ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ผู้หญิงตัวร้าย...กับผู้ชายตัวแสบ ตอนที่ 1 เปิดตัว
                            เช้าที่สดใสแต่มักควบคู่ไปกับความวุ่นวายตามท้องถนน  ผู้คนขวักไขว่จอแจ  การจราจรที่คับคั่ง  ทุกคนเร่งรีบที่จะไปทำกิจกรรมประจำวัน  แสงแตรรถบีบไล่กันสนั่น  ก็ไม่รู้จะบีบไปทำไมในเมื่อยานพาหนะก็ไม่ได้เขยื้อนไปมากกว่านี้เหมือนกัน
                            หญิงสาวที่เร่งรีบกับการเดินทางไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองหลวง  วันนี้เป็นวันที่เธอเพิ่งทำงานวันแรก  เพราะฉะนั้นเธอจึงสายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
                         
                          เพราะมันเป็นการทดลองงาน
                          ตึกสูงตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง  หน้าตึกมีน้ำพุเพื่อแก้ฮวงจุ้ยตามความเชื่อของคนจีน  ผู้คนมามายเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น  ผู้รักษาความปลอดภัยยื่นประจำหน้าประตู  คอยต้อนรับผู้คนที่เข้ามาติดต่อสำนักงานภายในอาคารที่สูงระฟ้า  ผู้คนที่เดินเข้าออก  นอกจากพนักงานแล้ว  ก็เหมือนจะมีพวกคุณหญิงคุณนายอยู่ไม่น้อย  หญิงสาวผมซอยยาวตามสมัยเร่งรีบวิ่งเข้าไปเพื่อให้ทันลิฟท์ที่กำลังจะขนผู้โดยสารขึ้นไปยังชั้นบน
                          “รอด้วยค่ะ  รอต้วย”  เสียงใส ๆ  ที่แผดออกไปเพื่อหยุดประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิด  เธอแทรกตัเข้าไปในตัวลิฟท์  ลิฟท์ตัวนี้มีสมาชิกประมาณ  7-8  คน  มันก็อัดแน่นพอสมควร
                          “ชั้นไหนครับ”  ชายหนุ่มผู้อยู่ใกล้แผงวงจรถามความต้องการของหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาในลิฟท์เป็นคนสุดท้าย
                            “ชั้น  32  ค่ะ”  หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจ  และก็ง่วนกับการโบ๊ะหน้าที่มีแต่เหงื่อ  ผลของการวิ่งกระหืดกระหอบ  เกรงว่าจะไปไม่ทันเวลาเข้างานจึงต้องประหยัดเวลาเล็กน้อย  ตอนนี้สำหรับเธอเวลาแม้วินาทีเดียวก็มีค่าเสมอ
                            ลิฟท์เลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ  จนมาหยุดอยู่ที่ชั้น  17  คนที่อยู่ในลิฟท์ลงไปหมดแล้ว  แต่ยังเหลือหญิงสาวกับชายหนุ่มสองคน  หญิงสาวก็ยังโบ๊ะหน้าไม่เสร็จ  ส่วนชายหนุ่มก็ทำหน้าเซ็ง ๆ  แล้วพูดออกไปว่า
                          “นี่คุณ  โบ๊ะมากเดี๋ยวก็หน้าแก่หรอก”  เสียงยียวนกวนประสาทส่งไปยังหญิงสาว  หญิงสาวยังค้างอยู่กับการทามาสคาร่า  เธอชายตามองชายหนุ่มแล้วก็ส่งเสียงแสดงถึงความไม่พอใจออกไป
                            “เรื่องของฉันน่า  คุณยุ่งอะไร”  เสียงตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
