ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Way Of Dragon

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 :: หญิงสาวปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 47




    ตึกใหญ่โตสีขาวสะอาดตาตั้งตระหง่านเด่นขึ้นมาท่ามกลางสนามหญ้าเขียวขจีซึ่งแสนจะกว้างใหญ่หลายสิบไร่



    เด็กวัยรุ่นราวพันคนทั้งหญิงและชาย ต่างเดินพลุกพล่านบนสนามและในตึก



    รั้วสีน้ำตาลสูงซึ่งบ่งบอกอาณาเขตของสถานที่แห่งนี้ดูเด่นสะดุดตาอย่างชัดเจน ประตูทางเข้าอันมโหฬาร



    ติดป้ายซึ่งสลักชื่อไว้สละสลวย แสงสีทองที่ตัวอักษรทอประกายล้อแสงแดดยามเช้า





    Dragoneal Magic School

    จงตระหนักในหัวใจที่กล้าแกร่งดั่งมังกร





    หญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งมองดูชื่อป้ายอย่างสนใจ



    หล่อนสวมฮู้ดซึ่งเย็บติดกันกับเสื้อคลุมสีดำดั่งรัตติกาลที่ยาวกรอมพื้น



    มือขาวซีดข้างหนึ่งถือไม้เท้าธรรมดาๆ ดวงตาสีดำสนิทของเธอละสายตาจากป้าย



    เพ่งมองความเป็นไปภายในสถานที่ที่เธอเพิ่งมาถึง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น







    เกิดเสียงพึมพำกระซิบกระซาบไปทั่ว เมื่อบุคคลในตึกและสนามหญ้าได้พบเห็นบุคคลแปลกหน้าที่แสนจะลึกลับ



    สายตาของผู้คนที่ประดังประเดมาให้หญิงสาวคนนี้ล้วนมีแต่สายตาที่สงสัยใคร่รู้





    “ใครกันน่ะ”เด็กวัยรุ่นชายคนหนึ่งตะโกนถามกันกับเหล่าเพื่อนนักเรียน

    “ไม่รู้”อีกเสียงตอบกลับมา



    จากเสียงพึมพำต่ำๆที่เหมือนดั่งเสียงผึ้งก็กลายเป็นเสียงจอแจไม่ได้ศัพท์

    เมื่อบุคคลแปลกหน้าก้าวเข้าไปในห้องห้องหนึ่งในตึกสีขาว



    “นั่นใครกันแน่”ร่างของหญิงสาวแปลกหน้าลับสายตาไปจากกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่แล้ว

    แต่เสียงจอแจนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเบาลงเลย กลับทวีความดังมากขึ้นไปอีก



    “เข้าไปในห้องนั้นด้วย”

    “ห้องไหน”

    “ห้องนั้นไง”



    “เชิญครับๆ”บุคคลที่อยู่ในห้องนั้น เชื้อเชิญบุคคลที่มาใหม่อย่างยินดี

    หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ที่อยู่หน้าโต๊ะที่ติดป้านสวยงามได้ชัดเจน อักษรสีทองทอประกายโดดเด่นเตะตา



    โรเบิร์ต ดาร์ลิงตัน

    รองผู้อำนวยการ

    Dragoneal Magic School



    “โรงเรียนดีน่ะ”หญิงสาวกล่าวเบาๆให้กับชายที่นั่งลงอีกฝั่งโดยมีโต๊ะทำงานซึ่งแสนจะเต็มไปด้วยเอกสารที่รก

    รุงรังคั่นกลาง



    “ขอบคุณครับ ท่านผู้อำนวยการ”ชายชรากล่าวอย่างนบน้อม ก่อนจะยื่นถ้วยชาที่มีควันลอยกรุ่นให้หญิงสาว

    หล่อนเปิดหมวกฮู้ดออก เผยให้เห็นใบหน้าเรียวและขาวซีด ผมสีดำที่เหยียดตรงและยาว ริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม

    อีกทั้งดวงตาสีดำสนิทที่ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก



    “การค้นหาเป็นยังไงบ้างครับ”ชายชราถาม ขณะยื่นจานขนมครัมเป็ตให้เข้าใกล้หญิงสาวมากขึ้น



