ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Star of Night ดวงดาวแห่งยามราตรี

    ลำดับตอนที่ #1 : สัตว์ในตำนานกับอสรพิษสีเผือก

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 49


        

           ในคำคืนที่มืดมิด แม้นไม่มีแสงสว่างจากดวงตะวันแต่ก็ยังคงมีแสงสว่างของดวงจันทร์ทราที่สาดส่องมายังโลกใบนี้

    เหม่อมองไปบนฟากฟ้ายามคำคืนก็จะเห็นแสงระยิบระยับจากดวงดาวที่ส่องประกายกล้าอยู่บนพื้นฟ้า บ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่

    ต่างไม่มีแม้แต่เสียงลอดผ่านออกมา บางบ้านก็ยังคงมีแสงไฟสว่างอยู่แต่ก็ไร้ซึ่งผู้คน



         บนหุบเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่เหนือหมู่บ้านเล็กๆ สายลมที่พัดโชกเป็นระยะๆทำให้ต้นหญ้าเส้นยาวพลิ้วปลิวไปตามทิศทางของลม  ท้องฟ้าที่มืดมิด ดวงจันทร์กลมโตและดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับ ร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่นอนอยู่บนยอดเขาสูง  ต้นหญ้าที่สูงจนมิดร่างของชายหนุ่มปลิวพลิ้วไปตามลม มันช่างเป็นยามราตรีที่มืดมิดและเงียบเหงาในชีวิตของชายหนุ่มผู้คงยังนอนดูดวงดาวบนฟากฟ้าตลอดคำคืน \"เฮ้ลีนนายมาทำอะไรอยู่ตรงนี้\" ชายหนุ่มอายุราวสิบห้าปี ผิวขาว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่โชกไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสีเทาอ่อนและผมที่ยาวถึงกลางหลังสีบรอนซ์เงินถูกรวบไว้วิ่งตรงมาพร้อมกับเอ่ยออกมาขณะที่วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ



         “มีอะไร” คำพูดที่ดูเหมือนเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจและร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่งที่หนุ่มผมทองเรียกเค้าว่า ลีน ลุกขึ้นนั่งแต่ใบหน้ายังคงก้มอยู่และเส้นผมของเขาที่ปรกใบหน้าพลิ้วปลิวไปตามลมจึงทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของเขา “ยัยลูนตัวแสบของนายน่ะหะ......” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มผมทองจะพูดจบ ปีกยักษ์สีเพลิงก็พวยพุ่งขึ้นฟ้าราวกับจรวดที่พุ่งทะยานอย่างเร็วจี๋ หนุ่มผมทองที่ได้แต่ยืนงงบัดนี้รอยยิ้มได้ปรากฏ อยู่บนใบหน้าของเขาและหางอสรพิษสีเผือกก็เลื้อยหายไปในความมืด

          

         “กลับมาแล้วเหรอ” หนุ่มผมทองถามขึ้นขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์ “อือ...” ลีนตอบพลางดึงร่างของหญิงสาวออกมา ร่างของเธอมีเพียงปีกยักษ์สีขาวบริสุทธิ์เงางามดุจไข่มุขปกปิดเรือนร่างของเธอ โดยมีเส้นเชือกยาวระโยงระยางมัดร่างของ          เธอไว้ “เฮ้ยมองอะไร...ระวังนะขืนแกมองลูนอีกทีล่ะก็ ฉันจิกลุกตาแกออกมาแน่” ลีนขู่หนุ่มผมทองซึ่งนามของเขาคือเจแกน



         “โอ๊ยยย !...ปวดหัวจัง” หญิงสาวผู้ที่ลีนนำตัวมาบัดนี้ปีกยักษ์ของเธอได้หายไปแล้ว เธอลุกขึ้นจากเตียง ใบหน้าของเธอสวยราวกับนางฟ้า  ดวงตาที่แวววับไปด้วยสีมรกตและผมสีฟ้าน้ำทะเลที่ถูกปล่อยยาวจนเกือบระพื้น นามของเธอคือลูน



         “ตื่นแล้วหรอยัยบ้า” ลีนถักแต่น้ำเสียงของเขาออกแนวกวนโมโหมากที่สุด “พี่ทำอะไรกับหนูเนี้ย...โอ๊ยยปวด..ปวดไปหมดทั้งตัวเลยย” ลูนร้องลั่นบ้าน “จะแหกปากไปทำไม...ฉันอุตสาห์ขึ้นไปช่วยเจ้าถึงบนยอด เมเปิล ทรี สูงก็สูงหนาวก็หนาว” ลีนเอ่ยขณะส่งแก้วน้ำอุ่นให้ลูน “แล้วพี่จะขึ้นไปทำไม...ฉันก็แค่ขึ้นไปบินเล่นเฉยๆแล้วอยู่ดีๆฉันก็รู้สึกแปลกๆพอขึ้นไปเหนือยอด” ลูนบอกเหตุผลพร้อมกับค่อยๆจิบน้ำอุ่น “สงสัย อุณหภูมิและความดันอากาศล่ะมั้งเลยทำให้พลังแฝงของเจ้าถูกปลุกขึ้นมา ขนาดพี่เองยังรู้สึกหายใจไม่ค่อยออกเลยตอนที่ขึ้นไปช่วยเจ้าบนนั้นน่ะ” ลีนเอ่ยขณะเดินมายืนพิงกำแพง



