ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : อลิซเบธ
    ณ.ราชวังฮาครีฟส์ ยามเย็นวันนี้ช่างงดงามดั้งเมืองสวรรค์ มีการประดับประดาดวงไฟระยิบระยับน้อยใหญ่มากมาย ที่โดดเด่นอยู่กลางงานนั้นคือ อลิซเบธ พระราชธิดาผู้เลอโฉมของกษัตริย์ฮาครีฟส์ ที่สิบ ของประเทศครีฟาเนีย
                อลิซเบธ อายุสิบแปดปี เป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อม สาวสวย รูปร่างดี จบปริญญาด้านบริหารมาจากฮาวาร์ด และได้คาราเต้สายดำจากญี่ปุ่น  เธอได้รับการคาดหมายว่าจะได้สืบพระราชบัลลังค์ต่อจากกษัตริย์ฮาครีฟส์ เพราะทรงมีทายาทเพียงพระองค์เดียว คือ อลิซเบธ ดังนั้นเธอจึงเป็นที่หมายปองของไฮโซหนุ่มทั่วประเทศครีฟาเนีย
“พระองค์งามยิ่งกว่าโมนาลิซ่า”
“พระองค์งามยิ่งกว่าหญิงทุกคนในโลก”
“หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นหญิงใดงามเท่าพระองค์มาก่อน”
เสียงของหนุ่มๆ ในงานพยายามพูดคุยกับเธอ เธอก็ยิ้มแย้ม และพูดคุยกับทุกคน ราวกับทุกคนเป็นเพื่อนสนิท
ค่ำคืนนั้นหลังจากงานเลี้ยงเลิกรา อลิซเบธนอนแช่อ่างจากุซี่ฟังเพลงคลาสสิก อย่างเหนื่อยอ่อน
“สรงน้ำเสร็จหรือยังเพค่ะ” แอนนาสาวใช้เดินเข้ามาถามเบาๆ “อือ” เธอตอบแต่ยังไม่ลืมตา
แอนนากางผ้าเช็ดตัวออกพร้อมจะห่อหุ้มร่างขาวเนียนนั้น อลิซเบธลุกขึ้นยืน ร่างเปลือยเปล่าของเธอช่างสวยงามเหลือเกิน จนแอนนาต้องแอบมองอย่างอจิฉาทุกครั้งที่เช็ดตัว และแต่งตัวให้เธอ
“ฉันละเบื่อพวกหนุ่มๆ พวกนั้นเสียจริง มีแต่คำพูดหวานๆ จะอวก” เจ้าหญิงสาวบ่นอุบ
แอนนาได้แต่ยิ้ม พร้อมกับลูบไล้มือที่ชุ่มครีบถนอมผิวราคาแพงลงบนเรือนร่างของอลิซเบธ
“แสงสีในวังหลวงนี่ก็ช่างหน้าเบื่อ ไม่รู้จะเลี้ยงอะไรกันบ่อยๆ ขี้เกียจปั้นยิ้ม” อลิซเบธยังบ่นต่อไป
“นี่ๆ แอนนาเราหนีไปเที่ยวสักเดือนหนึ่งไหม?” เจ้าหญิงยื่นหน้าไปเกือบถึงหน้าแอนนา
“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกเพค่ะ เสด็จพ่อของพระองค์หญิงต้องตัดหัวหม่อมฉันแน่นอน” แอนนาตัวสั่น
“ล้อเล่นน่ะ ทำเป็นกลัวไปได้” หล่อนทำหน้าเบ้
แอนนามองดูเด็กสาวตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อกอวบอูมที่เธอลูบไล้ครีมอยู่นี้บ่งบอกว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ประกอบกับสะโพกผาย ผิวขาวเนียร ผมสีทอง หน้าตาที่สะสวยทำให้อลิซเบธเป็นหญิงที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ หนุ่มๆเหล่านั้นไม่ได้พูดเกินความจริงไปหรอก
“คืนนี้ทำผมสีดำดีกว่า แอนนาย้อมให้หน่อยนะๆๆๆๆๆ” เธออ้อนพี่เลี้ยงของเธอ
“เพค่ะๆ แหมสีทองก็ดีอยู่แล้วนี่เพค่ะ” หล่อนรับปากแบบเสียมิได้
อลิซเบธตบมือด้วยความดีใจ หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่านระหว่างรอแอนนาย้อมผมเป็นสีดำ
ปกหนังสือเขียนว่า “ภาษาไทยวันละคำ”
..................................................................................................................................................................................
