ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เจ้านายที่รัก
ในยามบ่ายอันสดใสของฤดูใบไม้ผลิ  แสงแดดอ่อนๆยามบ่ายช่วยเพิ่มทวีความงามให้กับทุ่งดอกไม้หลากสีสัน  ถึงกระนั้นแสงสีทองจากดวงตะวัน  ก็ยังเทียบไม่ได้กับความสดใส  และเสียงหัวเราะของเด็กสาว 2 คน  ที่เปี่ยมไปด้วยความซุกซน  และความรักสนุกของเด็กทั้งสองที่วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งกว้างแห่งนี้  เสียงฝีเท้าที่ดังกระทบกับผืนหญ้า  ผู้เป็นเจ้าของเสียงฝีเท้าออกแรงวิ่งเพื่อมิให้เพื่อนอีกคนหนึ่งไล่จับเขาทัน  ทว่ามือเล็กๆของอีกฝ่ายก็สามารถแตะชายเสื้อนักเรียนแล้วออกแรงดึงเพื่อมิให้วิ่งออกไปได้อีก  แต่ผลที่ได้กลับทำให้ทั้งคู่ล้มลงบนผืนหญ้าอันอ่อนนุ่ม
“ว้า อะไรกันจับได้อีกแล้วเหรอ”  เด็กสาวคนหนึ่งพูด
สายลมอ่อนโชยมาทำให้ผมสีส้มที่ผูกไว้เป็นแกละสองข้างที่ยาวเลยบ่าของเธอนอหน่อยพลิ้วไปตามสายลม  ผิวของเธอนั้นขาวราวหิมะ  ตาสีแดงฉานราวเปลวเพลิง  ถึงแม้ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีแดงฉาน  แต่ดวงตาของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอ่อนหวาน  ไร้เดียงสาและแสนบริสุทธิ์  เสียงเล็กใสน่าฟังราวกับเสียงของนกที่ร้องเพลง  อายุของเธอนั้นราวๆ 14 ปีเครื่องประดับที่เธอสวมใส่อยู่นั้นมีเพียงสร้อยคอสีเงินที่สลักไว้ว่า  MIGA ซึ่งบ่งบอกวาป็นชื่อของเธอ
“ก็เธอวิ่งช้าเองนี่นา” เด็กอีกคนพูดต่อ
“อะไรกันอากาเนะ มิกะไม่ได้วิ่งช้าสักหน่อย” มิกะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างงอน
อากาเนะเป็นผู้หญิงที่มัดหางม้าสูง  ปลายผมของเธอนั้นก็ยาวประบ่าพอๆกับมิกะเพื่อนสนิทของเธอ  ผมของอากาเนะนั้นเป็นสีขาวเงิน  ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด  เสียงของเธอนั้นแหบและใหญ่กว่ามิกะเล็กน้อย  เธอมีอายุ 14 ปีเท่ากับมิกะ  เธอมีนามว่าอากาเนะ
“เอาน่าๆ ชั้นพูดผิดไปขอโทษที” อากาเนะพูดขอโทษเพื่อนของเธอแบบขอไปที
ท่ามกลางความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กสาวทั้งสองคน  จู่ๆก็มีเสียงที่ทำความความเงียบสงัดนั้นไปในทันที  เสียงนั้นฟังดูคล้ายเสียงของนาฬิกาข้อมือที่ดังขึ้น
“ได้เวลากลับบ้านแล้วเหรอ?” อากาเนะถามเพื่อนสนิทของเธอ
“อื้อ จวนจะได้เวลาที่มิกะจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ” มิกะตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง
“แล้วเธอกับเจ้านายสนิทกันไปถึงไหนแล้วล่ะ” อากาเนะถามต่อด้วยความอยากรู้
“เค้า...ยังไม่เคยยิ้มให้ชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว” เธอตอบพร้อมกับดวงตาสีแดงฉานที่ฉายแววเศร้าลง
ยังไม่ทันสิ้นคำพูดของมิกะ  รถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงหน้า  ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก  พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ก้าวลงมาจากรถ  ถ้าดูจากลักษณะเสื้อผ้าของเขานั้นก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขานั้นเป็นคนรถ  พร้อมกับประตูรถอีกบานที่เปิดออกแต่คราวนี้ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถเป็นผู้หญิงในชุดเมท  ผู้หญิงคนนั้นกล่าวหลังจากที่เปิดประตูให้มิกะอย่างเรียบร้อยว่าว่า
