ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แผนที่ปริศนา?
                        ~~~~~~ในสมัยก่อนเก่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องการ~~~~~
                      ~~~~~อยู่ในดินเเดนที่สงบสุข ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย~~~~~~
                        ~~~~~เเต่ !!! ดินเเดนเเห่งนี้มันไม่ใช่เเค่สงบสุข~~~~~~~
                            ~~~~~คนที่สามารถครอบครองดินเเดนเเห่งนี้ได้~~~~
                                  ~~~~~~ก็จะเป็นผู้ครองทุกสรรพสิ่ง~~~~~~
                        ~~~จึงก่อเกิดการเเย่งชิงกันระหว่างเเสงสว่างเเละความมืด~~~
                              ~~~ผู้ที่เป็นตัวเเทนเหล่าเเสงสว่างนี้ คนผู้นั้นคือใคร~~~                                               
~~~ในตอนเช้า ของเมือง เวลตันเป็นเช้าที่มีอากาศเเจ่มใสมีเเม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองและมีป่าขนาดย่อมอยู่หลังเมือง..ในป่านั้นมีบ้านเล็กอยู่ ตัวบ้านดูสกปรก มีสีออกน้ำตาลคล้ำ    หลังบ้านหลังนี้มีอากาศเย็นสบาย มีลมพัดมาเอื่อยๆ ยอดใบหญ้าปลิวไหวไปกับสายลม มีชายร่างเล็ก กำลังเล็มหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้านของเขา ชายคนนี้มีลำตัวที่ ซูบผอม ขาลีบเล็ก... และจู่ๆก็มีเสียง ดังขึ้นว่า
“ รูอี้แกทำอะไรของแกอยู่น่ะชักช้าจริงๆเลย”
รูอี้ตอบว่า “ ขอโทษครับอีกนิดเดียวผมก็จะเล็มหญ้าเสร็จแล้ว”
        เสียงนั่นก็คือเสียงของป้าพาล์เวล พอรูอี้เล็มหญ้าเสร็จเเล้ว รูอี้ก็จะไปทำอาหารเช้าให้ป้ากิน และอาหารเช้าของวันนี้ มีปลาทอด ที่ไปตกมาจากเเม่น้ำ รอลเวย์ กับไข่ดาว เป็นไข่ของไก่ ที่รูอี้เลี้ยงไว้ และหลังกินข้าวกับป้าพาล์เวลเสร็จเเล้ว รูอี้ก็เก็บจานเอาไปล้าง พอตกบ่ายรูอี้ก็จะออกไปให้อาหารไก่เเละก็เดินต่อไปตกปลาที่เเม่น้ำรอลเวย์ พอถึงหัวค่ำ รูอี้ก็ทำอาหารค่ำเเล้วก็เข้านอน...ซึ่งรูอี้ต้องทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน
       
        รูอี้เป็นเด็กชายวัย 17 ปี เขาเกิดเเละโตมาที่บ้านหลังนี้ เเม่เขาตายตั้งเเต่รูอี้ยังเด็กๆส่วนพ่อของเขาก็หายสาปสูญไป รูอี้เป็นเด็กธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษเเต่รูอี้เป็นเด็กที่ฉลาด มีหัวคิดในเรื่องต่างๆ รูอี้ได้ประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น จานข้าวที่มีช้อนเเละส้อมคอยตักอาหารป้อนเข้าปากตลอด หรือ จะเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีระบบตากผ้าในตัว เเต่คนส่วนมากมักจะไม่ยอมรับในความคิดเเละสิ่งประดิษฐ์ของรูอี้ เพราะคนในสมัยนั้นมักมีความคิดกันเเบบโบราณ ในความคิดของคนในเมืองนี้ก็มองรูอี้เหมือนเป็นเด็กประหลาด เเต่รูอี้ก็มีเพื่อนอยู่ 1 คน เพื่อนของรูอี้คนนี้ชื่อว่าเเม๊ก ... เเม๊กเป็นคนใจร้อนเเต่ก็มีข้อดีคือ เเม๊กเป็นคนรักเพื่อนเเละเป็นคนที่มีพละกำลังมากกว่าคนธรรมดา 5 เท่า รูอี้กับเเม๊กเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก สนิทกันมาตั้งเเต่เด็กๆ เวลา รูอี้ทำอะไร เเม๊กก็มักจะทำตามไปด้วยในเรื่องที่ดีเสมอ...