“เอ้า กินมาม่าแล้วกัน เมียไม่อยู่ก็อย่างนี้ละ” ทองพูน ชายแก่ส่งชามมาม่าที่ลวกเสร็จแล้วให้ชายหนุ่มตรงหน้า เขาหยิบขึ้นมากินอย่างตะกรุมตะกราม
“ชื่ออะไรน่ะเราน่ะ?” ทองพูนมองดู แล้วถามขึ้น
“ฉะ-นิน-ครับ” เขาตอบทั้งที่บะหมี่เต็มปาก
“เอาๆ ค่อยๆกินเดี๋ยวติดคอตายหรอก” ชายแก่หัวเราะ “บ้านอยู่ไหนล่ะ?”
“บ้านอยู่-บ้าน-อยู่-เออ-อยู่ไหนหว่า?” ชนินทร์ตอบตะกุกตะกัก
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าจำอะไรไม่ได้เลย” ชายแก่ตะคอก
“แฮะๆ จำไม่ได้จริงๆ ง่ะ” เขาตอบจ๋อยๆ แล้วแลบลิ้นออกมา
“เวรละกู เอกสารติดตัวก็ไม่มี ถูกโจรมันตีหัวเอาไปหมดเลยล่ะสิ เจือกเอาความจำไปด้วย”
“เอาละๆ พักที่นี่ก่อนละกัน เดี๋ยวจำอะไรได้ค่อยว่ากัน เฮ้อ” ทองพูนพูดจบก็ลุกไปปูเสื่อ
“แต่แกจะอยู่เฉยๆไม่ได้นะ ต้องช่วยกันทำมาหากิน ว่าแต่ขับรถเป็นรึเปล่า?” ชายแก่ถาม
“เป็นครับ” ชนินทร์คิดว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาจำได้ ใช่เขาขี่รถได้ เขาชอบรถมาก “เป็นนักแข่งรถรึเปล่าหว่า”
“บ่นอะไร รีบกิน รีบมานอน พรุ่งนี้จะพาไปกาเถ้าแก่ หาแท็กซี่ให้ขับสักคัน” ทองพูนตวาดเขา
บ่ายวันต่อมา ลูกค้ารายแรกของชนินทร์เป็นยายแก่ ที่นั่งหลับอยู่ที่เบาะหลัง เขานำรถเลี้ยวขึ้นสนามบินดอนเมือง
“ยายๆๆ ถึงแล้ว ตื่นได้แล้ว” ชนินทร์ปลุกลูกค้าเขา
ยายแก่ตื่นมาทำหน้างงๆ หันซ้ายหันขวา แล้วทำหน้าขึงขังขึ้นมา เอาร่มคู่ชีพของแกตีชนินทร์อย่างบ้าคลั่ง “ไอ้บ้า! ฉันให้แกไปส่งรองเมือง แกพาฉันมาสนามบินทำไม”
“โอ๊ยๆ ยาย ก็นี่ไงรองเมืองน่ะ” เขาเถียงพร้อมกับปัดป้องไม่ให้ร่มพิฆาตถูกหัว
“นี่มันดอนเมืองโว้ย กูไม่จ่ายเงินมึง” ว่าแล้วแกก็เดินสบัดก้นลงจากรถ
“เดี๋ยวๆ ยายค่ารถผมล่ะ” เขาตะโกนตามหลังไป ยายแกหันมาแล้วยกนิ้วกลางให้ แล้วก็เดินจากไป
“ซวยจริงๆกู” ชนินทร์ส่ายหัว
ขณะที่เขากำลังนั่งเกาหัวอยู่นั้น ก็รู้สึกว่ารถไหวๆ แล้วมีเสียงกระแทกประตูปิดดังปัง
“ปายโลงแลม(ไปโรงแรม) มูนฟลาวเวอร์”
เขาหันไปดู พบว่าเป็นสาวสวยหน้าตาฝรั่งๆ แต่ผมดำ อายุคงไม่เกินสิบแปดละมั้ง แหม พักโรงแรมชั้นหนึ่งเลยนะนี่เด็กคนนี้ เอ! ทำไมรู้ว่าเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งหว่า หรือว่าเราเคยไปพัก ไม่มั้ง เขาส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วขับรถมุ่งหน้าไปถนนสาธร
