ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้อยแสงดาว(วรรณกรรมเยาวชน)

    ลำดับตอนที่ #1 : สร้อยแสงดาว(วรรณกรรมเยาวชน)........บทที่ ๑

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27
      0
      17 มี.ค. 47

    สร้อยแสงดาว(วรรณกรรมเยาวชน)........บทที่ ๑





    เสียงหัวเราะคิกคักทำให้ปอแก้วต้องเหลียวหาทั้งที่ยังสะอื้นไห้  ใครกันช่างไม่รู้จักเห็นใจในความทุกข์ยากของคนอื่น มีอย่างที่ไหน มาหัวเราะเยาะเย้ยกันอยู่ได้  เธอคิดว่าหากหาต้นตอของเสียงนี้ได้ จะต้องจับมานั่งอบรมกันบ้าง   อย่างที่คุณย่าทำกับเธอเมื่อครู่ที่ผ่านมา



    “ฮิ ฮิ ฮิ....คุณหนูขี้แย...พอแม่ไม่อยู่...มาทำงอแง....ขี้แยเหลือเกิน...ฮิ ฮิ ฮิ”  เสียงใสดังมาจากข้างซ้ายบ้าง ข้างขวาบ้าง ข้างหลังบ้าง ข้างหน้าบ้าง  หากแต่พอเหลียวหากับไม่เห็นตัว



    ตอนที่เธอวิ่งร้องไห้เข้ามาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้สังเกตด้วยว่ามันคือตรงไหนของสวนหลังบ้านของคุณย่ากันแน่  แค่เพียงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้คุณย่ากับอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยเห็นก็เป็นพอ  แต่เมื่อถึงเวลาต้องมองหาไปรอบๆ นี่จริงๆ ก็ต้องรู้สึกวังเวงหวาดกลัวบ้างเหมือนกัน  



    เพราะรอบตัวเป็นรั้วไม้เลื้อยสูงท่วมศรีษะ  ทั้งรั้วนั้นประดับไปด้วยดอกไม้สีเหลืองสด และชมพูสด  แต่ละดอกใหญ่กว่าที่เคยเห็นจากที่อื่น  แต่ละมุมรั้วมีเสาสูงค้ำแผงไม้อันเล็กๆ ที่พาดสับกันเป็นลายตารางสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ถี่ขนาดช่วยกรองแสงของแดดบ่ายได้เกือบทั้งหมด



    “ใคร...ใครน่ะ...อย่ามาล้อเค้านะ.....ออกมานะ...ออกมา...ฮือ....ฮือ...ฮือ”  เด็กหญิงจึงปล่อยโฮออกมาอีกรอบ  ทั้งเพราะยังโศกกับการอบรมของคุณย่า  ทั้งโมโหที่มีคนมาหัวเราะเยาะ  และทั้งกลัวที่หาคนคนนั้นไม่เห็น



    “ไงล่ะไอ้ลัก....ไปล้อเค้า....ร้องไห้ใหญ่แล้ว...เดี๋ยวไอ้ทองไปฟ้องย่าเราก็อดข้าวกันเท่านั้น”  คราวนี้เป็นอีกเสียงที่ฟังอ่อนโยนอบอุ่นกว่าอีกเสียงที่ยังหัวเราะไม่หยุด เสียงนี้ดังมาจากหลับเสาหินตั้งจานหินใบโตตรงหน้า



    “ใคร...ใครกัน...อย่ามาหลอกเรานะ  เราไม่กลัวหรอก..ออกมานะ...ออกมา”  เธอเดินมาถึงที่แล้วอ้อมมาดูว่ามีใครหมอบแอบอยู่ตรงฐานเสาหินหรือไม่....ไม่มี



    “ไอ้ตัวกวนมันไม่ออกมาหรอกหนู....” เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎตัวของเด็กชายอีกคน  ซึ่งคงไม่ใช่เจ้าของสองเสียงแรกเป็นแน่.....เจ้าของเสียงนั่งแทนที่ของป่อแก้ว ที่ม้านั่งที่ลุกมา



