ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ขันทีที่ขันไม่ออก
ถึงแม้ว่าคุณจะเคยเห็นพวกขันทีมาทำท่ากระตุ้งกระติ้งเรียกเสียงฮาในหนังจีนหลายๆ เรื่อง
แต่จริงๆ แล้วชีวิตขันทีนั้น ช่างรันทดเหลือหลาย ในเมืองจีน เดิมถือว่าการเป็นขันทีคือการลงโทษประเภทหนึ่ง
แทนการประหารชีวิตให้ดับดิ้น แต่ไม่ค่อยมีใครสิ้นคิดยอมโดนเจี๋ยน เพราะรู้สึกอับอายชาวบ้านเหลือทน
ไปๆ มาๆ คนพวกนี้กลับได้รับคัดเลือกให้เข้าไปรับใช้ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ฮ่องเต้
จนถึงกับมีขันทีที่สมัครใจมาให้เจี๋ยนแบบ ไม่ต้องรอสอบจอหงวนให้เสียเวลา
เหตุที่ฮ่องเต้นิยมใช้ขันทีเพราะคิดว่าคนที่ไม่มีลูกเมียคงไม่ต้องการสมบัติ
แต่ที่สำคัญสุดคงไม่ไปยุ่งกับนางสนมของพระองค์แน่
(แล้วกับพระโอรสล่ะ จะเหลือเหรอ???)
อันว่าวิธีการเป็นขันทีนั้น จะเริ่มผ่าตัดโดยใช้คนจับแขน จับขา และจับเอว
พูดง่ายๆ ว่าขึงพืดให้ร่างกายอยู่นิ่งกับเตียงมากที่สุด
เกิดกลัวเจ็บแล้วเปลี่ยนใจก็คงสายไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่างานนี้หมอซาดิสต์หรือเทคโนโลยีการแพทย์ยังไม่ถึงขั้น
การเจี๋ยนถึงไม่ต้องมีการโปะยาสลบกันล่ะ ฉันเดาว่าอาจต้องเอาผ้ายัดปาก
ไม่ให้ว่าที่ขันทีร้องโหยหวนเหมือนบัฟฟาโร่ถูกเชือด
เดี๋ยวชาวบ้านเขาแตกตื่นนึกว่ามีการฆ่ากันตายเกิดขึ้น
หมอจะใช้มีดรูปเคียวตัดและกรีดลูกอัณฑะออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ต้องห้ามเลือดและฆ่าเชื้อกันแผลอักเสบ
โดยใช้กระดาษบางๆ แช่เหล้าผสมพริกไทย ปิดไว้หลายๆ ชั้น
(ซี๊ดสุดๆ คงเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนถูกคว้านซะอีก)
ทีนี้คงอยากรู้กันสิว่าแล้วสัญลักษณ์ความเป็นชายจะเอาไปทำหยัง
เอาไปปั่นมูลิเน็กซ์ ทิ้งชักโครก หรือเป็นเมนูเด็ดให้เป็ดกิน
แบบนี้คงเป็นที่สะเทือนใจขันทีอยู่ไม่น้อย หมอจึงดองอัณฑะที่ถูกตัดออกมาไว้ในขวดโหล
เพื่อให้ลูกค้าตนเอาไปเป็น resume สมัคร งานเป็นขันที
ฟันธงกันชัดๆ ไปเลยว่าชาตินี้หมดโอกาสปล้ำมเหสีหรือพระสนมแน่แล้ว
แต่ที่ลืมไม่ได้เลย คือตอนตายต้องเอาขวดนี้ใส่ไปในโลงด้วย
เชื่อว่าไม่งั้นชาติหน้าจะเกิดมากลายเป็นลาตัวเมีย
ส่วนถ้าใส่ไปแล้ว ชาติหน้าจะเกิดมาเป็นไมเคิล แจ็กสันหรือเปล่า อันนี้ข้อมูลไม่ได้ระบุ
   
