ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อำลา
ร่างสีขาวสว่างดูเด่นที่สุดในงานเลยละมั่ง...ราตรี มองตามร่างของเด็กสาว ไม่สิ ตอนนี้ต้องเป็นหญิงสาวแล้ว เด็กน้อยของเขาหายไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไรก็จำไม่ได้ โลกนี้มันก็เปลี่ยนไปทุกๆวัน เจ้าสาวใส่ชุดสีขาวสะอาดประดับด้วยลายดอกกุหลาบขาวยาวลากพื้น อีกทั้งประกายกากเพชรบนเสื้อเสริมให้เธอดูเด่นที่สุดเลยล่ะ เสื้อตัวนั้นเขาก็ออกแบบเอง ด้วยความรักเชียวล่ะ นั้นไง เธอหันมายิ้มให้เขาแล้ว พร้อมทั้งกระดิกนิ้วให้อีกต่างหากทั้งๆที่มือถือช่อดอกกุกลาบขาวไว้แท้ๆ รอยยิ้ม...ที่ไม่ว่าจะไม่แต่งแต้มสีแดงสดก็ดูสวยงามแล้วบนใบหน้าเธอ ชายหนุ่มได้แค่เพียงพยักหน้าตอบเบาๆ พร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ซึ่งกลบเกลือนความหนักใจไว้หมดสิ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
    งานเลี้ยงกำลังได้ที่ เพื่อนของเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็แซวทั้งคู่จนสนุกปากไป แต่ทั้งคู่ก็ยิ้มรับ หัวเราะตามอย่างดี ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมอะไรอย่างนี้นะ
    “ฮะๆๆ...ขอเชิญให้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้กล่าวอะไร...แก้ตัวซักนิดเถอะนะครับ” โฆษกพูดดำเนินงานต่อทั้งๆที่ตัวเองยังกลั้วหัวเราะไม่เลิก เจ้าบ่าวไม่รอช้า รีบคว้าไมค์มา ทั้งแก้ตัว ทั้งเอาคืนสารพัด เจ้าสาวก็ผสมโรงด้วยเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก ด้วยความที่เรียบร้อย ไม่นานโฆษกก็ทำท่าจะดำเนินในขั้นตอนต่อไป แต่แล้ว เจ้าสาวก็ขัดจังหวะเขาเอาไว้
    “ขอให้ฉันพูดอะไรสักนิดเถอะคะ” เธอสะกิดทันทีที่ได้โอกาส โฆษกหนุ่มยิ้มให้ แล้วส่งไมค์ให้เธอทันที ห้องประชุมไม่เล็กไม่ใหญ่เงียบกริบ ราตรีก้มมองดูนาฬิกาทั้งๆ ที่แทบจะไม่มีแสงไฟ เที่ยงคืนแล้ว เกือบได้เวลาแล้ว “เออ...” ทุกสายตาที่จับจ้องเธอขึ้นมาบนเวทีทำให้เธอประหม่า แต่เธอก็ตั้งใจจะพูดขึ้นให้ได้ “เออ...ก่อนอื่นก็ต้อง ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยสนับสนุนแก้ว กับ พัฒ จนเรา 2 คนมีวันนี้ขึ้นมาได้ ทุกๆคนในที่นี้กำลังจะเป็นครอบครัวของแก้ว แก้วดีใจมากๆคะที่แก้วรู้ว่าแก้วกำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แก้วเคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว...หลายๆคนคงสงสัย...แก้วเคยกำพร้าคะ...แก้วเคย ไม่มีใครทั้งนั้น ตั้งแต่แก้วจำความได้ แก้วก็อยู่คนเดียวมาตลอด ขโมยเขากินไปวันๆ แก้วไม่รู้จักคำว่าโรงเรียน ไม่รู้ว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่ ถ้าแก้วไม่เจอเขา แล้วแก้วก็คงจะไม่ได้มารู้จักกับคนๆนี้” เธอยื่นมือไปกุมมือของชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนข้างๆ ส่งสายตามีความหมายไปให้ “เขาเป็นคนที่จัดงานนี้ขึ้นมา ทุมเทแรงกายแรงใจทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น เขาดูแลแก้ว เด็กมอซอสกปรกข้างถนน แล้วทำให้ชีวิตแก้วมีความหมาย ให้แก้วได้เห็นโลกกว้าง สำหรับตอนนี้ เขาเป็นญาติคนเดียวของแก้ว...พ่อคะแก้วขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง...” เธอมองไปที่มุมมืด ชายหนุ่มที่ไม่มีใครคิดจะสนใจเลยในงาน เสียงซุบซิบดังระงมไปทั่ว ใครกันนะ เป็นพ่อของหนูแก้ว...
