ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเรื่องเลย

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 รอดอแสนสุข

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      0
      9 ต.ค. 46



    วันนี้ผมไปเช่าวีดีโอมาจากร้านวีดีโอสุดโปรดของผมที่ย่านท่าพระจันทร์ ร้านนี้เป็นร้านเล็ก(ตอนที่ผมสมัครสมาชิกร้านนี้ใหม่ๆ พอไปเช่าทีไร เดินเลยร้านทุกที) แต่เพียบไปด้วยหนังดีทั้งนั้น ร้านนี้มีจุดเด่นอยู่ที่คุณสามารถเลือกหนังดูได้หลายหลายประเทศ หลากหลายแนว คุณสามารถหาหนังที่ไม่ได้เข้าฉายเมืองไทยมาดูได้ และพนักงานร้านที่รอบรู้ด้วยความรู้เรื่องหนัง วันนี้ผมเช่าเรื่อง Stand By Me มาดูเป็นหนังคลาสสิคที่ใครๆก็พูดถึง แต่ผมก็ยังไม่เคยดู เนื้อเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพของเหล่าผองเพื่อนในวัยเด็ก หนังดีมากๆ (เสียดายน่าจะหามาดูได้ตั้งนานแล้ว) ดีจนถึงขนาดผมน้ำตาคลอเบ้าเมื่อดูหนังจบ(ปกติผมไม่ได้เป็นคนอ่อนไหวง่ายหรอกนะ) หนังมันไม่ได้เศร้าสะเทือนใจมากขนาดนั้นหรอกนะ แต่มันประทับใจและตื้นตันใจมาก พอผมดูหนังเรื่องนี้จบ เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของผมก็ผุดขึ้นมา ผมชอบช่วงเวลาวัยรุ่นมาก และมักจะอดยิ้มไม่ได้เมื่อคิดระลึกถึงอดีตเมื่อตอนแตกเนื้อหนุ่ม แต่อนิจจา ระหว่างที่ผมกำลังนั่งละเมอยิ้มอยู่คนเดียวนึกถึงเรื่องเก่า ผมก็ต้องมาสะดุดกึ๊กกับความทรงจำของตัวผมเอง(คุฯลองนึกสภาพกำลัฟังซีดีเพลงแล้วอยู่ดีๆ แผ่นมันก็สะดุดขึ้นมาซะงั้น) นั่นก็คือการเรียนรด.หรือโรงเรียนรักษาดินแดน การเรียนถือว่าเป็นสิ่งที่เกลียดมากที่สุดในช่วงม.ปลาย สามารถแจกแจงเหตุผลท่ไม่ชอบได้ดังนี้



    1.เครื่องแบบ  ผมไม่เคยเห็นเครื่องแบบอะไรทุเรสเท่าเครื่องแบบรด.มาก่อนเลย ทั้งรูปแบบการตัดเย็บที่แสนเฉิ่ม เนื้อผ้าที่หนาเตอะ(เหมาะกับอากาศประเทศไทยมากๆเลยแหละ) รองเท้าคอมแบทแต่ใส่เดินแล้วเมื่อยตีนดีนัก ทั้งหนา ทั้งหนัก ก้าวก็ลำบากเพราะรองเท้ามันสูงถึงหน้าแข้ง แถมยังต้องใส่ซิ่งด้วย บางคนที่ไม่เคยเรียนรด. หรือไม่คุ้นเคยกับเครื่องแบบทหารคงจะงงว่า “ซิ่ง” คืออะไร ซิ่ง คือ อุปการณ์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกำไลข้อเท้า ทำจากเหล็ก ประโยชน์ของมันก็คือ เวลาใส่เดินแล้วจะมีเสียง “ ซื่ม ซื่ม” เป็นตัวถ่วงให้กางเกงตึง และประโยชน์ที่สำคัญม้ากมากอีกอย่างหนึ่งคือ มันจะช่วยทำให้น้ำหนักของเท้าเรามากขึ้นและเวลานั่งขัดสมาธิจะรู้สึกเจ็บข้อเท้า   มีอยู่วันหนึ่งผมรู้สึกอยากจะเอากรรไกรมาตัดเสื้อรด. ให้มันขาดไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แค่จะต้องไปเรียน รด. ช่วงบ่ายก็เศร้ามากพอแล้ว อากาศวันนั้นยังมีความชื้นสัมพัทธ์สูงอีกตะหาก ฝนทำท่าจะตก ท้องฟ้ามืดครึ้ม อืมดีจัง แล้วยังต้องมาใส่เครื่องแบบ รด. อีกเข้ากันดีจัง ผมล่ะอยากจะคลั่งตาย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ตอนปี 2 ผมหยุดเรียน รด. 4 ครั้งแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าถ้าผมหยุดมากกว่านี้แค่ครั้งเดียวผมจะหมดสภาพความเป็นนักศึกษาวิชาทหาร ต้องเรียนซ้ำอีก 1 ปี ตอนนี้ผมจึงต้องเรียนรด. ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับว่ามีใครเอาไฟมาจี้ก้นยังไงชอบกล (ว่าแล้วก็รู้สึกเจ็บแปล้บที่ก้นว่ะ สงสัยอาหารกลางวันทำพิษแน่เลย)