ที่เราเห็นๆ กันในหนังจีนว่าขันทีบางคนจะมีอำนาจล้นฟ้าสะท้านพสุธา
สามารถชักใยอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
ของฮ่องเต้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแท้จะถูกชายเทียมครอบงำเอาได้
อาจด้วยเป็นเพราะไว้ใจเกินไป หรือเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวก็มิอาจทราบ ได้
ไม่ว่าจะโลภระเริงอำนาจไปถึงไหน แต่สุดท้ายขันทีก็ต้องปลดเกษียณไปตอนอายุ 70 ปี
แล้วต้องไปย้ายอยู่ที่ศาลาขันทีรอวันตาย แบบที่มีเบี้ยเลี้ยงบำนาญให้ตลอดชีวิต
ดีกว่าบ้านบางแคหน่อยนึง พอถึงยุคที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองไร้จักรพรรดิ
ขันทีเลยสูญพันธุ์ตามความเป็นชายของตนที่หายไปนานแล้ว
       
ในแวดวงโฆษณาที่ฉันทำอยู่ก็มีชาวเกย์ระริกระรี้อยู่ทุกหัวระแหง
(จะใช่ขันทีเวอร์ชั่นใหม่หรือไม่ มิอาจทราบได้)
ขอสารภาพตามตรงว่ามิได้รังเกียจพวกหล่อนเลย
ขอนับถือในฝีมือเข้าให้ด้วย ดีซะอีกที่ช่วยสร้างสีสันในการทำงาน
แต่ยังไงก็ตามถ้าจะให้เลือกได้เป็นคนมีอำนาจ แล้วต้องถูกเจี๋ยนเป็นขันที
ไอ้ฉันขอทำงานหนักเยี่ยงทาสเหมือนเดิมดีกว่า
เพราะคติประจำใจฉันคือชอบขัน หลายที ขันทีเดียวมันไม่พอหรอก...ฮิฮิ
       
โลกเรานี้ยังเคยมีคนอีกกลุ่มที่ต้องถูกเฉือนของรักของหวงไปแบบไม่ปรานี
คือพวกเด็กชายที่ทำหน้าที่ีขับร้องบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ณ สำนักวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี พูดง่ายๆ ว่าจะถูกตอนเพื่อไม่ให้เสียงแตกห้าวตามประสาชายหนุ่ม
แต่หลังจากปี ค.ศ. 1890 เป็นต้นมา กฎหฤโหดนี้ก็ถูกยกเลิกไป
แต่จริงๆ แล้วชีวิตขันทีนั้น ช่างรันทดเหลือหลาย ในเมืองจีน เดิมถือว่าการเป็นขันทีคือการลงโทษประเภทหนึ่ง
แทนการประหารชีวิตให้ดับดิ้น แต่ไม่ค่อยมีใครสิ้นคิดยอมโดนเจี๋ยน เพราะรู้สึกอับอายชาวบ้านเหลือทน
ไปๆ มาๆ คนพวกนี้กลับได้รับคัดเลือกให้เข้าไปรับใช้ใกล้ชิดเชื้อพระวงศ์ฮ่องเต้
จนถึงกับมีขันทีที่สมัครใจมาให้เจี๋ยนแบบ ไม่ต้องรอสอบจอหงวนให้เสียเวลา
เหตุที่ฮ่องเต้นิยมใช้ขันทีเพราะคิดว่าคนที่ไม่มีลูกเมียคงไม่ต้องการสมบัติ
แต่ที่สำคัญสุดคงไม่ไปยุ่งกับนางสนมของพระองค์แน่
(แล้วกับพระโอรสล่ะ จะเหลือเหรอ???)
อันว่าวิธีการเป็นขันทีนั้น จะเริ่มผ่าตัดโดยใช้คนจับแขน จับขา และจับเอว
พูดง่ายๆ ว่าขึงพืดให้ร่างกายอยู่นิ่งกับเตียงมากที่สุด
เกิดกลัวเจ็บแล้วเปลี่ยนใจก็คงสายไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่างานนี้หมอซาดิสต์หรือเทคโนโลยีการแพทย์ยังไม่ถึงขั้น
การเจี๋ยนถึงไม่ต้องมีการโปะยาสลบกันล่ะ ฉันเดาว่าอาจต้องเอาผ้ายัดปาก
ไม่ให้ว่าที่ขันทีร้องโหยหวนเหมือนบัฟฟาโร่ถูกเชือด
เดี๋ยวชาวบ้านเขาแตกตื่นนึกว่ามีการฆ่ากันตายเกิดขึ้น
หมอจะใช้มีดรูปเคียวตัดและกรีดลูกอัณฑะออกไปอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ต้องห้ามเลือดและฆ่าเชื้อกันแผลอักเสบ
โดยใช้กระดาษบางๆ แช่เหล้าผสมพริกไทย ปิดไว้หลายๆ ชั้น
(ซี๊ดสุดๆ คงเจ็บปวดยิ่งกว่าตอนถูกคว้านซะอีก)
ทีนี้คงอยากรู้กันสิว่าแล้วสัญลักษณ์ความเป็นชายจะเอาไปทำหยัง
เอาไปปั่นมูลิเน็กซ์ ทิ้งชักโครก หรือเป็นเมนูเด็ดให้เป็ดกิน
แบบนี้คงเป็นที่สะเทือนใจขันทีอยู่ไม่น้อย หมอจึงดองอัณฑะที่ถูกตัดออกมาไว้ในขวดโหล
เพื่อให้ลูกค้าตนเอาไปเป็น resume สมัคร งานเป็นขันที
ฟันธงกันชัดๆ ไปเลยว่าชาตินี้หมดโอกาสปล้ำมเหสีหรือพระสนมแน่แล้ว
แต่ที่ลืมไม่ได้เลย คือตอนตายต้องเอาขวดนี้ใส่ไปในโลงด้วย
เชื่อว่าไม่งั้นชาติหน้าจะเกิดมากลายเป็นลาตัวเมีย
ส่วนถ้าใส่ไปแล้ว ชาติหน้าจะเกิดมาเป็นไมเคิล แจ็กสันหรือเปล่า อันนี้ข้อมูลไม่ได้ระบุ
   
