ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉากระทึก

    ลำดับตอนที่ #1 : ฉากที่ 1 : กระเป๋าเดินทาง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 17
      0
      16 ส.ค. 46

    ในเวลาหนึ่ง สักประมาณสองชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว บนถนนสายหลักของประเทศ มีกระบะสีดำกำลังแล่นเรื่อยเปื่อยไปตามเส้นทางเหมือนกับไม่มีจุดหมายปลายทาง ในรถกระบะสีดำมีชายหนุ่มวัยรุ่นสองคน นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานราวกับว่าราตรีนั้นเป็นของเค้าทั้งสองคน

        \"เฮ้ย !! ลม ขับรถกันมานานแล้วนะเว้ย กลับเถอะวะ กูง่วงแล้ว\" ชายหนุ่มรูปร่างล่ำสัน ผมสั้นคล้าย ๆ กับพวกนาวิกโยธินเมืองนอก ผิวคล้ำแต่ก็ไม่ถึงกับดำ เอ่ยขึ้น

        \"เออ ถ้าเจอที่กลับรถข้างหน้า เดี๋ยวเลี้ยวกลับเลย\" ลม พูดขึ้นมา ลมเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง ผมยาวประบ่า ผิวขาว แล้วลมก็พูดขึ้นมาอีกว่า \"ผ่านมาแถวนี้ เดี๋ยวแวะไปหาเพื่อนแป็บนะ กลับรถแล้วเลยไปหน่อยก็ถึงซอยบ้านเพื่อนแล้ว มึงคงยังไม่ง่วงถึงขนาดนั้นใช่มั้ยวะ ไอ้เมฆ\"

        \"มึงอยากไป ก็ไปเถอะเดี๋ยวกูนอนรอมึงอยู่ในรถนี่ล่ะ แล้วเพื่อนหญิงหรือชายล่ะ\" เมฆถาม

        \"มึงคิดว่าผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะที่กูจะไปหา มึงก็คิดเองดิ\" ลมพูดอย่างมีเลศนัย

        พอถึงที่กลับรถข้างหน้า เลี้ยวรถกลับ ขับเลยมาไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงซอยบ้านเพื่อนของลม ตอนนั้นเมฆเห็นชายคนหนึ่งมีอายุประมาณ 50 กว่า ๆ กำลังเดินเข้าซอยบ้านเพื่อนของลม ชายคนนี้ลากกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อ คล้ายกับว่าเดินทางแล้วเพิ่งกลับมา

        \"เฮ้ย ลม คนเดินเข้าซอยวะ รับเค้าขึ้นรถดีป่าววะ กลางคืน สงสารเค้า ยังไง ๆ เราก็เข้าซอยอยู่แล้ว ท่าทางจะมีอายุแล้วด้วย\" เมฆพูด

        \"เออ ก็ดีเหมือนกัน กูจะได้ทำบุญซะบ้าง กูทำบาปมาเยอะแล้ว กูจะได้มีความดีกะเค้าบางซะที\" ลมพูด

        จากนั้นทั้งสองก็ชลอรถเข้าไปใกล้ ๆ ชายคนนั้น แล้วจอด เมฆเปิดกระจกถามชายคนนั้นว่า

    \"เอ่อ ลุงครับเข้าไปด้วยกันมั้ยครับ เผอิญเราจะเข้าซอยเหมือนกัน\"

    เมฆแหงนหน้ามองลุงคนนั้น ลุงคนนี้รูปร่างอ้วน ใส่แว่น ท่าทางใจดี

        \"อืม......\" ทำเสียง แล้วคิดสักครู่ \"ครับ ขอบคุณมาก\" ลุงคนนั่นตอบตกลง แล้วจับกระเป๋าเดินทางเดินไปใส่กระบะท้ายรถ ช่วงจังหวะที่ลุงกำลังเดินเอากระเป๋าไปใส่ด้านหลังนั้น

    \"เฮ้ย ชวนลุงแกมานั่งข้างหน้า นั่งข้างกูนี่แหละ แล้วมีก็ลุกไปนั่งแคปข้างหลังลุง เผื่อลุงแกตุกติกอะไรขึ้นมามึงจะได้ ช่วยอะไรได้\"  ลมก็เอ่ยกับเมฆ

        เมฆไปชวนลุง แล้วย้ายไปนั่งตามที่ลมบอก ลมก็ถามลุงว่า

    \"ไปไหนมาครับ\"

    \"เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด พอดีรถทัวร์มันเสีย ก็เลยใช้เวลานานกว่าจะมาถึง มาถึงก็เกือบเช้า\" ลุงบอก

        \"แล้วบ้านลุงอยู่ซอยไหนครับ จะได้ไปส่งถูก\" ลมเอ่ยถาม



        ก่อนจะไปส่งลุง เจอป้าคนหนึ่งอยู่ข้างทางลักษณะทางทางจะเป็นแม่ค้า เพราะเข็นรถเหมือนจะไปขายน้ำเต้าหู้ตอน เช้า ๆ จึงหยุดรถ จากนั้นลมก็เปิดกระจกแล้วพูดกับป้าแม่ค้าว่า