                            “มันก็เรื่องของคุณจริง ๆ  แต่ผมเป็นคนแพ้พวกน้ำหอม  เครื่องสำอางอะไรพวกนี้”  ชายหนุ่มพูดพร้อมทำท่าทางเอามือขึ้นปิดจมูกที่โด่ง  และส่งสายตาที่คมมองหญิงสาวหน้าใสที่อยู่ตรงหน้า  แล้วออกความเห็น  “หน้าคุณก็ใสอยู่แล้วไม่เห็นต้องเอาเครื่องสำอางพวกนี้บดบังความใสของใบหน้าเลย  เดี๋ยวก็แก่กันพอดี”  ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะไม่แขวะหญิงสาว  ก็เธอน่ารักจริง ๆ  นี่  นัยน์ตาที่หวานอยู่แล้ว  คิ้วก็เข้มได้รูป  ผิวขาวตัดกับริมฝีปากบางรูปกระจับ  อมชมพูอ่อน ๆ  ผมซอยที่ดูทันสมัยรับกับหน้ารูปไข่ของเธอได้ทีทีเดียว  เขาไม่เห็นว่าจะต้องนำเครื่องสำอางมาปิดบังสิ่งของบนใบหน้าของเธอเลยสักนิด
                          และแล้วความรู้สึงถึงสายตาตู่งามที่จ้องมาด้วยความไม่พอใจกำลังสั่นระริก  บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างแรงที่เขาไปยุ่งกับชีวิตของเธอ
                            “ขอโทษนะคะ  คุณยุ่งอะไรไม่ทราบยะ!!  อีตาบ้า!!!!!”  เสียงตะโกนจนลั่นลิฟท์  ดังก้องอยู่ในหูของเขาตลอดเวลา  เธอออกจากลิฟท์ทันทีเมื่องกล่องสีเหลี่ยมที่ผู้คนอาศัยขึ้นชั้นบนแทนการขึ้นบันได  เขาก็ได้แค่ยืนอึ้งกับการฟิวขาดของเธอ
                          น่ารักจริง ๆ 
                        “นี่โต๊ะของเธอน่ะจ๊ะ  พัช  มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่ได้นะ”  สาวใหญ่แนะนำรุ่นน้องที่เพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก
                        “ขอบคุณค่ะพี่...เอ่อ...พี่....”  คำพูดขอบคุณออกจากปากรูปกระจับ  แต่เธอก็ไม่รู้ที่จะขอบคุณใครก็ในเมื่อคนที่แนะนำเธอนั้นยังไม่ได้แนะทำชื่อของตัวเองเลยสักนิด
                        “อ้อ!!  เรียกพี่ว่า  พี่หญิงก็ได้จ้ะ”  สาวใหญ่แนะนำตัวพลางเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้เหลือเกิน  เพราะอะไรไม่รู้นะ
                          คงถูกชะตามั้ง
                          “เอาล่ะจ้ะพัช  เดี๋ยวพี่หญิงจะแนะนำพัชให้พวกแผนกรู้จักกันก่อนนะ  เพื่อการร่วมงานที่ราบรื่น”  ว่าแล้วสาวใหญ่ก็นำเธอไปยืนยังตรงกลาง  และตะโกนเสียงดีง
                          “ทุกคน  ทำความรู้จักกันไว้นะ  นี่  พัชชา  ครีเอทีฟคนใหม่จ้า”  สิ้นเสียงพนักงานทุกคนในแผนกก็ปรบมือต้อนรับ  ผู้ชายพากันมองตาค้างกับหญิงสาวที่เพิ่งมาทำงานใหม่
                          “สวัสดีค่ะ  ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”  สิ้นคำกล่าวทักทายหญิงสาวก็โค้งทำความเคารพทุกคนเล็กน้อย
                        “แล้วฝากหัวใจด้วยหรือเปล่าครับ”  เสียงแจ้วมาแต่ไกล  เรียกความสนใจให้ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียง  หนุ่มมาเท่  อยู่ใสชุดสูท  เนคไทผูกอย่างลวก ๆ  ผิวที่ขาวตัดกับคิ้วที่เข้ม  ปากบางและแดงเป็นธรรมชาติเหยียดตรงเล็กน้อยจนเห็นรักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มใสอย่างชัดเจน
                          “นายอีกและ  จะตามราวีฉันอยู่อย่างนี้  ไม่ไปผุดไปเกิดหรือไง”  ว่าแล้วหญิงสาวก็ไม่รอข้าที่จะต่อปากต่อคำ
                            “แหม!!!  ได้ทำงานที่เดียวกันทั้งที  ก็น่าจะมีไมตรีให้ผมบ้างนะครับ”  คำกระเซ้าเย้าแหย่ของชายหนุ่มทำให้พัชชาหน้าเบ้
                              ฉันต้องทำงานที่เดียวกับนายจริง ๆ  น่ะหรือ  นายตัวแสบ!!!!