“คุณมิกะคะ ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้มาเล่นกันใหม่นะอากาเนะ” มิกะหันไปบอกลากับเพื่อนของเธอก่อนที่จะก้าวขึ้นรถไป
“อือ พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ” อากาเนะพูดบอกลามิกะ
ภาพที่อากาเนะเห็นเป็นภาพสุดท้ายในวันนี้คือภาพรถยนต์สีดำที่เพื่อนสนิทของเธอนั่งอยู่จากไป
บรรยากาศภายในรถที่เงียบสงัดทำให้มิกะรู้สึกแปลกๆ  ที่เป็นเหตุนั้นเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ชอบความเงียบเอาเสียเลย
“วันนี้คุณทาคุมิ  เหนื่อยไหมคะ” มิกะพูดถามเจ้านายของเธอเพื่อทำลายความเงียบ
“ ก็งั้นๆ” เสียงของเด็กหนุ่มที่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทาคุมินั้นเป็นเด็กหนุ่มชาวจีนที่มีอายุมากกว่ามิกะ  เส้นผมสีม่วงอมน้ำเงินที่แสนยาวนั้นถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย  เขาใส่ต่างหูสีแดงที่ข้างขวาเพียงข้างเดียว  ดวงตาสีทองของเขาที่ดูเย็นชา  และแสนอ้างว้าง  ทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยยิ้มยิ่งดูอ้างว้างเดียวดายมากขึ้นไปอีก
“วันนี้มิกะสนุกมาเลยค่ะ” เธอพูดต่ออย่างร่าเริง
“ ” ไม่มีเสียงจากเด็กหนุ่มชาวจีนตอบกลับมา
“คุณทาคุมิ  จำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหมคะ” เธอพูดต่อ
“ได้” เด็กหนุ่มพูดตอบอย่างห้วนๆ
“วันนั้นที่เรา 2 คนเจอกันในวันที่มิกะอยู่ในร่างนี้” เธอเล่าเรื่องต่อ
“เมื่อ 2 ปีที่แล้วเธอไม่ได้อยู่ในร่างนี้ตั้งแต่ต้นแล้วนี่  เธออย่าลืมนะว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ทั้งหมด” ทาคุมิพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบโดยไม่ได้มองคู่สนทนาเลย
“ใช่ค่ะ  ใครจะเชื่อล่ะว่ามิกะไม่ใช่มนุษย์” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนาน
“แค่เมื่อก่อนชั้นเลี้ยงเธอไว้  ในฐานะสัตว์เลี้ยงของฉัน  เป็นแค่กระต่ายตัวหนึ่งเท่านั้นพอเธอตายเธอก็...”
“กลับมาเกิดในร่างของมนุษย์” มิกะพูดต่อ
“ร่างเดิมของมิกะคือกระต่าย  มิกะจะกลายเป็นกระต่ายอีกครั้งในคืนจันทร์เต็มดวง”
“ชั้นไม่เข้าใจ...ทำไมเธอต้องมายุ่งกับชีวิตของฉันด้วย”
ในที่สุดเด็กหนุ่มชาวจีนก็หันมามองคู่สนทนาด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“มิกะต้องทำให้คุณทาคุมิมีความสุขค่ะ  เพราะคติของมิกะคือ  ความสุขของเจ้านายคือความสุขของมิกะ  มิกะต้องทดแทนคุณที่คุณทาคุมิเคยเลี้ยงมิกะอย่างดี  จนกว่าร่างนี้ของมิกะจะตายไปไงคะ” 
ในตอนนี้มิกะได้ยิ้มให้ทาคุมิอย่างใสซื่อบริสุทธ์  แต่ทาคุมิกลับไม่สนมิกะเลยแม้แต่น้อยเขามองออกไปที่หน้าต่างนอกรถแลมองดูท้องฟ้าที่สดใสไนยามบ่ายก่อนที่จะหลับตาลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยที่เขาเจอมาตลอดวัน 
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรทาคุมิได้ตื่นขึ้นเพราะมีเสียงใสๆของใครบางคนปลุกให้เขาตื่นขึ้น
“ถึงบ้านแล้วค่ะคุณทาคุมิ  เหนื่อยมากเลยเหรอคะวันนี้” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ทาคุมิหันมาพูดกับมิกะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและราบเรียบเหมือนเดิม  จนทำให้อีกฝ่ายรีบกล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
