี้พวกเขาจะมาเป็นเพื่อนกับพวกเรานะ ข้างเคียวโกะกับฮิบุอิว่างนิ พวกเธอ 2 คนก็แยกกันไปนั่งก็แล้วกัน”  โทชิยะไปนั่งข้างเคียวโกะ ซึ่งเป็นนักเคนโดสาวสวยของชมรม สร้างความอิจฉาให้กับพวกผู้ชายในห้องไม่น้อย ส่วนพวกผู้หญิงก็ได้แต่แอบอิจฉาเคียวโกะไปตาม ๆ กัน ที่ได้นั่งข้าง ๆ เด็กใหม่ที่ทั้งหล่อทั้งเท่อย่างโทชิยะ ส่วนฮิโรชินั่งกับฮิบุอิ เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันแล้วต่างก็รู้สึกว่าเข้ากันได้ดี “นายกับฉันชื่อคล้าย ๆ กันเลยนะ”  ฮิบุอิทักทาย “อืม เราต้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้แน่” ฮิโรชิยิ้มให้เพื่อแสดงความจริงใจ
    ในตอนกลางวัน ฮิบุอิพาฮิโรชิกับโทชิยะไปยังสถานที่ต่าง ๆ ในโรงเรียน ตลอดทางที่เดินไป โทชิยะจะได้รับความสนใจจากกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนไม่น้อย  “ดูนักเรียนใหม่คนนั้นสิ หล่อมากเลยนะ” เสียงนักเรียนหญิงซุบซิบกันตลอดทาง  “อีกหน่อยนายคง POP น่าดูเลยนะ แค่มาวันแรกก็เป็นที่ฮือฮาขนาดนี้แล้ว” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะ โทชิยะได้แต่ยิ้มเขิน ๆ “ขอบใจนะ” เขาพูดขึ้นแล้วหันมายิ้มให้กับฮิบุอิ  “ถ้านายหันไปแล้วโบกมือให้พวกเขาน่ะนะ พวกนั้นคงกรี๊ดกันโรงเรียนแทบแตก” ฮิโรชิแซวโทชิยะ  “อย่ายุฉันนะ ฉันยิ่งบ้าจี้อยู่” โทชิยะพูดจบก็หันไปโบกมือให้กับนักเรียนหญิงที่แอบปลื้มเขาอยู่ ผลเป็นดังคาด  “กรี๊ด!!!กรี๊ด!!! ”  พวกนักเรียนหญิงพากันกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่  โทชิยะหัวเราะพร้อมวิ่งออกไปจากอาคารพร้อมฮิโรชิกับฮิบุอิ
    พวกเขาเดินมาจนถึงลานที่ชมรมเคนโดกำลังฝึกซ้อมกันอยู่  ชนะที่พวกเขาเดินตัดผ่านลานนั้นไปนั้น นักเรียนหญิงที่กำลังซ้อมอยู่คนหนึ่งก็เหวี่ยงไม้เคนโดมาโดนตัวโทชิยะอย่างจัง โทชิยะที่ยังบาดเจ็บอยู่ถึงกับทรุดลงกับพื้นทีเดียว  “ขอโทษค่ะ!!!เป็นอะไรหรือป่าวค่ะ อ้าว!!!โทชิยะเองหรอ เป็นอะไรมากหรือป่าว ฉันขอโทษนะ”  นักเคนโดคนนั้นพูดพร้อมถอดหน้ากากอก เธอคือเคียวโกะเพื่อร่วมห้องของโทชิยะนั้นเอง  “เอ่อ อไม่เป็นไรหรอ แค่ตกใจน่ะ”  โทชิยะฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้น ขณะนั้นอายูมิซึ่งเป็นหัวหน้าชมรมเคนโดก็เดินมาดู  “เกิดอะไรขึ้นหรอ”  “ฉันฝาดไม้ไปโดนเขาน่ะ แต่เขาไม่เป็นไรหรอก” เคียวโกะพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด  “นายไม่ควรเดินเข้ามาในเขตของชมรมเคนโด จ้องที่กำลังซ้อมอยู่ เดี๋ยวจะเจ็บตัวอีก แล้วฉันก็ไม่ชอบให้พวกชมรมอื่นมาจุ้นจ้านด้วย”  อายูมิพูดเสียงกร้าวใส่พวกเขาทั้ง 3  “เธอก็เป็นอย่างนี้กับทุกคนแหละ พวกนายอย่าสนใจเลย” ฮิบุอิพูดกับโทชิยะและฮิโรชิ แล้วพวกเขาก็เดินต่อไปเรื่อย ๆ ตามอาคารต่าง ๆ
