ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Sign In
  โฮตารุ เด็กสาววัย15 แห่งโลกไซเบอร์  เธอเป็นเด็กที่มีความทันสมัยมากในด้านเทคโนโลยี  เธอชอบเล่น Internet เป็นชีวิตจิตใจและมีความสุขกับการได้เล่น Internet ทั้งวัน ทั้งคืน โดยที่เธอไม่เบื่อ
วันหนึ่งในตอนเย็น วันที่ฟ้าดูออกเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด  โฮตารุกำลังกลับบ้านหลังจากการไปเรียนพิเศษ ระหว่างทางที่เธอกลับบ้านนั้น  เธอก็ได้ไปเจอกับร้านหนังสือเก่าๆร้านหนึ่ง ซึ่งเธอก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วและบวกกับความน่าสนใจของร้าน  เธอรู้สึกเหมือนมันดึงดูดให้เธอเข้า แม้ว่ามันจะดูเก่าและไม่น่าเข้าก็ตาม  เมื่อเข้าไปในร้านข้างในร้านแลดูมืดสลัว บรรยากาศดูชอบกลๆ
    “มีอะไรให้ช่วยไหมจ๊ะ?” เสียงที่แผ่วเบา แหบแห้ง ดังมาจากข้างหลัง
    “ว้ายยยย!!” โฮตารุร้องออกมาด้วย ความตกใจ
เมื่อโฮตารุค่อยๆหันหลังไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ได้พบกับคุณยายคนหนึ่ง
    “คุณยายคนนี้ดูแก่มาก อายุของท่านคงราวๆ80ปลายๆได้แล้วมั้ง แกดูเยือกเย็นยังไงชอบกลแฮะ” ความคิดนี้วิ่งเข้าไปในหัวของโฮตารุ
    “ม..ม..ไม่เป็นไรค่ะ” โฮตารุพูดออกมาด้วยท่าทางหวั่นๆ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในหลังร้าน
พอโฮตารุวิ่งมาถึงหลังร้าน เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก  จากนั้นเธอก็เริ่มดูหนังสือ ตามชั้นหนังสือไปเรื่อยๆ
    “เอ๊ะ นี่มันหนังสืออะไรน่ะ?!” โฮตารุไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือที่วางไว้ด้านบนของชั้น  เธอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมา หนังสือเล่มนี้ดูเก่ามาก เก่าจนไม่ควรที่จะเอามาขายแล้ว
    “แค่ก..แค่ก อื้อหือ ฝุ่นคลุ้งเลยแฮะ” โฮตารุพูดพลางปัดฝุ่นที่หนาเตอะออกจากปกหนังสือ
    “คำสาป” เป็นคำๆเดียวที่ปรากฏอยู่บนปกหนังสือ  ถึงแม้เป็นคำห้วนๆเพียงคำเดียว แต่โฮตารุก็รู้สึกหนาววูบขึ้นมาทันใด  โฮตารุเริ่มแง้มหนังสือนั้นอย่างหวั่นๆ
    “เฮ้อออ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เธอพูดออกมาด้วยความโล่งใจ  ใช่แล้ว หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือธรรมดา ข้างในของหนังสือมีวิธีการสาปแช่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตุ๊กตาฟาง การสวดมนต์ และวิธีต่างๆที่แม้แต่โฮตารุยังไม่เคยรู้จักมาก่อน
    “เอ๊ะ?!” โฮตารุอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
    “คำสาปออนไลน์” เธอสะดุดต่อหัวข้อนี้จากสารบัญทันที เนื่องจากเธอเป็นสาวยุคไซเบอร์
    “เอ .หน้า13 ” เธอรีบเปิดไปหน้านั้นอย่างโดยเร็ว เหมือนกับว่าถ้าเปิดไปเธอจะได้ทองอย่างนั้นแหละ
เมื่อเธอเปิดมาถึงหน้า13 เธอก็ทำท่าตื่นเต้นอย่างมาก  ในหนังสือหน้า13นั้นกล่าวว่า
   
“คำสาปออนไลน์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
ขณะนี้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ถูกคำสาปแล้ว คุณจะสมหวังในสิ่งที่คุณหวัง
ถ้าคุณอ่านแล้วส่งข้อความนี้ต่อ คุณจะตายภายใน 1 อาทิตย์
ถ้าหากคุณลบข้อความนี้โดยไม่สนใจและไม่ส่งต่อ คุณจะตายภายใน 3 วัน
และ ถ้าหากคุณอ่านแล้วไม่ส่งต่อ คุณจะรอดแต่ .”
