ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ๐ บทนำ / Prologue
หมายเหตุ :  ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลและสถานที่จริงใดๆทั้งสิ้น
สถานีวิจัยวัตถุผ่านรังสีของนาซาเป็นอาคารสูงก่อสร้างตามรูปแบบสมัยใหม่ดูหรูหรา ในตอนกลางวันมันเป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่มีเหล่านักวิทยาศาสตร์เดินกันพลุกพล่าน แต่ในตอนกลางคืนมันกลับดูเหมือนแหล่งท่องเที่ยวชมวิวยามค่ำคืนระดับห้าดาว รูปร่างโค้งเหมือนจรวดของอาคารและผิวนอกหินอ่อนขัดเงาของมันซึ่งสะท้อนแสงจันทร์อยู่ในพื้นที่โล่งกว้างของศูนย์ปฏิบัติการภาคพื้นดินของนาซาในวิสคอนซินได้ถูกล่ำลือเรื่องความสวยงามภายใต้แสงจันทร์ สื่อบางเว็บไซต์ถึงกับตั้งชื่อให้มันด้วยความภาคภูมิใจว่า จรวดแสงจันทร์
    สุสานจรวดน่ะสิ
    คามิลลา ฟิลิปปา นักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศหญิงชื่อดังคนหนึ่งของนาซาไม่เคยพอใจกับความนิยมในรูปลักษณ์ของสถานีวิจัยแห่งนี้เลย นาซาหมดทางเรียกร้องความสนใจแล้วรึไงถึงต้องทำเหมือนกับที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวน่ะ เธอมักจะบ่นให้เพื่อนร่วมงานของเธอฟังทุกครั้งที่ข่าวบนโทรทัศน์พูดถึงความสวยงามของสถานี
    คามิลลาเป็นหญิงม่ายวัยสามสิบห้าที่ดูอ่อนวัยกว่านั้นถึงสิบปี เธอตกเป็นที่หมายปองของเหล่านักวิทยาศาสตร์ชายในที่ทำงาน งานของเธอที่หนักและยุ่งยากทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาไปคิดเรื่องความรักครั้งใหม่ ที่จริงแล้วเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะกลับบ้านแต่หัวค่ำเพื่อไปอยู่กับลูกสาวของเธอด้วยซ้ำไป
    คืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่เธออยู่ทำงานจนดึก เธอกำลังวุ่นวายอยู่กับงานวิจัยชิ้นใหญ่ของเธอเรื่องการเคลื่อนที่ของรังสีที่ถูกปล่อยออกจากดาวอังคารผ่านมนุษย์ ผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้กำลังจะเสร็จสมบูรณ์และเธอจะได้รับเงินโบนัสก้อนโตพอที่จะให้เธอได้ลาพักร้อนไปอยู่กับลูกสาววัยสิบสองปีของเธอได้สักปีสองปี
                    ข้อมูลถูกบันทึกแล้ว
    หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอแสดงข้อความขึ้นหลังจากที่เธอเคาะปุ่มเอนเทอร์เพื่อจบการทำงาน คามิลลาลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอและบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยล้า นั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันถึงสิบชั่วโมงทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายส่วนล่างของเธอเธอเป็นอัมพาตไปแล้ว เมื่อเลือดวิ่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆอย่างปกติอีกครั้งเธอก็เดินเข้ามุมครัวในห้องทำงานเพื่อหากาแฟมาแก้ง่วง
    ป่านนี้เบียทริซจะหลับรึยังนะ
    ลูกสาวของเธอซึ่งกำลังจะเข้าชั้นมัธยมต้นเป็นที่รักของเธอมาก เบียทริซเป็นเด็กที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเมื่อตอนเธอเข้าอนุบาลแล้วได้ไปเขียนเล่นลงในสมุดการบ้านของรุ่นพี่ประถมหกด้วยความซุกซน ครูของเธอจับได้และจะลงโทษเธอ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเจ้าของสมุดอ้างว่าคำตอบที่เธอเขียนเล่นไว้นั้นถูกทั้งหมด
    “ขอโทษที่รบกวนครับคุณคามิลลา แต่มีชายคนหนึ่งต้องการพบคุณให้ได้ครับ” เสียงแข็งๆของเจ้าหน้าที่ชายฝ่ายรักษาความปลอดภัยดังขึ้นมาบนเครื่องตอบรับภายในสถานีบนโต๊ะทำงานของเธอ คามิลลาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง
    ๐๑ : ๑๗ น.
