ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มนักบู๊กับสาวสู้สุดใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ~~เปิดฉาก~~ตำราบู๊ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 48


    ชั้นชื่อ คังจีวุน  อาศัยอยู่กับแม่(จอมโหด) พ่อชั้นเสียไปเมื่อสามปีก่อน แม่จึงรับหน้าที่ดูแล



    ชั้นตั้งแต่นั้นมา   ปีนี้ชั้นได้ย้ายกลับมาบ้านเกิดที่เมืองX และย้ายมาเข้าโรงเรียนมอปลายที่นี่ด้วย  



    พูดถึงเรื่องเรียนชั้นไม่ได้เรื่องหรอก ไม่ว่าจะเป็นวิชาพื้นฐานหรือวิชาเสริมก็ตาม  



    คำพูดที่ชั้นมักจะพูดติดปากอยู่เสมอก็จึงไม่พ้นคำว่า\"ชั้นนี้มันโง่จริงๆ” ถึงจะเป็นคำพูดที่ดูเหมือน



    จะตัดพล้อตัวเองไปซักหน่อยแต่มันก็คือตัวตนที่แท้จริงของชั้นและชั้นก็ยังคงมีความสุขอยู่กับแม่ที่



    ออกจะโหดไปซักหน่อยและการเรียนที่ไม่ได้เรื่องของชั้นก็ตาม เพราะแม่ไม่เคยต่อว่าเรื่องพวกนี้กับชั้นนัก



    เพียงแต่แม่มักจะบอกเชิงเป็นกำลังใจให้ชั้นเมื่อรู้ผลสอบของชั้นในแต่ละปีว่า “การเรียนของแก่วันนี้



    ไม่ได้ตัดสินเรื่องในอนาคตของแก่ไปทั้งหมดทุกเรื่อง เพียงแต่แก่พยายามให้ถึงที่สุด เป็นพอ..แต่!แก่เองก็ต้องสัญญา



    กับชั้นก่อนว่าพอแก่โตมาห้ามแก่ไปทำงานจับกังเด็ดขาด! เพราะถ้าชั้นรู้ว่าแก่ไปทำงานให้คนอื่นงกๆๆทุกวัน



    แก่ไม่ต้องกลับบ้านมาให้ชั้นเห็นหน้าเป็นอันขาด” แม่จะพูดอย่างนี้ทุกครั้งที่ทางโรงเรียนแจ้งผลสอบมา



    การที่แม่ไม่ได้คาดหวังเรื่องการเรียนของชั้นนักชั้นจึงไม่ซีเรียสเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ให้รกสมองของชั้นหรอก



    โรงเรียนสหที่แม่ส่งชั้นมาเรียนเป็นโรงเรียนขนาดกลางไม่ใช่โรงเรียนประจำจังหวัดอย่างที่ชั้นเคยเรียนมา



    แต่ชั้นเองก็ไม่ได้พิสวาทโรงเรียนเก่าของชั้นนักหรอก โรงเรียยนที่มีแต่คนอวดดีทำตัวเป็นคุณหนูสุด



    ไฮโซเอารถโก้ๆมาอวดกันทุกวันอย่างนั้น แม่เองก็คงรู้ดีและเห็นใจชั้นที่ต้องทนอยู่กับคนพวกนั้นทุกวัน



    และต้องใช้ความพยายามสูงในการเรียนให้ได้เกรดดีๆทุกเทอม เพราะอย่างที่ชั้นเคยบอกว่า”ชั้นนี้มันโง่จริงๆ”



    แต่เชื่อใช่มั๊ยหละว่าทุกอย่างล้วนมีสิ่งที่ดีอยู่ในตัวเหมือนกันต่างกันตรงที่มากหรือน้อยหนะเอง



    ดังเช่นโรงเรียนแห่งทีชั้นพยายามมองหาจุดดีของมันตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าโรงเรียนมา