“ขะ..ขอโทษค่ะที่มิกะล่วงเกินเรื่องส่วนตัวของคุณทาคุมิ”
เธอพูดขอโทษกับทาคุมิด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหาศาล  สีหน้าของเธอนั้นคล้ายกับใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้น้ำตาใสๆของเธอนั้นคลออยู่ในเบ้าตา  แต่น้ำตานั้นกลับหยุดไหลทันที  เมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือที่แข็งแรงของอีกฝ่ายที่เธอกำลังขอโทษวางลงบนศีรษะของเธอเหมือนเป็นการปลอบ  เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน  เธอไม่กล้ามองหน้าทาคุมิในตอนนี้เพราะเธอไม่มั่นใจว่าทาคุมิจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหนกัน  ในที่สุดทาคุมิและมิกะก็เดินเข้าไปในบ้าน  ทุกครั้งที่เขา 2 คนเดินด้วยกันมิกะจะเดินตามหลังทาคุมิ 2 ก้าวทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน  ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเข้าไปในบ้านทาคุมิได้หันมามองมิกะแว่บหนึ่งด้วยสายตาที่อบอุ่นก่อนที่จะหันกลับไป  มิกะได้รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆต่อสายตาที่ทาคุมิมองเธอ  ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวันนั้นมิกะใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องของตน  จนได้เวลานอนเมทจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์กับมิกะเหมือนเป็นการเตือนว่าได้เวลาที่เธอจะต้องเข้านอนแล้ว  มิกะล้มตัวลงนอนบนเตียงที่นุ่มสบายแต่ก่อนที่เธอจะหลับตาลงเธอรำพึงรำพันกับตนเองว่า
“มิกะอยากจะบอกสิ่งที่อัดอั้นตันใจอยู่ในอกว่ามิกะรักคุณมากที่สุดแต่ทุกครั้งที่มิกะสบตาคุณความกล้าที่จะพูดสิ่งนั้นจะหายไปทุกที  เป็นเพราะอะไรกันนะ”
นิยายเรื่องแรกค่ะช่วยลงความเห็นด้วยนะคะจะได้นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะและถ้าชอบก็โหวตคะแนนกันมานะคะ
“ว้า อะไรกันจับได้อีกแล้วเหรอ”  เด็กสาวคนหนึ่งพูด
สายลมอ่อนโชยมาทำให้ผมสีส้มที่ผูกไว้เป็นแกละสองข้างที่ยาวเลยบ่าของเธอนอหน่อยพลิ้วไปตามสายลม  ผิวของเธอนั้นขาวราวหิมะ  ตาสีแดงฉานราวเปลวเพลิง  ถึงแม้ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีแดงฉาน  แต่ดวงตาของเธอนั้นบ่งบอกถึงความอ่อนหวาน  ไร้เดียงสาและแสนบริสุทธิ์  เสียงเล็กใสน่าฟังราวกับเสียงของนกที่ร้องเพลง  อายุของเธอนั้นราวๆ 14 ปีเครื่องประดับที่เธอสวมใส่อยู่นั้นมีเพียงสร้อยคอสีเงินที่สลักไว้ว่า  MIGA ซึ่งบ่งบอกวาป็นชื่อของเธอ
“ก็เธอวิ่งช้าเองนี่นา” เด็กอีกคนพูดต่อ
“อะไรกันอากาเนะ มิกะไม่ได้วิ่งช้าสักหน่อย” มิกะพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างงอน
อากาเนะเป็นผู้หญิงที่มัดหางม้าสูง  ปลายผมของเธอนั้นก็ยาวประบ่าพอๆกับมิกะเพื่อนสนิทของเธอ  ผมของอากาเนะนั้นเป็นสีขาวเงิน  ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด  เสียงของเธอนั้นแหบและใหญ่กว่ามิกะเล็กน้อย  เธอมีอายุ 14 ปีเท่ากับมิกะ  เธอมีนามว่าอากาเนะ
“เอาน่าๆ ชั้นพูดผิดไปขอโทษที” อากาเนะพูดขอโทษเพื่อนของเธอแบบขอไปที