    ใครกันนะที่จะติดต่อเอาป่านนี้ คนแรกที่เธอนึกถึงคือผู้บัญชาการสถานีวิจัย วิกเตอร์ ซิงเกอร์สัน ผู้มีความรับผิดชอบสูงและทำงานหนักจนสามารถไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังนินทากันว่าเขาไม่เคยกลับบ้านเลย สงสัยว่าที่บ้านจะไม่ยอมให้กลับ
    แต่เมื่อกี้นี้เขาพูดว่า‘ชายคนหนึ่ง’ไม่ใช่เหรอ
    ด้วยความสงสัยคามิลลาจึงเดินไปกดเครื่องตอบรับแล้วถามกลับไปด้วยเสียงอันอ่อนโยน “ใครเหรอจอนนี่”
    ถึงจอนนี่จะเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ไฟแรงที่เฝ้ากะกลางคืนของที่นี่ แต่เขาก็ต้องเคยพบท่านผู้บัญชาการมาก่อนแน่นอน ไม่มีทางที่เขาจะเรียกท่านว่าชายคนหนึ่ง
    “เขาให้ผมบอกคุณว่าเขาคือ‘คนที่ช่วยคุณได้’แล้วคุณจะรู้เองครับ” จอนนี่พูดขึ้นด้วยเสียงแข็งๆนิ่งๆอย่างไม่มีอารมณ์ของเขา
    พวกชอบล้อกันเล่นอีกล่ะสิ คราวนี้ลงทุนมากลางดึกเลยแฮะ
    “จะให้ผมปล่อยเขาเข้าไปไหมครับ” จอนนี่ถาม
    “ไม่จอนนี่ ไม่ บอกเขาไปว่าฉันไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระด้วยนะ ให้เขากลับไป” คามิลลาที่เหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องตลกแต่อย่างใด เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาคอยฟังคำพูดหลอกล่อของชายที่มาตามตื๊อเธอ
    “คุณครับ ตอนนี้คุณคามิลลาไม่ว่างครับ ไม่ทราบว่าคุณจะฝากบอกอะไรเธอไหมครับ” เสียงของจอนนี่ยังคงดังอยู่บนเครื่องตอบรับ
    ปิดเครื่องตอบรับก่อนสิ
    คามิลลาคิดจะเตือนเขาเรื่องนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำ เธอเอื้อมมือจะกดปุ่มเพื่อบอกจอนนี่ถึงเรื่องนั้น แต่ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา
    “อุ่กก... อั่กก...” ตามด้วยเสียงตุบเหมือนกระเป๋าผ้าใบใหญ่ตกลงบนพื้น หลังจากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบ
    “จอนนี่ เกิดอะไรขึ้น ตอบด้วย” คามิลลาถามด้วยความสงสัย ในใจก็ยังคิดว่าเขาคงแค่ล้อเล่น แต่มือของเธอที่กำลังสั่นอยู่กลับไม่คิดอย่างนั้น
    “จอนนี่ อย่ามาแกล้งฉันเล่นนะ คืนนี้ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาฟังเรื่องตลกงี่เง่าของนาย” เสียงสั่นๆของเธอบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอพูดจริง
    “ขอโทษครับ แต่ผมคิดว่าจอนนี่คงไม่ว่างรับสายตอนนี้” เสียงใหญ่ทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากปลายสาย คามิลลารู้จักเสียงนั้นดี มันเป็นเสียงที่เธอไม่อยากได้ยินอีกตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น “เขากำลังนอนทรมานกับการขาดอากาศหายใจตาย ดูสิเลือดเริ่มไหลออกจากตาเขาแล้วน่ะ งดงามอะไรอย่างนี้” เสียงนั้นยังพูดต่อไปด้วยความใจเย็น มันเป็นเสียงของคนที่รู้จักความตายเป็นอย่างดี
    “แก... แกออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก” คามิลลาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความกลัวที่ได้ยึดเอาขาทั้งสองข้างของเธอไป