    “อ้าวววว! หายไปนิดนึงนี่นา” โฮตารุพูดด้วยความผิดหวัง เพราะว่าหน้านั้นได้ขาดไปส่วนหนึ่งตอนท้าย เนื้อหาจึงไม่ครบ
    “ไม่เป็นไร” เค้าพูดปลอบใจตัวเอง ปิดหนังสือเล่มนั้น และหยิบเงินเพื่อจะไปจ่าย
พอไปถึงหน้าร้าน โฮตารุก็เจอกับคุณยายคนนั้นซึ่งนั่งรออยู่ที่เก็บเงิน
    “เลือกได้แล้วหรือจ๊ะ” คุณยายถามด้วยคำพูดที่เรียบๆ แต่ดูเย็นชาชอบกลอย่างเคย
    “เอ่อ..ค่ะ” โฮตารุ ก็ยังคงกล้าๆกลัวๆที่จะตอบ
โฮตารุได้ยื่นเงินและหนังสือเล่มนั้นออกไป เพื่อที่จะจ่ายเงิน
    “โอ หนังสือเล่มนั้นมันเก่ามากแล้วนิ ไม่เป็นไร ยายให้ไปเลยจ่ะ” คุณยายพูดเหมือนตั้งใจจะให้
    “เอ๊ะ! แต่ว่า .” โฮตารุทำท่าลำบากใจ แต่โฮตารุก็ต้องออกมาโดยไม่จ่ายเงิน  เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เพียงฟังมองหน้าคุณยายคนนั้นแล้วก็รู้สึกว่าต้องรีบออกจากที่นั่นโดยเร็ว ซึ่งตัวโฮตารุเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เมื่อมาถึงที่บ้านของโฮตารุ เธอรีบวิ่งขึ้นห้องของเธอโดยเร็วแล้วไปเปิดคอมพิวเตอร์และต่อ Internet  จากนั้นเธอก็ Sign In เมลล์ของเธอ เพื่อที่จะส่งคำสาปออนไล์ไปทางเมลล์  เมื่อเธอเข้ามาแล้ว เธอก็รีบพิมพ์เนื้อหาทันที เธอก็ก้มอ่านหนังสือไปครั้งนึง แล้วเงยหน้าขึ้นมาพิมพ์ เนื่องจากเธอเป็นคนที่ค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำ ชอบทำอะไรซ้ำๆหลายๆรอบ  เธอเห็นว่าท่อนแรกมันมีคำพูดซ้ำเยอะ เธอจึงพิมพ์ท่อนล่างก่อน ตั้งแต่ท่อน ขณะนี้ . ไปจนจบแต่เธอพิมพ์ไม่ครบเพราะเธอพิมพ์จบแค่ตรงคำว่า ’คุณจะรอด’  เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าจะต่อเช่นไรดี จึงตัดจบเพียงเท่านี้ เมื่อมาถึงท่อนแรกเธอก็อ่านไปพลางพิมพ์ไป
    “อืมมม วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เมื่อโฮตารุพิมพ์เสร็จประโยคนึง เธอก็จะพูดอีกแล้วค่อยพิมพ์
    “วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เธอไม่รู้เลยว่าการย้ำคิดย้ำทำของเธอกำลังจะทำให้เกิดอะไรขึ้น
    “วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เมื่อจบประโยคสุดท้าย เธอก็กำลังจะพิมพ์เมลล์ของเพื่อน  แต่เธอจำเมลล์ของเพื่อนไม่ได้ เธอจึงรีบก้มไปที่ลิ้นชักของโต๊ะคอมฯทางด้านข้างของเธอ เพื่อจะไปหยิบเมลล์ของเพื่อนโฮตารุซึ่งเธอจดไว้ใส่เศษกระดาษ
    “เอ .อยู่ไหนน้าา” เธอรีบควานหาเศษกระดาษ ไปเรื่อยๆ
    “อ๊ะ! เจอแล้ววว” เธอรีบหยิบเศษกระดาษขึ้นมาทันใด
    “เอ๊ะ” เธอร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะจู่ๆ จอคอมพิวเตอร์ของเธอก็มืดสนิท  ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ปิดหน้าจอก่อนที่จะไปหาเศษกระดาษ
    “คงจะเป็น Screen Saver มั้ง” จากนั้นโฮตารุก็ขยับเมาส์ เพื่อที่จะให้ Screen Saver นั้นหายไป แต่โฮตารุพยายามขยับเมาส์เท่าไหร่ ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แม้เธอจะกด Restart ก็แล้ว กดปิดเครื่องก็แล้ว ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง โฮตารุเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด  เมื่อโฮตารุมีความคิดที่จะดึงปลั๊กออก จู่ๆก็มีเงาสีขาวดูเหมือนเป็นใบหน้าของคนปรากฏขึ้น
