ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The stongest in the Algadrea

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มชีวิตในบีคาเลีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 22
      0
      17 ส.ค. 46

        “เฮ้ย!” เคนเซียร์ตะโกนลั่น ทำเอารูมเมท 2 คนสะดุ้งตื่นขึ้น ส่วนรูมเมทอีกคนตกใจกลิ้งตกเตียง

        “ไอ้ห่ะนิ่! ฝันดีอยู่เชียว!” คลอร์เตสด่าในลำคอด้วยความเสียดาย เพื่อนอีก2คนทำหน้างัวเงียก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาใส่พร้อมกัน

        “โอ๊ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย ฝันร้ายรึไง” คลิโอนอสด่าซ้ำ

        “ตายล่ะ สงสัยหนูเคนจะฝันร้าย” คลิโอนุสหยอกเสียงงึมงำ

        “เออน่า ขอโทษที่ปลุกละกัน จะนอนต่อละ”เคนเซียร์บอกเสียงแกมรำคาญ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้หย่อนหัวลงบนหมอน รูมเมททั้ง3ก็พร้อมใจกันฉุดเขาขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย

        “ฝันไปเถอะเพื่อน ทำเราตื่น แกก็ต้องตื่นด้วยกันเด่ะ”

        “เฮ้ย ไม่เอาเว่ย พรุ่งนี้เดี๋ยวข้าตาช้ำขึ้นมาทำไงล่ะ!” เคนเซียร์ดุ

        รูมเมท3คนเงียบ และแทบจะหัวเราะขึ้นในบัดดล

        “ฮ่าๆ เออใช่ ข้าลืมไปว่าหมอนี่มันกลัวเสียโฉม...”

        “เดี๋ยวแอลดี้ไม่ชอบ...”

        “เดี๋ยวแอลเดร็ดไม่สน...”

        เคนเซียร์ขมวดคิ้วด้วยความเขิน เขาไม่ชอบให้ใครมาล้อเขาเรื่องแอลเดร็ดเลย แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแอลเดร็ดถึงปฏิเสธเขา  ทั้งที่เขาออกจะหล่อเหลาดังเทพบุตรปานนี้  ตอนนี้เขาจึงจำเป็นต้องจัดการกับตัวเองมากขึ้น  แต่อีกอย่างที่สำคัญก็คือ เธอบอกว่าเธอไม่ได้ชอบคนที่หน้าตา แต่คนที่เธอชอบจะต้องเป็นคนจิตใจดี จริงใจ และอะไรอีกหลายๆอย่างที่เธออธิบายไม่ถูก ซึ่งเคนเซียร์ไม่เคยเข้าใจว่าถ้าผู้ชายที่เธอชอบหน้าตาอุบาทว์แต่นิสัยดีแล้ว  มันจะมีความหมายอะไร  

        “วุ้ย ข้าไม่สนแล้ว” ว่าแล้วเคนเซียร์ก็ล้มตัวลงนอน แล้วแกล้งหลับไปในทันที ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆของรูมเมท และเขาก็หลับจริงๆในเวลาต่อมา โดยที่รูมเมทของเขายังตาสว่างอยู่



        เช้าวันต่อมา  เขารู้สึกแปลกๆเล็กน้อยขณะที่เดินผ่านห้องอื่นๆไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชาย  เพราะคนรอบข้างเอาแต่หัวเราะเยาะเขา  เขาก็ไม่เขาใจเช่นกันว่ามีอะไรน่าขำ บางทีอาจเป็นเพราะใต้ตาเขาคล้ำก็ได้  ฮึ่ย! เป็นเพราะพวกนั้นแท้ๆ ถ้ามันไม่ชวนคุยจนดึก เขาก็คงไม่ถูกหัวเราะเยาะหรอก