ที่เราเห็นๆ กันในหนังจีนว่าขันทีบางคนจะมีอำนาจล้นฟ้าสะท้านพสุธา
สามารถชักใยอยู่เบื้องหลังราชบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
ของฮ่องเต้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าชายแท้จะถูกชายเทียมครอบงำเอาได้
อาจด้วยเป็นเพราะไว้ใจเกินไป หรือเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวก็มิอาจทราบ ได้
ไม่ว่าจะโลภระเริงอำนาจไปถึงไหน แต่สุดท้ายขันทีก็ต้องปลดเกษียณไปตอนอายุ 70 ปี
แล้วต้องไปย้ายอยู่ที่ศาลาขันทีรอวันตาย แบบที่มีเบี้ยเลี้ยงบำนาญให้ตลอดชีวิต
ดีกว่าบ้านบางแคหน่อยนึง พอถึงยุคที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองไร้จักรพรรดิ
ขันทีเลยสูญพันธุ์ตามความเป็นชายของตนที่หายไปนานแล้ว
       
ในแวดวงโฆษณาที่ฉันทำอยู่ก็มีชาวเกย์ระริกระรี้อยู่ทุกหัวระแหง
(จะใช่ขันทีเวอร์ชั่นใหม่หรือไม่ มิอาจทราบได้)
ขอสารภาพตามตรงว่ามิได้รังเกียจพวกหล่อนเลย
ขอนับถือในฝีมือเข้าให้ด้วย ดีซะอีกที่ช่วยสร้างสีสันในการทำงาน
แต่ยังไงก็ตามถ้าจะให้เลือกได้เป็นคนมีอำนาจ แล้วต้องถูกเจี๋ยนเป็นขันที
ไอ้ฉันขอทำงานหนักเยี่ยงทาสเหมือนเดิมดีกว่า
เพราะคติประจำใจฉันคือชอบขัน หลายที ขันทีเดียวมันไม่พอหรอก...ฮิฮิ
       
โลกเรานี้ยังเคยมีคนอีกกลุ่มที่ต้องถูกเฉือนของรักของหวงไปแบบไม่ปรานี
คือพวกเด็กชายที่ทำหน้าที่ีขับร้องบทเพลงสรรเสริญพระเจ้า
ณ สำนักวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี พูดง่ายๆ ว่าจะถูกตอนเพื่อไม่ให้เสียงแตกห้าวตามประสาชายหนุ่ม
แต่หลังจากปี ค.ศ. 1890 เป็นต้นมา กฎหฤโหดนี้ก็ถูกยกเลิกไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น