    จนกระทั่งในตอนเย็น โทชิยะรู้สึกสนใจอายูมิเป็นพิเศษ เขาไปยืนดูเธอซ้อมเคนโดในตอนเย็น เขารู้สึกว่าอายูมิทั้งเก่ง ทั้งสวย ทั้งน่ารัก เขาต้องการจะศึกษาผู้หญิงคนนี้ให้มากขึ้น  “ใครน่ะ!!!”อายูมิตะโกนขึ้น เธอรู้ว่ามีใครกำลังมองดูเธออยู่ อายูมิเดินตั้งไม้เคนโดเตรียมโจมตีมาทางที่โทชิยะยืนแอบอยู่ ทันใดนั้นอายูมิก็ฝาดไม้มาที่โทชิยะ แต่โทชิยะหลบได้ทัน “นี่เธอทักทายฉันได้รุนแรงมากเลยนะ ใจเย็นหน่อยสิ ”  โทชิยะพูดกับอายูมิ  “นายอีกแล้ว มาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ฮ่ะ” อายูมิยังตั้งไม้อยู่ขณะที่พูดกับโทชิยะ “ฉันแค่อยากมาอยู่เธอซ้อมน่ะไม่ได้คิดจะมาทำอะไรซะหน่อย เธอก็เก็บไม้นั้นก่อนได้หรือป่าว” โทชิยะยืนนิ่งพิงกำแพง อายูมิค่อย ๆ ลดไม้ลง  “นายเป็นเด็กใหม่ใช่ไหม”  “ใช่”โทชิยะตอบ อายูมิหยุดมองดูโทชิยะอย่าสนใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าจะต้องมาดูเราซ้อม ขนานเราฝาดไปเต็มแรงขนานนั้น เค้ายังหลบได้ทัน แถมยังทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก “นายก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะไม่เคยมีใครหลบการโจมตีของฉันพ้นเลยซักคน”  อายูมิพูดเป็นเชิงชมเชย  “ขอบคุณสำหรับคำชม แล้วเธอจะซ้อมให้ฉันดูต่อได้หรือยังล่ะ” โทชิยะพูดขึ้นโดยสีหน้าและน้ำเสียงยังคงราบเรียบเหมือนไม่เคยได้ยินคำชมนั้น  “ยัง นายต้องชนะฉันให้ได้ก่อน” อายูมิพูดจบก็เลื่อนหน้ากากลงปิดหน้า แล้วถอยหลังไปตั้งไม้ในท่าเตรียม  “ฉันกลัวว่าจะทำให้เธอเจ็บน่ะสิ”  โทชิยะยิ้มให้ นั้นเป็นรอยยิ้มครั้งแรกที่ให้แก่อายูมิ ซึ่งเพียงรอยยิ้มนั้นมันก็ทำให้อายูมิประหม่าจนต้องหลบหน้าหนี  “ไม่เป็นไร ฉันต้องการเห็นฝีมือนายบ้าง เข้ามา!!! ไม่ต้องยั้ง” อายูมิพูดกระตุ้น  โทชิยะเดินไปหยิบไม้เคนโดมาจากที่วาง โค้งให้อายูมิแล้วตั้งท่าเตรียม  “เป็นเหมือนกันนี่นายน่ะ” อายูมิพูดลอย ๆ ขึ้น โทชิยะไม่ได้ตอบอะไร  ทั้งคู่ลดไม้ลงเตรียมโจมตี ทันใดนั้นอายูมิก็วิ่งเข้าหาโทชิยะทันที เธอฝาดไม้เข้าใส่  โทชิยะเต็มแรง โทชิยะรับไว้ได้ แต่เขาก็เอาแต่ตั้งรับเท่านั้น เพราะกลัวจะพลาดโดนอายูมิเข้า และอาการบาดเจ็บที่ได้รับตอนต่อสู้กับซันงาโตะยังไม่หายดี ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าที่เคย และแขน ขาของเขายังเจ็บปวดจนไม่สามารถต่อสู้ได้เต็มกำลัง  เมื่ออายูมิโจมตีหนักเข้า โทชิยะเองก็รับไว้ไม่ไหว ไม้เคนโดของอายูมิฝาดลงที่ไหล่ขวาของโทชิยะจนเขาเสียหลักถอยไปชนกำแพง  แต่เขาก็ยังยืนพิงกำแพงอย่างระมัดระวัง  “นายไม่น่าอ่อนให้ฉันเลย”  อายูมิพูดพร้อมกับรีบถอดหน้ากากออก “เจ็บมากหรือป่าว ทำไมนายไม่สู้ให้เต็มที่ล่ะ ฉันใส่เครื่องป้องกันไม่เจ็บหรอก แต่นายน่ะ”  อายูมิพูดแล้วเอามือจับที่แขนของโทชิยะ  “ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ชา ๆ น่ะ” โทชิยะยิ้มแหย ๆ  “เออ!  ที่ชมรมเคนโดเรามียาแก้ฟกช้ำเยอะเลย เดี๋ยวฉันจะเอามาทาให้นะ” อายูมิหันหลังวิ่งไป  “เอ่อ อไม่เป็นไรมั้ง”  โทชิยะพูดอย่างเกรงใจ  “ไม่เป็นไร ถึงว่าเป็นการขอโทษแล้วกัน”
