ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภารกิจลับ Chimera

    ลำดับตอนที่ #1 : สุนัขของมังกร

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 48


    เป็นอีกเรื่องของฝันเจ้าค่ะ อาจจะอัพเมื่อเซ็งเพราะเขียนเรื่องนี้แล้วไม่ค่อยเครียด ส่วนเรื่องอันย่าห์จะอัพสม่ำเสมอค่ะ ^-^ ฝากเม้นเยอะๆนะคะ ชอบก็โหวต ไม่โหวตไม่เป็นไร ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ





         เมืองวิลรีฟ เมืองแห่งการค้าและสีสันฉูดฉาดตา เงินทองแพร่สะพัดไหลเข้าเมืองท่วมท้น จึงไม่แปลกที่ชาวเมืองจะมีความเป็นอยู่ดี ร่ำรวย มหาเศรษฐี ถนนหนทางจึงสวยงาม เต็มไปด้วยร้านค้าที่ราคาแพง เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการเดินเที่ยวหาเลือกซื้อของของผู้มีอันจะกิน แดนสวรรค์สำหรับผู้ฟุ้งเฟ้อ.. แต่



    \"ข้าร้อนโว้ย\"



         เสียงอ่อนระโหยโรยแรงดังออกมาจากปากของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้เดินอย่างเลื่อนลอย หน้าคมเข้มตอนนี้เหงื่อเกาะพราว นัยน์ตาสีฟ้าสดใสตอนนี้บูดสนิท ผมสีดำเท่ชุ่มเหงื่อปรกหน้าปรกตา ร่างสูงโปร่งในเครื่องแต่งกายอย่างคนเร่ร่อน เสื้อนอกเป็นเสื้อแขนสั้นผ้าเนื้อทน ส่วนเสื้อตัวในก็เป็นเพียงเสื้อแขนยาวสีดำโผล่ออกมาคลุมเลยข้อศอกพ้นเสื้อนอก กางเกงก็เป็นกางเกงสีดำ ไม่เลอะง่ายและไม่ต้องซักบ่อยๆ



    ...แต่ดูดความร้อนได้ดียิ่งนัก



    เด็กสาวข้างกายมองหน้าเขาอย่างเหนื่อยอ่อนใจแทน หล่อนเป็นผู้หญิงที่หน้าตาจัดได้ว่าเป็นคนสะสวย ผมสีนิลกาฬยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีฟ้าเช่นเดียวกับเด็กหนุ่มมองอย่างสงสาร ยื่นน้ำให้พร้อมกับผ้าเช็ดหน้าสีขาว เอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วให้กำลังใจ



    \"อดทนหน่อยน่านะคะ เดี๋ยวไปหาร้านอะไรนั่งพักกันหน่อยก็ได้ น้ำกับผ้าหน่อยไหมคะ พี่\"



    \"ของพรรค์นี้จะเอาไปทำไม เดี๋ยวกรอกลงไปมันก็ขับมาเป็นเหงื่อเหมือนเดิม\" พี่ชายยิ่งห่อเหี่ยว ตอบกลับมาด้วยสีหน้าบูดจัดแล้วเอามือในถุงมือสีดำ(ดูดความร้อน) ผลักของทั้งหมดส่งกลับให้ น้องสาวมีสีหน้าอ่อนใจก่อนเป็นฝ่ายดื่มน้ำลงไปแทน แล้วก็เชิดหน้าใส่อย่างงอนเต็มที่ ..พี่บ้า น้องอุตส่าห์ประเคนถึงที่ทำเมิน



    พี่ชายหนุ่มเห็นปฎิกิริยาน้องที่รัก นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้างก่อนรีบประจบเอาใจน้องสาว \"แหม.. แคลร์ น้องก็รู้ว่าพี่มันก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ความคิดชั่วๆล่ะชอบหลุด ให้อภัยพี่เถอะน้า ขอร้องๆ มามะ เดี๋ยวพี่คนนี้จะพาไปหาที่อยู่ดีๆ อาหารอร่อยๆกินกัน ปะ\"