    “เออ...คุณพ่อตาครับ...กระผมเองก็ขอบคุณนะครับ อย่างสุดซึ้งเลยล่ะ ที่ได้ให้ผมพบเจอผู้หญิงที่แสนดีคนนี้” เจ้าบ่าวพูดอย่างอารมณ์ดี...“ถ้าจะไม่รบกวนจนเกินไปก็ ได้โปรดมากล่าวอวยพรผมกับแก้วนะครับ” ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีจะขยับ
    “นะคะคุณพ่อ นะคะ” แก้วพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาตรงมายังเขา ราตรียืนก้มหน้าลงหลบสายตานั้น เขาไม่ได้อยากออกไปเลย “นะคะ เพื่อแก้วนะคะ” เฮ้อ...เขาถอนหายใจออกมายาว ทำไมต้องมาแพ้คนๆเดียวด้วยนะ เสียงของเธอไม่ว่ากี่ครั้งก็ทำให้คนเย็นชาอย่างเขาอ่อนยวบได้ ชายหนุ่มขยับร่างออกจากมุมมืด แสงไฟสปอร์ตไลท์จึงส่องตาม ชายหนุ่มเอาแขนขึ้นบังแสงไฟ เพราะนัยน์ตาที่ปรับไม่ทัน สักพักเขาก็ลดแขนลงอย่างช้าๆ คนทั้งห้องประชุมจ้องตรงไปเป็นจุดเดียวกัน แล้วก็เริ่มบังเกิดเสียงซุบซิบ
ผู้เป็นบิดาของหญิงสาวไม่ได้ดูมีอายุอย่างที่คิด ที่ยืนอยู่ตรงนั้น คือ ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ร่างสูง ผมดำขลับส่องสะท้อนกับแสงไฟวาววับสมชื่อ “ราตรี” ดวงตาสีนิลดำยิ่งดึงดูดมากกว่า มันชวนให้คิดว่าชายผู้นี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้บอกอย่างนั้น ดูราวกับ หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ผิด ยิ่งการแต่งตัวของเขา เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำ แต่เขาก็ยังก้าวออกไปข้างหน้า ตรงไปยังเวทีไม้ลงน้ำมันอย่างไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่มองเขาราวกับเป็นตัวประหลาด เพราะดูยังไง ก็ไม่ใช่คนที่มีอายุเป็น “พ่อ” ของหญิงสาววัย 20 ปี เลยแม้แต่น้อย
“แหม...พ่อตา จะกี่ปีๆ ก็ยังหนุ่มแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ” พัฒเล่นมุขใส่เขาอย่างสนิทสนมก่อนส่งไมค์ให้ ราตรีหันยิ้มให้คนทั้ง 2 โดยเฉพาะ “ลูกสาว”
“กาลเวลา...มันก็...ผ่านไปเร็วจริงๆแหละแก้ว...เร็วจนซะพ่อยังแก่ไม่ทันเลย” เขาเล่นมุข ซึ่งก็มีแต่พัฒที่กล้าหัวเราะเบาๆออกมา ส่วนแก้วนั้น ความดีใจผสมกับหลากหลายอารมณ์ทำให้เธอเลือกใช้ไม่ถูก ตาคู่สวยเริ่มปริ่มด้วยน้ำอุ่นๆ ราตรีส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ “ไม่เอาลูก...น้ำตา มันไม่เหมาะกับงานนี้นะ” ราตรีบอกเธอเบาๆ แล้วเขาก็ปิดไมค์ “เฮ้อ...แก้ว...ลูกรัก...ตลอดชีวิตพ่อผ่านอะไรมามากมาย การจะเลือกที่ดูแลใครสักคนมันลำบาก กี่ปีแล้วล่ะ 13 14 ปีแล้วมั้ง ที่เราอยู่ด้วยกันมา พ่อลืมคำว่าเหงาไปหมด เพราะมีเธอนั้นแล ไม่ใช่มีแต่พ่อหรอกนะที่ดูแลเธอ เธอก็ดูแลพ่อด้วยถึงแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าเธอดูแลพ่อยังไง เอาเป็นว่าแก้วเป็นส่วนเติมเต็มของพ่อ แต่มัน...