ท่ามกลางความเงียบสงัดที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กสาวทั้งสองคน  จู่ๆก็มีเสียงที่ทำความความเงียบสงัดนั้นไปในทันที  เสียงนั้นฟังดูคล้ายเสียงของนาฬิกาข้อมือที่ดังขึ้น
“ได้เวลากลับบ้านแล้วเหรอ?” อากาเนะถามเพื่อนสนิทของเธอ
“อื้อ จวนจะได้เวลาที่มิกะจะต้องกลับบ้านแล้วล่ะ” มิกะตอบด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง
“แล้วเธอกับเจ้านายสนิทกันไปถึงไหนแล้วล่ะ” อากาเนะถามต่อด้วยความอยากรู้
“เค้า...ยังไม่เคยยิ้มให้ชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว” เธอตอบพร้อมกับดวงตาสีแดงฉานที่ฉายแววเศร้าลง
ยังไม่ทันสิ้นคำพูดของมิกะ  รถยนต์หรูสีดำคันหนึ่งก็มาจอดอยู่ตรงหน้า  ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก  พร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งที่ก้าวลงมาจากรถ  ถ้าดูจากลักษณะเสื้อผ้าของเขานั้นก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเขานั้นเป็นคนรถ  พร้อมกับประตูรถอีกบานที่เปิดออกแต่คราวนี้ผู้ที่ก้าวลงมาจากรถเป็นผู้หญิงในชุดเมท  ผู้หญิงคนนั้นกล่าวหลังจากที่เปิดประตูให้มิกะอย่างเรียบร้อยว่าว่า
“คุณมิกะคะ ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ”
“พรุ่งนี้มาเล่นกันใหม่นะอากาเนะ” มิกะหันไปบอกลากับเพื่อนของเธอก่อนที่จะก้าวขึ้นรถไป
“อือ พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ” อากาเนะพูดบอกลามิกะ
ภาพที่อากาเนะเห็นเป็นภาพสุดท้ายในวันนี้คือภาพรถยนต์สีดำที่เพื่อนสนิทของเธอนั่งอยู่จากไป
บรรยากาศภายในรถที่เงียบสงัดทำให้มิกะรู้สึกแปลกๆ  ที่เป็นเหตุนั้นเพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่ชอบความเงียบเอาเสียเลย
“วันนี้คุณทาคุมิ  เหนื่อยไหมคะ” มิกะพูดถามเจ้านายของเธอเพื่อทำลายความเงียบ
“ ก็งั้นๆ” เสียงของเด็กหนุ่มที่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทาคุมินั้นเป็นเด็กหนุ่มชาวจีนที่มีอายุมากกว่ามิกะ  เส้นผมสีม่วงอมน้ำเงินที่แสนยาวนั้นถูกรวบเป็นมวยไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย  เขาใส่ต่างหูสีแดงที่ข้างขวาเพียงข้างเดียว  ดวงตาสีทองของเขาที่ดูเย็นชา  และแสนอ้างว้าง  ทำให้ใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยยิ้มยิ่งดูอ้างว้างเดียวดายมากขึ้นไปอีก
“วันนี้มิกะสนุกมาเลยค่ะ” เธอพูดต่ออย่างร่าเริง
“ ” ไม่มีเสียงจากเด็กหนุ่มชาวจีนตอบกลับมา
“คุณทาคุมิ  จำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหมคะ” เธอพูดต่อ
“ได้” เด็กหนุ่มพูดตอบอย่างห้วนๆ
“วันนั้นที่เรา 2 คนเจอกันในวันที่มิกะอยู่ในร่างนี้” เธอเล่าเรื่องต่อ
“เมื่อ 2 ปีที่แล้วเธอไม่ได้อยู่ในร่างนี้ตั้งแต่ต้นแล้วนี่  เธออย่าลืมนะว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ทั้งหมด” ทาคุมิพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบโดยไม่ได้มองคู่สนทนาเลย
“ใช่ค่ะ  ใครจะเชื่อล่ะว่ามิกะไม่ใช่มนุษย์” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สนุกสนาน
“แค่เมื่อก่อนชั้นเลี้ยงเธอไว้  ในฐานะสัตว์เลี้ยงของฉัน  เป็นแค่กระต่ายตัวหนึ่งเท่านั้นพอเธอตายเธอก็...”