    \"ป้าครับ ขายหรือยังครับ ผมจะได้ซื้อ\"

        \"ยังไม่พร้อมเลยจ๊ะ เดี๋ยวมาซื้อก็แล้วกันป้าขายอยู่หน้าปากซอย กำลังจะเข็นรถไปตั้ง\" ป้าตอบ

        \"ครับป้า งั้นเดี๋ยวผมออกมาซื้อแล้วกันนะครับ\" ลมพูด จากนั้นก็เลี้ยวรถก็ถึงบ้านลุงทันที

        ลุงลงจากรถ เมฆลุกกลับมานั่งข้าง เมฆเหมือนเดิม ลุงขอบคุณแล้วเดินไปทางหน้าบ้าน ลมเลี้ยวรถกลับเพื่อจะไปหาเพื่อนอีกซอย แล้วก็เหลือบมองไปที่กระจกส่องหลัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตกใจว่า

    \"เฮ้ย ลุงหายไปไหนวะ\"

        \"อย่ามามุข อย่ามามุข ขำตายล่ะ\" เมฆพูด

        \"จริง ๆ นะมึง หันไปดูเด่ะ\" ลมอีกสวนขึ้นมา

        \"งั้นก็หันไปดูพร้อมกันกับกู\" เมฆพูดเหมือนเริ่มกลัว

        ทั้งสองคนจึงหันไปดูพร้อมกัน แล้วเห็นว่าบ้านที่มาส่งลุงนั้นเป็นป่าที่มีต้นหญ้าคาสูงประมาณอก ทั้งสองคนตกใจมากจึงร้องตะโกนอย่างสุดชีวิต



        \"คืนนี้คุณไปไหนกันมา\" เสียงชายหนุ่มคนนึงพูดถามขึ้นมา

        \"ผมก็บอกแล้วไงว่า ผมจะมาหาเพื่อน\" เสียงชายหนุ่มอีกคนโตขึ้นมา เสียงชายหนุ่มคนนี้ เค้าก็คือลม

        แล้วชายหนุ่มคนแรกที่ถามเค้าล่ะเป็นใคร แต่เค้าไปใช่เมฆ ที่จริงแล้วเค้าเป็นตำรวจที่กำลังสอบปากคำลมอยู่ ส่วนเมฆรออยู่นอกห้องสืบสวน

        \"ผมทำอะไรผิด คุณมาใส่กุญแจมือผมทำไม แค่ผมมาหาเพื่อน แล้วเจอผีหลอก แล้วร้องโวยวายแค่นี้ ผมต้องโดนจับด้วยเหรอ\" ลมโวยวาย

        \"แต่คุณมาร้องโวยวายหน้าสถานีตำรวจนี่\" ผู้หมวดตอบ

        \"บ้ารีเปล่า คุณตำรวจ ผมไปร้องโวยวายหน้าสถาตีตำรวจที่ไหน ผมโวยวายที่ซอยบ้านเพื่อน แล้วอยู่ดี ๆ คุณก็โผล่มาจับผม\" ลมเถียง

        \"คุณเคยใช้ยาอะไรมั้ย\" ผู้หมวดถาม

        \"ยา เยอ อะไรผมไม่เคยใช้ทั้งนั้น ตอนนี้มาเสียเส้นมาเลยที่โดนตำรวจจับ แล้วผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วด้วยว่า ผมเจอผีหลอกคนแก่ ใส่แว่น อ้วน ๆ\" ลมพูด

        \"คุณฆ่าเค้าไปใช่เหรอ\" หมวดถาม

        \"ฆ่าอะไรครับคุณตำรวจ อย่ามาปรักปรำกันดีกว่า แล้วผมจะฆ่าได้ไงในเมื่อเค้าเป็นผี\" ลมเถียง

        \"แต่ผมพบศพเค้า ในกระเป๋าหลังรถกระบะของคุณ เป็นกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อ\" หมวดพูด

        \"กระเป๋าอะไร ผมไม่เคยมีประเป๋าแบบนั้น\" ลมบอก

        แล้วผู้หมวดก็นำบัตรใบหนึ่งนำมาให้ลมดู ลมทำหน้าตกใจเป็นอย่างมาก

        \"คุณตำรวจครับเอาบัตรนี้มาจากไหน คนนี้แหละครับที่ผมเห็น ที่เค้าเป็นผี\" ลมพูดอย่างหน้าตาตื่น

        \"เอามาจากไหนงั้นหรือ ผมก็เอามาจากบัตรประชาชนเค้าที่อยู่ในกระเป๋าหลังรถคุณนะสิ ผมว่าคุณยอมรับสารภาพดีกว่า จะโทษหนักจะได้เป็นเบา แต่ถ้าหากว่าไม่รับสารภาพ แล้วผมหาหลักฐานพิสูจน์ได้เองว่าคุณเป็นฆาตกร ผมคงช่วยอะไรคุณไม่ได้\" ผู้หมวดพูด