        แต่คนชักหนาหน้ามากขึ้นทุกที แต่ละคนพากันชี้และหัวเราะเขาอย่างสนุกสนาน เขาว่ามันคงไม่ใช่แค่รอยคล้ำอย่างเดียวมั้ง ผมเขาอาจจะยุ่งก็ได้ ช่างมันเถอะ ปัญหาเล็กๆน้อยๆ  แต่แล้ว เขาก็หยุดนิ่ง ทำเอารูมเมททั้ง3หยุดไปด้วย

        “หยุดทำไมล่ะวะ?”คลอร์เตสถาม แต่คลิโอนอสและคลิโอนุสสังเกตได้ก่อนแล้ว นั่นก็คือร่างของแอลเดร็ดกำลังเดินมาอย่างสง่างาม ท่ามกลางเพื่อนทั้ง3ของเธอ แต่แอลเดร็ดก็หยุดกึกเมื่อมองเห็นเคนเซียร์เช่นกัน เพื่อนทั้ง3ของเธอหัวเราะก๊าก แต่เธอแค่ยิ้ม และกล่าวเสียงนุ่มว่า

        “วันนี้ดูดีนะเคน” แล้วเธอก็เดินไปโดยมีเพื่อนๆที่หัวเราะท้องคัดท้องแข็งเดินตามหลัง  เพื่อนของเธอคนหนึ่งที่ชื่อเอลซาเลียตะโกนใส่เคนเซียร์ว่า  “ตาสวยดีนี่ ทำอะไรกับจมูกมาล่ะ” แล้วเพื่อนก็ปล่อยก๊ากอีกครั้ง เคนเซียร์ทำหน้างงๆ แล้วก็นึกออก

        “คลอร์เตส  คลิโอนอส คลิโอนุส  มานี่เลยพวกแก” รูมเมททั้ง3ก็มองหน้ากันแล้วมองหน้าเคน แล้วก็ปล่อยก๊ากออกมาบ้าง เคนเซียร์ทำหน้าบึ้ง

        “ทำอะไรกับหน้าข้าวะเนี่ย!” เคนเซียร์ ตะโกนอย่างระงับไม่อยู่

        “ก็ ฮะๆๆ! นิดหน่อยน่า ก๊าก! ทนไม่ไหวแล้วว่ะ เดี๋ยวพวกข้าล้างให้ละกัน” คลิโอนอสบอกพลางขำกลิ้ง

        “ล้าง???”เคนเซียร์ทำหน้าขึ้นเครื่องหมายQuestion Mark เขาไม่นึกว่าสามคนนั่นจะทำกับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ขนาดนั้น

        

        “ไอ้...” เคนเซียร์ด่าไม่เป็นคำเมื่ส่องกระจกในห้องน้ำ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาราวเทพบุตรของเขากลายเป็นใบหน้าของลิงบาบูนที่มีรอบๆตาสีรุ้ง และมีไฝปลอม5เม็ดเกาะอยู่ตรงจมูก แก้มเขาถูกวาดเป็นรูปก้นของลิงบาบูน และถูกทาสีแดงครึ่งหนึ่ง ชมพูแป๋นครึ่งหนึ่ง ส่วนผมก็ถูกมัดเป็นเปียแกละตรงกลางหัว มิน่าล่ะ เช้านี่เขาถึงเป็นจุดเด่นอย่างเห็นได้ชัด

        “ทำอะไรไม่ทำ พวกแกว่างนักรึไงวะ แม่ง ...” เขาด่าเพื่อนด้วยความที่อารมณ์เสียอย่างหนัก คลิโอนุสทำท่าโอ๋ ทำให้คลอร์เตสขำกลิ้ง แต่คลิโอนอสดูนาฬิกาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และบอกว่า

        “พวกเรารีบอาบน้ำเร็วถ้าไม่อยากหูแฉะ”

        “ทำไมหูจะแฉะล่ะ?”