    เด็กหนุ่มดุนหลังน้องสาวเต็มที่พลางยิ้มกว้าง จนเมื่อมีอะไรบางอย่างมาสะกิดที่ขากางเกง เขาก็หันไปดูแล้วก็เอ่ยกับคนที่ถูกลืมอย่างไม่สบอารมณ์ \"เงียบน่าไลซ์ ข้ารู้ว่าเจ้าก็ร้อนเหมือนข้า แต่เรื่องของแคลร์ต้องมาก่อน เข้าใจ๋?\"



    ไลซ์ถอนหายใจ.. หมอนี่ยังคงรักและโอ๋น้องสาวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ



    \"เน่\" นัยน์ตาสีฟ้าหรี่ลง แล้วมองร่างของมันอย่างเริ่มไม่สบอารมณ์อีกครั้ง \"รู้ไหมว่าเสือถอนหายใจน่ะมันทุเรส\"



    เสือขาวลายดำผงกหัวอย่างจำยอม.. ขี้เกียจเถียงที่สุด



    \"ดี\" เขายิ้มแล้วหันมาพะเน้าพะนอน้องสาวต่อ แคลร์เองก็เล่นบทงอนได้ไม่นานก็หัวเราะกับท่าทีน่ารักๆของพี่ชายฝาแฝด ที่ตอนนี้มาบีบนวดไหล่ วิ่งไปซื้อไอศกรีมรสส้มสุดโปรด แล้วยังเสนอให้นั่งซ้อนไลซ์ไปเรื่อยๆด้วย



    แน่นอนว่า.. คนถูกเอาเปรียบ ไม่ยอม!



         จึงเกิดเหตุน่าสลดใจกลางตลาดเมื่อเกิดการมีปากเสียง(?) ระหว่างเด็กหนุ่มหน้าตาดีกับเสือขาวแถบดำ ที่ดูยังไงๆก็คือการว่าฝ่ายเดียวชัดๆ แม้ไลซ์จะสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่เพื่อความสงบของผู้คน เจ้าตัวจึงได้แต่ข่มสติอารมณ์ไว้ปล่อยให้เด็กหนุ่มว่าอย่างสะใจอยู่ฝ่ายเดียว ไว้ค่อยเอาคืนที่โรงแรม..



    แน่นอนว่าคนกลางอย่างแคลร์จำต้องลากคู่มวยทั้งสองไปที่โรงแรมจิ้งหรีดห้าดาวที่อยู่ใกล้ที่สุด





    \"ข้าไม่คิดเลยนะไลซ์ ว่าเจ้าจะเห็นแก่ตัว!!\" เด็กหนุ่มถอดเสื้อนอกออกอย่างหงุดหงิด ยังคงต่อว่าเจ้าเสือ สมิงขาวมองเขาด้วยนัยน์ตาสีเหลืองก่อนเถียงกลับบ้าง \"เจ้าก็เหมือนกัน โคล! เอะอะอะไรก็เห็นข้าเป็นสัตว์พาหนะอยู่เรื่อย!\"



    โคลครางอย่างระเอือมระอา ขยี้ผมสีดำของตนอย่างขัดใจแล้วกระโดดตูมเดียวลงบนเตียง ขยับกายนอนลงแผ่แล้วเอ่ยอย่างจับผิด \"นี่แค่เจ้าช่วยให้แคลร์ขี่หน่อยไม่ได้รึไง เดี๋ยวนางเป็นลมเอา เจ้าต้องรับผิดชอบ\"