“กลับมาเกิดในร่างของมนุษย์” มิกะพูดต่อ
“ร่างเดิมของมิกะคือกระต่าย  มิกะจะกลายเป็นกระต่ายอีกครั้งในคืนจันทร์เต็มดวง”
“ชั้นไม่เข้าใจ...ทำไมเธอต้องมายุ่งกับชีวิตของฉันด้วย”
ในที่สุดเด็กหนุ่มชาวจีนก็หันมามองคู่สนทนาด้วยสายตาที่แสนเย็นชา
“มิกะต้องทำให้คุณทาคุมิมีความสุขค่ะ  เพราะคติของมิกะคือ  ความสุขของเจ้านายคือความสุขของมิกะ  มิกะต้องทดแทนคุณที่คุณทาคุมิเคยเลี้ยงมิกะอย่างดี  จนกว่าร่างนี้ของมิกะจะตายไปไงคะ” 
ในตอนนี้มิกะได้ยิ้มให้ทาคุมิอย่างใสซื่อบริสุทธ์  แต่ทาคุมิกลับไม่สนมิกะเลยแม้แต่น้อยเขามองออกไปที่หน้าต่างนอกรถแลมองดูท้องฟ้าที่สดใสไนยามบ่ายก่อนที่จะหลับตาลงเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยที่เขาเจอมาตลอดวัน 
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรทาคุมิได้ตื่นขึ้นเพราะมีเสียงใสๆของใครบางคนปลุกให้เขาตื่นขึ้น
“ถึงบ้านแล้วค่ะคุณทาคุมิ  เหนื่อยมากเลยเหรอคะวันนี้” เธอถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ” ทาคุมิหันมาพูดกับมิกะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและราบเรียบเหมือนเดิม  จนทำให้อีกฝ่ายรีบกล่าวคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
“ขะ..ขอโทษค่ะที่มิกะล่วงเกินเรื่องส่วนตัวของคุณทาคุมิ”
เธอพูดขอโทษกับทาคุมิด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหาศาล  สีหน้าของเธอนั้นคล้ายกับใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้น้ำตาใสๆของเธอนั้นคลออยู่ในเบ้าตา  แต่น้ำตานั้นกลับหยุดไหลทันที  เมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือที่แข็งแรงของอีกฝ่ายที่เธอกำลังขอโทษวางลงบนศีรษะของเธอเหมือนเป็นการปลอบ  เธอรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน  เธอไม่กล้ามองหน้าทาคุมิในตอนนี้เพราะเธอไม่มั่นใจว่าทาคุมิจะมองเธอด้วยสายตาแบบไหนกัน  ในที่สุดทาคุมิและมิกะก็เดินเข้าไปในบ้าน  ทุกครั้งที่เขา 2 คนเดินด้วยกันมิกะจะเดินตามหลังทาคุมิ 2 ก้าวทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน  ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินเข้าไปในบ้านทาคุมิได้หันมามองมิกะแว่บหนึ่งด้วยสายตาที่อบอุ่นก่อนที่จะหันกลับไป  มิกะได้รู้สึกถึงความรู้สึกแปลกๆต่อสายตาที่ทาคุมิมองเธอ  ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวันนั้นมิกะใช้เวลาทั้งวันอยู่ในห้องของตน  จนได้เวลานอนเมทจึงกล่าวราตรีสวัสดิ์กับมิกะเหมือนเป็นการเตือนว่าได้เวลาที่เธอจะต้องเข้านอนแล้ว  มิกะล้มตัวลงนอนบนเตียงที่นุ่มสบายแต่ก่อนที่เธอจะหลับตาลงเธอรำพึงรำพันกับตนเองว่า
“มิกะอยากจะบอกสิ่งที่อัดอั้นตันใจอยู่ในอกว่ามิกะรักคุณมากที่สุดแต่ทุกครั้งที่มิกะสบตาคุณความกล้าที่จะพูดสิ่งนั้นจะหายไปทุกที  เป็นเพราะอะไรกันนะ”
นิยายเรื่องแรกค่ะช่วยลงความเห็นด้วยนะคะจะได้นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นค่ะและถ้าชอบก็โหวตคะแนนกันมานะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น