ก็...แก้ว...มันจะถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องเดินหน้าต่อไปในชีวิต ขณะที่พ่อเองก็จะเดินไปในทางเก่าๆของพ่อ แต่พ่อก็ยังอยู่ตรงนี้ พ่อเฝ้ามองเธอหรอกตลอดเวลา แต่ไม่บ่อยเหมือนเดิมแล้วเท่านั้นเอง” เขาพูดให้แก้วได้ยินคนเดียว หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เข้าสบอกของผู้ที่เธอนับถือเป็นถึงบิดา ราตรีโอบเธอไว้ในอ้อมอก “ไม่เอา เดียวไม่สวยน้า...” เขาพูดใส่ไมค์ หญิงสาวจึงขึ้นมายืน แต่ได้ไม่นานนักก็ซบไหล่ของอนาคตที่พักพิงของเธอ “สำหรับ พัฒ มันก็เหมือนในตอนนี้แหละ ฉันยกลูกสาวให้นายดูแลแทน ทั้งชิวิตของเธอที่เหลือนี้ ฉันไว้ใจนาย หึหึหึ นายนี่...โชคดีนะ ที่เขามาจีบลูกสาวทางพ่อเลยนะ”
“แหม พ่อตาราตรีก็นะครับ เฮ้อ...เอาเถอะ...ถามหน่อยสิครับพ่อตา ทำไงพ่อถึงดูหนุ่มแน่น อายุปาจะไป 40 ฟ่าๆแล้ว ดูอย่างกะ 20 ไหนๆก็ไหนๆแล้วพ่อ บอกผมหน่อยนะ” พัฒเล่นมุขสนุกสนานตามประสาคนอารมณ์ดี (+เมาแล้วด้วยมั้ง) แต่ราตรีก็ยิ้มกว้างๆให้ ไม่ยอมพูดตอบ
“เออ...หมดหน้าที่ฉันแล้ว...อย่างที่ฝากไว้ ไอ้เด็กเฮงซวยฉันฝากผู้หญิงของฉันไว้กับนาย...ถ้าดูแลไม่ดี ฉันจะมาหลอกมาหลอนคอยดู” ราตรีชูนิ้วกลางให้พัฒ ก่อนเดินลงจากเวทีไป พัฒเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะร่า...
“ขอบคุณโว้ยไอ้ตาแก่หน้าเด็ก...มึงหล่อกว่ากูอีกนะ กูหมั่นไส้มานานแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหลายๆทีว่ะ” เขาตะโกนไปด้วยความสนิทสนม แล้วก็อดคิดถึงวันเก่าๆไม่ได้
ประตูห้องประชุมถูกปิดพร้อมร่างของชายหนุ่มที่หายออกไป แก้วออกจะใจเสียเล็กน้อย แต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างบอกว่าผู้เป็นบิดายังไม่กลับ งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ช่วงที่ยืดยาวก็จบสิ้นลง แก้วรีบปลีกตัวออกจากฝูงชนวิ่งออกนอกห้องประชุม เป็นอย่างที่เธอคิด ราตรีรอเธออยู่นอกห้องนั้นเอง ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อโค้ดยาวสีดำ สภาพบ่งบอกว่าพร้อมที่จะไป ชายหนุ่มกับรอยยิ้มเดิมๆที่ดูไร้อารมณ์
“พ่อจะกลับแล้วเหรอคะ” แก้วถามออกไป
“พ่อขอโทษนะ แต่มันถึงเวลาแล้ว” เขาตอบ
“แหม งานของหนูทั้งทีจะอยู่ทั้งงานหน่อยก็ไม่ได้” เธอบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ
“เอาน่า พ่ออยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยงานอะไรมากมายแล้วต่อจากนี้...แล้วเธอก็รู้อยู่ พ่อไม่ชอบงานสังคมแบบนี้เอาเสียเลย”
“โธ่...ก็...”