    “ไอ้มะยม กับไอ้จอมลักขโมยมันไม่ออกมาให้เห็นตัวง่ายๆ ร้อก....ขี้ขลาดออกอย่างนั้น...ดีแต่หัวเราะเยาะคนลับหลัง” คนที่เพิ่งแสดงตัวยังต่อว่าสองเสียงแรกต่อไป ขณะที่ปอแก้วได้แต่นั่งประหลาดใจกับทรงผมและการแต่งกายของคนตรงหน้า



    “เอ่อ...กระผมชื่อนิยมครบ...ได้คุณทองแดง....มิใช่มะยม”  เจ้าของเสียงปรากฎต่างขึ้นข้างหลังเด็กหญิงเมื่อไหร่ไม่รู้  ขณะเธอหันกลับไปมอง คนชื่อทองก็ต้องโอ๊ยออกมา



    “นี่แน่ะพ่อทองดำ...กระผมชื่อสมรักนะขอรับ...”



    “โอ๊ย...แน่จริงอย่ามารุมกันสิ...ตัวต่อตัวเคยกลัวที่ไหน...โอ๊ย....หยุด...อย่าดึงจุก....อย่า...”

    เมื่อปอแก้วหันกลับมาทางคนแรกที่โผล่มา ทางนี้กับมียื่นกันอยู่สามคนแล้ว เธอหันกลับไปหาอีกคนที่คิดว่าอยู่ข้างหลับแต่ก็ไม่เห็นตัว  หันกลับมาอีกทีคนที่มีผิวสีน้ำตาลเข้มก็กำลังจับคนผิวสีละอองทองดัดแขนไพล่หลังไว้ ขณะที่คนผิวสีเหลืองอ่อนกำลังตั้งหน้าตั้งตาจั๊กจี้ที่สะเอวและสีข้างของคนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงล้อม



    “นี่แน่ะ...นี่แน่ะ....ไหนใครขี้ขลาด...ใครหัวเราะคนอื่น...ไม่เคยหัวเราะใช่ไหม....หัวเราะไปเลยนะ...อย่าหยุด...อย่าหยุด...นี่แน่ะ..นี่แน่ะ...” ที่หันหลังให้ปอแก้วพูดไปก็ใช้นิ้วจี้สีข้างของอีกคนหนึ่งไปด้วย



    “โอย...โอย...พอ...พอเถอะนะ....คุณนิยม...คุณสมรัก....ไอ้ทองยอมแล้วครับ...ยอมแล้ว....โอย...โอย...” ไอ้ทองอ้อนวอนอย่างจะขาดใจ  สลับกับการหอบฮั่กๆ เพราะเหนื่อยกับการดิ้นรนและการถูกจี้ให้หัวเราะทั้งที่ไม่อยากขำสักนิด



    “พอ...พอได้แล้วนะ...พอเธอนี่นิสัยไม่ดีเลย...นอกจากหัวเราะเยาะคนอื่นแล้วยังชอบรังแกคนอ่อนแอกว่าด้วยเหรอ....”ไม่รู้น้ำตาของปอแก้วหายไปไหน  มันเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อเห็นใครถูกรังแก  ความเข้มแข็งจะกลับมาสู่เธอเสมอ แต่ทว่า



    “เอ๊ะ...เธอว่าใครอ่อนแอ....เราน่ะเหรอ....ฮ่ะ...ฮ่ะ...ฮ่ะ....เราน่ะนะอ่อนแอ...ดูนี่นะ..แม่คุณ”  คนถูกรัดเลิกดิ้นรน เขายืนนิ่ง ร่างที่มีสีละอองทองเหมือนจะเรื่อเรืองแสงขึ้นเรื่อยๆ จนดูคล้ายเป็นสีถ่านแดงๆ  จนคนที่รั้งแขนไว้ต้องรีบสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการสัมผัสตัวของ “ไอ้ทอง”  ขณะที่คนที่ชื่อสมรักก็ถอยหลังออกห่างสองสามก้าว



    “อ้าว.....ทำไมปล่อยให้เค้าแกล้งอยู่ตั้งนาน...”  ปอแก้วงง  ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเด็กผู้ชายสามคนนี้ต้องการจะมาสร้างความปั่นป่วนอะไรกับตนกันแน่



    “ก็ไม่ทำไมหรอกนะแม่หนู....แค่เราจะปล่อยให้เธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงนี้ไม่ได้”

    คนตัวเกือบๆ ดำบังอาจเรียกปอแก้วว่า “แม่หนู”