    “กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด” โฮตารุกรีดร้องออกมาสุดใจ ดังอย่างที่ไม่เคยร้องออกมาก่อน
    “เกิดอะไรขึ้นหรือพี่!!” ซึบารุ น้องชายวัย13 ของโฮตารุ รีบเข้ามาแล้วตะโกนถาม
    “คอม..คอมมัน..” โฮตารุรีบโผกอดน้องชายแล้วชี้ไปทางคอมพิวเตอร์
    “ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่” ซึบารุพูดพลางสงสัย
    “เอ๊ะ?” โฮตารุสงสัยแล้วก็ค่อยๆหันหลังกลับไปมองคอมพิวเตอร์ของเธอ
คอมพิวเตอร์กลับมาเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือเนื้อหาเมลล์ที่โฮตารุกำลังจะส่งให้เพื่อนๆ
    “พี่เป็นอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” ซึบารุพูดด้วยความเซ็งเพราะเค้ากำลังเล่นเกมอยู่ห้องข้างๆ
    “ก็มันจริงนี่นา เมื่อกี้จู่ๆคอมมันก้อ..” โฮตารุกำลังจะอธิบายสิ่งที่ตนพบ
    “เอาล่ะ พอๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน” ซึบารุพูดตัดบท แล้วเดินออกจากห้อง
    “ใจร้ายจริงๆเลยอ่า” โฮตารุพูดด้วยความน้อยใจ
จากนั้นโฮตารุก็รีบส่งเมลล์ให้เพื่อน เพื่อที่จะได้ปิดคอมฯที่น่ากลัวนี้เร็วๆ พอส่งเมลล์เสร็จโฮตารุก็รีบปิดเครื่องแล้วรีบลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
                                                      “ ย้ำคิดย้ำทำมากก็อาจทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้นะ “
                                                                                                                                                                            To  Be  Continue =>
วันหนึ่งในตอนเย็น วันที่ฟ้าดูออกเป็นสีแดงฉานราวกับเลือด  โฮตารุกำลังกลับบ้านหลังจากการไปเรียนพิเศษ ระหว่างทางที่เธอกลับบ้านนั้น  เธอก็ได้ไปเจอกับร้านหนังสือเก่าๆร้านหนึ่ง ซึ่งเธอก็เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วและบวกกับความน่าสนใจของร้าน  เธอรู้สึกเหมือนมันดึงดูดให้เธอเข้า แม้ว่ามันจะดูเก่าและไม่น่าเข้าก็ตาม  เมื่อเข้าไปในร้านข้างในร้านแลดูมืดสลัว บรรยากาศดูชอบกลๆ
    “มีอะไรให้ช่วยไหมจ๊ะ?” เสียงที่แผ่วเบา แหบแห้ง ดังมาจากข้างหลัง
    “ว้ายยยย!!” โฮตารุร้องออกมาด้วย ความตกใจ
เมื่อโฮตารุค่อยๆหันหลังไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ได้พบกับคุณยายคนหนึ่ง
    “คุณยายคนนี้ดูแก่มาก อายุของท่านคงราวๆ80ปลายๆได้แล้วมั้ง แกดูเยือกเย็นยังไงชอบกลแฮะ” ความคิดนี้วิ่งเข้าไปในหัวของโฮตารุ
    “ม..ม..ไม่เป็นไรค่ะ” โฮตารุพูดออกมาด้วยท่าทางหวั่นๆ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในหลังร้าน
พอโฮตารุวิ่งมาถึงหลังร้าน เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก  จากนั้นเธอก็เริ่มดูหนังสือ ตามชั้นหนังสือไปเรื่อยๆ
    “เอ๊ะ นี่มันหนังสืออะไรน่ะ?!” โฮตารุไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนังสือที่วางไว้ด้านบนของชั้น  เธอเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมา หนังสือเล่มนี้ดูเก่ามาก เก่าจนไม่ควรที่จะเอามาขายแล้ว