“เอาละนะ...พ่อต้องไปแล้วล่ะ...ลาก่อนแก้ว...ขอให้มีความสุข อะไรที่พ่ออยากพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว...ฝากล่ำลาหมอนั้นให้พ่อด้วย เอาให้อยู่หมัดนะลูก” ชายหนุ่มยิ้ม เป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่แก้วเคยเห็นมา
“ค่าๆๆๆ...บายๆคะพ่อ...แล้วแก้วจะโทรไปนะคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก” เขาบอกแล้วหันหลังเดินไป แก้วมองชายหนุ่มเดินหายเข้าไปหลังลิฟต์ ก่อนเดินกลับเข้างาน ทั้งๆที่ไม่รู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่
*******************************************************
   
ชายเสื้อสีดำสะบัดพลิ้วตามแรงลม ราตรีเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์สีดำคันเก่งของเขา หยิบหมวกกันน็อกไว้กับ 2 มือมั่น วันนี้เขาเช็ดทำความสะอาดพาหนะคู่ชีพซะจนมันเงาวับ สะท้อนกับแสงไฟแห่งเมืองหลวง จนเห็นเงาตัวเองสะท้อนบนถังน้ำมันรถ ราตรีจึงชะงักยังไม่สวมหมวกกันน็อก เขาวางมันลงข้างๆ แล้วลูบไปตามถังน้ำมัน เบาะหนังสีดำมะเมื่อม ความหลังหลากหลายเข้ามาในความคิดคำนึง
“นายก็อยู่กับฉันมานานแสนนานนะ” เขากระซิบแผ่วเบาขณะยังคงลูบตัวรถดั่งกับว่ามันมีจิตใจ “นายเป็นมอเตอร์ไซด์ที่ฉันรักมากคันหนึ่งทีเดียวละถึง...การจากครั้งนี้มันออกจะเร็วเกินไปสำหรับรถที่แสนดีอย่างนาย แต่ฉันก็เลือกแล้วล่ะ” พูดจบก็คว้าหมวกกันน็อกขึ้นมาสวม แล้วกระโดดขึ้นคร่อม พาหนะตัวเก่ง บิดกุญแจสตาร์ทรถ ดวงไฟลุกวาวราวกับสัตว์ป่าพิโรธ เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังสนั่นจากแรงบิดลูกบิดปลุกเส้นชีพจรด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มละปลายเท้าออกจากพื้นดิน แล้ว มันก็วิ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วประดุจดั่งเสือหิวที่วิ่งตามเหยื่อ
รถมอเตอร์ไซด์สีดำขลับวิ่งปราดเปรียวบนถนนของเมืองใหญ่ หันหลบซ้ายขวาคล่องแคล่วทั้งๆที่มันมากับความเร็วสูงสุดกู่ เสียงเครื่องยนต์คำรามดังสนั่นจนชาวบ้านชาวช่องโพล่ออกมาดูกันพัลวัล แต่เห็นทีจะมองตามไม่ทันอยู่ร่ำไป นัยน์ตาหลังหมวกกันน็อกนั้น มองตามทางที่แทบจะเป็นเพียงเส้นแสงสีเพราะความเร็วที่เขาใช้อยู่ ยิ่งบิดก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์แห่งความท้าทาย ไหนๆ พาหนะนี้ก็ได้ใช้เป็นครั้งสุดท้าย เอาให้มันเต็มสุดความสามารถและกำลังของมัน อา...แต่แล้วความสุขครั้งสุดท้ายก็หมดไปอย่างรวดเร็ว สายตาเฉียบคมก็เห็นที่หมายทางโค้งอยู่ข้างหน้า ที่อยู่ตรงหน้านั้นคือซอกตึกหนา ชายหนุ่มลู่ตัวลงไปกับถังของมอเตอร์ไซด์คันเก่ง ความเร็วที่สูงอยู่แล้วก็ยิ่งแรงขึ้นไปอีก เขาไม่ได้หลับตา เพียงแค่หลบรถไม่กี่คัน เสี้ยววินาทีนั้นเอง...ทุกอย่างก็จบสิ้น เสียงระเบิดของเครื่องยนต์คำรามครั้งสุดท้ายดังสนั่น ชายหนุ่มถูกเผาผลาญในกองเพลิง