        ดูเหมือนว่าโรงเรียนนี้ท่าจะเข้ากับชั้นได้หน่อยเพราะทุกอย่างไม่ได้ดีเลิศไปซะหมดจนคนธรรมดาๆ



    อย่างชั้นจะไม่กล้าข้ามขั้นเข้ามาเหยียบที่นี่ได้ อาคารที่ไม่ได้ใหม่นักแต่ก็จัดอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดีในระดับหนึ่ง  



    มีโรงอาหารขนาดกลางตั้งอยู่ท่ามกลางส่วนหย่อมเล็กๆฝั่งทางทิศตะวันออกของโรงเรียน มีต้นไม้ที่ให้ร่มเงา



    ตลอดทางเดินตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าประตูโรงเรียนมา ต้นไม้ที่รอคอยการผลิดอกในฤดูใบไม้ผลิหากเมื่อเรา



    มองมันจากที่ไกลๆใบของมันจะนุ่มนวลราวกับภาพวาดอย่างเช่นต้นดอกซากุระ โรงเรียนนี้อาจจะดูจืดสนิทไป



    ถ้าหากขาดสีสันจากต้นไม้ที่มีใบหลากสีปลูกให้ร่มเงาและแต่งแต้มให้โรงเรียนแห่งนี้งดงามมีสีสันในฤดู



    ใบไม้ผลิและผลัดสีอีกครั้งเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงอย่างต้นสนเมเบิล จึงทำให้อากาศที่นี้ดูบริสุทธิ์สดชื่นนัก





        เนื่องจากที่ชั้นย้ายเข้ามาเรียนกลางเทอม จึงต้องไปทำความรู้จักกับ อาจารย์ใหญ่เป็นการส่วนตัว



    บนอาคารชั้นที่สามเป็นที่ๆมีเหล่าอาจารย์พักตั้งแต่ระดับ7ขึ้นไป รวมถึงห้องของอาจารย์ใหญ่ ณ ขณะเวลานั้น



    ไม่มีนักเรียนพลุกพล่านตามทางเดินเพราะคาดว่าจะเป็นเวลาเรียนของทุกคนด้วยความเคยชินชั้นสวมทั้ง



    รองเท้าขึ้นบนอาคารเพราะอย่างที่บอกไม่มีใครอยู่ยืนเป็นตัวอย่างให้ชั้นเห็นเลยแม้แต่ชีวิตเดียว และชั้นเองก็



    ไม่รู้ว่าโรงเรียนนี้เค้าให้ถอดรองเท้าขึ้นอาคาร  พอเดินมาเรื่อยๆ จนมาหยุดตรงที่ๆคาดว่าหน้าจะเป็นห้องของ



    อาจารย์ใหญ่ชั้นตัดสินใจเปิดมันออกหลังจากที่ชั้นยืนทำใจอยู่นาน เสียงเปิดประตูแอ๊ดดดดดดดด…และตาม



    ด้วยเสียงแอ๊ดๆๆเดียวกันของประตูบานไม้สีน้ำตาลตามมาถี่ๆ ประตูที่คาดว่าหน้าจะขาดการยอดน้ำมันหล่อลื่น



    มานานแล้วไม่ต่ำกว่า10ปี ประตูเปิดกว้างออกเสียงของประตูหน้าจะเป็นสัญญาณบอกให้คนข้างในทราบได้ว่า



    มีคนเปิดมันเข้ามาแล้ว ชั้นก้าวขาเข้าไปในห้องอย่างสำรวมกิริยาก่อนที่จะหันหลังปิดประตูมันลงไปอีกครั้ง  



    บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมอันเนื่องมาจากการที่ชั้นได้กวาดสายตาดูแล้วอาจารย์ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ที่ดูมี



    (ความเหี่ยวมากแล้ว)อายุมากแล้วยื่นเรียงหน้ากระดานทางด้านหลังพนักเก้าอี้สีดำขนาดมหึมาหากแต่ยังมีอาจารย์



