ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Nightmare of Star Village

    ลำดับตอนที่ #1 : เขี้ยวที่ 1 ฝันร้าย!!

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 48


              

              กรี๊ด!!



              ค่ำคืนที่เงียบสงบของหมู่บ้านแห่งดวงดาวถูกทำลายลงด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งบัดนี้ร่างของเธอชุ่มโชกไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากรอยกัดที่คอ ดวงตาของเธอเบิกค้าง ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงหลุดจากมือของชายร่างใหญ่ที่ยกเธอจนลอยเหนือพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียว



              “เกิดอะไรขึ้น!!”



              “มีคนถูกฆ่าที่ท้ายหมู่บ้าน รีบไปดูกันเถอะ!”



              “จูเลียตายแล้ว รีบไปตามท่านผู้เฒ่ามาเร็ว!!”



              กรี๊ด!!



              เสียงโหวกเหวกโวยวายของชาวบ้านที่ทยอยออกมาจากเคหะสถานหลังจากได้ยินเสียงสุดท้ายของหญิงสาวเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นศพเท่านั้นพวกผู้หญิงที่ขวัญอ่อนต่างก็กรีดร้อง บ้างก็เป็นลมล้มพับไป ส่วนคนที่รู้จักผู้ตายก็ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด เนื่องจากที่นี่ไม่มีใครถูกฆ่ามานานมากแล้ว



              “ถอย ๆ หลีกทางหน่อยท่านผู้เฒ่ามาแล้ว!” ชายหนุ่มหลายคนได้เดินฝ่าคลื่นฝูงชนเข้ามาเพื่อแหวกเส้นทางให้ชายแก่คนหนึ่งที่มีหนวดเครายาว ทั้งผมและหนวดเคราทุกเส้นเป็นสีขาวเนื่องจากถูกย้อมด้วยกาลเวลา ทันทีที่ผู้เฒ่าได้เผชิญหน้ากับผู้ที่เพิ่งฆ่าคนไปหมาด ๆ ผู้เฒ่าก็เกิดอาการกลัวจนแทบจะยืนไม่อยู่ทันที



              “เห...คาสะหรือนี่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นายดูแก่ขึ้นจมเลยนี่” ผู้ที่มือเปื้อนเลือดเดินก้าวออกมาจากมุมมืดของถนน ทำให้ทุกคนได้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลา ผมยาวสีดำพลิ้วไหวไปตามลม เสื้อโค๊ทสีขาวที่เขาสวมอยู่เปื้อนเลือดเขาจ้องมองมาที่ผู้เฒ่าคาสะด้วยดวงตาสีแดงฉาน ก่อนจะทักทายราวกับว่าเป็นคนรุ่นเดียวกัน



              “อ...เอริเซ่!! ไม่จริง!! แกตายไปแล้วนี่” คาสะพูดด้วยน้ำเสียงพรั่นพรึง



              “ตายเหรอ  แค่หลับไปเท่านั้นแหละ หลับไปเพื่อความงดงามอันเป็นนิรันดร์ ฮ่า ๆ ๆ” เอริเซ่หัวเราะราวกับคนบ้า



              “ตอนนี้! ถึงเวลาที่จะตอบแทนพวกที่ทำให้ชั้นหลับแล้ว ออกมาได้แล้วพวกเด็ก ๆ” เอริเซ่ผายมือไปยังป่าด้านหลัง ก็ปรากฎเงามืดจำนวนมากบินออกมาจากป่าจนเต็มไปทั่วทั้งฟ้า เงานั่นมีรูปร่างเป็นคนแต่ว่ามีปีกเหมือนค้างคาว



              เหตุการณ์เริ่มกลายเป็นความโกลาหลเมื่อผู้ที่บินอยู่บนฟ้าเริ่มร่อนลงมาไล่กัดและดูดเลือดคนเบื้องล่าง



              กรี๊ด!!



              “ตัวอะไรเนี่ย เอามันออกไป!!”



              ชาวบ้านเริ่มล้มตายไปทีละคนสองคน พวกเขาถูกสูบเลือดจนร่างกายเหี่ยวแห้ง แต่ว่าพวกมันหาได้มีท่าทีว่าจะอิ่มไม่ พวกมันยังคงไล่สูบเลือดชาวบ้านต่อไป บัดนี้ผู้ที่เผชิญหน้ากับเอริเซ่เหลือเพียงคาสะคนเดียวเท่านั้น



              “แก!! แกคิดจะทำอะไรกันแน่”



              “นายคงแก่จนเลอะเลือนไปแล้ว ก็วันฮาโลวีนพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ผนึกคลายออกไงล่ะ จะว่าไปวันนี้มันก็เริ่มคลายออกไปหนึ่งในสี่ส่วนแล้วล่ะ หลังจากคืนนี้ไปหมู่บ้านนี้ก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์ ฮ่า ๆ ๆ”



              “ข้าไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นหรอก” คาสะยกไม้เท้าขึ้นเตรียมพร้อมต่อสู้หากอีกฝ่ายก้าวเข้ามา



              “แต่ข้าไม่อยากสู้กับเพื่อนเก่าหรอกนะ จัดการกับลูกน้องข้าให้ได้ก่อนละกันค่อยคิดจะจัดการกับข้าน่ะ ฮ่า ๆ ๆ” ร่างของเอริเซ่ค่อย ๆ เลือนหายไป สมุนปีศาจตัวหนึ่งเห็นชายแก่กำลังยืนอยู่คนเดียวก็บินปรี่เข้าไปเพื่อหวังจะสูบเลือด



              เปรี้ยง!!



              เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ร่างของเจ้าปีศาจตัวนั้นก็หัวระเบิดกลายเป็นเศษเนื้อร่วงลงต่อหน้าคาสะนั่นเอง ชายแก่หันไปยังทิศทางที่กระสุนพุ่งมาก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อโค๊ทยาวสีดำ หมวกคาวบอยที่เขาสวมนั้นทำให้คาสะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเค้าได้ ชายคนนั้นกำลังอยู่ในท่าเล็งปืนมาทางชายแก่ ควันที่ยังออกมาจากกระบอกปืนทำให้คาสะรู้ว่าเขาเป็นคนสังหารปีศาจเมื่อครู่



              “โชว์ฟอร์มคนเดียวเลยนะเอล” ชายอีกคนหนึ่งเดินมาจากด้านหลังชายที่ชื่อเอล เขาสวมผ้าคลุมยาวในมือของเขาถือกล่องกีต้าร์ไว้ทั้งสองข้าง



              “เริ่มเพลงส่งวิญญาณได้!!” เขาโยนกล่องกีต้าร์ในมือซ้ายลงที่พื้นอย่างไม่ใยดี ส่วนกล่องในมือขวานั้นเขากดอะไรบางอย่างตรงข้างกล่องทำให้กล่องนั้นสาดกระสุนออกมาจำนวนมากไม่ต่างอะไรกับปืนกล กระสุนทุกนัดพุ่งเข้าใส่พวกปีศาจที่บินอยู่อย่างแม่นยำแม้เขาจะไม่ได้เล็งเลยก็ตามจนพวกมันร่วงเป็นห่าฝน เมื่อพวกปีศาจเห็นดังนั้นจึงหยุดโจมตีชาวบ้านหันมาโจมตีชายทั้งสองแทน



              “ตานายแล้วเอล” ชายที่มาใหม่บอกเพื่อนซึ่งยังยืนนิ่งอยู่ ทำให้เอลก้าวไปข้างหน้าในขณะที่พวกปีศาจกรูกันเข้ามากางกรงเล็บเตรียมจะฉีกร่างของเขา



              เอลรอจนพวกปีศาจรุมกันเข้ามาใกล้จนระยะห่างจากตัวเขากับปีศาจมีไม่ถึงเมตร ฟุ่บ!! ตาข่ายขนาดใหญ่ถูกยิงออกมาจากหลังมือของเอล ตาข่ายนั้นกวาดพวกปีศาจทั้งหมดตรึงไว้กับพื้น



              “กี๊ซซซ!!

        

              นี่มันตาข่ายชุบน้ำมนตร์” พวกปีศาจเริ่มร้องครวญครางเมื่อสัมผัสกับตาข่าย ในขณะที่เอลได้เดินขึ้นไปเหนือกองปีศาจพร้อมกับหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นระเบิดซีโฟว์อัดแท่งจำนวนสิบแท่งถูกมัดเข้ากับขวดใบหนึ่งที่บรรจุน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่เต็มเปี่ยม เขาจุดชนวนระเบิดด้วยบุหรี่ที่เขาสูบอยู่ แล้วยัดระเบิดลูกนั้นเข้าไปในปากปีศาจตัวที่ใกล้ที่สุดก่อนจะเดินลงมาจากกองปีศาจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นน..........



              ตู้ม!!!!



              เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว หลังจากฝุ่นจากการระเบิดจางลง ไม่เหลือร่างของปีศาจเลยสักตัว หลังจากจัดการกับปีศาจเสร็จ ชายหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาแนะนำตัวกับคาสะ



              “ข้า เอล มาริอาชี่ นักบวชในคริสต์จักร ได้รับคำสั่งให้มากำจัดปีศาจที่นี่” เอลเหลือบมองไปยังศพชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ “ดูเหมือนข้าจะมาช้าไปนิดนึง”



              “ส่วนข้ารอนนี่ ฮาซาร์ด เป็นสาวกของพระเจ้าเช่นเดียวกัน”



              “คงต้องให้ท่านเล่าประวัติของเจ้าตัวหัวหน้าแล้วล่ะ ถ้าไม่รู้ภูมิหลังมันบ้างก็คงกำจัดมันยาก” รอนนี่พูดขึ้น



              “ถ้าเช่นนั้นก็ตามข้ามา” คาสะพูดก่อนจะเดินนำทั้งสองไปยังท้ายหมู่บ้านอย่างเร่งรีบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×