    “ใจเย็นๆ คามิลลา ฉันเพียงแค่ต้องการจะตกลงอะไรเล็กๆน้อยๆกับเธอ” ฆาตกรที่ปลายสายยังคงพูดอย่างเยือกเย็น “ฉันมีตัวเลือกให้เธอสองอย่าง”
    “อ...อะไร”
    “ข้อแรก เธอบอกความลับนั่นมาแล้วตายซะ ข้อสอง เธอตายซะแล้วเอามันมาให้ฉัน! อยู่ตรงนั้นนะ ฉันกำลังขึ้นไป!” ความเยือก.เ.ย็.น..ดุ.จน้ำแข็งของเขาหายไปแล้ว กลายเป็นเสียงขู่คำรามดังขึ้น หลอดไฟทั้งหมดในสถานีวิจัยกระพริบติดๆดับๆแล้วสุดท้ายก็ดับลง
    คามิลลาพบว่าตนเองตกอยู่ในความมืดมิดในห้องทำงานแคบๆ แหล่งกำเนิดแสงเพียงแหล่งเดียวในที่นั้นคือคอมพิวเตอร์ของเธอที่ส่งเสียงดังออกมาจากเครื่องสำรองไฟฟ้า ร่างกายของเธอถูกตรึงให้หยุดนิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวว่าความลับที่เธอเก็บมานานจะต้องสูญเสียไปหรือความกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดกับตัวเธอกันแน่
    หรือทั้งสองอย่างเลย
    ข้อมูลทั้งหมดและภาพต่างๆหลั่งไหลเข้าสู่หัวเธอ หากเธอตายไปชายคนนั้นก็ได้รับอำนาจยิ่งใหญ่นั้นไป ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้น
    เธอรวบรวมพลังทั้งหมดนำเอาร่างของเธอไปยังคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความสั้นๆและเคาะเอนเทอร์ หลังจากนั้นก็พิมพ์อีกข้อความสั้นๆ
    คามิลลาหวังให้เครื่องทำงานให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เธอต้องส่งต่อความลับนี้ไปให้คนที่เธอเชื่อใจได้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของเขาเองและของทุกชีวิต
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น คามิลลาหันขวับไปด้วยความตกใจ เครื่องกีดขวางชิ้นสุดท้ายของเธอกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงกระแทก สุดท้ายประตูไม้บานใหญ่หนาก็ลอยข้ามห้องไปชนผนังอีกฝั่ง คามิลลาก้มหัวลงหลบทันอย่างฉิวเฉียด
    “ขอโทษครับที่ทำประตูพัง ผมมาส่งของครับ” ชายคนหนึ่งที่เดินเข้าประตูมาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ความมืดทำให้เขาดูเหมือนเป็นเพียงแค่เงาที่ทอดมาจากตู้เก็บเอกสารข้างประตู แต่คามิลลารู้ดีกว่านั้น “คุณสั่งความตายชุดใหญ่ส่งถึงที่ไว้ใช่ไหมครับ กรุณาลงชื่อตรงนี้ด้วยครับ” เขาพูดจบก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งและจับคอเธอไว้แน่น
    “แกไม่มีวันได้มันไปหรอก ไอ้สารเลว” คามิลลาพูดด้วยเสียงสั่น คอของเธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ร่างของเธอค่อยๆถูกยกขึ้นอย่างช้าๆ
    “พูดแรงไปหน่อยนะ กับคนเคยรู้จักกันเนี่ย” เงามืดยังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ในคำพูด “อย่างนี้ต้องลงโทษหน่อยแล้ว ลาก่อนนะ”