    ที่ยังดูหนุ่มสาวยื่นแทรกอยู่บ้างเป็นรายคน   และแล้วสายตาทั้งคู่ของชั้นก็มาหยุดอยู่ที่อาจารย์ท่านหนึ่งที่ดู



    จากลักษณะของหนังหน้าและการแต่งตัวแล้ว หน้าจะเป็นอาจารย์สอนมานานกว่า20ปีแล้วเป็นอย่างต่ำ



    ยื่นถือสมุดบันทึกเล่มหนาปกหนังสีดำและไม้เรียวที่ปัจจุบันโรงเรียนทั่วไปได้เลิกใช้เปลี่ยนมาถือกระเป๋าหิว



    กิ๊บเก๋แทนแล้ว มือซ้ายก็คอยขยับแว่นอยู่เป็นระยะๆ เธอกวาดสายตามองชั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่ คนที่นั่ง



    อยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่นั้นจะส่งยิ้มอบอุ่นและพยักหน้าเรียกชั้นให้ไปนั่งเก้าอี้ไม้หน้าโต๊ะของเค้าแทน  สิ่งที่เค้ายื่น



    ให้เมื่อเห็นว่าชั้นนั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยดีแล้วมันเป็นหนังสือเล่มหนาประมาณหนึ่ง ซึ่งเมื่อเปิดอ่านดูมันเป็นระเบียบ



    การต่างๆ หน้าแรกเป็นรายชื่อของอาจารย์ประจำวิชาต่างๆ และถัดๆไปก็จะเป็นรายละเอียดของโรงเรียน



    และกฎระเบียบข้อห้ามของโรงเรียนที่ดูเผินๆก็ไม่แตกต่างจากโรงเรียนอื่นเท่าใดนัก แต่เห็นที่จะต่างกันตรง



    ที่สถานศึกษาแห่งนี้เห็นจะมีเป็นอาจารย์คนเมื่อครู่ที่คอยเดินถือสมุดคุมพฤติกรรมนักเรียนเป็นรายบุคคล



    อย่างอาจารย์โชซุง ที่ชั้นรู้ชื่อของเธอได้เป็นเพราะรูปถ่ายเหล่าคณะครูอาจารย์ที่มีอยู่ในคู่มือนี้ ภาพถ่ายของเธอ



    ไม่ต่างอะไรจากที่ชั้นเห็นตัวเป็นๆ คำหน้าหน้ายังคงเป็นคำว่ามิสแสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่ลงจากคาน



    ในมือของมิส.โชซุงฮยอน ยังถือสมุดบันทึกและไม้เรียวยาวเมตรกว่านี้อยู่ มือซ้ายจับตรงกรอบแว่น



    ไว้ไม่ต่างจากเมื่อที่ชั้นเห็นเธอในตอนแรก  เมื่อเดินออกจากห้องนั้นมาภายในห้องก็ยังคงความเงียบกริบไว้อยู่



    ไม่ต่างจากเมื่อ20นาทีก่อน ชั้นเดินมาพร้อมๆกับอาจารย์โชซุงฮยอนเธอสับเท้าเดินอย่างรวดเร็ว



    ไม่เหมือนคนมีอายุทั่วไป ก่อนที่จะมาหยุดที่หน้าห้องๆหนึ่งเธอพูดทิ้งท้ายชั้นไว้ก่อนจะส่งให้กับอาจารย์



    ประจำชั้นของห้องนี้ไว้ว่า “ขอโทษด้วยนะเธอคงไม่รู้ซินะว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้สวมรองเท้าขึ้นบนอาคาร”



    ว่าแล้วเธอก็มองที่รองเท้าของชั้นครั้งหนึ่งก่อนจะมองมันอีกด้วยหางตาและสบัดหน้าที่เชิดอยู่ตลอด



    เวลาของเธอไปด้วยอาการค้อน แต่ไม่ทันที่อาจารย์ประจำชั้นจะออกมารับชั้นด้วยซ้ำเธอก็หันมาพูดกับชั้นอีกว่า