       
          อาทิตย์ถัดไปในเช้าวันจันทร์เป็นวันที่เกิดเหตุการ์ณเเปลกประหลาดขึ้น มีฝนตกหนัก กว่าทุกครั้งที่เคยมีมา ฟ้ามืดครึม ในสายฝนที่ตกหนักนั้นมีชายชราเดินเข้ามาในเมืองเเล้วตรงไปที่บ้านของรูอี้ ในขณะนั้นรูอี้ก็กำลังทำอาหารเช้าอยู่
เเละอยู่ๆก็มีเสียงดังจากประตูว่า “ รูอี้อยู่ไหน!!!“
รูอี้เกิดอาการตกใจ เพราะมันเป็นเสียงที่น่ากลัวมาก รูอี้เดินขาสั่นไปที่ประตู เเล้วขณะที่กำลังจะเปิดประตู
ก็มีเสียงดังขึ้นอีกว่า “ รูอี้อยู่ไหน”
รูอี้ก็ตอบกลับไปว่า “ มะมะ..มาเเล้วครับ “ รูอี้เสียงสั่นด้วยความกลัว
พอรูอี้เปิดประตูก็พบชายชราร่างใหญ่ และเขาจ้องมาที่รูอี้ เป็นเวลานานพอสมควร รูอี้ก็ได้เเต่ยืนขาสั่นไม่กล้าสบตามองชายชรา
จากนั้นชายชราก็พูดขึ้นว่า “ เจ้าคือ รูอี้สินะ”
รูอี้ก็ตอบว่า “ ชะชะ..ใช่ครับ”
เเล้วชายชราก็ยื่นกระดาษสีครีมอ่อนมาให้รูอี้เเล้วชายชราก็ได้จากไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก พอรูอี้หันไปมองดูชายชราอีกทีรูอี้ก็ไม่เห็นชายชราเเล้วพอรูอี้ตั้งสติได้ รูอี้หยิบกระดาษที่ชายชราให้ไว้ขึ้นมาดู รูอี้เห็นข้อความเป็นเส้นหยิกมีใจความว่า จงไปตามเเผนที่นี้เเล้วเจ้าจะได้พบในสิ่งที่เจ้าต้องการ พอรูอี้พลิกกระดาษดูรูอี้เห็นเเผนที่ขนาดย่อมๆมันดูเหมือนเมืองๆหนึ่ง มันเป็นดินเเดนที่รูอี้ไม่รู้จัก
       
          รูอี้ตกใจกลัวกับเหตุการ์ณนี้มาก พอฝนหยุดตกเเล้ว ป้าพาล์เวลก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เเล้วป้าก็เห็นว่า รูอี้ตัวเปียกทั้งตัว
ป้าพาล์เวลจึงถามว่า “ เเกไปทำอะไรมา ตัวถึงได้เปียกชุ่มขนาดนี้\"
รูอี้ตอบว่า “ ปะปะ..ปล่าวครับ ผมเเค่ออกไปเก็บผ้า “
      ป้าก็ไม่ได้สงสัยอะไร พอเหตุการ์ณนี้ผ่านไปได้ราวๆ 1 อาทิตย์ รูอี้ก็นำกระดาษนั้นมาอ่านดูอีกที รูอี้เกิดความตื่นเต้น เพราะโดยนิสัยพื้นฐานของรูอี้ก็เป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นอยู่เเล้ว รูอี้จึงได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางพอรูอี้ตัดสินใจได้เเล้ว รูอี้ก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับ เเม๊ก
รูอี้พูดกับเเม๊กว่า “ เเม๊ก เราจะออกเดินทาง”
รูอี้พูดต่อว่า “ การเดินทางครั้งนี้คงจะมีทั้งความสนุกสนานเเต่มันก็คงต้องมีอันตรายกันบ้างล่ะ” “เเล้วเเกจะไปกับเราไหม”
พอรูอี้พูดจบ เเม๊กก็ลุกขึ้นเเล้วได้เดินออกไปจากที่ตรงนั้น
       