    “ชั้นไปเป็นแม่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่...” เด็กหญิงจึงย้อนเอาบ้าง



    “เอ๊ะ...ยัยเด็กขี้แย....เค้าช่วยให้เลิกร้องไห้แล้วยังจะมาทำยอกย้อน” คนที่ไม่อยากมีแม่เพิ่มทำท่าจะโวยวายหนัก  ดีที่คนผิวสีอ่อนนวลเหมือนยอดตอง  แทรกขึ้นมาเสียก่อน



    “เธอจะมานั่งในสวนฝัน เวลานี้ในวันนี้ไม่ได้นะปอแก้ว รีบกลับบ้านไปเสียก่อน”



    “ทำไมจะไม่ได้...นี่มันสวนของย่าฉัน....แล้วพวกเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำอะไรหรือไม่ทำอะไรด้วย”  เด็กหญิงกลับย้อนให้อย่างไม่คิดถึงน้ำใจของคนที่หวังดี ด้วยรู้สึกว่าตนกำลังถูกรุมกลั่นแกล้งจากกลุ่มเด็กผู้ชายที่เธอไม่รู้จัก  เรื่องอะไรจะต้องยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆ



    “เห็นไหมล่ะคุณลักมะยม...”



    “รัก กับ ยม เว้ยไอ้ทองแดง”  สองเสียงโวยเข้าใส่อีกคนพร้อมกัน



    “นั่นแหละๆ .....บอกแล้วไงให้เข้ามาปลอบเค้าดีๆ....เป็นไงล่ะโดนเด็กเมื่อวานซืนย้อนเข้าให้แล้วไหมเล่า”  



    “ใครเด็กเมื่อวานซืน.....พวกเธออายุเท่าไหร่กันมาว่าเราเป็นเด็กเมื่อวานซืน”



    “ช่างเถอะๆ  เธอรู้แล้วจะกลัวพวกเราไปเปล่าๆ....เราชื่อสมรัก...เรียกว่า รัก เฉยๆ ก็ได้ หรือว่าจะเรียกพี่รักก็ได้...เพราะเราอายุมากกว่าเธอ”  คนชื่อสมรักนี่คือคนที่มีผิวสีตองอ่อน จะมองว่าเป็นสีเหลืองนวลก็ไม่ได้เพราะทั้งตัวอมสีเขียวอ่อนๆ เรื่อๆ จางๆ ตลอดตัว



    “รู้ได้ยังไงว่าอายุมากกว่าเรา”  ปอแก้วยังพาล



    “เธออยากเรียก รัก ว่า ที่รักก็ได้นะตามใจเธอ” คราวนี้คนที่หน้าตาเหมือนกับ รัก เอ่ยขึ้นบ้าง  “ส่วนเราน่ะชื่อ นิยม...เรียก ยม เฉยๆ ก็ได้ แต่ห้ามเรียกว่า มะยม เด็ดขาด  เพราะนั่นมันชื่อไม่เรา....อย่าไปเอาอย่างคุณทองแดงมันนะปอแก้ว”  ที่จริงคนผิวเกือบดำนี่เวลาจะพูดกันดีๆ ก็มีน้ำเสียงที่น่าฟังไม่แพ้กันกับคนชื่อรักเหมือนกัน  จะว่าไปเสียงของทั้งสองคนคล้ายเป็นเสียงเดียวกันด้วยซ้ำ    



    เด็กหญิงจ้องมอง รัก  กับ  ยม อย่างไม่วางตา  เมื่อทั้งคู่ยืนเคียงกันแล้วทุกส่วนทั้งรูปร่างหน้าตาเหมือนกันอย่างไม่มีที่ติ มีเพียงสีผิวเท่านั้นที่ตัดกันดังฉับ  อดถามไม่ได้ว่า



    “เธอสองคนเป็นฝาแฝดกันเหรอ....แต่เอ....”  เธอทำท่าสงสัยออกนอกหน้า



    “อย่าแปลกใจไปเลยปอแก้ว.....คู่นี้เค้าแฝดคนละฝา...” ส่วนคนนี้ ก็คงรอจังหวะอยู่นานกว่าจะได้แทรกแนะนำตัวเองบ้าง