    ”เออะ ชั้นเพิ่งเป็นอาจารย์สอนได้แค่12ปีโปรดเข้าใจให้ถูกด้วย” เธอสบถก่อนจะหันควับเดินสับเท้าไปอย่างเคย



    ปล่อยให้ชั้นยื่นอึ้งค้างอยู่หน้าประตูห้อง





    “เอาหละจ้ะวันนี้ครูมีนักเรียนใหม่มาให้ทุกคนทำความรู้จักกันหนะจ๊ะ”  “เชิญเลย”

    โชคดีที่โรงเรียนนี้ใช้ระบบคละห้องคนเก่งรวบกับคนโง่  ชั้นเลยรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย

    เพราะถ้าเกิดย้ายเข้ามาเรียนวันแรกแล้วชั้นไปตกอยู่ห้องบ๊วยมีหวังอายเค้าตาย

    ^_^ [ถึงจะยังงั้นก็เหอะมันไม่รู้จะเริ่มพูดยังงัย ก็ดูทุกคนจ้องชั้นซะเหมือนชั้นเป็นเต่าอยู่

    ในสวนสัตว์ยังงัยยังงั้ยเลย  เอางี้ก็แล้วกัน]  



    “อืม…..อรุณสวัสดิ์ค่ะ(น้าน………ดันไปอรุณสวัสดิ์ซะได้นี่มันสายโด่งแล้วง่า..U.U)

    ชั้นชื่อ คังจีวุนย้ายมาจากจังหวัดXXXสถานะปัจจุบัน โสดสนิทสนิมขึ้นค่ะ…Y.Y ยังงัยก็ขอฝาก

    เนิ้อฝากตัวด้วยนะค่ะT.T”(เศร้าเลยซิเราUoU ไม่ขำกันเลยหรือยังงัย ) แต่จีวุนก็ไม่ได้หมดหวัง

    ไปซะทีเดียว เพราะจากที่ทุกคนอาจจะดูนิ่งเงียบกับมุขของนักเรียนใหม่อย่างเธอ จึงทำให้อึ้งไปบ้าง



    ^o* “คิกๆคักๆ  ยัยนี้มันฮาดีแฮะ” ^^จนในทีสุดเธอก็ทำให้ทุกคนถูกใจกับการแนะนำตัวใน

    วันแรกของเธอด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของทุกคน



    “เอาหละจ๊ะ ครูก็ขอแนะนำประธานชั้นเรียนก็แล้วกันครูจะให้เค้ารับหน้าพาเธอชมโรงเรียนของเรา

    ดูแลเธอเป็นเวลา 3 สัปดาห์ก็รู้จักกันไว้ก็แล้วกัน”  “เชิญจ๊ะ”

    ถึงแม้ว่าโรงเรียนแห่งนี้จะไม่ใช่โรงเรียนที่ใหญ่โตมานัก แต่ก็พอมีที่สลับซับซ้อน ซอกมุมเยอะพอตัวเหมือนกัน  

    จีวุนสอดส่ายตาแลดูว่าจะมีสิ่งมีชีวิตใดยื่นขึ้นด้วยท่าทีลุ้นตัวเกร็ง



    คิมดองฮา    :    “ครับ!” เสียงนุ่มๆเอ่ยขึ้นยังกลางห้องเรียน

    [ฉึกๆๆๆเสียงอะไรเหมือนโดนแทง โอ้…พระเจ้าหล่อเป็นบ้าเลยยยยยยย….ชั้นเป็นอะไรไปเนี่ยมองอะไรๆ

    ก็มีแต่สีชมพู ดอกไม้บานลอยเต็มไปหมด อุ้ย!เค้าเดินใกล้เข้ามาแล้ว ทำไมแค่เค้าเดินเข้ามาใกล้ถึงรู้

    สึกร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หัวใจก็เต้นรัวเป็นกล่อง หยุดซีๆ เดี๋ยวเค้าก็ได้ยินเอาหรอก]ชั้นอาจจะ