เขาแอบมองลูกค้าจากกระจกมองหลัง เธอสวยอย่างนี้ใครจะอดใจไหว หญิงสาวนั้งมองวิวรอบข้างผ่านกระจกแว่นสีชาอันใหญ่ ภายใต้เสื้อหนังสีน้ำตาลยาวถึงตาตุ่ม ไม่ร้อนหรือไงนะ
เหมือนหล่อนจะได้ยินที่เขาคิด หล่อนถอดแจ๊กเก็ตออก เหลือเพียงกางเกงยีนส์รัดรูป และเสื้อไหมพรมสีน้ำตาล
“ขาบรดม่ายมองทาง เดี๋ยวรดชนหรอก (ขับรถไม่มองทาง เดี๋ยวรถชนหรอก)” หล่อนพูดโดยยังคงมองวิวภายนอกอยู่ เขาแกล้งไม่ได้ยินแล้วขับรถต่อไปโดยไม่มองเธออีกเลย
ชั่วโมงต่อมารถของเขาก็เข้าเทียบที่จอดรถส่งผู้โดยสารหน้าโรงแรม
“เอานี่ ม่ายต๋องทอน แล้วพรุ่งนี้มารับฉานแต่เช้าด้วย(เอานี่ ไม่ต้องทอน แล้วพรุ่งนี้มารับฉันแต่เช้าด้วย)” หล่อนยังคงพูดไทยสำเนียงฝรั่ง แล้วยื่นแบงค์พันให้เขาสองใบ “อย่าลืมล่ะ”
“โอ้โห ทิปหนักวุ้ย ใครจะลืมเล่า” เขายิ้มแล้วขับรถออกไป
...................................................................................................................................................................................
ณ.ราชวังฮาครีฟส์ มีเสียงเอะอะดังขึ้นทั่ววัง แอนนาสาวใช้ถูกมัดมือ มัดเท้า นอนสลบไสลอยู่
“แอนนาๆ เกิดอะไรขึ้น ลูกสาวข้าหายไปไหน” พระราชาเขย่าตัวแอนนา
เธอฟื้นขึ้นทำหน้างงๆ สักพักก็นึกขึ้นมาได้ “เจ้าหญิงๆเพค่ะ พระองค์เอาชุดของหม่อมฉันไปเพค่ะ”
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้ หนีเที่ยวอีกแล้ว นึกว่ามีใครจับตัวไป” พระราชาส่ายหัว “ทหารตามหาตัวมาให้ได้”
“พระราชินีเสด็จ” ทหารยามตะโกน
“มีโจรเข้ามาหรือเพค่ะ เสด็จพี่?” พระนางรีบถาม
“มิใช่ดอก ลูกสาวเจ้าน่ะ ก่อเรื่องอีกแล้ว”
“หนีเที่ยวอีกหรือเพค่ะ คราวนี้ไปไหนละเพค่ะ”
กษัตริย์ฮาครีฟส์ชูหนังสือ “ภาษาไทยวันละคำ” ให้พระนางดู
                อลิซเบธ อายุสิบแปดปี เป็นเจ้าหญิงที่เพียบพร้อม สาวสวย รูปร่างดี จบปริญญาด้านบริหารมาจากฮาวาร์ด และได้คาราเต้สายดำจากญี่ปุ่น  เธอได้รับการคาดหมายว่าจะได้สืบพระราชบัลลังค์ต่อจากกษัตริย์ฮาครีฟส์ เพราะทรงมีทายาทเพียงพระองค์เดียว คือ อลิซเบธ ดังนั้นเธอจึงเป็นที่หมายปองของไฮโซหนุ่มทั่วประเทศครีฟาเนีย