    งานเลี้ยงกำลังได้ที่ เพื่อนของเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็แซวทั้งคู่จนสนุกปากไป แต่ทั้งคู่ก็ยิ้มรับ หัวเราะตามอย่างดี ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมอะไรอย่างนี้นะ
    “ฮะๆๆ...ขอเชิญให้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวได้กล่าวอะไร...แก้ตัวซักนิดเถอะนะครับ” โฆษกพูดดำเนินงานต่อทั้งๆที่ตัวเองยังกลั้วหัวเราะไม่เลิก เจ้าบ่าวไม่รอช้า รีบคว้าไมค์มา ทั้งแก้ตัว ทั้งเอาคืนสารพัด เจ้าสาวก็ผสมโรงด้วยเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากนัก ด้วยความที่เรียบร้อย ไม่นานโฆษกก็ทำท่าจะดำเนินในขั้นตอนต่อไป แต่แล้ว เจ้าสาวก็ขัดจังหวะเขาเอาไว้
    “ขอให้ฉันพูดอะไรสักนิดเถอะคะ” เธอสะกิดทันทีที่ได้โอกาส โฆษกหนุ่มยิ้มให้ แล้วส่งไมค์ให้เธอทันที ห้องประชุมไม่เล็กไม่ใหญ่เงียบกริบ ราตรีก้มมองดูนาฬิกาทั้งๆ ที่แทบจะไม่มีแสงไฟ เที่ยงคืนแล้ว เกือบได้เวลาแล้ว “เออ...” ทุกสายตาที่จับจ้องเธอขึ้นมาบนเวทีทำให้เธอประหม่า แต่เธอก็ตั้งใจจะพูดขึ้นให้ได้ “เออ...ก่อนอื่นก็ต้อง ขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยสนับสนุนแก้ว กับ พัฒ จนเรา 2 คนมีวันนี้ขึ้นมาได้ ทุกๆคนในที่นี้กำลังจะเป็นครอบครัวของแก้ว แก้วดีใจมากๆคะที่แก้วรู้ว่าแก้วกำลังจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แก้วเคยรู้จักความรู้สึกแบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว...หลายๆคนคงสงสัย...แก้วเคยกำพร้าคะ...แก้วเคย ไม่มีใครทั้งนั้น ตั้งแต่แก้วจำความได้ แก้วก็อยู่คนเดียวมาตลอด ขโมยเขากินไปวันๆ แก้วไม่รู้จักคำว่าโรงเรียน ไม่รู้ว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่ ถ้าแก้วไม่เจอเขา แล้วแก้วก็คงจะไม่ได้มารู้จักกับคนๆนี้” เธอยื่นมือไปกุมมือของชายหนุ่มชุดขาวที่ยืนข้างๆ ส่งสายตามีความหมายไปให้ “เขาเป็นคนที่จัดงานนี้ขึ้นมา ทุมเทแรงกายแรงใจทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น เขาดูแลแก้ว เด็กมอซอสกปรกข้างถนน แล้วทำให้ชีวิตแก้วมีความหมาย ให้แก้วได้เห็นโลกกว้าง สำหรับตอนนี้ เขาเป็นญาติคนเดียวของแก้ว...พ่อคะแก้วขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง...” เธอมองไปที่มุมมืด ชายหนุ่มที่ไม่มีใครคิดจะสนใจเลยในงาน เสียงซุบซิบดังระงมไปทั่ว ใครกันนะ เป็นพ่อของหนูแก้ว...