    “ก็ดี”หญิงสาวตอบเรื่อยๆ “ที่เรียกฉันมามีอะไรรึเปล่าโรเบิร์ต”



    “มีครับ”ชายชรากล่าว ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ที่บุนวมสีดำสนิท

    แล้วเลื่อนมือที่เหี่ยวย่นเปิดตู้โบราณเก่าคร่ำคร่า ก่อนจะหยิบแฟ้มสีน้ำเงินเข้มแล้วยื่นให้หญิงสาว



    “ผมขอเชิญท่านผู้อำนวยการเป็นวิทยากรของที่นี่เป็นเวลา 2 อาทิตย์หน่อยครับ



    เนื่องจากช่วงนี้บุคลากรของเรากำลังขาดแคลนครับ”ชายชรากล่าวอย่างไม่แน่ใจกับเมื่อเห็นท่าทีนิ่งเฉยของหญิงสาว



    “จะได้ไหมครับ”ชายชราถามอีกครั้ง หญิงสาวที่ก้มลงมองแฟ้มสีน้ำเงิน เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะกล่าวเสียงใส

    “ได้ค่ะ ลุงโรเบิร์ต!”



    ชายชรายิ้มกว้าง เช่นเดียวกับหญิงสาวที่ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน...



    ....................................................................................................

    ...............................................................................



    “จอห์น! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้น่ะ”เสียงตะเบ็งลั่นของเด็กผู้หญิงดังขึ้นภายในห้องเรียนที่อยู่ริมสุดของชั้น

    “โธ่ แอน อย่าตะโกนให้ดังมากนักซิ เดี๋ยวใครบางคนไม่สบอารมณ์หรอกน่ะ”เด็กหนุ่มที่ชื่อว่า”จอห์น”กล่าว

    ก่อนจะปรายตามองเด็กหนุ่มอีกคนอย่างเย้ยๆ



    เด็กหนุ่มที่ถูกพาดพิงถึงยังคงนิ่งเฉย



    สายตาที่มองผ่านแว่นตาจับจ้องแต่หนังสือราวกับจะกลืนกินทุกตัวอักษร

    “จอห์น! อย่ายุ่งกับเขาน่ะ เอาตำราของฉันคืนมาได้แล้ว!”แอนตะโกนลั่น

    ก่อนจะกระโดดฉวยตำราไปจากมือของชายหนุ่มที่แย่งหนังสือของเธอไป



    “ขอโทษแทนจอห์นด้วยน่ะ เอรอส”แอนยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอีกคนที่ไม่สนใจอะไร

    เมื่อสามารถแย่งตำราของตนเองคืนมาได้สำเร็จ



    “โธ่! ก็แค่พวกเด็กบ้าเรียน”จอห์นเบ้ปาก ก่อนจะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง เด็กสาวถลึงตาใส่

    เสียงฝีเท้าดังก้องขึ้นมาจากทางเดินที่อยู่หน้าห้องเรียน



    วัยรุ่นที่อยู่ในห้องต่างกุลีกุจอหาที่นั่งของตัวเองและนั่งลงอย่างสงบ



    เอรอสปิดหนังสือลง เขาเงยหน้ามองรองผู้อำนวยการโรเบิร์ตและหญิงสาวแปลกหน้าที่เดินเข้ามาในห้อง

    แทนที่จะเป็นอาจารย์สาวที่คอยแต่เล่าเรื่องไร้สาระไม่หยุดหย่อนมาสอนตามปกติ เด็กชายเพ่งมองหญิงสาวเขม็ง

    เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวได้ชัดเจน



    เด็กหนุ่มแทบจะเปลี่ยนจากสีหน้าเคลือบแคลงใจเป็นสีหน้าแห่งความฉงนสนเท่ห์แทบทันที



    “เฮสเทีย...”เอรอสอุทานออกมาเบาๆ พยายามสบตากับหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ให้ได้ หากแต่ไร้ผล



    “เอาล่ะ วันนี้ฉันมีเรื่องจะมาแจ้งให้ทราบ”รองผู้อำนวยการกล่าวเสียงดัง

    ก่อนจะผายมือไปยังหญิงสาวที่ยืนนิ่ง



    “วันนี้จะมีวิทยากรมาสอนแทนอาจารย์มาเรียที่ลาพักร้อนไป”ชายชรากล่าว”เธอชื่อว่าเฮ...”