          หลังจากที่รูอี้ได้คุยกับเเม๊กเเล้วรูอี้ก็คิดว่า ยังไงเเม๊กก็คงไม่ไปกับเราเเน่นอน รูอี้จึงตัดสินใจว่าจะไปคนเดียว พอตัดสินใจได้เเล้วรูอี้ก็ได้ไปเก็บข้าวของ ใส่ในกระเป๋าขนาดกระทัดรัด ในกระเป๋ามีของที่จำเป็นหลายๆอย่างเช่น อาหารเเห้ง เสื้อผ้า2-3ชุด เเผนที่เมืองใหญ่ๆ เข็มทิศ พอจัดข้าวของเสร็จ รูอี้กะไว้ว่า จะออกเดินทางภายใน 3 วันข้างหน้า
         
          พอกำหนดวันเดินทางได้เเล้วรูอี้ก็ได้ศึกษาเเผนที่ ที่ชายชราให้มา รูอี้ดูเเล้วดูอีก รูอี้จึงใช้การสังเกตุ ภูมิประเทศ ภูมิประเทศในเเผนที่
มีหุบเขาล้อมรอบ หุบเขานั้นมีชื่อว่า สการ์ไลท์ ซึ่งเป็นหุบเขาที่อันตรายมาก รูอี้เคยได้ยินว่า คนที่เคยไปหุบเขานี้ไม่มีใครได้กลับมา
พอรูอี้รู้ว่าคนที่ไปหุบเขานี้ไม่เคยมีใครกลับมาได้เท่านั้น รูอี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ในขณะที่รูอี้กำลังศึกษาเเผนที่อยู่นั้น ป้าพาล์เวลก็เปิดประตูเข้ามา ป้า
พาล์เวลเห็นกระเป๋าวางอยู่ ป้าพาล์เวลจึงพูดว่า “รูอี้ นี่เเกจะไปไหน!!!” รูอี้จีงบอกว่า “ผมจะออกเดินทางครับ” ป้าพาเวล พูดเสียงดังว่า “ไม่ได้!!!” รูอี้ถามว่า\"ทำไมล่ะครับ\" ป้าก็ตอบอย่างเดียวว่า \"ไม่ได้\" เเล้วป้าพาล์เวลก็หยิบกระเป๋าของรูอี้เเล้วก็เดินออกจากห้องไป รูอี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าถึงต้องโกรธขนาดนี้...ในเวลาอาหารเย็น รูอี้ก็กินข้าวพร้อมกับป้าเเล้ว
รูอี้ก็พูดขึ้นว่า “ ป้าครับทำไมผมถึงไปไม่ได้ล่ะครับ”
ป้าพาล์เวลมองมาที่รูอี้เเละ พูดขึ้นว่า “เเล้วเเกจะออกเดินทางไปไหน”
รูอี้ตอบ “ หุบเขา สการ์ไลท์ ทำไมหลอครับ?”
ป้าพาล์เวลถามต่อ “ เเล้วเเกรู้ไหมว่าคนที่ไปที่หุบเขานี้ต้องหายสาปสูญไปทุกคน”
รูอี้ตอบ  “ก็รู้ครับ”
ป้าพาล์เวลถามอีกว่า  “รู้เเล้วเเกจะไปทำไม เพราะถ้าเเกไปเเกก็ต้องหายสาปสูญไปด้วย”
รูอี้ตอบกลับ  “ก็ ผมต้องการที่จะรู้นิครับว่ามันมีอะไรอยู่ที่หุบเขานั้น!!ผมต้องการพิสูจน์”
ป้าพาล์เวล นิ่งเงียบไป เเล้วก็พูดออกมาเสียงดังว่า “เเกรู้ไหมว่าพ่อของเเกก็ไปที่หุบเขานี้เหมือนกัน เเล้วพ่อของเเกก็หายสาบสูญไป”
รูอี้ ตกใจเเล้วพูดว่า “จะจะ..จิงหลอครับ” ป้าพาล์เวลพยักหน้า
รู้อี้ นั่งเงียบไปครู่หนึ่ง เเล้วพูดว่า “ งั้นผมก็ยิ่งต้องไป เพราะพ่อได้หายสาบสูญไปจากหุบเขานั้น ไม่ว่าป้าจะพูดยังไง ผมก็จะไปให้ได้ครับ”
ป้าพาล์เวลเงียบไปครู่หนึ่งเเล้วก็เดินขึ้นไปหยิบกระเป๋าเอามาคืนให้รูอี้~~~
                      ~~~~~อยู่ในดินเเดนที่สงบสุข ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย~~~~~~
                        ~~~~~เเต่ !!! ดินเเดนเเห่งนี้มันไม่ใช่เเค่สงบสุข~~~~~~~
                            ~~~~~คนที่สามารถครอบครองดินเเดนเเห่งนี้ได้~~~~