    คอของคามิลลาไม่ได้ถูกบีบแรงขึ้นเลย แต่เธอกลับหายใจไม่ออก สายตาเธอได้แต่มองตรงไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวเลขหนึ่งร้อยปรากฏขึ้นพร้อมเสียงเตือนเบาๆ เธอโล่งใจกับผลลัพธ์นั้น มองดูข้อความสุดท้ายด้วยความอาลัย แล้วเธอก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
    เจ้าฆาตกรเห็นว่าเธอสิ้นใจก็ปล่อยร่างของเธอให้ตกลงบนพื้น มองสำรวจรอบห้องเพื่อหาเป้าหมายของเขา สายตาของเขาจบลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อความสั้นๆไว้สองสามบรรทัด
    “ฉลาดนักนะนังนี่” เขาพูดขึ้นกับตัวเองเบาๆอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะหันหลังและเดินข้ามร่างของคามิลลาออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าคอมพิวเตอร์ที่กำลังส่งเสียงร้องไห้ให้กับเจ้าของที่เพิ่งจากไปของมันแสดงผลการทำงานของมันต่อไป
                ข้อมูลถูกส่งให้ bea@abc.org เรียบร้อย
                    โปรดป้อนคำสั่ง >> ฟอร์แมท
                  ...๑๐๐%... ฟอร์แมทเสร็จสมบูรณ์
    เสียงบี๊พของเครื่องคอมพิวเตอร์ยังร้องเป็นเพลงส่งวิญญาณให้คามิลลาต่อไปอีกสองสามนาที จนในที่สุดมันก็ตรอมใจตายตามไปด้วย หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับลง สถานีวิจัยวัตถุผ่านรังสีตกอยู่ในความมืดสนิท
ช่วยแนะนำติชมเพื่อการพัฒนาด้วยนะครับ XD
สถานีวิจัยวัตถุผ่านรังสีของนาซาเป็นอาคารสูงก่อสร้างตามรูปแบบสมัยใหม่ดูหรูหรา ในตอนกลางวันมันเป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่มีเหล่านักวิทยาศาสตร์เดินกันพลุกพล่าน แต่ในตอนกลางคืนมันกลับดูเหมือนแหล่งท่องเที่ยวชมวิวยามค่ำคืนระดับห้าดาว รูปร่างโค้งเหมือนจรวดของอาคารและผิวนอกหินอ่อนขัดเงาของมันซึ่งสะท้อนแสงจันทร์อยู่ในพื้นที่โล่งกว้างของศูนย์ปฏิบัติการภาคพื้นดินของนาซาในวิสคอนซินได้ถูกล่ำลือเรื่องความสวยงามภายใต้แสงจันทร์ สื่อบางเว็บไซต์ถึงกับตั้งชื่อให้มันด้วยความภาคภูมิใจว่า จรวดแสงจันทร์
    สุสานจรวดน่ะสิ
    คามิลลา ฟิลิปปา นักวิทยาศาสตร์และนักบินอวกาศหญิงชื่อดังคนหนึ่งของนาซาไม่เคยพอใจกับความนิยมในรูปลักษณ์ของสถานีวิจัยแห่งนี้เลย นาซาหมดทางเรียกร้องความสนใจแล้วรึไงถึงต้องทำเหมือนกับที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวน่ะ เธอมักจะบ่นให้เพื่อนร่วมงานของเธอฟังทุกครั้งที่ข่าวบนโทรทัศน์พูดถึงความสวยงามของสถานี
    คามิลลาเป็นหญิงม่ายวัยสามสิบห้าที่ดูอ่อนวัยกว่านั้นถึงสิบปี เธอตกเป็นที่หมายปองของเหล่านักวิทยาศาสตร์ชายในที่ทำงาน งานของเธอที่หนักและยุ่งยากทำให้เธอแทบจะไม่มีเวลาไปคิดเรื่องความรักครั้งใหม่ ที่จริงแล้วเธอไม่มีแม้แต่เวลาจะกลับบ้านแต่หัวค่ำเพื่อไปอยู่กับลูกสาวของเธอด้วยซ้ำไป
    คืนนี้ก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่เธออยู่ทำงานจนดึก เธอกำลังวุ่นวายอยู่กับงานวิจัยชิ้นใหญ่ของเธอเรื่องการเคลื่อนที่ของรังสีที่ถูกปล่อยออกจากดาวอังคารผ่านมนุษย์ ผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นนี้กำลังจะเสร็จสมบูรณ์และเธอจะได้รับเงินโบนัสก้อนโตพอที่จะให้เธอได้ลาพักร้อนไปอยู่กับลูกสาววัยสิบสองปีของเธอได้สักปีสองปี