    อายูมิเดินกลับมาพร้อมกับยา โดยโทชิยะนั่งคอยอยู่ที่พื้น “ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวฉันทาให้” “เฮ้ย! ไม่ต้องมั้ง คือ ฉะ ฉันทำเองได้” โทชิยะพูดอย่างเขิน ๆ  “เป็นผู้ชายจะอายอะไร ถอดสิ”อายูมิพูดโดยไม่ได้มองหน้าโทชิยะ  โทชิยะค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อ แล้วถอดเสื้อออก  “งั้นรบกวนหน่อยนะ”  เมื่อโทชิยะถอดเสื้อออก อายูมิก็ต้องตกใจ เพราะบนตัวของโทชิยะไม่ได้มีแค่รอยที่โดนไม้เคนโดของเธอฝาดเข้าเท่านั้น  แต่ยังมีรอยช้ำ รอยห้อเลือดเต็มไปหมด  “นาน นายไปทำอะไรมา..ทะ..ทำไมถึงเป็นแบบนี้”  อายูมิพูดอย่างตกใจ โทชิยะเองก็เกือบหลุดปากบอกอายูมิไปว่าตนเป็นสายลับของหน่วยปราบปราม แต่เขาก็รู้ดีว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ เพราะพวกเขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายจากการตามล่าของซันงาโตะ รวมถึงเพื่อน ๆ อีกหลายสิบคนในหน่วยด้วย  “คือ ฉันโดนซ้อมมานิดหน่อยน่ะ สงสัยไปกวนเขามากไป เขาเลยรุมเอา” โทชิยะจำใจต้องโกหกอายูมิไป “หรอ แต่นายก็ดูรู้ศิลปะการต่อสู้พอสมควรนิ ”  “ก็ใช่ แต่ก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ป้องกันตัวยังไม่ค่อยได้ จะไปสู้ใครเขาน่ะหรอ ไม่ได้หรอก” โทชิยะพยายามแต่งเรื่องเพื่อให้อายูมิเชื่อ การกลบเกลื่อนของเขาได้ผลที่เดียว เพราะอายูมิเองก็ดูเชื่ออย่างสนิทใจ  “เสร็จแล้ว ” อายูมิพูดขึ้น เมื่อทายาให้โทชิยะเสร็จ  “ขอบคุณมากนะ แค่รู้จักกับครั้งแรก เธอก็ดีกับฉันขนาดนี้แล้ว” โทชิยะกล่าวขอบคุณ พร้อมพูดเหมือนจะบอกความในใจให้รู้ อายูมิยิ้มอาย ๆ  “ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย ” โทชิยะถาม “อายูมิน่ะ”  “ฉันโทชิยะ อยู่ 3Dน่ะ” โทชิยะได้โอกาสแนะนำตัวเอง “ฉัน 3C” อายูมิเอาแต่ก้มหน้าพูด “พรุ่งนี้ฉันจะมาดูอายูมิจังซ้อมอีกได้หรือป่าว” โทชิยะยิ้มให้ “อืม ” อายูมิก้มหน้าก้มตาตอบแล้วเดินกลับบ้านไปอย่างเขินอาย
    สองสามวันมานี้ โทชิยะจะอยู่ดูอายูมิซ้อมเคนโดทุกวัน ทั้งคู่ดูสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว จนฮิบุอิกับฮิโรชิดูออกว่าโทชิยะชอบอายูมิเข้าให้แล้ว วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่มีชมรม โทชิยะกับฮิโรชิจะต้องเลือกชมรม เพราะเป็นเด็กใหม่ ฮิโรชิกับโทชิยะเลือกชมรมบาส หัวหน้าชมรมก็ทดสอบทักษะความสามารถของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดอยู่แล้ว พวกเขาจึงทำได้เป็นอย่างดี แถมยังจะดีเกินหน้าเกินตาพวกที่เป็นตัวจริงอยู่ก่อนเสียอีก แต่การที่โทชิยะมาอยู่ชมรมบาสก็สร้างความฮือฮาให้กับสาว ๆ ในโรงเรียนอย่างมาก เพราะเมื่อหัวหน้าชมรมลงสนานอุ่นเครื่อง เพื่อดูความพร้อม ทุกๆ ต่างก็ต้องโชว์ลีลาอย่างเต็มที่เพื่อจะได้มีโอกาศได้ลงเป็นตัวจริงบ้าง