    2.ครูฝึกงี่เง่า  ผมไม่ได้หมายถึงทุกคนหรอกนะที่งี่เง่า แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเช่นนั้น งี่เง่ายังไงนะเหรอ

        2.1 ไร้เหตุผล  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่พอใจอย่างมาก อย่างตอนไหนที่มันเกิดหงุดหงิดขึ้นมา มันก็อาจจะสั่งให้ใครซักคนลุกนั่ง (ศัพท์ทางราชการอีกอย่างหนึ่งก็คือ “แทงปลาไหล”) อันนี้เรื่องจริง เช่น “เฮ้ย! มึงไอ้หน้าจืด หน้าตากวนตีนว่ะ ลุกนั่งไปเลย 20” ผมเองไม่เคยโดนทำโทษในลักษณะแบบนี้หรอก แต่มักจะโดนสั่งลุกนั่งด้วยเหตุผลปัญญาอ่อนซะมากกว่า เช่น “เฮ้ย ! มึงมองหน้ากูทำไม ลุกนั่งไปเลย 50” หรือ “เฮ้ย ! มึงอ่ะ มึงนั่นแหละไม่ต้องมองใคร มึงใส่หมวกเป็นเข่งปลาทูเลยนะมึง ลุกนั่งไปเลย 20” และ “เฮ้ย! มึงลุกนั่งไปเลยเท่าจำนวนกระดุมบนตัวมึงน่ะ แม่ง!อย่างกะเด็กอนุบาล กระดุมเสื้อก็ติดไม่ครบ” ผมก็เลยเริ่มจะชินกับการถูกสั่งลุกนั่งแล้ว จนไม่รู้สึกว่ามันน่าอาย หรือว่าเหนื่อยอะไรเท่าไหร่   นอกจากจะงี่เง่าเรื่องการลงโทษแล้ว ยังงี่เง่าเรื่องการตรวจผมอีกด้วย มีเพื่อนผมอยู่คนหนึ่งมันตัดทรงนักเรียนเห็นหนังหัวสีเขียวอ่อนๆทั้งสามด้านแล้ว มันยังโดนไล่ไปตัดผมเอง(อนิจจามากๆ) แล้วร้านตัดผมที่ศูนย์ฝึกก็ตัดได้ไร้ซึ่งความประณีตบรรจงโดยสิ้นเชิง มาถึงเอาปัตตาเลี่ยนไถพรืดๆๆๆ  3 ครั้งเป็นอันเสร็จ(ตามจริงคงมากกว่า 3 ครั้งแต่ผมใช้โวหารอธิพจน์หรือการกล่าวเกินจริงไปเอง) ยังไม่พอร้านตัดผมที่ศูนย์ฝึกยังชอบแถมของแถมอีกด้วย  ของแถมที่ว่าก็มีสารพัด มีทั้ง ขี้กาก ขี้เกลื้อน เชื้อรา แล้วแต่ว่าคุณอยากได้อะไร

        2.2 หยาบคาย  เรื่องนี้ตามจริงผมค่อนข้างจะชินแล้วล่ะ เพราะผมเรียนรด. มาแล้ว 3 ปี ผมยังไม่เคยเห็นครูฝึกคนไหนพูดจาดีซะคน ที่ผมพูดนี่ไม่ได้หมายความว่าให้พูดภาษาดอกไม้กับนักเรียนหรอกนะ แค่อยากให้พูดเพราะกว่านี้ เพราะบางทีครูฝึกมันก็ลามปามพูดจาล้อนักเรียนเล่นถึงพ่อถึงแม่หรือไม่ก็เอาปมด้อยของเด็กมาล้อเล่นด้วยความเมามัน แน่ล่ะมันอาจจะเป็นเรื่องขำขันสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนที่โดนพูดถึงย่อมฮาไม่ออกแน่ หรือบางทีมันก็พูดถึงเรื่องเพศอย่างเปิดเผยและโจ่งแจ้งเกินไป ไม่ใช่ว่าผมอยากให้เรื่องเพศเป็นเรื่องที่ควรปิดบังหรอกนะ แต่บางทีการใช้ภาษาที่ชาวบ้าน(โครตๆ) มันก็ไม่ดีนัก ฟังแล้วระแคะระคายหู พลอยให้ผมรู้สึกไม่เคารพตัวครูผู้ฝึกไปด้วย ครูฝึกบางคนหน้าหื่นไม่พอ ยังชอบพูดถึงเรื่องเพศ ด้วยภาษาที่หื่นกว่าหน้าอีก  มันอาจจะทำให้นักเรียนรู้สึกเป็นกันเองกับครูฝึก(รึเปล่า) แต่ก็อย่างว่าแหละ เรื่องในที่ลับแต่เอามาพูดในลักษณะเล่นๆในที่โจ่งแจ้งแบบนี้มันก็เหมือนเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็ก