    “เออ...คุณพ่อตาครับ...กระผมเองก็ขอบคุณนะครับ อย่างสุดซึ้งเลยล่ะ ที่ได้ให้ผมพบเจอผู้หญิงที่แสนดีคนนี้” เจ้าบ่าวพูดอย่างอารมณ์ดี...“ถ้าจะไม่รบกวนจนเกินไปก็ ได้โปรดมากล่าวอวยพรผมกับแก้วนะครับ” ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง ไม่มีท่าทีจะขยับ
    “นะคะคุณพ่อ นะคะ” แก้วพูดเสริมขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาตรงมายังเขา ราตรียืนก้มหน้าลงหลบสายตานั้น เขาไม่ได้อยากออกไปเลย “นะคะ เพื่อแก้วนะคะ” เฮ้อ...เขาถอนหายใจออกมายาว ทำไมต้องมาแพ้คนๆเดียวด้วยนะ เสียงของเธอไม่ว่ากี่ครั้งก็ทำให้คนเย็นชาอย่างเขาอ่อนยวบได้ ชายหนุ่มขยับร่างออกจากมุมมืด แสงไฟสปอร์ตไลท์จึงส่องตาม ชายหนุ่มเอาแขนขึ้นบังแสงไฟ เพราะนัยน์ตาที่ปรับไม่ทัน สักพักเขาก็ลดแขนลงอย่างช้าๆ คนทั้งห้องประชุมจ้องตรงไปเป็นจุดเดียวกัน แล้วก็เริ่มบังเกิดเสียงซุบซิบ
ผู้เป็นบิดาของหญิงสาวไม่ได้ดูมีอายุอย่างที่คิด ที่ยืนอยู่ตรงนั้น คือ ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ร่างสูง ผมดำขลับส่องสะท้อนกับแสงไฟวาววับสมชื่อ “ราตรี” ดวงตาสีนิลดำยิ่งดึงดูดมากกว่า มันชวนให้คิดว่าชายผู้นี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ทั้งๆที่ร่างกายไม่ได้บอกอย่างนั้น ดูราวกับ หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ผิด ยิ่งการแต่งตัวของเขา เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำ แต่เขาก็ยังก้าวออกไปข้างหน้า ตรงไปยังเวทีไม้ลงน้ำมันอย่างไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่มองเขาราวกับเป็นตัวประหลาด เพราะดูยังไง ก็ไม่ใช่คนที่มีอายุเป็น “พ่อ” ของหญิงสาววัย 20 ปี เลยแม้แต่น้อย
“แหม...พ่อตา จะกี่ปีๆ ก็ยังหนุ่มแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ” พัฒเล่นมุขใส่เขาอย่างสนิทสนมก่อนส่งไมค์ให้ ราตรีหันยิ้มให้คนทั้ง 2 โดยเฉพาะ “ลูกสาว”
“กาลเวลา...มันก็...ผ่านไปเร็วจริงๆแหละแก้ว...เร็วจนซะพ่อยังแก่ไม่ทันเลย” เขาเล่นมุข ซึ่งก็มีแต่พัฒที่กล้าหัวเราะเบาๆออกมา ส่วนแก้วนั้น ความดีใจผสมกับหลากหลายอารมณ์ทำให้เธอเลือกใช้ไม่ถูก ตาคู่สวยเริ่มปริ่มด้วยน้ำอุ่นๆ ราตรีส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ “ไม่เอาลูก...น้ำตา มันไม่เหมาะกับงานนี้นะ” ราตรีบอกเธอเบาๆ แล้วเขาก็ปิดไมค์ “เฮ้อ...แก้ว...ลูกรัก...ตลอดชีวิตพ่อผ่านอะไรมามากมาย การจะเลือกที่ดูแลใครสักคนมันลำบาก กี่ปีแล้วล่ะ 13 14 ปีแล้วมั้ง ที่เราอยู่ด้วยกันมา พ่อลืมคำว่าเหงาไปหมด เพราะมีเธอนั้นแล ไม่ใช่มีแต่พ่อหรอกนะที่ดูแลเธอ เธอก็ดูแลพ่อด้วยถึงแม้ว่าเธอไม่รู้ว่าเธอดูแลพ่อยังไง เอาเป็นว่าแก้วเป็นส่วนเติมเต็มของพ่อ แต่มัน...