                                  ~~~~~~ก็จะเป็นผู้ครองทุกสรรพสิ่ง~~~~~~
                        ~~~จึงก่อเกิดการเเย่งชิงกันระหว่างเเสงสว่างเเละความมืด~~~
                              ~~~ผู้ที่เป็นตัวเเทนเหล่าเเสงสว่างนี้ คนผู้นั้นคือใคร~~~                                               
~~~ในตอนเช้า ของเมือง เวลตันเป็นเช้าที่มีอากาศเเจ่มใสมีเเม่น้ำไหลผ่านกลางเมืองและมีป่าขนาดย่อมอยู่หลังเมือง..ในป่านั้นมีบ้านเล็กอยู่ ตัวบ้านดูสกปรก มีสีออกน้ำตาลคล้ำ    หลังบ้านหลังนี้มีอากาศเย็นสบาย มีลมพัดมาเอื่อยๆ ยอดใบหญ้าปลิวไหวไปกับสายลม มีชายร่างเล็ก กำลังเล็มหญ้าอยู่ในสวนหลังบ้านของเขา ชายคนนี้มีลำตัวที่ ซูบผอม ขาลีบเล็ก... และจู่ๆก็มีเสียง ดังขึ้นว่า
“ รูอี้แกทำอะไรของแกอยู่น่ะชักช้าจริงๆเลย”
รูอี้ตอบว่า “ ขอโทษครับอีกนิดเดียวผมก็จะเล็มหญ้าเสร็จแล้ว”
        เสียงนั่นก็คือเสียงของป้าพาล์เวล พอรูอี้เล็มหญ้าเสร็จเเล้ว รูอี้ก็จะไปทำอาหารเช้าให้ป้ากิน และอาหารเช้าของวันนี้ มีปลาทอด ที่ไปตกมาจากเเม่น้ำ รอลเวย์ กับไข่ดาว เป็นไข่ของไก่ ที่รูอี้เลี้ยงไว้ และหลังกินข้าวกับป้าพาล์เวลเสร็จเเล้ว รูอี้ก็เก็บจานเอาไปล้าง พอตกบ่ายรูอี้ก็จะออกไปให้อาหารไก่เเละก็เดินต่อไปตกปลาที่เเม่น้ำรอลเวย์ พอถึงหัวค่ำ รูอี้ก็ทำอาหารค่ำเเล้วก็เข้านอน...ซึ่งรูอี้ต้องทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำทุกวัน
       
        รูอี้เป็นเด็กชายวัย 17 ปี เขาเกิดเเละโตมาที่บ้านหลังนี้ เเม่เขาตายตั้งเเต่รูอี้ยังเด็กๆส่วนพ่อของเขาก็หายสาปสูญไป รูอี้เป็นเด็กธรรมดาไม่มีอะไรเป็นพิเศษเเต่รูอี้เป็นเด็กที่ฉลาด มีหัวคิดในเรื่องต่างๆ รูอี้ได้ประดิษฐ์ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น จานข้าวที่มีช้อนเเละส้อมคอยตักอาหารป้อนเข้าปากตลอด หรือ จะเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีระบบตากผ้าในตัว เเต่คนส่วนมากมักจะไม่ยอมรับในความคิดเเละสิ่งประดิษฐ์ของรูอี้ เพราะคนในสมัยนั้นมักมีความคิดกันเเบบโบราณ ในความคิดของคนในเมืองนี้ก็มองรูอี้เหมือนเป็นเด็กประหลาด เเต่รูอี้ก็มีเพื่อนอยู่ 1 คน เพื่อนของรูอี้คนนี้ชื่อว่าเเม๊ก ... เเม๊กเป็นคนใจร้อนเเต่ก็มีข้อดีคือ เเม๊กเป็นคนรักเพื่อนเเละเป็นคนที่มีพละกำลังมากกว่าคนธรรมดา 5 เท่า รูอี้กับเเม๊กเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก สนิทกันมาตั้งเเต่เด็กๆ เวลา รูอี้ทำอะไร เเม๊กก็มักจะทำตามไปด้วยในเรื่องที่ดีเสมอ...