โทชิยะกับฮิโรชิก็เช่นกัน สาว ๆ ที่มายืนดูอยู่ข้างสนานต่างก็กรี๊ดกร๊าดเสียงดังทุกครั้งที่ได้เห็นท่าเท่ ๆ ของโทชิยะ บางคนตะโกนเรียกชื่อโทชิยะ เขาเองก็ได้แต่หันไปมองด้วยนัยตาคมเข้มของเขา แต่นั้นก็เพียงพอที่จะได้รับเสียงกรี๊ดตอยกลับมาอย่างมากมายแล้ว “นายนี้ชัดจะดังใหญ่แล้ว มาอยู่แค่อาทิตย์เดียว พวกสาว ๆ ก็รู้จักชื่อเธอแล้ว”  ฮิโรชิพูดเป็นเชิงล้อเลียนโทชิยะ โทชิยะก็ได้แต่ยิ้มเขิน ๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร “แต่ใครจะไปรู้ ว่าโทชิยะที่ทั้งหล่อทั้งเท่จะมีผู้หญิงในใจแล้ว ว”ฮิโรชิทำเหมือนพูดลอย ๆ “นายไปเอาอะไรมาพูดฮะ ผู้หญิงในใจอะไรที่ไหน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”  โทชิยะทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยไป    ฮิโรชิพอดูออก แต่ก็ยังจับตามองโทชิยะกับอายูมิ ในช่วงบ่ายมีวิชาพละ ซึ่งพวกเขาจะต้องเรียน เทควันโด ห้องของโทชิยะได้เรียนพร้อมกับห้องของอายูมิ โทชิยะรู้เข้าก็ดีใจ รีบเก็บข้าวของไปที่โรงยิมอย่างรวดเร็ว  “ฮิโรชิ นายว่าโทชิยะมันชอบอายูมิจังจริง ๆ อ่ะป่าว” ฮิบุอิถาม  “ฉันว่าจริงนะ พอรู้ว่าได้เรียนพละพร้อมกับห้อง 3 เจ้านั้นก็รีบวิ่งใหญ่เลย ปกติมันอ้อยสร้อยจะตาย”
    เมื่อไปถึงโรงยิม ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดพละเตรียมเรียน โทชิยะนั่งมองอายูมิจากอีกด้านหนึ่งของโรงยิม  “อายูมิจังเนี้ย พอใส่กางเกงขาสั้นแล้วดูน่ารักจังเนอะ” โทชิยะพูดด้วยท่าทางเคลิ้ม ๆ กับฮิบุอิโดยไม่รู้ว่าฮิบุอิกำลังฟังอยู่หรือป่าว “ฉันว่าเจ้านี้มันชอบอายูมิจังชัวร์แล้วล่ะ ดูมันดิ เคลิ้มจนฟอร์มหลุดแล้ว ปกติมันจะเฉย ๆ รักษาฟอร์มนะ” ฮิบุอิหันไปกระซิบกระซาบกันฮิโรชิครู่หนึ่งอายูมิก็เดินเข้ามาคุยกันโทชิยะ ขณะนั้นเอง ซาโตชิ หัวหน้าชมรมเทควันโดซึ่งแอบชอบอายูมิอยู่ก็เดินเข้ามาหาอายูมิกับโทชิยะ  “นายสินะโทชิยะที่เพิ่งเข้ามาใหม่” ซาโตชิถามอย่างหาเรื่อง  “ใช่ ”  “นายน่าจะหัดเจียมตัวซะบ้างนะว่าตัวเองเป็นใคร ทำมายุ่งกับอายูมิน่ะ” ซาโตชิพยายามหาเรื่องโทชิยะ แต่โทชิยะเองก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่เขาก็พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนัก  “ฉันแค่อยากรู้จัก เป็นเพื่อนกันเนี้ยมันผิดด้วยหรอ”  “ผิดตรงที่เป็นอายูมิ เพราะฉันชอบอายูมิ เธอจะเป็นของฉัน แล้วถ้าใครอยากจะได้ ก็ต้องมาเจอกันหน่อย” ซาโตชิท้าทายโทชิยะ “ที่จริงแล้วฉันก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครนะ แต่ถ้ามาหาเรื่องกันแบบนี้ ฉันก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน”  “โทชิยะอย่านะ อย่าไปมีเรื่องกับซาโตชิเลย เธอบอกเองว่าสู้ใครไม่ได้ไม่ใช่หรอ แล้วเขาก็เป็นหัวหน้าชมรมเทควันโดด้วย ไม่มีใครที่มีเรื่องกันเขาแล้วชนะเขาได้เลย”อายูมิพูดห้ามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง แต่โทชิยะไม่ฟัง  “รู้สึกว่าฉันจะพอเป็นบ้างเหมือนกัน ไม่มีใครเคยชนะหรอ..