         “หรอ...เออแล้วใครเป็นคนบอกพี่ล่ะว่าฉันหายไป” ลูนถามขึ้นด้วยความสงสัย “จะใครล่ะก็คู่ขาเธอไง” ลีนพูดพลางหันหน้ามาหา

    เจแกนซึ่งกำลังนั่งจัดเรียงขวดที่บรรจุพิษงูใส่ในกระเป๋าคาดเอวของเค้าอย่างสบายอารมณ์ วืดดด......โครมมมม เสียงที่เกิดจากการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและตามมาด้วยเสียงอะไรบางอย่างที่ถูกอัดเข้าอย่างแรง ภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของลีนคือภาพของเจแกนที่ถูกแรงอันมหาศาลอัดเข้าจนตัวของเค้าฝังเข้าไปในกำแพงจนเกิดเป็นรอยร้าวแผ่กระจายไปบริเวณโดยรอบผนัง เมื่อเจแกนขยับตัวออกจากกำแพง กำแพงนั้นก็แทบจะถล่มลงมาแต่เจแกนก็ร่ายเวทอย่างเร็วจี๋จนฟังไม่ทันทันทีที่เค้าร่ายเวทจบผนังห้องและทุกสิ่งก็กลับสู่สภาพเดิม “ยัยบ๊องเอ๊ย...ลีนน้องแกนี่บ้าดีเดือดจริงๆ” เจแกนพูดพลางปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าและเดินไปเก็บขวดบรรจุพิษงูใส่ในกระเป๋าคาดเอวของเขาตามเดิม



         “ใครสั่งให้เจ้ามายุ้งกับข้าล่ะ สมน้ำหน้า...” ลูนเอ่ยเยาะเจแกนพลางเดินไปรอบๆตัวเจแกนที่กำลังนั่งเก็บขวดบรรจุพิษงูอยู่ที่พื้น “ดีนะข้าไม่เล่นเจ้าให้แขนหักขาหักก็บุญแล้ว” ลูนข่มเจแกนพลางเดินไปเกาะแขนลีน “เจ้าน่ะก็ตัวดีทำเอาชาวบ้านเค้าเดือดร้อนกันไปหมด” ลีนเอ่ยพลางแกะมือลูนออกจากแขน “พี่นี่ก็ ไม่เคยเข้าใจน้องเลย ไปเข้าข้างคนอื่นเค้าทำไม” ลูนเอ่ยพลางกอดอกทำหน้าบูดบึ้ง “เจ้านี่เอาแต่ใจจริง ก่อแต่เรื่อง...แล้วเจ้ารู้ไหมว่าพลังแฝงของเจ้าน่ะมันร้ายกาจแค่ไหน” ลีนเอ่ยพลางเดินไปยืนข้างหน้าลูน





         “พลังของเจ้าคือ....สโนว์ ออฟ คิงส์ด้อม...เกิดข้าไม่เรียกวิญญาณสัตว์อสูรจากปรโลกมา และใช้เชือกอัคนีมัดร่างเจ้า ใช้เชือกรองรับแรงอันมหาศาลนั่นนะรับรองว่าข้าได้กลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว...พอข้าเห็นวิญญาณสัตว์อสูรนั่นระเบิดกลายเป็นจุลเหลือแต่ควันสีขุ่นแล้วนะ ข้าคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเกิดเป็นมนุษย์ล่ะที่อยู่ตรงนั้น ภาพที่เห็นมันจะน่าสยดสยองแค่ไหน” ลีนอธิบายจนลูนนึกภาพออก “สัตว์อสูร...เชือกอัคนี...พลังแฝงของข้า...สโนว์ ออฟ คิงส์ด้อมโอ๊ย” ลูนเอามือปิดหูพลางส่ายหน้าไปมา “แล้วไอ้ สโนว์ ออฟ คิงส์ด้อม ที่ว่าเนี้ยเป็นไงเหรอ” ลูนทำท่าทางอยากรู้อยากเห็นในทันทีพร้อมเอ่ยถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น

















































































































































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×