    รองผู้อำนวยการเงียบเสียงไปเมื่อหญิงสาวทำสัญานมือเป็นเชิงให้หยุดพูด เธอก้าวเท้าออกมาข้างหน้า

    ก่อนจะเปล่งเสียงกังวานดั่งแก้วใสออกมาเพื่อแนะนำตนเอง



    “ฉันชื่อ จูเลีย ดาร์ลิงตัน

    เป็นหลานของรองผู้อำนวยการของที่นี่”หญิงสาวเอ่ย”ฉันจะมาสอนวิชาเวทและคาถาในชั้นเรียนนี้

    ก็จะมาสอนเป็นเวลา 2 อาทิตย์แทนอาจารย์มาเรียของเธอ”



    ชายชราและเอรอสเลิกคิ้ว มองหญิงสาวด้วยความข้องใจ แต่ก็ไม่ได้ปริปากอะไรออกมา...



    “จูเลีย”เอรอสพึมพำ ก้มหน้าลง ใบหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากประดับไว้ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    วิทยากรคนใหม่หันไปมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย



    ก่อนจะเบิกตากว้างและเบือนหน้ามองไปยังชายชราที่ยังกล่าวกับนักเรียนในชั้นไม่หยุด



    เมื่อชายชราเดินจากไป ทิ้งให้วิทยากรสาวยืนเคว้งคว้างท่ามกลางหมู่นักเรียนที่เพ่งความสนใจมาที่เธอ

    หญิงสาวมองอย่างขุ่นเคืองไปที่ชายหนุ่มผู้สวมแว่นเพียงคนเดียวในห้องที่ยังหัวเราะไม่หยุด



    เด็กนักเรียนสาวคนหนึ่งยกมือขึ้น ก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงใสๆ

    “อาจารย์อายุเท่าไรค่ะ”

    “ 17 จ้ะ”วิทยากรคนใหม่ตอบ



    นักเรียนทั้งชั้นเบิกตากว้าง เสียงเซ็งแซ่ดังขึ้น นักเรียนชายคนหนึ่งโพล่งถามออกมา

    “อายุเท่าพวกเราเลยนี่! ทำไมมาเป็นครูได้ล่ะ จะได้เรื่องมั้ยเนี่ย”



    เส้นเลือดในสมองของหญิงสาวเต้นตุบๆด้วยความโกรธ วิทยากรสาวฝืนยิ้ม ก่อนจะกล่าวออกมา

    “อาจารย์เรียนจบมา 3 ปีแล้วจ้ะ”



    จากสีหน้าดูถูกของเหล่านักเรียน เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่แสดงออกถึงความทึ่งและชื่นชม



    “ดูท่าอาจารย์จะอัจฉริยะจังน่ะฮ่ะ”



    หญิงสาวหันขวับหรี่ตามองเอรอสที่สู้สายตากลับมา ยิ้มเป็นเชิงล้อ อย่างขุ่นเคือง

    ก่อนจะละสายตามาจากเด็กหนุ่มและกล่าวเสียงดังลั่น



    “วันนี้อาจารย์ขอทำความรู้จักกับนักเรียนทุกคนและมีแบบทดสอบกันเล็กน้อยจ้ะ!”



    เสียงโอดครวญดังมาจากหมู่นักเรียน ทุกคนเบ้หน้ายกเว้นแต่เอรอสที่ยังยิ้มระรื่น



    ด้วยท่าทีกวนอารมณ์ของเด็กหนุ่มทำให้ในใจวิทยากรสาวเดือดปุดๆด้วยความโมโหยิ่งนัก!!!