    “แค่ก..แค่ก อื้อหือ ฝุ่นคลุ้งเลยแฮะ” โฮตารุพูดพลางปัดฝุ่นที่หนาเตอะออกจากปกหนังสือ
    “คำสาป” เป็นคำๆเดียวที่ปรากฏอยู่บนปกหนังสือ  ถึงแม้เป็นคำห้วนๆเพียงคำเดียว แต่โฮตารุก็รู้สึกหนาววูบขึ้นมาทันใด  โฮตารุเริ่มแง้มหนังสือนั้นอย่างหวั่นๆ
    “เฮ้อออ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เธอพูดออกมาด้วยความโล่งใจ  ใช่แล้ว หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือธรรมดา ข้างในของหนังสือมีวิธีการสาปแช่งต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ตุ๊กตาฟาง การสวดมนต์ และวิธีต่างๆที่แม้แต่โฮตารุยังไม่เคยรู้จักมาก่อน
    “เอ๊ะ?!” โฮตารุอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
    “คำสาปออนไลน์” เธอสะดุดต่อหัวข้อนี้จากสารบัญทันที เนื่องจากเธอเป็นสาวยุคไซเบอร์
    “เอ .หน้า13 ” เธอรีบเปิดไปหน้านั้นอย่างโดยเร็ว เหมือนกับว่าถ้าเปิดไปเธอจะได้ทองอย่างนั้นแหละ
เมื่อเธอเปิดมาถึงหน้า13 เธอก็ทำท่าตื่นเต้นอย่างมาก  ในหนังสือหน้า13นั้นกล่าวว่า
   
“คำสาปออนไลน์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์
ขณะนี้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ถูกคำสาปแล้ว คุณจะสมหวังในสิ่งที่คุณหวัง
ถ้าคุณอ่านแล้วส่งข้อความนี้ต่อ คุณจะตายภายใน 1 อาทิตย์
ถ้าหากคุณลบข้อความนี้โดยไม่สนใจและไม่ส่งต่อ คุณจะตายภายใน 3 วัน
และ ถ้าหากคุณอ่านแล้วไม่ส่งต่อ คุณจะรอดแต่ .”
    “อ้าวววว! หายไปนิดนึงนี่นา” โฮตารุพูดด้วยความผิดหวัง เพราะว่าหน้านั้นได้ขาดไปส่วนหนึ่งตอนท้าย เนื้อหาจึงไม่ครบ
    “ไม่เป็นไร” เค้าพูดปลอบใจตัวเอง ปิดหนังสือเล่มนั้น และหยิบเงินเพื่อจะไปจ่าย
พอไปถึงหน้าร้าน โฮตารุก็เจอกับคุณยายคนนั้นซึ่งนั่งรออยู่ที่เก็บเงิน
    “เลือกได้แล้วหรือจ๊ะ” คุณยายถามด้วยคำพูดที่เรียบๆ แต่ดูเย็นชาชอบกลอย่างเคย
    “เอ่อ..ค่ะ” โฮตารุ ก็ยังคงกล้าๆกลัวๆที่จะตอบ
โฮตารุได้ยื่นเงินและหนังสือเล่มนั้นออกไป เพื่อที่จะจ่ายเงิน
    “โอ หนังสือเล่มนั้นมันเก่ามากแล้วนิ ไม่เป็นไร ยายให้ไปเลยจ่ะ” คุณยายพูดเหมือนตั้งใจจะให้
    “เอ๊ะ! แต่ว่า .” โฮตารุทำท่าลำบากใจ แต่โฮตารุก็ต้องออกมาโดยไม่จ่ายเงิน  เธอเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เพียงฟังมองหน้าคุณยายคนนั้นแล้วก็รู้สึกว่าต้องรีบออกจากที่นั่นโดยเร็ว ซึ่งตัวโฮตารุเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
เมื่อมาถึงที่บ้านของโฮตารุ เธอรีบวิ่งขึ้นห้องของเธอโดยเร็วแล้วไปเปิดคอมพิวเตอร์และต่อ Internet  จากนั้นเธอก็ Sign In เมลล์ของเธอ เพื่อที่จะส่งคำสาปออนไล์ไปทางเมลล์  เมื่อเธอเข้ามาแล้ว เธอก็รีบพิมพ์เนื้อหาทันที เธอก็ก้มอ่านหนังสือไปครั้งนึง แล้วเงยหน้าขึ้นมาพิมพ์ เนื่องจากเธอเป็นคนที่ค่อนข้างย้ำคิดย้ำทำ ชอบทำอะไรซ้ำๆหลายๆรอบ  เธอเห็นว่าท่อนแรกมันมีคำพูดซ้ำเยอะ เธอจึงพิมพ์ท่อนล่างก่อน ตั้งแต่ท่อน ขณะนี้ . ไปจนจบแต่เธอพิมพ์ไม่ครบเพราะเธอพิมพ์จบแค่ตรงคำว่า ’คุณจะรอด’  เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าจะต่อเช่นไรดี จึงตัดจบเพียงเท่านี้ เมื่อมาถึงท่อนแรกเธอก็อ่านไปพลางพิมพ์ไป