    3.รูปแบบการสอน   นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ผม “เซ็ง” กับการเรียน รด. ตอนปี1 ผมว่าน่าเบื่อแล้ว พอมาเจอปี 2และ3 ผมรู้สึกรักปี 1 มากๆเลย และอยากกลับไปเรียนที่ศูนย์เก่าที่เรียนตอนปี 1   เหตุผลที่ผมชอบศูนย์เก่า ก็เพราะมีคนเรียนน้อย ถึงจะฝึกหนักแต่ก็พักบ่อยและนาน ครูฝึกโหดแต่ก็ใจดี  อากาศดีต้นไม้เยอะ มีบึงด้วย ห้องน้ำสะอาด ขนมเยอะดี ไม่แพงแถมอร่อยด้วย  ถ้าครั้งไหนที่เรียนภาคทฤษฏี ซึ่งต้องเรียนในห้องเรียน ก็แอบหลับได้อย่างสบาย ส่วนที่ศูนย์ใหญ่ คนเยอะมากๆ รู้สึกอึดอัดอย่างแรง พักไม่แป๊ปเดียว เรียนบ่อยและนาน แถมเรียนก็แอบหลับไม่ได้เพราะถ้าหลับจะโดนทำโทษ อีกอย่างสั่งงานทุกชั่วโมงด้วย (งานที่ว่าก็คือให้เปิดหนังสือแล้วก็นั่งย่อลงในกระดาษ ท้ายชั่วโมงส่ง แม่ง! เรียนอย่างกะเด็กป.1 เผลอๆแย่กว่าเด็กป.1 อีก  แบบนี้จะให้ประเทศชาติจะพัฒนากันได้ยังไง)  ส่วนอาจารย์ผู้สอนก็สอนแบบขอไปที มาถึงก็บ่นๆอะไรก็ไม่รู้  ราวกับว่าไม่ได้วางแผนก่อนมาสอน  ตลอดราวๆ 3 ชั่วโม ต้องมานั่งฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ถ่างตาไม่ให้หลับ จะไม่ให้ทรมานได้ยังไง ถ้าให้เรียบแบบนี้ผมเรียนวิชาบัญชีกับอาจารย์อมรศรี ยังจะดีเสียกว่าอีก( วิชาบัญชีของอ. อมร เป็นวิชาเลือกเสรี ของเด็กวิทย์-คณิต ห้อง1 ซึ่งทุกคนในห้องต้องจำใจเรียนด้วยความทรมาน ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากเรียน แต่ทำไงได้อย่างน้อยก็ยังดีกว่า เลือกเรียนวิชาเลือกเสรีเป็นวิชา ศิลปะ ซึ่งนอกจากจะงานเยอะแล้ว ผมยังไม่มีฝีมือด้านนี้อีกด้วย)

    4.กลับยาก  เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก เพราะหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยและสลดใจกับการเรียน รด. มา 5 ชั่วโมงแล้วแทนที่จะได้รีบกลับบ้านเร็วๆ แต่ที่ไหนได้ เรายังต้องมาทนรอรถกลับบ้านเป็นเวลามาต่ำกว่า ครึ่งชั่วโมง ต้องไปแย่งรถแท็กซี่กับคนอื่นๆนับร้อย นับพันที่ต่างกะอยากจะกลับบ้านด้วยกันทั้งนั้น จะนั่งรถเมล์ก็ไม่ไหว เพราะคนจะแน่นมากๆ จนบางคนแทบจะได้เกาะล้อรถกลับบ้าน บางวันโชคร้ายแท็กซี่มีน้อยก็ต้องรอนานเป็นชั่วโมง  ตามจริงรถแท็กซี่มันก็ไม่น้อยหรอกนะ แต่ประมาณ 70% ของรถแท็กซี่เมื่อขับมาใกล้ถึงบริเวณศูนย์ฝึก ต่างก็พร้อมใจกันเบี่ยงรถออกเลนนอก แล้วก็โบกมือบ้าย บาย กันเป็นแถว  ผมพอจะเดาออกว่าทำไมแท็กซี่จึงไม่อยากรับลูกค้าจำพวกพวกนักเรียนรด.