                    ข้อมูลถูกบันทึกแล้ว
    หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเธอแสดงข้อความขึ้นหลังจากที่เธอเคาะปุ่มเอนเทอร์เพื่อจบการทำงาน คามิลลาลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเธอและบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยล้า นั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อกันถึงสิบชั่วโมงทำให้เธอรู้สึกเหมือนร่างกายส่วนล่างของเธอเธอเป็นอัมพาตไปแล้ว เมื่อเลือดวิ่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆอย่างปกติอีกครั้งเธอก็เดินเข้ามุมครัวในห้องทำงานเพื่อหากาแฟมาแก้ง่วง
    ป่านนี้เบียทริซจะหลับรึยังนะ
    ลูกสาวของเธอซึ่งกำลังจะเข้าชั้นมัธยมต้นเป็นที่รักของเธอมาก เบียทริซเป็นเด็กที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะเมื่อตอนเธอเข้าอนุบาลแล้วได้ไปเขียนเล่นลงในสมุดการบ้านของรุ่นพี่ประถมหกด้วยความซุกซน ครูของเธอจับได้และจะลงโทษเธอ แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อเจ้าของสมุดอ้างว่าคำตอบที่เธอเขียนเล่นไว้นั้นถูกทั้งหมด
    “ขอโทษที่รบกวนครับคุณคามิลลา แต่มีชายคนหนึ่งต้องการพบคุณให้ได้ครับ” เสียงแข็งๆของเจ้าหน้าที่ชายฝ่ายรักษาความปลอดภัยดังขึ้นมาบนเครื่องตอบรับภายในสถานีบนโต๊ะทำงานของเธอ คามิลลาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้อง
    ๐๑ : ๑๗ น.
    ใครกันนะที่จะติดต่อเอาป่านนี้ คนแรกที่เธอนึกถึงคือผู้บัญชาการสถานีวิจัย วิกเตอร์ ซิงเกอร์สัน ผู้มีความรับผิดชอบสูงและทำงานหนักจนสามารถไต่เต้าขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังนินทากันว่าเขาไม่เคยกลับบ้านเลย สงสัยว่าที่บ้านจะไม่ยอมให้กลับ
    แต่เมื่อกี้นี้เขาพูดว่า‘ชายคนหนึ่ง’ไม่ใช่เหรอ
    ด้วยความสงสัยคามิลลาจึงเดินไปกดเครื่องตอบรับแล้วถามกลับไปด้วยเสียงอันอ่อนโยน “ใครเหรอจอนนี่”
    ถึงจอนนี่จะเป็นเจ้าหน้าที่ใหม่ไฟแรงที่เฝ้ากะกลางคืนของที่นี่ แต่เขาก็ต้องเคยพบท่านผู้บัญชาการมาก่อนแน่นอน ไม่มีทางที่เขาจะเรียกท่านว่าชายคนหนึ่ง
    “เขาให้ผมบอกคุณว่าเขาคือ‘คนที่ช่วยคุณได้’แล้วคุณจะรู้เองครับ” จอนนี่พูดขึ้นด้วยเสียงแข็งๆนิ่งๆอย่างไม่มีอารมณ์ของเขา
    พวกชอบล้อกันเล่นอีกล่ะสิ คราวนี้ลงทุนมากลางดึกเลยแฮะ
    “จะให้ผมปล่อยเขาเข้าไปไหมครับ” จอนนี่ถาม
    “ไม่จอนนี่ ไม่ บอกเขาไปว่าฉันไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระด้วยนะ ให้เขากลับไป” คามิลลาที่เหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวันไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องตลกแต่อย่างใด เธอเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาคอยฟังคำพูดหลอกล่อของชายที่มาตามตื๊อเธอ