    “อืมมม วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เมื่อโฮตารุพิมพ์เสร็จประโยคนึง เธอก็จะพูดอีกแล้วค่อยพิมพ์
    “วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เธอไม่รู้เลยว่าการย้ำคิดย้ำทำของเธอกำลังจะทำให้เกิดอะไรขึ้น
    “วิญญาณทั้งหลายโปรดมาสิงสถิตในคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เพื่อคำสาปที่สมบูรณ์” เมื่อจบประโยคสุดท้าย เธอก็กำลังจะพิมพ์เมลล์ของเพื่อน  แต่เธอจำเมลล์ของเพื่อนไม่ได้ เธอจึงรีบก้มไปที่ลิ้นชักของโต๊ะคอมฯทางด้านข้างของเธอ เพื่อจะไปหยิบเมลล์ของเพื่อนโฮตารุซึ่งเธอจดไว้ใส่เศษกระดาษ
    “เอ .อยู่ไหนน้าา” เธอรีบควานหาเศษกระดาษ ไปเรื่อยๆ
    “อ๊ะ! เจอแล้ววว” เธอรีบหยิบเศษกระดาษขึ้นมาทันใด
    “เอ๊ะ” เธอร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะจู่ๆ จอคอมพิวเตอร์ของเธอก็มืดสนิท  ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ปิดหน้าจอก่อนที่จะไปหาเศษกระดาษ
    “คงจะเป็น Screen Saver มั้ง” จากนั้นโฮตารุก็ขยับเมาส์ เพื่อที่จะให้ Screen Saver นั้นหายไป แต่โฮตารุพยายามขยับเมาส์เท่าไหร่ ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง แม้เธอจะกด Restart ก็แล้ว กดปิดเครื่องก็แล้ว ก็ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง โฮตารุเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด  เมื่อโฮตารุมีความคิดที่จะดึงปลั๊กออก จู่ๆก็มีเงาสีขาวดูเหมือนเป็นใบหน้าของคนปรากฏขึ้น
    “กริ๊ดดดดดดดดดดดดดด” โฮตารุกรีดร้องออกมาสุดใจ ดังอย่างที่ไม่เคยร้องออกมาก่อน
    “เกิดอะไรขึ้นหรือพี่!!” ซึบารุ น้องชายวัย13 ของโฮตารุ รีบเข้ามาแล้วตะโกนถาม
    “คอม..คอมมัน..” โฮตารุรีบโผกอดน้องชายแล้วชี้ไปทางคอมพิวเตอร์
    “ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่” ซึบารุพูดพลางสงสัย
    “เอ๊ะ?” โฮตารุสงสัยแล้วก็ค่อยๆหันหลังกลับไปมองคอมพิวเตอร์ของเธอ
คอมพิวเตอร์กลับมาเป็นเหมือนเดิม สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือเนื้อหาเมลล์ที่โฮตารุกำลังจะส่งให้เพื่อนๆ
    “พี่เป็นอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” ซึบารุพูดด้วยความเซ็งเพราะเค้ากำลังเล่นเกมอยู่ห้องข้างๆ
    “ก็มันจริงนี่นา เมื่อกี้จู่ๆคอมมันก้อ..” โฮตารุกำลังจะอธิบายสิ่งที่ตนพบ
    “เอาล่ะ พอๆ ถ้ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน” ซึบารุพูดตัดบท แล้วเดินออกจากห้อง
    “ใจร้ายจริงๆเลยอ่า” โฮตารุพูดด้วยความน้อยใจ
จากนั้นโฮตารุก็รีบส่งเมลล์ให้เพื่อน เพื่อที่จะได้ปิดคอมฯที่น่ากลัวนี้เร็วๆ พอส่งเมลล์เสร็จโฮตารุก็รีบปิดเครื่องแล้วรีบลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว
                                                      “ ย้ำคิดย้ำทำมากก็อาจทำให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้นะ “
                                                                                                                                                                            To  Be  Continue =>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น