                            คำพูดดังก้องอยู่ในใจ  เธอไม่อยากที่จะปากต่อคำกับนายตัวแสบสักเท่าไร  ที่เธอส่งไปก็มีแต่ค้อนอันใหญ่ที่ค้อนขวับเข้าให้  นายตัวแสบก็ยังไม่วายรู้ตัว  กลับส่งสายตาหวานเยิ้มเพิ่มความโมโหให้หญิงสาว
                          ทำไมนายนี่มันกวนประสาทอย่างนี้น่ะ
                        “เอาล่ะ  เหมือนกับว่ารู้จักกันแล้วนะ”  เสียงพี่หญิงดังขึ้นมีเจตนาจะให้สงครามทางสายตาหยุดลงเพียงเท่านี้  ก่อนที่อะไร ๆ  จะลุกลามมากไปกว่านี้
                          “ง่า....พี่หญิง  ผมยังไม่รู้จักเลยว่า  หญิงสาวสวยผู้เนี้ย”  ชายหนุ่มส่งสายตาบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่ยื่นน่ามุ่ยอยู่ข้าง ๆ  สาวใหญ่
                          ใครจะอยากไปรู้จักกับนายห๊ะ!!!  อีตาบ้า!!!
                      สาวใหญ่ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มแล้วทำการแนะนำอย่างเป็นทางการ
                    “นี่พัชชา  หรือเรียกสั้น ๆ  ว่าชา  ครีเอทีฟคนใหม่ที่จะมาทำงานกับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
                แปะ  แปะ  แปะ  เสียงปรบมือที่ดังขึ้นเพียงคนเดียว  เรียกสายตาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นหันมามอง
                  “ผม  วิภู  เรียกสั้น ๆ  ว่าภูก็ได้ครับ”  ประโยคบอกเล่าดังออกจากปากที่เหยียดจนเห็นเป็นรอยยิ้ม  และรักยิ้มที่บุ๋มลงไปในแก้มที่ขาวใสอย่างเห็นได้ชัด  แต่รักยิ้มก็โชว์ได้ไม่นานเพราะเสียงเล็ก ๆ  เพียงเสียงเดียว
                  “ไม่ได้ถาม”  คำบอกเล่าที่เรียบง่าย  เล่นเอารอยยิ้มของชายหนุ่มหายไปในพริบตา  แต่ชายหนุ่มก็เอาตัวรอดแก้สถานะการณ์ได้เสมอ
                    “แหม  ทำงานที่เดียวกันรู้จักชื่อเสียงเรียงนามไว้สักหน่อยคงไม่เสียหายหรอกมั้งครั้บ  คุณผู้หญิง”  นายตัวแสบพลิกผลันสถานะการณ์ได้เสมอ  เสียงตอบแบบยั่วโมโหทำให้หน้าใส ๆ  ขึ้นสีเล็กน้อย
                      “ก็ได้”  หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย  ทำเอาใจหนุ่ม ๆ  ละลายเป็นแถว  “ฉันจะจำชื่อนายไว้ในกระดูกดำก็แล้วกัน”  หญิงสาวยื้มให้เล็กน้อย  รอยยิ้มที่ดูเหมือนเป็นมิตร  แต่มันก็ไม่เป็น  เดารอยยิ้มของเธอไม่ถูกเลยจริง ๆ  แล้วเธอก็สะบัดก้นเดินไปยังที่ประจำของเธอ  แล้วนั่งลงประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่  เธอไม่สนในอะไรแล้วก้มหน้าจัดของบนโต๊ะทำงานให้เข้าที่
                        ประโยคที่ฟังเหมือนจะเป็นมิตรในตอนแรก  กลับเป็นประโยคที่ประกาศศึกกันในตอนสุดท้าย  เล่นเอาคนฟังหนาวไปนิด  แต่ก็ยังยิ้มรับได้  และคิดว่ามันเป็นประโยคที่จะท้าทายให้เขาลองที่จะพิชิตหัวใจเธอคนนี้