    “คุณครับ ตอนนี้คุณคามิลลาไม่ว่างครับ ไม่ทราบว่าคุณจะฝากบอกอะไรเธอไหมครับ” เสียงของจอนนี่ยังคงดังอยู่บนเครื่องตอบรับ
    ปิดเครื่องตอบรับก่อนสิ
    คามิลลาคิดจะเตือนเขาเรื่องนี้หลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ทำ เธอเอื้อมมือจะกดปุ่มเพื่อบอกจอนนี่ถึงเรื่องนั้น แต่ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นมา
    “อุ่กก... อั่กก...” ตามด้วยเสียงตุบเหมือนกระเป๋าผ้าใบใหญ่ตกลงบนพื้น หลังจากนั้นก็เหลือเพียงความเงียบ
    “จอนนี่ เกิดอะไรขึ้น ตอบด้วย” คามิลลาถามด้วยความสงสัย ในใจก็ยังคิดว่าเขาคงแค่ล้อเล่น แต่มือของเธอที่กำลังสั่นอยู่กลับไม่คิดอย่างนั้น
    “จอนนี่ อย่ามาแกล้งฉันเล่นนะ คืนนี้ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะมาฟังเรื่องตลกงี่เง่าของนาย” เสียงสั่นๆของเธอบ่งบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอพูดจริง
    “ขอโทษครับ แต่ผมคิดว่าจอนนี่คงไม่ว่างรับสายตอนนี้” เสียงใหญ่ทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากปลายสาย คามิลลารู้จักเสียงนั้นดี มันเป็นเสียงที่เธอไม่อยากได้ยินอีกตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น “เขากำลังนอนทรมานกับการขาดอากาศหายใจตาย ดูสิเลือดเริ่มไหลออกจากตาเขาแล้วน่ะ งดงามอะไรอย่างนี้” เสียงนั้นยังพูดต่อไปด้วยความใจเย็น มันเป็นเสียงของคนที่รู้จักความตายเป็นอย่างดี
    “แก... แกออกไปเดี๋ยวนี้นะ! ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก” คามิลลาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความกลัวที่ได้ยึดเอาขาทั้งสองข้างของเธอไป
    “ใจเย็นๆ คามิลลา ฉันเพียงแค่ต้องการจะตกลงอะไรเล็กๆน้อยๆกับเธอ” ฆาตกรที่ปลายสายยังคงพูดอย่างเยือกเย็น “ฉันมีตัวเลือกให้เธอสองอย่าง”
    “อ...อะไร”
    “ข้อแรก เธอบอกความลับนั่นมาแล้วตายซะ ข้อสอง เธอตายซะแล้วเอามันมาให้ฉัน! อยู่ตรงนั้นนะ ฉันกำลังขึ้นไป!” ความเยือก.เ.ย็.น..ดุ.จน้ำแข็งของเขาหายไปแล้ว กลายเป็นเสียงขู่คำรามดังขึ้น หลอดไฟทั้งหมดในสถานีวิจัยกระพริบติดๆดับๆแล้วสุดท้ายก็ดับลง
    คามิลลาพบว่าตนเองตกอยู่ในความมืดมิดในห้องทำงานแคบๆ แหล่งกำเนิดแสงเพียงแหล่งเดียวในที่นั้นคือคอมพิวเตอร์ของเธอที่ส่งเสียงดังออกมาจากเครื่องสำรองไฟฟ้า ร่างกายของเธอถูกตรึงให้หยุดนิ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกลัวว่าความลับที่เธอเก็บมานานจะต้องสูญเสียไปหรือความกลัวต่ออันตรายที่จะเกิดกับตัวเธอกันแน่
    หรือทั้งสองอย่างเลย
    ข้อมูลทั้งหมดและภาพต่างๆหลั่งไหลเข้าสู่หัวเธอ หากเธอตายไปชายคนนั้นก็ได้รับอำนาจยิ่งใหญ่นั้นไป ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบสิ้น