       
          อาทิตย์ถัดไปในเช้าวันจันทร์เป็นวันที่เกิดเหตุการ์ณเเปลกประหลาดขึ้น มีฝนตกหนัก กว่าทุกครั้งที่เคยมีมา ฟ้ามืดครึม ในสายฝนที่ตกหนักนั้นมีชายชราเดินเข้ามาในเมืองเเล้วตรงไปที่บ้านของรูอี้ ในขณะนั้นรูอี้ก็กำลังทำอาหารเช้าอยู่
เเละอยู่ๆก็มีเสียงดังจากประตูว่า “ รูอี้อยู่ไหน!!!“
รูอี้เกิดอาการตกใจ เพราะมันเป็นเสียงที่น่ากลัวมาก รูอี้เดินขาสั่นไปที่ประตู เเล้วขณะที่กำลังจะเปิดประตู
ก็มีเสียงดังขึ้นอีกว่า “ รูอี้อยู่ไหน”
รูอี้ก็ตอบกลับไปว่า “ มะมะ..มาเเล้วครับ “ รูอี้เสียงสั่นด้วยความกลัว
พอรูอี้เปิดประตูก็พบชายชราร่างใหญ่ และเขาจ้องมาที่รูอี้ เป็นเวลานานพอสมควร รูอี้ก็ได้เเต่ยืนขาสั่นไม่กล้าสบตามองชายชรา
จากนั้นชายชราก็พูดขึ้นว่า “ เจ้าคือ รูอี้สินะ”
รูอี้ก็ตอบว่า “ ชะชะ..ใช่ครับ”
เเล้วชายชราก็ยื่นกระดาษสีครีมอ่อนมาให้รูอี้เเล้วชายชราก็ได้จากไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก พอรูอี้หันไปมองดูชายชราอีกทีรูอี้ก็ไม่เห็นชายชราเเล้วพอรูอี้ตั้งสติได้ รูอี้หยิบกระดาษที่ชายชราให้ไว้ขึ้นมาดู รูอี้เห็นข้อความเป็นเส้นหยิกมีใจความว่า จงไปตามเเผนที่นี้เเล้วเจ้าจะได้พบในสิ่งที่เจ้าต้องการ พอรูอี้พลิกกระดาษดูรูอี้เห็นเเผนที่ขนาดย่อมๆมันดูเหมือนเมืองๆหนึ่ง มันเป็นดินเเดนที่รูอี้ไม่รู้จัก
       
          รูอี้ตกใจกลัวกับเหตุการ์ณนี้มาก พอฝนหยุดตกเเล้ว ป้าพาล์เวลก็เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เเล้วป้าก็เห็นว่า รูอี้ตัวเปียกทั้งตัว
ป้าพาล์เวลจึงถามว่า “ เเกไปทำอะไรมา ตัวถึงได้เปียกชุ่มขนาดนี้\"
รูอี้ตอบว่า “ ปะปะ..ปล่าวครับ ผมเเค่ออกไปเก็บผ้า “
      ป้าก็ไม่ได้สงสัยอะไร พอเหตุการ์ณนี้ผ่านไปได้ราวๆ 1 อาทิตย์ รูอี้ก็นำกระดาษนั้นมาอ่านดูอีกที รูอี้เกิดความตื่นเต้น เพราะโดยนิสัยพื้นฐานของรูอี้ก็เป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็นอยู่เเล้ว รูอี้จึงได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางพอรูอี้ตัดสินใจได้เเล้ว รูอี้ก็ได้นำเรื่องนี้ไปบอกกับ เเม๊ก
รูอี้พูดกับเเม๊กว่า “ เเม๊ก เราจะออกเดินทาง”
รูอี้พูดต่อว่า “ การเดินทางครั้งนี้คงจะมีทั้งความสนุกสนานเเต่มันก็คงต้องมีอันตรายกันบ้างล่ะ” “เเล้วเเกจะไปกับเราไหม”
พอรูอี้พูดจบ เเม๊กก็ลุกขึ้นเเล้วได้เดินออกไปจากที่ตรงนั้น
       