    --------------------------------------------------



    “ให้ตายสิ!!!”วิทยากรสาวกล่าวอย่างโกรธเคือง “ฉันลืมไปสนิทว่านายยังเรียนที่นี่ไม่จบ”



    หญิงสาวมองเด็กหนุ่มข้างกายที่ยิ้มกวนๆให้ เด็กชายกล่าวอย่างอารมณ์ดี



    “แต่เธอจะเปลี่ยนชื่อให้เหนื่อยไปทำไมกันเล่า”



    วิทยากรสาวถอนหายใจพรืดมองเด็กหนุ่มอย่างดูถูก



    “ฉันนึกว่านายจะรู้ซะอีก เอรอส



    ”เด็กชายมองหญิงสาวร่างสูงอย่างไม่สบอารมณ์”นายจะให้ฉันประกาศชื่อไปทั่วโรงเรียนไม่ได้หรอก ชื่อเฮสเทีย

    ดรากอเนลของฉัน เป็นอันตรายเกินไปสำหรับที่นี่”



    “เหตุผล?”



    “นายก็รู้... ว่า ตระกูลดรากอนเนลน่ารังเกียจแค่ไหน ยิ่งเป็นพวกที่มีพลังเวทอย่างฉันด้วยแล้ว



    ยิ่งน่าตกใจและเป็นอันตรายต่อผู้คนหลายเท่าตัวเชียวล่ะ แล้วนายเป็นยังไงบ้าง”หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง



    “เซ็ง”เอรอสตอบสั้นๆ หญิงสาวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม



    “ใครที่ไหนจะมาเกลือกกลั้วกับพวกเลือดผสมอย่างฉันล่ะ”เอรอสกล่าวอย่างเบื่อหน่าย”พ่อเป็นมนุษย์

    แม่เป็นจอมเวท เฮอะ! คงมีใครรับได้อยู่หรอกน่ะ”



    “ฉันเข้าใจว่าการที่เราสองคนเป็นพวกเลือดผสม มันน่าเจ็บปวดแค่ไหน...



    แต่เราต้องจำทนอยู่ในเขาวงกตแห่งการดูถูกและเกลียดชังของผู้คน และถ้านายยังคงจำได้



    แม่ของฉันและแม่ของนายเป็นจอมเวท แน่นอน เธอคือคนเดียวกัน แต่พ่อของนายเป็นมนุษย์



    และพ่อของฉันเป็นชาวเผ่ามังกร มันไม่แตกต่างมากนักหรอก



    ในเมื่อพวกเลือดผสมอย่างเราอยู่ในสังคมแห่งการดูถูกเหมือนกัน!!!”หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ปิดความขมขื่น

    ไม่มิด



    “ฉันยังไม่เข้าใจ”เอรอสกล่าว”มันปกติที่ผู้คนจะเกลียดพวกชาวเผ่ามังกร แต่พวกมนุษย์... ทำไมต้อง...”



    “นั่นเป็นเพราะความคิดของพวกเขา”เฮสเทียแทรกขึ้น”พวกจอมเวทและคนอื่นทั้งหลายถูกปลูกฝังมาว่า

    มนุษย์นั้นอ่อนแอ... ทั้งอ่อนแอและโง่เขลา แต่นายได้พิสูจน์ให้เห็นในสายตาฉันว่า

    นายเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งมาก... แต่พวกนั้นไม่ยอมรับ ถึงแม้ว่านายจะมีเลือดของจอมเวทอยู่ครึ่งหนึ่ง

    เพียงเพราะนายมีพ่อเป็นมนุษย์ “



    “เฮ้อ...”เอรอสถอนหายใจ”ฉันเกลียดที่นี่ เกลียดพวกเสแสร้ง เกลียดการย่ำยี

    เกลียดสายตาที่บ่งบอกถึงการแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจน”



    “นายน่าจะชินได้แล้วน่ะ”หญิงสาวพูดพลางทอดสายตามองนักเรียนที่ทยอยเข้าตึก”ยังดีกว่าฉันที่ต้องถูกการตามล่า นอกจากการเหยียดหยามอีก”



    เอรอสมองวิทยากรสาวเงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจพรืดแล้วตบไหล่พี่สาวของตัวเอง



    “ได้เวลาเรียนแล้ว...”





    -------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×