                          ฉันจะต้องพิชิตใจเธอให้ได้  พัชชา
      ชายหนุ่มคิดกรุ้มกริ่มอยุ่ในใจ  และเดินเข้าไปยังห้องของตัวเอง  ป้ายหน้าห้องเขียนว่า 
                                                                  กรรมการผู้จัดการ
**************************คุยกานท้ายเรื่อง********************************
ง่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเราแล้ว  (จาดีจายดีมั้ยเนี่ย)  เรื่องแรกมะมีใครรู้จักเรยง่า  TT  หวังหว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักเรากันบ้างอ่านะ  ถึงว่ามานจะเป็นส่วนน้อยก็เหอะ  ถ้าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร  หนุกหนาน  หรือไม่มีวความหนุกเรย  ก็โพสบอกเราหน่อยน้า  คนที่เข้ามาอ่านเราก็ขอให้โพสความคิดเห็นไว้ด้วยนะคะ  เพราะมันจะเป็นกำลังใจให้เราต่อไปอาค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน  และขอขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ  ที่มาเยี่ยมชมผลงานของเรา
ขอบคุณมากค่า
(ฝากเรื่องแรกด้วยค่ะ)
Lucifer Crystal
[คำอธิบาย]  เมื่อเจ้าหญิงอาโรวาเรสผู้มีพลังเวทย์มนต์ไม่เป็นรองใคร ต้องต่อสู้กับซาตานร้ายที่หลงในอำนาจมืดของเวทย์มนต์ มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!!
http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=112301
                            หญิงสาวที่เร่งรีบกับการเดินทางไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในเมืองหลวง  วันนี้เป็นวันที่เธอเพิ่งทำงานวันแรก  เพราะฉะนั้นเธอจึงสายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
                         
                          เพราะมันเป็นการทดลองงาน
                          ตึกสูงตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง  หน้าตึกมีน้ำพุเพื่อแก้ฮวงจุ้ยตามความเชื่อของคนจีน  ผู้คนมามายเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น  ผู้รักษาความปลอดภัยยื่นประจำหน้าประตู  คอยต้อนรับผู้คนที่เข้ามาติดต่อสำนักงานภายในอาคารที่สูงระฟ้า  ผู้คนที่เดินเข้าออก  นอกจากพนักงานแล้ว  ก็เหมือนจะมีพวกคุณหญิงคุณนายอยู่ไม่น้อย  หญิงสาวผมซอยยาวตามสมัยเร่งรีบวิ่งเข้าไปเพื่อให้ทันลิฟท์ที่กำลังจะขนผู้โดยสารขึ้นไปยังชั้นบน
                          “รอด้วยค่ะ  รอต้วย”  เสียงใส ๆ  ที่แผดออกไปเพื่อหยุดประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิด  เธอแทรกตัเข้าไปในตัวลิฟท์  ลิฟท์ตัวนี้มีสมาชิกประมาณ  7-8  คน  มันก็อัดแน่นพอสมควร