        “เพราะคุณภารโรงฟอว์เช็ตงี่เง่าจะได้ด่าเราจนหูแฉะอีกน่ะสิ ฉันอาบก่อนล่ะ”

        “เฮ้ย” ที่เหลือ3คนร้องแล้วแย่งกันเข้าห้องน้ำ เนื่องจากห้องน้ำมีเพียง3ห้อง คลอร์เตสที่ตุ๊ต๊ะและเชื่องช้าที่สุดจึงได้แต่ทุบประตูห้องน้ำอย่างน่าสงสาร



        ในที่สุด ทุกคนก็เสร็จเรียบร้อย และเรียบร้อยช้าไปครึ่งชม.เสียด้วย พวกเขาค่อยๆย่องไปเข้าห้องปฐมพิธี เพื่อได้รับการศึกษาอย่างจริงจังหลังจากทดลองอยู่ในหอนี้กับเพื่อนๆสุดบ๊องมา1เดือน นี่คือเวลาสำคัญของทุกคน เคนเซียร์เหลือบมองซ้ายขวาเล็กน้อยขณะนั่งลง เขาเห็นแอลเดร็ดกับเพื่อนๆกำลังมองมาทางเขา เคนเซียร์หน้าแดง เขาชอบท่าทางที่สง่างามของแอลเดร็ด ที่ต่างเพื่อนๆของเธออย่างเห็นได้ชัด เขาเคยเขียนพรรณนาความงามของเธอลงในกระดาษแผ่นหนึ่ง มีใจความว่า

        “แอลเดร็ด เฟธาร่า...

    ...หากเปรียบเธอเป็นดอกไม้ ฉันก็คงเป็นหมู่ภมร ที่บินว่อนรอความเห็นใจ

    หากเธอเป็นดวงสริยา ฉันก็คงเป็นเหล่านพเคราะห์ ที่มิอาจเอื้อมถึงได้

    เธอช่างแสนสง่าเปรียบเหมือนนางฟ้าที่งดงามเหลือใจ

    เพื่อนของเธอเปรียบดังทาสรับใช้คอยเออออตามเมื่อคราเธอเอ่ยคำใด

    แอลดี้ที่แสนสวยคือแม่พระสำหรับฉันตลอดไป

    ไม่อาจเอ่ยคำอื่นใดที่มากกว่านี้ได้

    เคนเซียร์เอลเธนเดียร์ผู้ต่ำต้อยขอเป็นทาสหัวใจของเธอ...

    ...เคนเซียร์ เอลเธนเดียร์”


        เขานึกอยากเอาจดหมายฉบับนี้ไปให้แอลเดร็ดอยู่เหมือนกัน แต่ความปอดแหกเป็นใจ จึงไม่ได้เอาไปให้เสียที เขาจินตนาการให้แอลเดร็ดเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์นางฟ้าแสนสวย และเขาเป็นเจ้าชายสุดหล่อ เดินเข้าไปทักกัน... จับมือกัน... และ...

        “ณ เวลานี้ ที่แห่งนี้ เจ้าอยู่ในสถานที่อันเป็นใหญ่สุดในนครเซฟีร่า ...แดนศักดิ์สิทธ์... จงคืนสติของเจ้ามา และฟังข้า...” ชายผู้หนึ่งพูดเสียงดังกังวาน แต่นั่นก็ไม่ทำให้อานุภาพจินตนาการของเคนเซียร์หายไปเลยแม้แต่น้อย

        “แดนแห่งนี้... ถือกำเนิดมาจากท่านจอมเวทย์เซฟีร่า ฮัลกินส์ ผู้ยิ่งใหญ่ กับเทพแห่งดาวฤกษ์ผู้เกรียงไกร... อัลเซียร์ เอลเธนเดียร์” เขาหันมาทางเคนเซียร์นิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เคนเซียร์ เอลเธนเดียร์ ดูเหมือนคุณจะไม่ตื่นเต้นเลยนะ” เมื่อเคนเซียร์ได้ยินชื่อตนเอง เขาก็ตื่นจากภวังค์ และตระหนักได้ว่าตนอยู่ที่ไหนและมาทำอะไรที่นี่