    “เราชื่อทองคำ....ไม่มีวาสนาจะได้เป็นคุณทองแดงหรอกนะ”



    คนนี้คือคนที่โดนรุม และหน้าตาไม่เหมือนอีกสองคน  ทองคำผิวสวย  อาจสวยกว่าผิวของปอแก้วด้วยซ้ำ เพราะปอแก้วผิวสีออกขาวอมชมพู แต่ทองคำมีผิวสีนวลระเรื่อ เวลาขยับตัวเหมือนจะมีประกายวิบวับด้วยซ้ำ



    ทั้งสามคนวัยไล่เลี่ยกับปอแก้วทั้งสิ้น  เธอจึงไม่คิดว่าจะเรียกใครว่าพี่ได้เป็นแน่  พอคิดจะเอ่ยปากแนะนำตัวบ้าง ก็นึกขึ้นได้ว่าทุกคนล้วนรู้จักชื่อตนหมดแล้ว



    “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นเรียกเราว่าปอ...ก็ได้....หรือ....จะเรียกเราว่าพี่ปอก็ได้นะ”  เด็กหญิงอารมณ์ดีขึ้นมาก ลืมไปแล้วว่าเพิ่งโดนคุณย่าอบรมมาหมาดๆ แล้วก็ลืมไปอีกว่าทั้งสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าโผล่มาจากไหน โผล่มาได้อย่างไร



    “เอาเถอะ...เมื่อหยุดร้องไห้ได้แล้วก็รีบออกไปจากตรงนี้ซะก่อนที่ประตูจะเปิด...ไปสิ...รีบไปเสียเดี๋ยวนี้เลยปอแก้ว”  รัก สรุป และเกือบจะฟังเหมือนกำลังไล่ให้ปอแก้วออกไปจากตรงนี้



    “ทำไมต้องไล่เราด้วย....ประตูก็เปิดอยู่....แล้วประตูอะไรจะเปิดอีกล่ะ” แต่เด็กหญิงเข้าใจว่าตนโดนไล่เสียแล้ว โดนไล่อย่างไม่สมเหตุสมผลเสียด้วย



    “ก็ประตู...อุ๊บ...อะไรไอ้รักยม...เจ็บนะ”  ทองไม่ทันได้บอกว่าประตูอะไรก็โดนมือของอีกสองคนตะปบอุดปากเสียกัน มันเร็วและแรงจนเหมือนถูกตบปากมากกว่า



    “เถอะนะแม่คุณ หรืออยากจะได้อะไรตรงนี้ก็บอก...จะเอาอะไร..แล้วจะได้รีบๆ ไปซะที่ พวกเรามีธุระภาระต้องทำอีกแยะนะวันนี้”  ยม คงรำคาญปอแก้วเต็มที จึงหันไปหักกิ่งกุหลาบพวงสี่ห้ากิ่งแล้วพันด้วยใยอะไรสักอย่างจนเป็นช่อกุหลาบค่อนข้างสวย แล้วยื่นให้เด็กหญิง



    “มาให้เราทำไม...เราไม่ได้ขอสักหน่อย.....อะไรมาหักกิ่งมันทำไมน่าสงสาร” เธอกอดอกยืนนิ่งไม่ยินดียินร้ายกับกุหลาบหลากสีที่กำลังบานส่งสีสดสวย



    “อุวะ...จะเอายังไงกันแน่ไม่คุณ....ไม่เอาใช่ไหม....ไม่เอาก็ไม่ให้”  แล้วคนเด็ดก็แยกทีละกิ่งจากช่อในมือ ปักคืนไปที่ปลายกิ่งที่หักออกมาจนครบ  มันต่อกลับคืนไปเหมือนไม่เคยถูกใครเด็ดมาก่อน  “เอ้า.....เหมือนเดิมแล้ว....พอใจหรือยังล่ะจ๊ะ”  



    ขณะที่ปอแก้วยังงงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า  ทองคำก็หัวเราะคิก ส่วนสมรักก็เอาข้อศอกกระทุ้งที่สีข้างของแฝดคนละฝา กระซิบเบาๆ อย่างไว้หน้า “คือ...มันยังไม่เหมือนเดิมอะนะยม....คือ.....เอ่อ...ดูดิ”  พลางชี้ไปที่ต้นกุหลาบ