                          “ชั้นไหนครับ”  ชายหนุ่มผู้อยู่ใกล้แผงวงจรถามความต้องการของหญิงสาวที่วิ่งเข้ามาในลิฟท์เป็นคนสุดท้าย
                            “ชั้น  32  ค่ะ”  หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจ  และก็ง่วนกับการโบ๊ะหน้าที่มีแต่เหงื่อ  ผลของการวิ่งกระหืดกระหอบ  เกรงว่าจะไปไม่ทันเวลาเข้างานจึงต้องประหยัดเวลาเล็กน้อย  ตอนนี้สำหรับเธอเวลาแม้วินาทีเดียวก็มีค่าเสมอ
                            ลิฟท์เลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ  จนมาหยุดอยู่ที่ชั้น  17  คนที่อยู่ในลิฟท์ลงไปหมดแล้ว  แต่ยังเหลือหญิงสาวกับชายหนุ่มสองคน  หญิงสาวก็ยังโบ๊ะหน้าไม่เสร็จ  ส่วนชายหนุ่มก็ทำหน้าเซ็ง ๆ  แล้วพูดออกไปว่า
                          “นี่คุณ  โบ๊ะมากเดี๋ยวก็หน้าแก่หรอก”  เสียงยียวนกวนประสาทส่งไปยังหญิงสาว  หญิงสาวยังค้างอยู่กับการทามาสคาร่า  เธอชายตามองชายหนุ่มแล้วก็ส่งเสียงแสดงถึงความไม่พอใจออกไป
                            “เรื่องของฉันน่า  คุณยุ่งอะไร”  เสียงตอบของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย
                            “มันก็เรื่องของคุณจริง ๆ  แต่ผมเป็นคนแพ้พวกน้ำหอม  เครื่องสำอางอะไรพวกนี้”  ชายหนุ่มพูดพร้อมทำท่าทางเอามือขึ้นปิดจมูกที่โด่ง  และส่งสายตาที่คมมองหญิงสาวหน้าใสที่อยู่ตรงหน้า  แล้วออกความเห็น  “หน้าคุณก็ใสอยู่แล้วไม่เห็นต้องเอาเครื่องสำอางพวกนี้บดบังความใสของใบหน้าเลย  เดี๋ยวก็แก่กันพอดี”  ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะไม่แขวะหญิงสาว  ก็เธอน่ารักจริง ๆ  นี่  นัยน์ตาที่หวานอยู่แล้ว  คิ้วก็เข้มได้รูป  ผิวขาวตัดกับริมฝีปากบางรูปกระจับ  อมชมพูอ่อน ๆ  ผมซอยที่ดูทันสมัยรับกับหน้ารูปไข่ของเธอได้ทีทีเดียว  เขาไม่เห็นว่าจะต้องนำเครื่องสำอางมาปิดบังสิ่งของบนใบหน้าของเธอเลยสักนิด
                          และแล้วความรู้สึงถึงสายตาตู่งามที่จ้องมาด้วยความไม่พอใจกำลังสั่นระริก  บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างแรงที่เขาไปยุ่งกับชีวิตของเธอ
                            “ขอโทษนะคะ  คุณยุ่งอะไรไม่ทราบยะ!!  อีตาบ้า!!!!!”  เสียงตะโกนจนลั่นลิฟท์  ดังก้องอยู่ในหูของเขาตลอดเวลา  เธอออกจากลิฟท์ทันทีเมื่องกล่องสีเหลี่ยมที่ผู้คนอาศัยขึ้นชั้นบนแทนการขึ้นบันได  เขาก็ได้แค่ยืนอึ้งกับการฟิวขาดของเธอ
                          น่ารักจริง ๆ 
                        “นี่โต๊ะของเธอน่ะจ๊ะ  พัช  มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่ได้นะ”  สาวใหญ่แนะนำรุ่นน้องที่เพิ่งมาทำงานวันนี้เป็นวันแรก