          หลังจากที่รูอี้ได้คุยกับเเม๊กเเล้วรูอี้ก็คิดว่า ยังไงเเม๊กก็คงไม่ไปกับเราเเน่นอน รูอี้จึงตัดสินใจว่าจะไปคนเดียว พอตัดสินใจได้เเล้วรูอี้ก็ได้ไปเก็บข้าวของ ใส่ในกระเป๋าขนาดกระทัดรัด ในกระเป๋ามีของที่จำเป็นหลายๆอย่างเช่น อาหารเเห้ง เสื้อผ้า2-3ชุด เเผนที่เมืองใหญ่ๆ เข็มทิศ พอจัดข้าวของเสร็จ รูอี้กะไว้ว่า จะออกเดินทางภายใน 3 วันข้างหน้า
         
          พอกำหนดวันเดินทางได้เเล้วรูอี้ก็ได้ศึกษาเเผนที่ ที่ชายชราให้มา รูอี้ดูเเล้วดูอีก รูอี้จึงใช้การสังเกตุ ภูมิประเทศ ภูมิประเทศในเเผนที่
มีหุบเขาล้อมรอบ หุบเขานั้นมีชื่อว่า สการ์ไลท์ ซึ่งเป็นหุบเขาที่อันตรายมาก รูอี้เคยได้ยินว่า คนที่เคยไปหุบเขานี้ไม่มีใครได้กลับมา
พอรูอี้รู้ว่าคนที่ไปหุบเขานี้ไม่เคยมีใครกลับมาได้เท่านั้น รูอี้ก็ยิ่งตื่นเต้น ในขณะที่รูอี้กำลังศึกษาเเผนที่อยู่นั้น ป้าพาล์เวลก็เปิดประตูเข้ามา ป้า
พาล์เวลเห็นกระเป๋าวางอยู่ ป้าพาล์เวลจึงพูดว่า “รูอี้ นี่เเกจะไปไหน!!!” รูอี้จีงบอกว่า “ผมจะออกเดินทางครับ” ป้าพาเวล พูดเสียงดังว่า “ไม่ได้!!!” รูอี้ถามว่า\"ทำไมล่ะครับ\" ป้าก็ตอบอย่างเดียวว่า \"ไม่ได้\" เเล้วป้าพาล์เวลก็หยิบกระเป๋าของรูอี้เเล้วก็เดินออกจากห้องไป รูอี้ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมป้าถึงต้องโกรธขนาดนี้...ในเวลาอาหารเย็น รูอี้ก็กินข้าวพร้อมกับป้าเเล้ว
รูอี้ก็พูดขึ้นว่า “ ป้าครับทำไมผมถึงไปไม่ได้ล่ะครับ”
ป้าพาล์เวลมองมาที่รูอี้เเละ พูดขึ้นว่า “เเล้วเเกจะออกเดินทางไปไหน”
รูอี้ตอบ “ หุบเขา สการ์ไลท์ ทำไมหลอครับ?”
ป้าพาล์เวลถามต่อ “ เเล้วเเกรู้ไหมว่าคนที่ไปที่หุบเขานี้ต้องหายสาปสูญไปทุกคน”
รูอี้ตอบ  “ก็รู้ครับ”
ป้าพาล์เวลถามอีกว่า  “รู้เเล้วเเกจะไปทำไม เพราะถ้าเเกไปเเกก็ต้องหายสาปสูญไปด้วย”
รูอี้ตอบกลับ  “ก็ ผมต้องการที่จะรู้นิครับว่ามันมีอะไรอยู่ที่หุบเขานั้น!!ผมต้องการพิสูจน์”
ป้าพาล์เวล นิ่งเงียบไป เเล้วก็พูดออกมาเสียงดังว่า “เเกรู้ไหมว่าพ่อของเเกก็ไปที่หุบเขานี้เหมือนกัน เเล้วพ่อของเเกก็หายสาบสูญไป”
รูอี้ ตกใจเเล้วพูดว่า “จะจะ..จิงหลอครับ” ป้าพาล์เวลพยักหน้า
รู้อี้ นั่งเงียบไปครู่หนึ่ง เเล้วพูดว่า “ งั้นผมก็ยิ่งต้องไป เพราะพ่อได้หายสาบสูญไปจากหุบเขานั้น ไม่ว่าป้าจะพูดยังไง ผมก็จะไปให้ได้ครับ”
ป้าพาล์เวลเงียบไปครู่หนึ่งเเล้วก็เดินขึ้นไปหยิบกระเป๋าเอามาคืนให้รูอี้~~~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น