    กุหลาบดอกใหญ่เท่าฝ่ามือของปอแก้ว มีหลายสีแต่ละต้นก็มีแต่ละสี  แต่ต้นที่เพิ่งถูกเด็ดและต่อกับเข้าไปใหม่กลับไม่ใช่อย่างนั้น  ดอกสีแสดบานอยู่บนต้นที่ดอกอื่นสีชมพู  ส่วนดอกสีชมพูก็ไปบานกลางกลุ่มดอกสีเหลืองอ่อน  สีเหลืองอ่อนเด่นอยู่กลางหมู่ดอกสีแดง   “อ้าว...เฮ้ย...” ยมอุทานเสียงดังอย่างเขินระคนโมโหตัวเอง “ทำไงดีล่ะรัก....จะหักมาต่อใหม่ก็ไม่ได้แล้ว  ถ้าคุณย่ามาเห็นรู้ว่าหักดอกไม้ของท่าน  เราสามคนมีหวังอดข้าวอดน้ำไปสามวัน”



    “ทำไมต้องขึ้นพวกด้วยล่ะไอ้คุณยม....ผมไม่เกี่ยวนะขะรับ”  ทองคำรีบออกตัว



    “เถอะน่ะ  พี่ทองนพคุณ  นึกว่าเห็นใจลูกนกลูกกา  ขอยืมขี้ไคลใช้หน่อยน่ะ”



    ไม่ทันที่ทองคำจะหลบพ้นก็โดนรักกับยมรั้งตัวไว้อีกครั้ง  โดยยมออกแรงถูที่ต้นแขนของทองแดงอย่างไม่ปรานีจนละอองสีทองร่วงพราวกระจายไปตกลงบนต้นกุหลาบที่เกิดอาการผิดสีผิดดอกผิดที่ผิดทาง  ทันทีที่ละอองทองแตะกลีบของดอกที่มีสีแปลกกว่าต้นเดิม  ทั้งดอกก็ค่อยกลายเป็นสีใสเหมือนแก้วไล่จากไปปลายกลีบไปจนโคน  แล้วก็กลับเป็นสีต้นเดิมไล่กลับขึ้นมาจนเต็มเหมือนเดิม  ขั้นตอนทั้งหมดจะกินเวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะปอแก้วมัวแต่ตะลึงกับสิ่งที่เด็กชายทั้งสามกระทำ โดยไม่สนใจเลยว่ามีเธอยืนอยู่ด้วย



    “เอ่อ....พวกเธอทำได้ยังไงกันน่ะ....”  เด็กหญิงพึมพำออกมาอย่างไม่ตั้งใจ



    “เฮ่ย...ตายหละ....มัวแต่เล่น....พวกเราเล่นกลให้เธอดูน่ะปอแก้ว”  รักรีบแก้ตัวแทนอีกสองคน  “อย่าไปบอกคุณย่านะ....แล้วเราจะสอนให้”  พร้อมข้อเสนอน่าสนใจ  และรีบปล่อยมือจากทองคำ  



    “ไม่ต้องรอให้ปอแก้วฟ้องหรอก  เดียวผมจะไปฟ้องเองเดี๋ยวนี้แหละ...ดูสิเนื้อแห่วงไปเป็นแถบ”  ทองรูปแขนป้อย  เนื้อที่ต้นแขนแหว่งไปจริงๆ



    “โธ่...ทองก็ทำเป็นเด็กไปได้...แผลแค่นี้เป่าเพี้ยงเดียวก็หาย...เอ้า....เพี้ยง”  รักเป่าลมแรงๆไปที่แผลของทอง แล้วเนื้อทองก็ค่อยคืนกลับเป็นเหมือนเดิมทุกประการ  ทองถอนหายใจอย่างโล่งอก



    “เอ่อ...ถ้า...รัก...รักใช่ไหม...ถ้ารักแค่เป่าแล้วรักษาได้...ทำไมต้องใช้ขี้ไคล...หรือว่าเนื้อของทองเค้าโปรยลงที่ดอกไม้ด้วยล่ะ...ทำไมรักไม่เป่าเพี้ยงเดียวก็กลับเป็นสีเดิม”  คงเป็นธรรมชาติของเด็กเองกระมังที่ไม่คิดอะไรซับซ้อนมากไปกว่าภาพที่ปรากฎตรงหน้า  ปอแก้วเปลี่ยนจากความประหลาดใจเป็นการให้ความเห็นอย่างที่เธอคิดว่าควรจะเป็น