        \"ผมไม่ยอมรับผมต้องการทนาย ผมไม่เคยฆ่าใครทั้งนั้น\" แล้วลมก็ร้องโวยวาย ว่า ผมไม่ได้ฆ่าใคร ซ้ำไปซ้ำมา

        จากนั้นผู้หมวดออกไปคุยกับจ่าที่ไปจับลมและเมฆ ที่อยู่ข้าง ๆ ห้องสืบสวน

        \"จ่าเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ ว่าเรื่องมันเป็นยังไง\" หมวดถาม

        \"เรื่องก็มีอยู่ว่า อย่างนี้ครับผู้หมวด เมื่อคนชายสองคนนี้ ขับรถเข้ามาในสถานีตำรวจ แล้วจอดรถ มีชายคนหนึ่งลุกออกมาย้ายจากที่นั่งข้างหลังคนขับมาที่ข้าง ๆ คนขับ หลังจากนั้นก็มีเสียงร้องโวยวายขึ้น ผมจึงเข้าไปดูแล้วตะโกนเรียก เค้าก็ร้องโวยวาย ผมเห็นเป็นอย่างนั้นจะจับเค้าขึ้นมานี่ หลังจากนั้นผมก็ค้นรถ พบกระเป๋าอยู่ท้ายรถ นึกว่าจะเป็นพวกนักศึกษาค้ายาปรากฏว่า เจอศพ\" จ่าบอก

        \"หมวดครับ ๆ ผมเอาประวัติ แล้วผลชัณสูตรมาแล้วครับ\" จ่าเวรอีกคนรีบร้อน วิ่งถือกระดาษ 4 แผ่นมาให้ผู้หมวดดู

        ประวัตินั้นมีผลตรวจของแพทย์ว่าชายสองคนนี้เป็นโรคประสาท เคยต้องโทษในคดีทำร้ายร่างกายคน แล้วจำอะไรไม่ได้ ส่วนผลชัณสูตรก็บอกว่าพบรอยนิ้วมือของลมและเมฆที่กระเป๋า แล้วบนศพด้วย



        หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเรื่องที่สร้างความสับสนให้นายตำรวจมากขึ้น เพราะว่าหลังจากให้เวลาทำให้ผู้ต้องหาโรคประสาททั้งสองพูดความจริงกลับได้ความจริงที่ว่า เค้าฆ่าชายคนนี้เพราะอยากจะฆ่าเท่านั้น แล้วก็นำศพไปถ่วงน้ำที่แม่น้ำที่จังหวัดแห่งหนึ่ง แต่ผลการชัณสูตรนั้นกลับไปพบร่องรอยของศพที่เคยแช่น้ำมากก่อน แต่อาจจะเป็นไปได้ว่ากระเป๋านั้นอาจกันน้ำได้ แต่กระเป๋าก็ไม่มีคราบร่องรอยของน้ำอยู่เลย ไปสืบกับครอบครัวของผู้ตายก็ทราบว่าผู้ตายไม่กลับบ้าน 3-4 วันแล้ว แล้วก็ไปสืบกับพ่อแม่ของเด็กก็ได้ความว่า เด็กได้ขับรถออกไปเองโดยที่ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยอยู่ท้ายรถตอนขับออกไปในวันที่ถูกตำรวจับ แต่ระยะทางจากบ้านถึง แม่น้ำที่ทิ้งศพนั้นต้องใช้เวลาเกินกว่าสิบชั่วโมงแต่เวลาที่เค้าทั้งสองคนออกไปนั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน แล้วก็โดนจับตอนเกือบจะตีห้าดังนั้นย่อมไม่มีทางทันแน่ ๆ แต่เค้าอาจจะซ่อนกระเป๋าไว้แถวนี้ก็ได้ แล้วก็อาจจะเคลื่อนย้ายศพเพื่อจะหาที่ซ่อนใหม่ แต่เมื่อสอบถามกับแม่ค้าที่เปิดร้านตอนช่วงเช้าที่ขายของ ต้องพอกับความงุนงงเพราะว่าเป็นทางที่ฆาตกรทั้งสองต้องเข้าซอยมาจอดรถที่สถานีตำรวจดังนั้นก็ต้องมีกระเป๋าอยู่ท้ายรถ แต่แม่ค้าได้บอกว่าตอนเค้ามาขอซื้อน้ำเต้าหู้นั้นตนก็ได้มองที่ท้ายรถแต่ก็ไม่พบกระเป๋าอยู่หลังรถเลย แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้นกระเป๋ามาอยู่บนรถได้ หรืออาจเป็นเพราะแรงอาฆาตพยาบาทของผู้ตาย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×