    เป็นลมล้มวูบไปตรงนี้เลยก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมันช่างร้อนวูบวาบ  รู้สึกงงมึนๆบอกไม่ถูก

    ถ้าตอนนี้ผนังหน้าอกชั้นไม่หนาพอหัวใจชั้นมีหวังหล่นกองตรงหน้าของเค้าเป็นแน่



    ^^“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อคิมดองฮา เรียกผมดองฮาเฉยๆก็ได้ มีอะไรให้รับใช้ก็บอกนะครับ”



    (..^..)ครืนนนน…….โอ้ลอยยิ้มนั่นมันอะไรสวรรค์ประทานมาให้เค้าโดยเฉพาะเลยหรือนี่    



    “เชิญครับ! เก้าอี้อยู่ทางนี้  อาวเอ๋!!!???”

    ดองฮาประธานห้องสุดหล่อต้องฉุกเดินก่อนจะหันมาเหลิกคิ้วให้จีวุนอย่างเป็นกันเอง



    “มีอะไรหรอค่ะ”  เอ๋!

    จริงๆแล้วตอนที่ชั้นเดินเข้าห้องมา ดูเหมือนว่าจะมีโต๊ะเก้าอี้อยู่ตรงมุมห้องด้านหลังว่างอยู่

    แต่ตอนนี้มันกับไม่มีอยู่แล้วจะมีก็แต่ โต๊ะและเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยกองไม้กวาด ถังน้ำ

    และขยะแกลื่อนต็มไปหมด



    “ชั้นชักไม่ถูกชะตากับยัยนี่ซะแล้วสิ” “ขี้เหล่เป็นบ้า”อีกเสียงหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในอีกมุมมืด

    ของหัวใจของนักเรียนหญิงห้องนี้



    “ถ้าอย่างนั้นนั่งข้างๆผมเลยก็แล้วกัน วันนี้เจ้านั่นไม่มาพอดี” ^^ดองฮาส่งยิ้มละไมให้จีวุนที่ยังยื่น

    ทำหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่



    “เกิดอะไรขึ้นหนะ   ดองฮาทำแบบนั้นทำไมกัน!! ยัยนั่นสร้างปัญหาให้ดองฮาอีกแล้ว “

    เสียงซุบซิบไม่พึงประสงค์ที่แว่วมาจากกลุ่มของเหล่านักเรียนหญิงที่นั่งตรงข้างหน้าต่างลอยเข้าหูของจีวุน

    ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจนัก



    “ขอบใจนะ..เดี๋ยวพักกลางวันชั้นจะไปเอาโต๊ะใหม่มานั่งที่อื่นแทนก็แล้วกัน”   น้ำเสียงเกรงใจของจีวุน

    ที่พยายามเลี่ยงความมีน้ำใจของชายหนุ่มถึงแม้ในใจอยากจะนั่งข้างชายผู้นั้นไปตลอดเลยก็ตาม



    ^.^ “ไม่จำเป็นหรอกนั่งกับชั้นก็ดีอยู่แล้ว” “ชั้นต้องดูแลเธอนะ”(กระซิบ)

    (_^_)พระเจ้า!ชั้นเดินตามเค้าไปทั้งที่ไม่รู้สึกตัวเหมือนกับว่าลอยมายังงั้นแหละ

    (วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว)แต่ก็ยังมานั่งทำตาเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะอีกอยู่ดี



    “เรียนคาบต่อไปได้แล้วล่ะ”

    เสียงของอาจารย์ปลุกให้เธอตื่นจากพวัง



                    พักเที่ยง                        



    พวกผู้หญิง:    ^^ “ดองฮา ทานข้าวรึยังจ๊ะ” “นี่ข้าวกล่องชั้นทำมาให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ”



    “นี่ๆให้แต่ไอ้ ดองฮามันพวกเพื่อนๆอย่างชั้นล่ะ



    \"พวกนายก็ไปคุ้ยขยะเอาก็ได้หนิ\"