    “ไม่เหมือนกันหรอกนะปอ....เนื้อทองของพ่อทองคำเค้าเนรมิตให้อะไรเป็นอะไรก็ได้  แม้เค้าจะหวงเนื้อหวงตัวนักหนาก็เถอะ  ส่วนเราทำได้แค่เร่งให้รักษาหรือซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง......ส่วนพ่อยมเค้าตัดต่อหรือปรับเปลี่ยน  ถ้าเป็นสิ่งของน่ะวันละกี่หนก็ได้ แต่ถ้าสิ่งมีชีวิต เค้าทำได้แค่วันละครั้ง”  รักผู้มีผิวสีตองอ่อนอธิบายยืดยาว ให้เด็กหญิงที่ยืนทำตาปริบๆ ฟังอย่างฉงนสนเท่ห์เต็มที่



    “ปอแก้ว..ปอแก้ว  มาอยู่นี่เอง คุณย่าให้หาแน่ะ  อุ๊ยวันนี้คืนเดือนเพ็ญนี่นา....เรารีบออกจากตรงนี้ก่อนประตูจะเปิดดีกว่านะปอแก้ว”  ผู้เข้ามาใหม่คือเด็กหญิงอีกคนที่ปอแก้วเพิ่งรู้จักเมื่อมื้อกลางวันนี่เอง  แล้วก็เป็นต้นเหตุให้เธอต้นถูกคุณย่าเรียกเข้าไปอบรมเมื่อตอนบ่ายหลังจากชวนกันไปเล่นน้ำที่ศาลาท่าน้ำหน้าบ้านแล้วมีงูน้ำตัวใหญ่โผล่ตัวออกมาจากกระไดจนทั้งคู่วิ่งหนีขึ้นบ้านจนน้ำเปียกบ้านไปเป็นทาง   ปอแก้วไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณย่าอนุญาตให้ตนออกมาจากตรงนั้นแล้ว  เพื่อนใหม่คนนี้โดนอบรมอีกนานแค่ไหน  



    “ดูนั่นสิ  จานน้ำนกมีน้ำพุผุดขึ้นมาแล้ว....เร็วเถอะปอแก้วออกไปกันก่อน”  



    เด็กหญิงหันไปมองจานหินที่เรียกว่า “จานน้ำนก” มันกำลังมีน้ำใสๆ ผุดขึ้นมาจากตรงกลางจริงๆ  แต่เด็กผู้ชายทั้งสามคนนั้นหายไปแล้ว  ในหัวของเธอจึงมีคำถามว่า ทำไม ทำไม ทำไม เต็มไปหมด  แล้วก็มีเสียงกระซิบที่ข้างหูเบาๆ



    “ออกไปก่อนเถิดนะปอแก้ว..พวกเราเสร็จธุระแล้วจะไปหา....”  



    ปอแก้วไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของ รัก หรือ ยมกันแน่  แต่ยอมทำตามแต่โดยดี  เตรียมหันหน้ากลับออกไปทางซุ้มประตูไม้เตี้ยแค่อกตน  “ไปกันเถอะฝน”  เธอเรียกเพื่อนใหม่  



    ฝนกำลังใช้ปลายนิ้วแตะเบาๆ ที่กลีบกุหลาบดอกหนึ่ง แล้วก็มีละอองสีทองติดนิ้วขึ้นมา  คนมาตามหันไปยิ้มให้ปอแก้ว ก่อนจะพยักหน้า  แล้วจูงมือกันออกจากซุ้มประตู “สวนฝัน”



    ปอแก้วยังได้ยินเสียง กระซิบกระซาบอย่างวิตกกังวลของอีกสามคน  “ทำไงดีล่ะ...ยัยฝอยฝนช่างฝอยต้องเอาไปฟ้องคุณย่าแน่ๆ เลย....อด..อด...อดข้าวอดน้ำไปสามวันแน่เกลอเอ๋ย”  ขณะที่คนที่จูงมือเดินไปด้วยกันนั้นหัวเราะหึหึอยู่ในคออย่างสุขใจ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×