ก็...แก้ว...มันจะถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องเดินหน้าต่อไปในชีวิต ขณะที่พ่อเองก็จะเดินไปในทางเก่าๆของพ่อ แต่พ่อก็ยังอยู่ตรงนี้ พ่อเฝ้ามองเธอหรอกตลอดเวลา แต่ไม่บ่อยเหมือนเดิมแล้วเท่านั้นเอง” เขาพูดให้แก้วได้ยินคนเดียว หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เข้าสบอกของผู้ที่เธอนับถือเป็นถึงบิดา ราตรีโอบเธอไว้ในอ้อมอก “ไม่เอา เดียวไม่สวยน้า...” เขาพูดใส่ไมค์ หญิงสาวจึงขึ้นมายืน แต่ได้ไม่นานนักก็ซบไหล่ของอนาคตที่พักพิงของเธอ “สำหรับ พัฒ มันก็เหมือนในตอนนี้แหละ ฉันยกลูกสาวให้นายดูแลแทน ทั้งชิวิตของเธอที่เหลือนี้ ฉันไว้ใจนาย หึหึหึ นายนี่...โชคดีนะ ที่เขามาจีบลูกสาวทางพ่อเลยนะ”
“แหม พ่อตาราตรีก็นะครับ เฮ้อ...เอาเถอะ...ถามหน่อยสิครับพ่อตา ทำไงพ่อถึงดูหนุ่มแน่น อายุปาจะไป 40 ฟ่าๆแล้ว ดูอย่างกะ 20 ไหนๆก็ไหนๆแล้วพ่อ บอกผมหน่อยนะ” พัฒเล่นมุขสนุกสนานตามประสาคนอารมณ์ดี (+เมาแล้วด้วยมั้ง) แต่ราตรีก็ยิ้มกว้างๆให้ ไม่ยอมพูดตอบ
“เออ...หมดหน้าที่ฉันแล้ว...อย่างที่ฝากไว้ ไอ้เด็กเฮงซวยฉันฝากผู้หญิงของฉันไว้กับนาย...ถ้าดูแลไม่ดี ฉันจะมาหลอกมาหลอนคอยดู” ราตรีชูนิ้วกลางให้พัฒ ก่อนเดินลงจากเวทีไป พัฒเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะร่า...
“ขอบคุณโว้ยไอ้ตาแก่หน้าเด็ก...มึงหล่อกว่ากูอีกนะ กูหมั่นไส้มานานแล้ว แต่ก็ต้องขอบคุณหลายๆทีว่ะ” เขาตะโกนไปด้วยความสนิทสนม แล้วก็อดคิดถึงวันเก่าๆไม่ได้
ประตูห้องประชุมถูกปิดพร้อมร่างของชายหนุ่มที่หายออกไป แก้วออกจะใจเสียเล็กน้อย แต่เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างบอกว่าผู้เป็นบิดายังไม่กลับ งานเลี้ยงดำเนินไปเรื่อยๆ จนในที่สุด ช่วงที่ยืดยาวก็จบสิ้นลง แก้วรีบปลีกตัวออกจากฝูงชนวิ่งออกนอกห้องประชุม เป็นอย่างที่เธอคิด ราตรีรอเธออยู่นอกห้องนั้นเอง ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อโค้ดยาวสีดำ สภาพบ่งบอกว่าพร้อมที่จะไป ชายหนุ่มกับรอยยิ้มเดิมๆที่ดูไร้อารมณ์
“พ่อจะกลับแล้วเหรอคะ” แก้วถามออกไป
“พ่อขอโทษนะ แต่มันถึงเวลาแล้ว” เขาตอบ
“แหม งานของหนูทั้งทีจะอยู่ทั้งงานหน่อยก็ไม่ได้” เธอบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ
“เอาน่า พ่ออยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยงานอะไรมากมายแล้วต่อจากนี้...แล้วเธอก็รู้อยู่ พ่อไม่ชอบงานสังคมแบบนี้เอาเสียเลย”
“โธ่...ก็...”