“พระองค์งามยิ่งกว่าโมนาลิซ่า”
“พระองค์งามยิ่งกว่าหญิงทุกคนในโลก”
“หม่อมฉันยังไม่เคยเห็นหญิงใดงามเท่าพระองค์มาก่อน”
เสียงของหนุ่มๆ ในงานพยายามพูดคุยกับเธอ เธอก็ยิ้มแย้ม และพูดคุยกับทุกคน ราวกับทุกคนเป็นเพื่อนสนิท
ค่ำคืนนั้นหลังจากงานเลี้ยงเลิกรา อลิซเบธนอนแช่อ่างจากุซี่ฟังเพลงคลาสสิก อย่างเหนื่อยอ่อน
“สรงน้ำเสร็จหรือยังเพค่ะ” แอนนาสาวใช้เดินเข้ามาถามเบาๆ “อือ” เธอตอบแต่ยังไม่ลืมตา
แอนนากางผ้าเช็ดตัวออกพร้อมจะห่อหุ้มร่างขาวเนียนนั้น อลิซเบธลุกขึ้นยืน ร่างเปลือยเปล่าของเธอช่างสวยงามเหลือเกิน จนแอนนาต้องแอบมองอย่างอจิฉาทุกครั้งที่เช็ดตัว และแต่งตัวให้เธอ
“ฉันละเบื่อพวกหนุ่มๆ พวกนั้นเสียจริง มีแต่คำพูดหวานๆ จะอวก” เจ้าหญิงสาวบ่นอุบ
แอนนาได้แต่ยิ้ม พร้อมกับลูบไล้มือที่ชุ่มครีบถนอมผิวราคาแพงลงบนเรือนร่างของอลิซเบธ
“แสงสีในวังหลวงนี่ก็ช่างหน้าเบื่อ ไม่รู้จะเลี้ยงอะไรกันบ่อยๆ ขี้เกียจปั้นยิ้ม” อลิซเบธยังบ่นต่อไป
“นี่ๆ แอนนาเราหนีไปเที่ยวสักเดือนหนึ่งไหม?” เจ้าหญิงยื่นหน้าไปเกือบถึงหน้าแอนนา
“อุ๊ย! ไม่ได้หรอกเพค่ะ เสด็จพ่อของพระองค์หญิงต้องตัดหัวหม่อมฉันแน่นอน” แอนนาตัวสั่น
“ล้อเล่นน่ะ ทำเป็นกลัวไปได้” หล่อนทำหน้าเบ้
แอนนามองดูเด็กสาวตรงหน้าแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ อกอวบอูมที่เธอลูบไล้ครีมอยู่นี้บ่งบอกว่าเจ้าหญิงน้อยของเธอเป็นสาวเต็มตัวแล้ว ประกอบกับสะโพกผาย ผิวขาวเนียร ผมสีทอง หน้าตาที่สะสวยทำให้อลิซเบธเป็นหญิงที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้ หนุ่มๆเหล่านั้นไม่ได้พูดเกินความจริงไปหรอก
“คืนนี้ทำผมสีดำดีกว่า แอนนาย้อมให้หน่อยนะๆๆๆๆๆ” เธออ้อนพี่เลี้ยงของเธอ
“เพค่ะๆ แหมสีทองก็ดีอยู่แล้วนี่เพค่ะ” หล่อนรับปากแบบเสียมิได้
อลิซเบธตบมือด้วยความดีใจ หยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมาอ่านระหว่างรอแอนนาย้อมผมเป็นสีดำ
ปกหนังสือเขียนว่า “ภาษาไทยวันละคำ”
..................................................................................................................................................................................