    ^_^  “ผมว่าถ้าเป็นขนมหน้าจะดีกว่านะ”  (^._.^/)

    พูดไม่ทันขาดคำพวกเธอก็รีบตรงหรี่ไปยังร้านขนมในโรงอาหาร  อีกกว่า5นาที  ถาดขนมทั้งถาดก็ถูกรุมซื้อจนหมด  

    มากองพเนินอยู่ตรงหน้าของดองฮาทันที



    “สงสัยชั้นคงมีคู่แข่งอีกเพียบแน่  แต่เราไม่มีเงินไปซื้ออะไรให้เค้าเลยหนิ มีก็มีไม่กี่วอนเอง”

    แก๊กๆ  แกรกกกกกกกๆเสียงสาวเจ้าล้วงเงินที่ติดอยู่ที่ก้นกระเป๋าออกมาดูด้วยความอนาจใจ

    ชั้นชักท้อซีทั้งที่ยังไม่ทันเริ่มก็ต้องอกหักแล้วหรอ U.U

    “เฮ้อ! สงสัยหมดหวังแล้วหละ”ชั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมมาด้วยอาการท้อสุดขีด



    “ชั้นขอตัวก่อนนะ”มีธุระต้องทำนิดหน่อย”ดองฮาบอกลา พร้อมก้าวข้ามเก้าอี้ยาวออกมา



    “นักเรียนใหม่หนะหรอ  เฮ้อหน้าเบื่อแย่” “แต่อย่าลืมนะเย็นนี้เรามีนัดกันกับไอ้พวกนั้นอย่าลืมล่ะ”



    ^_^   [^._.^/] “ชั้นไปก่อนนะ”แต่ก่อนที่ดองฮาจะต้องตรงไปหาสาวน้อยที่ยื่นทำหน้าละห้อยในทันที  

    ขนมมากมายที่ได้มามันจะถูกแลกเป็นเงินเพราะสิ่งที่เขาทำถือเป็นค่าตอบแทนที่เค้าช่วยให้

    ขนมขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ทุกๆ5%ที่ได้มาดองฮาไม่ได้ต้องการมันเท่าใดนักแต่นี่เค้าได้ถือเป็นกิจกรรม

    อย่างหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นการรักษากฎการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน

                                                    

    “คงเหงาแย่เลยนะ  ป่ะเดวชั้นพาไป(ตามสัญญา)”

    ชั้นตาลีตาเหลือก  วิญญาณกลับเข้าร่างทันทีพอรู้ว่าดองวอนเข้ามาทักทั้งที่ชั้นนึกว่าเค้าจะลืมชั้นซะแล้ว  



    “ใช่สิชั้นต้องไปกับนายสินะ”เค้าคงรู้ว่าชั้นแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นเค้าเข้ามาแต่นี่ก็เป็นการ

    รักษาภาพพจน์ความเป็นกุลสตรีของชั้นเหมือนกัน ^^



                แผนการพาทัวร์โรงเรียนจะเป็นไปอย่างนี้ตลอด   3อาทิตย์                



                        และแล้วก็ถึงเวลากลับ

    “นะ นั่น…ดองฮา กำลังจะกลับพอดีสินะ”

    ชั้นพบดองฮาตอนที่เค้ากำลังจะเดินออกจากประตูโรงเรียน แต่ก็ไม่นึกว่าเค้าจะมีเพื่อนมากมายขนาดนั้น  

    ชั้นเหลือบไปเห็นดองฮาและสาวกชั้นก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่ชั้นนึกไม่ถึงมาก่อนเลยคือ

    หนุ่มมาดเทพบุตรอย่างดองฮาเมื่อก้าวพ้นผ่านประตูโรงเรียนออกไปเค้าก็สลัดร่างกลับกลายเป็นซาตาน

    ขึ้นมาในทันทีชุดเครื่องแบบนักเรียนที่เคยติดกระดุมทุกเม็ด  ชายเสื้อที่ถูกเก็บอย่างเรียบร้อย  

    ตอนนี้มันกับตรงกันข้ามกระดุมถูกปลดออกบนและล่าง  ชายเสื้อถูถถกออกมาอยู่นอกกางเกง

    ผมที่เคยเป็นทรงสลวย เค้าเสยมันขึ้นผมชุ่มน้ำหน่อยๆ(แต่ก็ดูดีไปอีกแบบ กรี้ดดดด… อุ๊บส์!)  