    เธอรวบรวมพลังทั้งหมดนำเอาร่างของเธอไปยังคอมพิวเตอร์ พิมพ์ข้อความสั้นๆและเคาะเอนเทอร์ หลังจากนั้นก็พิมพ์อีกข้อความสั้นๆ
    คามิลลาหวังให้เครื่องทำงานให้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ เธอต้องส่งต่อความลับนี้ไปให้คนที่เธอเชื่อใจได้มากที่สุด เพื่อความปลอดภัยของเขาเองและของทุกชีวิต
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น คามิลลาหันขวับไปด้วยความตกใจ เครื่องกีดขวางชิ้นสุดท้ายของเธอกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงกระแทก สุดท้ายประตูไม้บานใหญ่หนาก็ลอยข้ามห้องไปชนผนังอีกฝั่ง คามิลลาก้มหัวลงหลบทันอย่างฉิวเฉียด
    “ขอโทษครับที่ทำประตูพัง ผมมาส่งของครับ” ชายคนหนึ่งที่เดินเข้าประตูมาพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ความมืดทำให้เขาดูเหมือนเป็นเพียงแค่เงาที่ทอดมาจากตู้เก็บเอกสารข้างประตู แต่คามิลลารู้ดีกว่านั้น “คุณสั่งความตายชุดใหญ่ส่งถึงที่ไว้ใช่ไหมครับ กรุณาลงชื่อตรงนี้ด้วยครับ” เขาพูดจบก็ยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งและจับคอเธอไว้แน่น
    “แกไม่มีวันได้มันไปหรอก ไอ้สารเลว” คามิลลาพูดด้วยเสียงสั่น คอของเธอรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก ร่างของเธอค่อยๆถูกยกขึ้นอย่างช้าๆ
    “พูดแรงไปหน่อยนะ กับคนเคยรู้จักกันเนี่ย” เงามืดยังคงรักษาความเยือกเย็นไว้ในคำพูด “อย่างนี้ต้องลงโทษหน่อยแล้ว ลาก่อนนะ”
    คอของคามิลลาไม่ได้ถูกบีบแรงขึ้นเลย แต่เธอกลับหายใจไม่ออก สายตาเธอได้แต่มองตรงไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตัวเลขหนึ่งร้อยปรากฏขึ้นพร้อมเสียงเตือนเบาๆ เธอโล่งใจกับผลลัพธ์นั้น มองดูข้อความสุดท้ายด้วยความอาลัย แล้วเธอก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย
    เจ้าฆาตกรเห็นว่าเธอสิ้นใจก็ปล่อยร่างของเธอให้ตกลงบนพื้น มองสำรวจรอบห้องเพื่อหาเป้าหมายของเขา สายตาของเขาจบลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อความสั้นๆไว้สองสามบรรทัด
    “ฉลาดนักนะนังนี่” เขาพูดขึ้นกับตัวเองเบาๆอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะหันหลังและเดินข้ามร่างของคามิลลาออกไปจากห้อง ปล่อยให้เจ้าคอมพิวเตอร์ที่กำลังส่งเสียงร้องไห้ให้กับเจ้าของที่เพิ่งจากไปของมันแสดงผลการทำงานของมันต่อไป
                ข้อมูลถูกส่งให้ bea@abc.org เรียบร้อย
                    โปรดป้อนคำสั่ง >> ฟอร์แมท
                  ...๑๐๐%... ฟอร์แมทเสร็จสมบูรณ์
    เสียงบี๊พของเครื่องคอมพิวเตอร์ยังร้องเป็นเพลงส่งวิญญาณให้คามิลลาต่อไปอีกสองสามนาที จนในที่สุดมันก็ตรอมใจตายตามไปด้วย หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับลง สถานีวิจัยวัตถุผ่านรังสีตกอยู่ในความมืดสนิท
ช่วยแนะนำติชมเพื่อการพัฒนาด้วยนะครับ XD
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น