        “เราพูดถึงไหนแล้วนะ... อ้อ เทพอัลเซียร์ เอลเธนเดียร์ผู้เป็นใหญ่แห่งดาวฤกษ์ทั้งปวง ท่านทั้งสองได้ร่วมกันปราบอัชชาซาร์... พญางูยักแห่งบึงอัลกาเดรีย ซึ่งกว่าจะปราบได้ ก็กินเวลาถึง3ปีเศษ เนื่องจากงูตัวนี้มีฤทธิ์ร้ายแรงมาก เพียงอยู่ใกล้ในรัศมี3เมตรก็ตายได้ เว้นเสียแต่จะมีคาถาพรางสัมผัส และวิธีปราบงูร้ายตัวนี้ก็คือ ต้องจับงูจากบึงอัลกาเดรียให้ได้ 12ตัว แต่ละตัวต้องเป็นงูสีฟ้ามรกต... ที่หายากและมีฤทธิ์ร้ายแรงรองจากพญางูอัชชาซาร์ ปัจจุบันงูพันธ์นั้นมีอยู่ในโลกไม่ถึง10ตัว วิธีจับคือ ใช้คาถาสะกดจิตให้งูว่ายน้ำขึ้นมาแล้วใช้ถุงมือหนังงูจับใส่ขวดโหลเอาไว้ มันไม่ง่ายเลยที่จะดำน้ำลงไป30ฟุตโดยหลบอัชชาซาร์ได้”

        “แต่ในที่สุด ทั้งสองท่านก็ทำสำเร็จ อัชชาซาร์ตายสนิท ส่งผลให้บึงอัลกาเดรียเกิดความวุ่นวาย... ที่ไม่เคยเกิดขึ้นนับศตวรรษ ในที่สุด บึงอัลกาเดรียก็อ่อนฤทธิ์ลง เวทย์และศาสตร์ของเทพอัลเซียร์กับท่านจอมเวทย์เซฟีร่ากลับมากขึ้น แล้วอัลกาเดรียก็ล่มสลาย กลายเป็นสระเล็กๆข้างๆนี่ ความชั่วร้ายยุติลง ณ เวลานั้น”

        “ท่านจอมเวทย์เซฟีร่ามองเห็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลเหมาะจะก่อสร้างสถานที่ยิ่งใหญ่ เทพอัลเซียร์จึงลงทุนลงแรงทั้งหมดเนรมิตที่แห่งนี้ขึ้นมา แต่แล้ววันหนึ่ง การลงแรงวันนั้นทำให้ท่านอ่อนแอลง ท่านมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงขอลากลับคฤหาสน์ แต่ระหว่างทาง ท่านก็ทนไม่ไหว จึงตายอย่างสงบในวันนั้น ศพของท่านถูกเคลื่อนที่มาฝังริมสระน้ำ ด้วยความเชื่อว่าเป็นการเตือนท่านว่าท่านเป็นผู้สร้างสถานที่แห่งนี้โดยผ่านอันตรายจากบึงอัลกาเดรียมามากมาย วิญญาณของท่านจะปกป้องคุ้มครองเรา ในฐานะเทพแห่งดาวฤกษ์ที่สว่างไสว เกรียงไกรมากที่สุดในปฐพี”

                    “พวกเจ้าที่เข้ามาได้นับว่าโชคดีมาก ขอเจ้าจงรู้จักตัวของเจ้าให้ดี ข้า... ลาคูซิล อาจารย์ใหญ่  ขอต้อนรับเจ้าเข้าสู่หอคฤหาสน์วิทยาลัยบีคาเลีย ที่แห่งศาสตร์ ราชแห่งศิลป์ ศิลปินแห่งเวทย์ มนตร์วิเศษแห่งผืนดิน ภูมินทร์แห่งเปลวไฟ”







    - < End of the first chapter> -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×