ไหน มาลองกันหน่อยเป็นไง” โทชิยะเดินตรงไปข้างหน้าของซาโตชิ แล้วทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงหน้าซึ่งกันและกันด้วยเทควันโดท่าเตรียม อายูมิเองมองเห็นก็รู้ทันทีว่าโทชิยะเป็นเทควันโด แล้วทั้งคู่ก็เดินแลกหมัดกันอย่างรวดเร็ว ฝีมือทั้งคู่สูสีกัน เพราะโทชิยะเองถนัดด้านนี้อยู่แล้ว แต่ซาโตชิรู้สึกสงสัยในฝีมือของโทชิยะ เพราะตัวของเขาเองเป็นมือปืนให้กับกลุ่มมาเฟียร์ที่ทรงอธิพลในโอซากา ที่เขามีฝีมือในการต่อสู้นั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่โทชิยะเป็นเพียงเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายมา แต่กลับมีฝีมือที่ดีเอามาก ๆ ดีพอ ๆ หรือไม่ก็ดีกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างรุนแรง เอาจริงเอาจัง ไม่มีใครเสียเปรียบใครโทชิยะใช่ท่าเตะสูงไปที่คอของซาโตชิแต่เขาสามารถหลบได้ทัน “ชวดแต้ม ”เขาพูดขึ้นแล้วหันกลับมาชกซาโตชิเข้าเต็ม ๆ ที่ใบหน้า แต่ซาโตชิก็ชกหน้าเขาไปเต็ม ๆ เช่นกัน ต่างคนต่างลงไปนั่งกับพื้น “ตัดใช่อาวุธผิดประเภท 2 แต้ม” ซาโตชิล้อเลียน “นายก็เหมือนกัน หมัดเมื่อกี้ฉันขอนอกสูตร      เทควันโดนะหัวหน้าชมรม” โทชิยะพูดขึ้นเช่นกัน แล้วทั้งคู่ก็เตรียมจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง พอดีเพื่อนในห้องไปตามอาจารย์มาห้ามเอาไว้ได้ทันแล้วทั้งคู่ก็ถูกนำตัวไปห้องปกครอง อายูมิมองตามโทชิยะอย่างเป็นห่วงและสงสัยในความสามารถในการต่อสู้ของโทชิยะ ซึ่งเขาบอกกับเธอว่าเขาสู้ใครไม่ได้ แถมยังโดนซ้อมมาทั้งตัวอีก แต่ในวันนี้ทุกอย่างดูผิดไปหมด โทชิยะดูชำนาญในการต่อสู้เป็นอย่างมาก เหมือนกับพวกมืออาชีพเลยทีเดียว เพราะตัวเธอเองก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของหน่วยปราบปรามสาขาโอซากา ถึงแม้จะไม่ได้ทำเป็นอาชีพก็ตาม แต่เธอก็ชำนาญการต่อสู้พอสมควร เธอมองออกว่าใครเป็นหรือใครไม่เป็น คนทั้ง 3 คนจาก 3 หน่วยงานมาพัวพันกันเสียแล้ว ยังมีฮิโรชิอีกคน พวกเขาคงจะปิดฐานะของตัวเองไว้ไม่ได้นานเสียแล้ว
    เมื่อถึงตอนเย็นฮิบุอิก็ถามโทชิยะด้วยความเป็นห่วง “ โดนทำโทษหรือป่าวน่ะ”  “โดนดิ ถามอะไรแปลก ๆ” โทชิยะตอบแล้วหัวเราะ  “วันนี้อายูมิจังต้องทำงาน ไม่ได้อยู่ซ้อมเคนโด นายก็กลับบ้านกับฉันก็แล้วกัน” ฮิโรชิชวนโทชิยะ  “อืม ”  “แต่ฉันจะขอไปร้านหนังสือก่อนนะ” ฮิโรชิบอก  แล้วทั้งคู่ก็กลับบ้านพร้อมกัน เมื่อทั้งคู่ออกจากร้านหนังสือก็เป็นเวลาเกือบ 2 ทุ่มแล้ว  “ฮิโรชิ ฉันว่าที่เจ้าของร้านเขาแต่ไล่นายออกมาเนี้ยมันยังน้อยไปนะ ถ้าเป็นฉัน นายมานั่งยู่ในร้านตั้ง  2-3 ช.