“เอ้า กินมาม่าแล้วกัน เมียไม่อยู่ก็อย่างนี้ละ” ทองพูน ชายแก่ส่งชามมาม่าที่ลวกเสร็จแล้วให้ชายหนุ่มตรงหน้า เขาหยิบขึ้นมากินอย่างตะกรุมตะกราม
“ชื่ออะไรน่ะเราน่ะ?” ทองพูนมองดู แล้วถามขึ้น
“ฉะ-นิน-ครับ” เขาตอบทั้งที่บะหมี่เต็มปาก
“เอาๆ ค่อยๆกินเดี๋ยวติดคอตายหรอก” ชายแก่หัวเราะ “บ้านอยู่ไหนล่ะ?”
“บ้านอยู่-บ้าน-อยู่-เออ-อยู่ไหนหว่า?” ชนินทร์ตอบตะกุกตะกัก
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าจำอะไรไม่ได้เลย” ชายแก่ตะคอก
“แฮะๆ จำไม่ได้จริงๆ ง่ะ” เขาตอบจ๋อยๆ แล้วแลบลิ้นออกมา
“เวรละกู เอกสารติดตัวก็ไม่มี ถูกโจรมันตีหัวเอาไปหมดเลยล่ะสิ เจือกเอาความจำไปด้วย”
“เอาละๆ พักที่นี่ก่อนละกัน เดี๋ยวจำอะไรได้ค่อยว่ากัน เฮ้อ” ทองพูนพูดจบก็ลุกไปปูเสื่อ
“แต่แกจะอยู่เฉยๆไม่ได้นะ ต้องช่วยกันทำมาหากิน ว่าแต่ขับรถเป็นรึเปล่า?” ชายแก่ถาม
“เป็นครับ” ชนินทร์คิดว่านี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาจำได้ ใช่เขาขี่รถได้ เขาชอบรถมาก “เป็นนักแข่งรถรึเปล่าหว่า”
“บ่นอะไร รีบกิน รีบมานอน พรุ่งนี้จะพาไปกาเถ้าแก่ หาแท็กซี่ให้ขับสักคัน” ทองพูนตวาดเขา
บ่ายวันต่อมา ลูกค้ารายแรกของชนินทร์เป็นยายแก่ ที่นั่งหลับอยู่ที่เบาะหลัง เขานำรถเลี้ยวขึ้นสนามบินดอนเมือง
“ยายๆๆ ถึงแล้ว ตื่นได้แล้ว” ชนินทร์ปลุกลูกค้าเขา
ยายแก่ตื่นมาทำหน้างงๆ หันซ้ายหันขวา แล้วทำหน้าขึงขังขึ้นมา เอาร่มคู่ชีพของแกตีชนินทร์อย่างบ้าคลั่ง “ไอ้บ้า! ฉันให้แกไปส่งรองเมือง แกพาฉันมาสนามบินทำไม”
“โอ๊ยๆ ยาย ก็นี่ไงรองเมืองน่ะ” เขาเถียงพร้อมกับปัดป้องไม่ให้ร่มพิฆาตถูกหัว
“นี่มันดอนเมืองโว้ย กูไม่จ่ายเงินมึง” ว่าแล้วแกก็เดินสบัดก้นลงจากรถ
“เดี๋ยวๆ ยายค่ารถผมล่ะ” เขาตะโกนตามหลังไป ยายแกหันมาแล้วยกนิ้วกลางให้ แล้วก็เดินจากไป
“ซวยจริงๆกู” ชนินทร์ส่ายหัว
ขณะที่เขากำลังนั่งเกาหัวอยู่นั้น ก็รู้สึกว่ารถไหวๆ แล้วมีเสียงกระแทกประตูปิดดังปัง
“ปายโลงแลม(ไปโรงแรม) มูนฟลาวเวอร์”