                        “ขอบคุณค่ะพี่...เอ่อ...พี่....”  คำพูดขอบคุณออกจากปากรูปกระจับ  แต่เธอก็ไม่รู้ที่จะขอบคุณใครก็ในเมื่อคนที่แนะนำเธอนั้นยังไม่ได้แนะทำชื่อของตัวเองเลยสักนิด
                        “อ้อ!!  เรียกพี่ว่า  พี่หญิงก็ได้จ้ะ”  สาวใหญ่แนะนำตัวพลางเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้เหลือเกิน  เพราะอะไรไม่รู้นะ
                          คงถูกชะตามั้ง
                          “เอาล่ะจ้ะพัช  เดี๋ยวพี่หญิงจะแนะนำพัชให้พวกแผนกรู้จักกันก่อนนะ  เพื่อการร่วมงานที่ราบรื่น”  ว่าแล้วสาวใหญ่ก็นำเธอไปยืนยังตรงกลาง  และตะโกนเสียงดีง
                          “ทุกคน  ทำความรู้จักกันไว้นะ  นี่  พัชชา  ครีเอทีฟคนใหม่จ้า”  สิ้นเสียงพนักงานทุกคนในแผนกก็ปรบมือต้อนรับ  ผู้ชายพากันมองตาค้างกับหญิงสาวที่เพิ่งมาทำงานใหม่
                          “สวัสดีค่ะ  ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”  สิ้นคำกล่าวทักทายหญิงสาวก็โค้งทำความเคารพทุกคนเล็กน้อย
                        “แล้วฝากหัวใจด้วยหรือเปล่าครับ”  เสียงแจ้วมาแต่ไกล  เรียกความสนใจให้ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียง  หนุ่มมาเท่  อยู่ใสชุดสูท  เนคไทผูกอย่างลวก ๆ  ผิวที่ขาวตัดกับคิ้วที่เข้ม  ปากบางและแดงเป็นธรรมชาติเหยียดตรงเล็กน้อยจนเห็นรักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้มใสอย่างชัดเจน
                          “นายอีกและ  จะตามราวีฉันอยู่อย่างนี้  ไม่ไปผุดไปเกิดหรือไง”  ว่าแล้วหญิงสาวก็ไม่รอข้าที่จะต่อปากต่อคำ
                            “แหม!!!  ได้ทำงานที่เดียวกันทั้งที  ก็น่าจะมีไมตรีให้ผมบ้างนะครับ”  คำกระเซ้าเย้าแหย่ของชายหนุ่มทำให้พัชชาหน้าเบ้
                              ฉันต้องทำงานที่เดียวกับนายจริง ๆ  น่ะหรือ  นายตัวแสบ!!!!
                            คำพูดดังก้องอยู่ในใจ  เธอไม่อยากที่จะปากต่อคำกับนายตัวแสบสักเท่าไร  ที่เธอส่งไปก็มีแต่ค้อนอันใหญ่ที่ค้อนขวับเข้าให้  นายตัวแสบก็ยังไม่วายรู้ตัว  กลับส่งสายตาหวานเยิ้มเพิ่มความโมโหให้หญิงสาว
                          ทำไมนายนี่มันกวนประสาทอย่างนี้น่ะ
                        “เอาล่ะ  เหมือนกับว่ารู้จักกันแล้วนะ”  เสียงพี่หญิงดังขึ้นมีเจตนาจะให้สงครามทางสายตาหยุดลงเพียงเท่านี้  ก่อนที่อะไร ๆ  จะลุกลามมากไปกว่านี้
                          “ง่า....พี่หญิง  ผมยังไม่รู้จักเลยว่า  หญิงสาวสวยผู้เนี้ย”  ชายหนุ่มส่งสายตาบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่ยื่นน่ามุ่ยอยู่ข้าง ๆ  สาวใหญ่
                          ใครจะอยากไปรู้จักกับนายห๊ะ!!!  อีตาบ้า!!!