ม. มาอ่านหนังสือเขาแล้วก็ไม่ซื้อแบบเนี้ยอ่ะนะ ฉันคงถีบส่งนายออกมาด้วยน่ะนะ” โทชิยะแซวฮิโรชิเล็กน้อยแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากซอยนั้นและแล้วฮิโรชิก็หันไปเห็นอายูมิเขาจึงเรียกโทชิยะ เมื่อโทชิยะหันไปมองเขาก็เห็นว่ามีคนกำลังเดินตามอายูมิมา อายูมิเองก็พยายามเดินหนีคนคนนั้น “ซาโตชินิ เขามาเดินตามอายูมิจังทำไม”ฮิโรชิพูดขึ้น  “ทันใดนั้น ซาโตชิก็เดินมาถึงตัวอายูมิแล้วดึงแขนของเธอไว้  “อายูมิจัง เธอจะเดินหนีฉันไปถึงไหน รู้บ้างไหมว่าฉันชอบเธอ ชอบเธอมานานแล้ว แล้วฉันจะไม่ยอมให้ไอ้เด็กใหม่นั้นมาแย่งเธอไปจามฉันเด็ดขาด” ซาโตชิกอดอายูมิไว้แน่น  อายูมิพยายามที่จะสลัดเขาออกไป  “ปล่อยนะ อย่ามายุ่งกับฉัน” แล้วอายูมิก็สบัดหนีไปได้ แต่ซาโตชิก็ยังคงเดินตามเธอไป อายูมิหันกลับไปชกซาโตชิ แต่ซาโตชิจับมือเธอเอาไว้ได้  “เธออย่าลืมสิว่า ฉันเป็นหัวหน้าชมรมเทควันโด เธอมันก็แค่หัวหน้าชมรมเคนโด เรื่องการต่อสู้มือเปล่าน่ะ เธอสู้ฉันไม่ได้หรอก เปล่าประโยชน์ที่จะขัดขืนฉัน”  “ปล่อยนะ ช่วยด้วย!!!”อายูมิกรีดร้องของความช่วยเหลือ  โทชิยะรีบวิ่งออกมาจากมุมตึก  แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ซาโตชิอย่างจัง ซาโตชิผละออกจากอายูมิ  “นายนี้มันยุ่งไม่เข้าเรื่องจริง ๆ เมื่อกลางวันฉันเสียท่านาย แต่คราวนี้ไม่มีแน่นอน”  ซาโตชิพูดจบก็ล้วงปืนออกมาจากกระเป๋านักเรียนเล็งมาที่โทชิยะ ฮิโรชิที่วิ่งตามมาถึงกับต้องหยุดนิ่ง  “ถ้านายเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันยิงเพื่อนนายแน่ “ซาโตชิพูดกับฮิโรชิ อายูมิก็ได้แต่ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ซาโตชิเดินเข้ามาหาอายูมิ  “นายจะเอายังไงอีก” อายูมิถาม “กลับไปกับฉัน อยู่กับฉันซักคืน เรื่องทุกอย่างก็จะจบ” “ไม่ ” อายูมิเสียงแข็ง  โทชิยะเห็นว่าซาโตชิเผลอ จึงวิ่งไปดึงอายูมามาอยู่ข้างหลังของตัวเอง  “อ๊ะ!!! นายจะทำอะไร” ซาโตชิพูดพร้อมยกปืนขึ้นมาส่องโทชิยะ  “ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้ ”อายูมิตะโกนพูดกับซาโตชิ  “นายไม่ควรเอาไอ้นี้ออกมาเล่นนะ” โทชิยะพูดเสียงเข้ม “พอดีฉันชอบเล่นมันซะด้วย โดยเฉพาะเวลาส่องไปที่นาย” ซาโตชิพูดท้าทาย  “ถ้านายชอบ ฉันก็จะเล่นกับนาย เพราะฉันก็เริ่มสนุกเหมือนกัน”  โทชิยะพูดจบก็ดึงปืนสีเงินเป็นวาวออกมาจากกระเป๋าสะพาย  “อืม ฉันประเมินนายต่ำไปนิด แน่กว่าที่ฉันคิด ฉันสงสัยนายมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วว่านายเป็นใครกันแน่ และมาที่โอซากาทำไม แต่เราไม่ใช่เพื่อนกันแน่ เพาะปืนแบบที่นายถือเนี้ย  มันเป็นของพวกสายลับตำรวจหรือไม่ก็สายลับมืออาชีพเขาใช่กัน ถูกไหม!!!”  