        4.1 ยัดแหลก       เพราะเด็กวัยรุ่นนั้นส่วนใหญ่ยังไม่มีรายได้เป็นของตนเอง เงินที่ได้มาจากพ่อแม่แต่ละวันก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดจะเอามานั่งรถแท็กซี่กลับคนเดียว หรือสองคน (นี่ผมพูดถึงคนส่วนใหญ่นะ ส่วนพวกที่เป็นเจ้าสัวทั้งหลายนั้นมักจะเป็นส่วนน้อย)  ดังนั้นวัยรุ่นพวกนี้จึงมักจะงก นั่งรถแท็กซี่ทีแทบจะต้องขี่คอกันนั่ง ดังนั้นพวกแท็กซี่ทั้งหลายจึงเข็ดขยาดพวกวัยรุ่นเพราะถ้ารับจะได้ไม่เท่ากับเสีย

        4.2 กลิ่น   แหม..ก็ฝึกหนักมาตั้งค่อนวัน แถมเสื้อรด. มันก็มีคุณสมบัติทำให้เหงื่อออกมากแต่ห่วยแตกในการระบายเหงื่อและความร้อน มันจึงเกิดเป็นกลิ่นอันหอมหวนซะยิ่งกว่าคลองแสนแสบ แล้วคิดดูว่าขึ้นแท็กซี่ที ส่วนมากก็มักจะยัดกันเข้าไป 4-5 คน คราวนี้ล่ะ มันก็จะกลายเป็นน้ำเน่าสายใหญ่ที่เกิดจาก แม่น้ำ 5 สายมารวมกัน แล้วแบบนี้แท็กซี่คันไหนจะอยากรับ รด.อย่างพวกผมล่ะ



        ผมว่าเหตุผลแค่ 4 ข้อนี้(แต่จะว่าไปมันก็ตั้ง 4 ข้อนะ)มันก็สามารถทำให้ผมและใครต่อใครรู้สึกกระอักกระอ่วน อยากจะคลื่นไส้ อ้วกออกเป็นเป็นเลือดทุกครั้งที่ต้องเรียน รด.  ผมล่ะเบื่อพวกผู้หญิงที่ปากดี ไม่เคยเรียนด้วยตัวเองแต่ทำเป็นเป็นเก่ง รู้ดีนัก โด่เอ้ย



    ผม  :  “โหย.. วันนี้เรียน รด. อีกแล้วอ่า... ไม่อยากไปเรียนเลย\"    

    พวกผู้หญิง : “โห... แค่นี้ทำเป็นบ่น เรียนๆไปเหอะ ขนาดเรายังอยากเรียนเลย เท่ห์ดีออก”

    ผม  :  “เท่ห์ตายเลย  แล้วทำไมไม่เรียนซะเลยล่ะ”

    พวกผู้หญิง : “ถ้าเราเรียนได้เราก็เรียนแล้วแหละ แต่แม่เราไม่ให้เรียน”

    ผม  :  “เออ  ทำเป็นอวดเก่งไปเถอะ มาเรียนเองแล้วจะรู้สึก”

    พวกผู้หญิง : “ไม่ได้อวดเก่งซะหน่อย  ก็มันจริงนี่นา ถ้าเราไปเรียนแทนแกได้เราก็คงไป  แทนแล้วล่ะ”

    ผม  : “ก็เหมือนกับที่เวลาที่ผู้หญิงเมนส์มาแล้วก็บ่นว่าปวดท้อง แล้วผู้ชายก็จะบอกว่า แค่เมนส์มาไม่เห็นต้องทำท่าว่าเจ็บเว่อร์ขนาดนั้นเลย แล้วผู้หญิงก็จะตอบว่า ก็มาเป็นเมนส์เองบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่ามันปวดท้องแค่ไหน”

    แต่ถึงยังไงต่อให้เป็นผู้หญิงเรียน รด. ผมก็เชื่อว่าคงฝึกไม่หนักนักหรอก ผู้หญิงออกจะบอบบางหนิ อีกอย่างครูฝึกแสนหื่นก็คงอยากจะถนอมนักเรียน รด. หญิงไว้จนตัวสั่น