    แววตาที่เคยอบอุ่นตอนนี้มันครุกรุ่นไปด้วยรังสีอำมหิต  พร้อมด้วยอาวุธครบมือทั้งสนับมือ  มีด

    กระบอง ไม้หน้าสาม (“ตายละหวา”)  ตอนนี้เท่าที่ประมวลผลออกมาได้ เค้าไม่ต่างอะไรไปจากซาตานดีๆนี้เอง  

    ชั้นไม่รอรีตัดสินใจเดินตามเค้าไปด้วยอาการอยากรู้อยากเห็น

                                                        

    แต่เมื่อตามมาได้ไม่นานนักดองฮาและพรรค์พวกก็มาหยุดที่ ลานจอดรถร้างใกล้เขตก่อสร้างแห่งหนึ่ง  

    มีทั้งฝุ่น และกลิ่นอับคละคุ้งเต็มไปหมด  ผนังเต็มไปด้วยสีสเปซ์พ่นเป็นตัวหนังสือ ด้วยคำหยาบๆเช่นเมียแกยกให้ข้า

    เมียหมาข้ายกให้แก หรือสัญลักษณ์เครื่องหมายกลุ่มแก๊งที่พ่นทิ้งไว้  ส่วนชั้นก็แอบอยู่ตรงกองไม้ไม่ใกล้

    ไม่ไกลจากคนพวกนั้นนัก เพื่อคอยดูเหตุการณ์อย่างเงียบๆ แต่ก็เงียบไปได้ไม่นานนัก ก็ต้องสะดุดเข้ากับ

    การจามที่ไม่อาจห้ามได้



    “ฮะ อะฮัดชิววววววววว… เฮยยย ฝุ่นเยอะเป็นบ้า”  O.o  “อ่ะ เอ๋ ตายแน่เราดันจามมาได้  ทำงัยดีทีนี้…”



    “มีคนตามเรามา  ชั้นขอตัวไปจัดการแป๊บนึงนะ”ดองฮาหันมาพูดกับพรรค์พวกด้วยน้ำเสียงนิ่มๆเรียบๆ

    คงที่แต่แฝงด้วยอารมณ์บูดแล้วเต็มที



    “นานแค่ไหน?” ริมอึนเพื่อนสนิทถามด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

    “ถ้ารอไม่ไหวก็ลุยก่อนเลยก็ได้”



    ตายแน่เรา  เค้ารู้แล้วด้วย  ทำงัยดีๆ  ข้างหลังก็กำแพง  ข้างหน้าก็ดองฮา  รึวิ่งชนกำแพงไปเลยจะดีมั๊ย  

    เห็นทีตอนจะมีแค่สองทางให้เลือกคือนรกกะนรกสุดๆเท่านั้นให้ชั้นเลือกอย่างไม่อาจเลี่ยง

    ได้ความรู้สึกกลัวเริ่มทวีคูณขึ้นเมื่อสีหน้าบูดบึ้งของดองฮาใกล้เข้ามาทุกทีๆ

    สายตาที่ไม่สบอารมณ์นัก ## ของดองฮามันช่างเย็นชาและน่ากลัวหรือเกิน  เมื่อสิ่งที่ตระหง่าน

    อยู่ตรงหน้าเค้าเป็นหญิงสาวหน้าตาซื่อบื่อนั่งตัวสั่นระริกอยู่เค้าถึงกับทำหน้าถอดสีO.o แล้วก็ถาม

    อย่างกระซิบกระซาบออกมาว่า  



    (^._.^/) “นี้เธอตามชั้นมาหรอฮ้า!”