ซาโตชิเริ่มรู้ฐานะของโทชิยะ “นายไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร ปืนของฉันจะเป็นแบบไหน หรือว่ามาที่โอซากาทำไมก็ตาม ฉันจะพาอายูมิจังไป ฉันไม่อยากยุ่งกับแก็งของนาย” โทชิยะขู่  “ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านายคงเป็นลูกน้องของพวกมาเฟียร์ที่ไหนแน่นอน” โทชิยะพูดกับซาโตชิ ฮิโรชิเห็นเหตุการณ์ตึงเครียดจึงหยิบปืนของตนขึ้นมาแล้วเล็งไปที่ซาโตชิ  “ฉันไม่อยากมีเรื่องกับกลุ่มมาเฟียร์ที่โอซากาหรอ ฉันของเตือนนายให้รีบไปซะ สองต่อหนึ่งอาจจะดูไม่ค่อยสวยน่ะ” ฮิโรชิพูดขู่ซาโตชิ ซาโตชิเห็นท่าไม่ดี จึงค่อย ๆ ถอยหลังแล้ววิ่งหนีเข้าซอยเล็ก ๆ ไป  “ไม่เป็นไรนะ”โทชิยะถามอายูมิ “ไม่ ไม่เป็นไร ขอบใจมากเลยนะ”  อายูมิพยายามพูดเหมือนไม่รู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันเมื่อครู่เลย  “อายูมิจังจะไปไหนต่อล่ะ”  ฮิโรชิถาม  “ก็คงไปอยู่กับแม่น่ะ”  “ที่ไหนหรอ เผื่อไปทางเดียวกัน”    โทชิยะรีบถาม  “ซอยชินโตน่ะ”  “พอดีบ้านพักของฉันกับฮิโรชิก็อยู่ในซอยนั้นเหมือนกัน  ไปด้วยกันเลยดีกว่า  จะได้ไม่เกิดอะไรอีก”  โทชิยะพูดอย่างหวังดี
    เมื่อโทชิยะกับฮิโรชิเดินมาถึงบ้านพัก ฮิโรชิก็ถามอายูมิ “บ้านของคุณแม่ของเธออยู่ไหนล่ะ บ้านของพวกเราอยู่ตรงเนี้ย เราจะได้ไปส่งเธอ”  “พวกเธออยู่ที่นี่กันหรอ”  อายูมิทำหน้างง ๆ แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ประตูของคฤหาดหรือก็คือศูนย์บัญชาการของสาขาโอซากานั้นเอง “คุณหนูอายูมิมาหาคุณนายหรอค่ะ”  แม่บ้านถาม “ค่ะ”  “คุณนายอยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” แล้ว เอ่อ อคุณโทชิยะกับคุณฮิโรชิก็รอทานอาหารพร้อมกับคุณนาย คุณทาคุมา และคุณหนูเลยนะคะ” แม่บ้านบอกกันทั้งสอง “ครับคุณป้า” ฮิโรชิตอบแล้วหันไปมองหน้าอายูมิโดยไม่ได้พูดอะไร  เมื่อนั่งรับประทานอาหาร นาโอมิก็ถือโอกาสแนะนำลูกสาวของตนซึ่งก็คืออายูมิให้ทุกคนได้รู้จัก มันทำให้โทชิยะกับฮิโรชิถึงกับนิ่งอึ่งทีเดียว เพราะตั้งแต่บัดนี้จะมีคนรู้ฐานะของพวกเขามากขึ้นอีก 1 คนแล้ว “อายูมิจังนี้คือโทชิยะ เห็นว่ายังเป็นเด็ก ม.ปลาย แต่เขาก็เป็นสายลับมืออาชีพเชียวนะ ฝีมือดีทีเดียว แล้วนี้ก็  ฮิโรชิ เขาเป็นลูกชายของเพื่อนคุณทาคุมาตอนนี้เป็นสายลับอยู่หลายปีแล้ว เป็นคนเก่งรอบด้านทีเดียว  ถ้าลูกชอบงานแบบนี้ มีอะไรก็ปรึกษาพวกเขาได้นะจ๊ะ”  นาโอมิคุยกับลูกสาว  “หนูรู้จักพวกเขาแล้วล่ะค่ะ เราเป็นเพื่อนกัน”  อายูมิพูดอย่างเขิน ๆ  “เอ่อ โทชิยะ  คือฉันมีอะไรจะคุยกับเธอหน่อย หนูของตัวก่อนนะคะ” อายูมิขอตัวเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับโทชิยะ อายูมิพาโทชิยะออกมาที่สระน้ำ  “ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าจะมาอยู่ที่บ้านของเธอ แล้วมีอะไรหรออายูมิจัง”โทชิยะถามอย่างสงสัย  “เธอฉันมาอย่างนึง ฉันอย่างได้ยินจากปากของเธอ  เธอทำงานอะไร”  อายูมิถามเสียงจริงจัง  “ฉะ ฉัน..