                      สาวใหญ่ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มแล้วทำการแนะนำอย่างเป็นทางการ
                    “นี่พัชชา  หรือเรียกสั้น ๆ  ว่าชา  ครีเอทีฟคนใหม่ที่จะมาทำงานกับเราตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
                แปะ  แปะ  แปะ  เสียงปรบมือที่ดังขึ้นเพียงคนเดียว  เรียกสายตาทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นหันมามอง
                  “ผม  วิภู  เรียกสั้น ๆ  ว่าภูก็ได้ครับ”  ประโยคบอกเล่าดังออกจากปากที่เหยียดจนเห็นเป็นรอยยิ้ม  และรักยิ้มที่บุ๋มลงไปในแก้มที่ขาวใสอย่างเห็นได้ชัด  แต่รักยิ้มก็โชว์ได้ไม่นานเพราะเสียงเล็ก ๆ  เพียงเสียงเดียว
                  “ไม่ได้ถาม”  คำบอกเล่าที่เรียบง่าย  เล่นเอารอยยิ้มของชายหนุ่มหายไปในพริบตา  แต่ชายหนุ่มก็เอาตัวรอดแก้สถานะการณ์ได้เสมอ
                    “แหม  ทำงานที่เดียวกันรู้จักชื่อเสียงเรียงนามไว้สักหน่อยคงไม่เสียหายหรอกมั้งครั้บ  คุณผู้หญิง”  นายตัวแสบพลิกผลันสถานะการณ์ได้เสมอ  เสียงตอบแบบยั่วโมโหทำให้หน้าใส ๆ  ขึ้นสีเล็กน้อย
                      “ก็ได้”  หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย  ทำเอาใจหนุ่ม ๆ  ละลายเป็นแถว  “ฉันจะจำชื่อนายไว้ในกระดูกดำก็แล้วกัน”  หญิงสาวยื้มให้เล็กน้อย  รอยยิ้มที่ดูเหมือนเป็นมิตร  แต่มันก็ไม่เป็น  เดารอยยิ้มของเธอไม่ถูกเลยจริง ๆ  แล้วเธอก็สะบัดก้นเดินไปยังที่ประจำของเธอ  แล้วนั่งลงประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่  เธอไม่สนในอะไรแล้วก้มหน้าจัดของบนโต๊ะทำงานให้เข้าที่
                        ประโยคที่ฟังเหมือนจะเป็นมิตรในตอนแรก  กลับเป็นประโยคที่ประกาศศึกกันในตอนสุดท้าย  เล่นเอาคนฟังหนาวไปนิด  แต่ก็ยังยิ้มรับได้  และคิดว่ามันเป็นประโยคที่จะท้าทายให้เขาลองที่จะพิชิตหัวใจเธอคนนี้
                          ฉันจะต้องพิชิตใจเธอให้ได้  พัชชา
      ชายหนุ่มคิดกรุ้มกริ่มอยุ่ในใจ  และเดินเข้าไปยังห้องของตัวเอง  ป้ายหน้าห้องเขียนว่า 
                                                                  กรรมการผู้จัดการ
**************************คุยกานท้ายเรื่อง********************************
ง่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของเราแล้ว  (จาดีจายดีมั้ยเนี่ย)  เรื่องแรกมะมีใครรู้จักเรยง่า  TT  หวังหว่าเรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนได้รู้จักเรากันบ้างอ่านะ  ถึงว่ามานจะเป็นส่วนน้อยก็เหอะ  ถ้าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร  หนุกหนาน  หรือไม่มีวความหนุกเรย  ก็โพสบอกเราหน่อยน้า  คนที่เข้ามาอ่านเราก็ขอให้โพสความคิดเห็นไว้ด้วยนะคะ  เพราะมันจะเป็นกำลังใจให้เราต่อไปอาค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน  และขอขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะ  ที่มาเยี่ยมชมผลงานของเรา
ขอบคุณมากค่า
(ฝากเรื่องแรกด้วยค่ะ)
Lucifer Crystal
[คำอธิบาย]  เมื่อเจ้าหญิงอาโรวาเรสผู้มีพลังเวทย์มนต์ไม่เป็นรองใคร ต้องต่อสู้กับซาตานร้ายที่หลงในอำนาจมืดของเวทย์มนต์ มันจะเกิดอะไรขึ้น!!!!
http://www.dek-d.com/entertain/view.php?id=112301
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น