    “ชะ  ชะ ชั้น  กุกๆๆกักๆๆ”



    (^._.^/) “เธออยากตายหรอฮ้า! ยัยเซ่อ!”

    [ถามบ้าๆใครจะอยากตายกัน ]  หือออออ   หึๆๆ  หือ



    (^._.^/) “เธอตามชั้นมายังมีหน้ามาร้องไห้อีกงั้นหรอ”



    “หนะ หนะ  นายใช่ดองฮาคนเมื่อเช้ารึป่าว”

    น้ำเสียงกล้าๆกลัวแต่  ชั้นกลั้นใจถามเชิงตะโกนใส่หน้าดองฮาไป



    (^._.^/)“กลับไปซะ!ไม่งั้นชั้นจะฆ่าเธอตรงนี้แหละ…  เข้าใจมั๊ยยัยเซ่อ”

    [ยัยเซ่องั้นเหรอ.. กล้าดียังงัยมาว่าชั้นเซ่อฮ้ะ! ฝากไว้ก่อนเถอะถ้าไม่เห็นว่ากำลังกลัวอยู่หละก็

    ชั้นจะขอลองตั๋นหน้านายดูซักหมัดเป็นงัย แต่ตอนนี้ก็อยากไปใจจะขาดอยู่แล้ว YoY]



    ตังคิม:    “แม่มาคุมหรอว่ะ”   ก้ากๆๆๆๆๆๆๆ

    “หุบปาก สะ-หวะ แก่ซะ”

    ดองฮาพูดยั่วโมโหเจ้าตังคิมคู่อริ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาทำตาขวางใส่ชั้นก่อนที่จะทำเป็นไม่ใส่ใจ



    “ปากดีนักนะ  ลุยเลย”

    สองฝ่ายไม่รีรอ เข้ากระหน่ำ  ทั้งอุปกรณ์ที่เตรียมมาพร้อม  เข้าหั้นหั่นกัน เลือดสาดไปทั่ว  

    พื้นที่เคยเป็นสีของดิน บันนี้มันถูกกลบไปด้วยสีของเลือดที่สาดกระจายอยู่หย่อมเต็มไปหมด  

    อาวุธที่เตรียมมาถูป้ายด้วยเลือดสีแดงเถื่อน  ต่างคนต่างหื่นกระหายที่จะเข้าฟาดฟันกันด้วยความบ้าคลั่ง  

    ราวกับถูกปลุกเสกให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย  ทุกคนเหมือนผีดิบซอมบี้ หากไม่ล้มคว่ำไปต่อหน้า

    ก็ต้องฝืนสู้ให้ถึงที่สุดแม้จะไม่มีเรี่ยวแรงแล้วเต็มที



    “ย้ากกกกกกกกกกกก!!!”   ตุบๆๆๆๆ ซุบ ตึก     “อ้ากกกกกกกก!!”  “โอ้ก!”      “เอื้อกกกกก”  ตุบๆๆๆๆๆ



    ดองฮาและพลพวกเข้ารุมกระหน่ำ โฉกชุ่มไปด้วยเหม็ดเหงื่อ  ดูเหนื่อยเต็มทีแต่ด้วยศักดิ์ศรี

    แห่งลูกผู้ชายทำให้ทุกคนยังมีกำลังที่จะสู้ต่อถ้ายังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าเห็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปางตาย

    แต่ที่ด้านหลังของดองฮาที่ปราศจากคนคุมข้างหลัง  ฝ่ายตรงข้ามถือโอกาสนี้มุ่งมาทางด้านหลังของดองฮา

    “เอ๊ะ!  นั่น  แย่แล้ว  “ดองฮา!!!!    ระวังงงงงงงงงงงงงงงงง”  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×