คือ ” โทชิยะอึกอัก “บอกฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร แล้วไม่ว่าเธอจะพูดอะไรฉันก็จะไม่โกรธ”  โทชิยะยังไม่กล้าที่จะบอกกับอายูมิ เพราะกลัวว่าอายูมิจะกลัวเขา  “ถ้าฉันบอกเธอไปแล้ว เราจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมหรือป่าว”  โทชิยะถามอย่างจริงจัง  “เป็นสิ เพื่อนก็คือเพื่อน งานก็คืองาน เธอไม่ต้องห่วง”  อายูมิยืนยันพร้อมยิ้มให้  “ฉัน ฉันเป็นสายลับให้กับองกรณ์ลับในการปราบปรามกลุ่มอธิพลนอกกฎหมายและก็เป็นสายลับอิสระ”โทชิยะกลั้นใจตอบ  อายูมิยิ้ม  “นี่สิลูกผู้ชาย ฉันดูคนไม่ผิดจริง ๆ”  อายูมิพูดอย่างจริงใจ  “ฉันเองก็ทำงานให้องกรณ์เหมือนกัน เพียงแต่เราอยู่คนละสาขากันเท่านั้น ก็แม่ของฉันเป็นหัวหน้าสาขานิ ฉันชอบเสียอีกที่มีคนที่ทำงานอย่างเดียวกัน”  คำตอบของอายูมิทำเอาโทชิยะอึ้งไปครู่หนึ่ง “เธอมาอยู่กับคุณทาคุมาได้ไงล่ะ”  อายูมิถามอย่างสงสัย  “ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนั้นหรอก  จำได้ว่า พ่อของฉันตาย แม่กับน้าทาคุมาบอกว่าพ่อตายเพราะอุบัติเหตุ  ส่วนช่วงหลัง ๆ เราย้ายบ้านบ่อยมาก แล้วแม่ก็ไปไต้หวั่น ทิ้งฉันกับน้องสาวให้อยู่กับน้าทาคุมา ซึ่งเป็นน้าแท้ ๆ ฉันจึงอยู่กับเขามาตั้งแต่ 6 ขวบ ฝึกทุกอย่างเหมือนกับคนอื่น ๆ ในหน่วย จนอายุ 13 ฉันก็ได้ออกทำงานครั้งแรก คุ้มกันบุคคลสำคัญ แล้วก็ชิงตัวประกัน ทลายกลุ่มมาเฟียร์จนถึงตอนนี้” โทชิยะพูดแล้วทำหน้าเศร้า  “แต่ฉันรู้สึกสนุกกับมันนะ”  อายูมิแสดงความเห็น  “นั้นเพราะเธอไม่ได้ทำมันเป็นอาชีพ ไม่ต้องทำมันเกือบทุกวัน แรก ๆ ฉันก็คิดเหมือนเธอ แต่พอทำได้ซักพักแล้ว เธอก็จะรู้ว่ามันเป็นเกมส์  เกมส์ที่เดินพันด้วยชีวิต เกมส์ที่เริ่มขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าสู่ถนนสายนี้ เมื่อกระสุนนัดแรกออกจากลำกล่อง  แต่เกมส์นี้ไม่มีทางออก เมื่อเริ่มเล่นไปแล้ว ก็ต้องเล่นมันต่อไป จะหยุดไม่ได้ ถ้าจะหยุดก็มี 2 ทาง คือ ศัตรูตาย แล้วอีกทางก็คือ ตาย ”โทชิยะก้มหน้าลง น้ำเสียงสั่นเครือ  อายูมิหน้าเสียเมื่อได้ยินคำพูดของโทชิยะ เธอไม่กล้าที่จะถามอะไรมากไปกว่านี้ ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคุยไป  “ขอบคุณเธอมากนะ ที่ช่วยฉันไว้” เธอยิ้ม  “อืม เอ่อ!!!ไม่เป็นไรหรอก เล็กน้อยน่ะ” โทชิยะยิ้มเขิน ๆ  “เอ่อ อายูมิจัง คือฉันมีอะไรอยากจะบอกเธอน่ะ”  เขาก้มหน้าพูด “อะไรหรอ ว่ามาสิ”  “เธอ เอ่อ เป็นผู้หญิงที่หน้าสนใจดีนะ”  โทชิยะพูดพรางยิ้มอาย ๆ แล้วมองหน้าอายูมิตาไม่กระพริบ” อะไรของเธอน่ะโทชิยะ” อายูมิหลบหน้าจากสายตาของโทชิยะ  “ฉัน คือ เธอจะว่าอะไรฉันไหม ถ้าฉันบอกว่าฉันชอบเธอ” โทชิยะพูดแล้วก้มหน้าหนี ใบหน้าเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ “บ้าหรอ .” อายูมิเขินจนทนนั่งอยู่ไม่ได้ ทั้งที่ในใจก็ชอบโทชิยะอยู่ไม่น้อย เธอรีบลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตู  “จะว่าไปแล้ว เธอก็น่ารักดีเหมือนกัน” อายูมิอยู่ยิ้ม แล้ววิ่งขึ้นห้องไป โทชิยะนั่งมองอายูมิวิ่งไปจนสุดสายตา ตอนนี้เขากำลังเคลิบเคลิ้มกับคำพูดของอายูมิเสียแล้ว 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น