        เอาเถอะนะใครจะหาว่าผมปอดแหก ไม่มีความอดทน หาเหตุผลงี่เง่าปัญญาอ่อนมาสนับสนุนว่าการเรียน รด. มันน่าเบื่อ หรืออะไรก็ตามใจเถอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ถึงยังไงผมก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่าผมไม่ชอบเรียน รู้สึกอคติ  และประโยชน์ที่ผมมองเห็นจากการเรียนรด. ก็มีเพียงแค่ ทำให้ผมไม่ต้องเกณฑ์ทหาร(ตามจริงมันอาจจะมีประโยชน์มากกว่านี้ก็ได้ แต่ผมนึกไม่ออกปละไม่มีวันอยากจะมานั่งนึกด้วย)

        ปล. ผมรู้สึกว่าผมบ่นเรื่อง รด. มายาวเกินไปแล้วล่ะ มาถึงตรงนี้คุณคงจะรู้สึกเบื่อและคิดว่า “ไอ้นี่มันจะบ่นอะไรนักหนาวะ กูเรียนรด. มาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเลย”

    เอาเถอะ  ต่อไปนี้ผมจะไม่พูด ไม่บ่นเรื่องเรียน รด. อีก(ถ้าเป็นไปได้นะ)

    สัปดนวันละนิด!

    อืมไหนๆก็พูดถึงรด.(รู้สึกคลื่นใส้ราวกับในท้องเกิดคลื่นลูกใหญ่อีกแล้ว) ขอต่ออีกซักหน่อยก็แล้วกัน คือมีเรื่องเล่าอันน่าพรั่นพรึงสะพรึงกลัวอยู่ว่า ตอนที่อยู่รด. ปี1 เวลารวมแถมจะต้องมารวมที่กลางถนนซึ่งราดด้วยยางมะตอย มันจึงดูดความร้อนได้ดีกว่าคอนกรีต  แล้วผมเรียน รด. ช่วงบ่ายด้วย ซึ่งแดดจะร้อนมาก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องทรมานมากสำหรับการรวมแถม เพราะเราจะนั่งกันไม่ติดพื้น คุณอาจจะนึกไม่ออกหรอกว่ามันร้อนขนาดไหน แต่ว่ามันร้อนมากจริงๆ ร้อนจนรู้สึกว่าไข่จะสุก ก้นจะเกรียม มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนที่เป็นคู่หูของผมชื่อ แจ๊ค (เอาไว้ผมจะขยายความเรื่องไอ้แจ๊คทีหลังแล้วกัน) มันคงจะทนไม่ได้แล้ว มันก็เลยตัดสินใจวานเราผมไปซื้อผ้าอนามัยให้  ผมก็หน้าด้านไปซื้อให้มัน ผมเดนเข้าไปในสหกรณ์โรงเรียน แล้วแลกคูปอง 6 บาท เดินไปที่ตู้ขายผ้าอนามัย เผอิญว่าปกติผมเป็นเวรขายของที่สหกรณ์อยู่แล้ว ผมก็เลยเดินเข้าไปหลังตู้ในส่วนที่เป็นพื้นที่ขายของๆพนักงาน แล้วก็หยิบผ้าอนามัย(ยี่ห้ออะไรไม่ทราบเนื่องจากไม่สันทัด) มาสองแผ่น จากนั้นก็ฉีกคูปองลงตะกร้า รีบซุกผ้าอนามัยลงกระเป๋าทันทีแล้วก็แจ้นออกมาจากสหกรณ์  (ผมทำราวกับว่ากำลังซื้อขายสิ่งของผิดกฎหมาย) แล้วก็ไปหาที่ลับตาคนแล้วยื่นผ้าอนามัยให้ไอ้แจ๊ค อยากรู้แล้วล่ะสิว่าไอ้แจ๊คมันเอาผ้าอนามัยไปทำอะไร ?

    คืออย่างนี้ครับ กางเกงรด. จะมีประเป๋าหลังตรงก้นสองข้าง มันก็เลยเอาผ้าอนามัยใส่เข้าไปในกระเป๋าหลังทั้งสองข้าง เพื่อที่เวลานั่งจะได้ไม่ร้อนก้น แต่มันก็ไม่ได้ทำหรอกครับ เพราะโดนเพื่อนล้อจนต้องเอาผ้าอนามัยทิ้งไปก่อนที่จะได้ใช้จริง  แต่ก็นับว่าไอ้แจ๊คมันมีความคิดสร้างสรรค์ดีนะครับ นับถือมันเลย( ว่าแต่ว่าผมอุตริไปซื้อผ้าอนามัยได้ยังไงเนี่ย)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×