“เอาละนะ...พ่อต้องไปแล้วล่ะ...ลาก่อนแก้ว...ขอให้มีความสุข อะไรที่พ่ออยากพูดก็ได้พูดไปหมดแล้ว...ฝากล่ำลาหมอนั้นให้พ่อด้วย เอาให้อยู่หมัดนะลูก” ชายหนุ่มยิ้ม เป็นยิ้มที่กว้างที่สุดเท่าที่แก้วเคยเห็นมา
“ค่าๆๆๆ...บายๆคะพ่อ...แล้วแก้วจะโทรไปนะคะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก” เขาบอกแล้วหันหลังเดินไป แก้วมองชายหนุ่มเดินหายเข้าไปหลังลิฟต์ ก่อนเดินกลับเข้างาน ทั้งๆที่ไม่รู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่
*******************************************************
   
ชายเสื้อสีดำสะบัดพลิ้วตามแรงลม ราตรีเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์สีดำคันเก่งของเขา หยิบหมวกกันน็อกไว้กับ 2 มือมั่น วันนี้เขาเช็ดทำความสะอาดพาหนะคู่ชีพซะจนมันเงาวับ สะท้อนกับแสงไฟแห่งเมืองหลวง จนเห็นเงาตัวเองสะท้อนบนถังน้ำมันรถ ราตรีจึงชะงักยังไม่สวมหมวกกันน็อก เขาวางมันลงข้างๆ แล้วลูบไปตามถังน้ำมัน เบาะหนังสีดำมะเมื่อม ความหลังหลากหลายเข้ามาในความคิดคำนึง
“นายก็อยู่กับฉันมานานแสนนานนะ” เขากระซิบแผ่วเบาขณะยังคงลูบตัวรถดั่งกับว่ามันมีจิตใจ “นายเป็นมอเตอร์ไซด์ที่ฉันรักมากคันหนึ่งทีเดียวละถึง...การจากครั้งนี้มันออกจะเร็วเกินไปสำหรับรถที่แสนดีอย่างนาย แต่ฉันก็เลือกแล้วล่ะ” พูดจบก็คว้าหมวกกันน็อกขึ้นมาสวม แล้วกระโดดขึ้นคร่อม พาหนะตัวเก่ง บิดกุญแจสตาร์ทรถ ดวงไฟลุกวาวราวกับสัตว์ป่าพิโรธ เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังสนั่นจากแรงบิดลูกบิดปลุกเส้นชีพจรด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มละปลายเท้าออกจากพื้นดิน แล้ว มันก็วิ่งทะยานออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วประดุจดั่งเสือหิวที่วิ่งตามเหยื่อ
รถมอเตอร์ไซด์สีดำขลับวิ่งปราดเปรียวบนถนนของเมืองใหญ่ หันหลบซ้ายขวาคล่องแคล่วทั้งๆที่มันมากับความเร็วสูงสุดกู่ เสียงเครื่องยนต์คำรามดังสนั่นจนชาวบ้านชาวช่องโพล่ออกมาดูกันพัลวัล แต่เห็นทีจะมองตามไม่ทันอยู่ร่ำไป นัยน์ตาหลังหมวกกันน็อกนั้น มองตามทางที่แทบจะเป็นเพียงเส้นแสงสีเพราะความเร็วที่เขาใช้อยู่ ยิ่งบิดก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์แห่งความท้าทาย ไหนๆ พาหนะนี้ก็ได้ใช้เป็นครั้งสุดท้าย เอาให้มันเต็มสุดความสามารถและกำลังของมัน อา...แต่แล้วความสุขครั้งสุดท้ายก็หมดไปอย่างรวดเร็ว สายตาเฉียบคมก็เห็นที่หมายทางโค้งอยู่ข้างหน้า ที่อยู่ตรงหน้านั้นคือซอกตึกหนา ชายหนุ่มลู่ตัวลงไปกับถังของมอเตอร์ไซด์คันเก่ง ความเร็วที่สูงอยู่แล้วก็ยิ่งแรงขึ้นไปอีก เขาไม่ได้หลับตา เพียงแค่หลบรถไม่กี่คัน เสี้ยววินาทีนั้นเอง...ทุกอย่างก็จบสิ้น เสียงระเบิดของเครื่องยนต์คำรามครั้งสุดท้ายดังสนั่น ชายหนุ่มถูกเผาผลาญในกองเพลิง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น