เขาหันไปดู พบว่าเป็นสาวสวยหน้าตาฝรั่งๆ แต่ผมดำ อายุคงไม่เกินสิบแปดละมั้ง แหม พักโรงแรมชั้นหนึ่งเลยนะนี่เด็กคนนี้ เอ! ทำไมรู้ว่าเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งหว่า หรือว่าเราเคยไปพัก ไม่มั้ง เขาส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วขับรถมุ่งหน้าไปถนนสาธร
เขาแอบมองลูกค้าจากกระจกมองหลัง เธอสวยอย่างนี้ใครจะอดใจไหว หญิงสาวนั้งมองวิวรอบข้างผ่านกระจกแว่นสีชาอันใหญ่ ภายใต้เสื้อหนังสีน้ำตาลยาวถึงตาตุ่ม ไม่ร้อนหรือไงนะ
เหมือนหล่อนจะได้ยินที่เขาคิด หล่อนถอดแจ๊กเก็ตออก เหลือเพียงกางเกงยีนส์รัดรูป และเสื้อไหมพรมสีน้ำตาล
“ขาบรดม่ายมองทาง เดี๋ยวรดชนหรอก (ขับรถไม่มองทาง เดี๋ยวรถชนหรอก)” หล่อนพูดโดยยังคงมองวิวภายนอกอยู่ เขาแกล้งไม่ได้ยินแล้วขับรถต่อไปโดยไม่มองเธออีกเลย
ชั่วโมงต่อมารถของเขาก็เข้าเทียบที่จอดรถส่งผู้โดยสารหน้าโรงแรม
“เอานี่ ม่ายต๋องทอน แล้วพรุ่งนี้มารับฉานแต่เช้าด้วย(เอานี่ ไม่ต้องทอน แล้วพรุ่งนี้มารับฉันแต่เช้าด้วย)” หล่อนยังคงพูดไทยสำเนียงฝรั่ง แล้วยื่นแบงค์พันให้เขาสองใบ “อย่าลืมล่ะ”
“โอ้โห ทิปหนักวุ้ย ใครจะลืมเล่า” เขายิ้มแล้วขับรถออกไป
...................................................................................................................................................................................
ณ.ราชวังฮาครีฟส์ มีเสียงเอะอะดังขึ้นทั่ววัง แอนนาสาวใช้ถูกมัดมือ มัดเท้า นอนสลบไสลอยู่
“แอนนาๆ เกิดอะไรขึ้น ลูกสาวข้าหายไปไหน” พระราชาเขย่าตัวแอนนา
เธอฟื้นขึ้นทำหน้างงๆ สักพักก็นึกขึ้นมาได้ “เจ้าหญิงๆเพค่ะ พระองค์เอาชุดของหม่อมฉันไปเพค่ะ”
“เฮ้อ เจ้าลูกคนนี้ หนีเที่ยวอีกแล้ว นึกว่ามีใครจับตัวไป” พระราชาส่ายหัว “ทหารตามหาตัวมาให้ได้”
“พระราชินีเสด็จ” ทหารยามตะโกน
“มีโจรเข้ามาหรือเพค่ะ เสด็จพี่?” พระนางรีบถาม
“มิใช่ดอก ลูกสาวเจ้าน่ะ ก่อเรื่องอีกแล้ว”
“หนีเที่ยวอีกหรือเพค่ะ คราวนี้ไปไหนละเพค่ะ”
กษัตริย์ฮาครีฟส์ชูหนังสือ “ภาษาไทยวันละคำ” ให้พระนางดู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น