    \"นางไม่ได้เป็นอะไรหรอก นางสบายดี ..คนที่แพ้ความร้อนของแดดน่ะเจ้า แล้วก็เลิกตีโพยตีพายห่วงนู่นนี่น้องสาวเจ้าไม่เข้าเรื่องเสียที มีอย่างที่ไหนเขาเดินอยู่ดีๆก็บอกว่าเขาไมเกรนขึ้น เล่นน้ำอยู่ก็บอกว่าตะคริวกิน ปีนตนไม้ก็ว่าผึ้งต่อย เจ้ามันหวงน้องจนสติแตกไปแล้ว โคล\" เสือขาวนอนบนพื้นแล้วเอ่ยอย่างหมดความอดทน



    \"ก็นางอาจจะเป็นอย่างที่ว่าจริงๆก็ได้ เจ้านี่ไม่รู้จักเป็นห่วงเป็นใย..\"



    \"อย่างเจ้ามันห่วงเกินเหตุแล้ว ..พอเถอะๆ ข้าชักเริ่มหิว นี่จะเที่ยงแล้วนะยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง\" ไลซ์คำรามออกมาอย่างหวังหยุดบทสนทนางี่ง่านี่เสียที โคลจึงกระเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน ทำให้สร้อยไม้กางเขนของเขาขยับ ยิ้มกว้างแล้วเอ่ยถาม \"แคลร์ ไปหาอะไรกินกันเถอะ ตามสัญญา พี่จะให้กินอะไรดีๆไง\"



    น้องสาวคนสวยยิ้มรับก่อนบิดขี้เกียจ เอ่ยถามพี่ชายกลับบ้าง \"แล้วงานล่ะคะ พี่ไม่ทำก่อนเหรอ\"



    \"น่า.. งานน่ะมันง่ายๆหรอก เดี๋ยวน้องพี่ไม่ได้กินมื้อเที่ยงแล้วสุขภาพเสียหมดพอดี\" พี่ชายเอ่ยเอาใจ แล้วคว้าเสื้อตัวนอกมาสวมทับ กวักมือเรียกอีกสองชีวิตให้ตามตนออกไปสู่ย่านการค้าของเมือง...





    \"สเต็ก\"



    \"สปาเก็ตตี้\"



    \"พิซซ่า\"



    \"หรือจะเอาอะไรดี? น้องรัก!!\"



    แคลร์หัวเราะแหะๆ แต่ก็ยังไม่ตอบรับเช่นเคย เดินไปกับไลซ์เรื่อยๆพลางเอ่ยเตือนถึงสถานะทางเศรษฐกิจ โคลมีสีหน้าม่อยๆลงเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเงินที่มีมันไม่มากพอจะกินอาหารแบบนั้นได้ทุกมื้อ แล้วพวกเขามาที่นี่ก็คือเพื่อทำงานหาเงินไปใช้ชีวิตอย่างนั้นไม่ใช่หรือ?



        ภาพของทั้งสามเรียกความสนใจจากชาวบ้านได้เป็นอย่างดี.. เด็กหนุ่มกับเด็กสาวที่หน้าตาพิมพ์เดียวกัน ฝาแฝดหน้าตาดีวัยประมาณสิบเจ็ด พร้อมด้วยเสือสีขาวลายดำที่ดูน่าเกรงขามหากแต่เชื่องในคราเดียวกัน ก็ดูออกได้ไม่ยากว่าเป็นนักเดินทาง สายตาจากคนหนุ่มสาวในเมืองต่างมองคนทั้งสอง มีผู้ชายใจกล้าบางคนเดินมาหาเด็กสาวสุดสวย.. แน่นอนว่าถูกพี่ชายแสนดีตะเพิดอย่างไม่ไว้หน้า



    \"งานคราวนี้คืออะไรเหรอคะ พี่\" นัยน์ตาสีฟ้าของน้องสาวสบกับนัยน์ตาแบบเดียวกัน โคลหยิบกระดาษออกมา มันอยู่ในซองสีน้ำตาลที่เขียนคำว่า ไคมีร่า โคล ไว้ มุมซองคือตราที่เป็นรูปมังกรล้อมรอบด้วยวงกลมและดาว เขายิ้มบางๆแล้วเอ่ยสบายๆ \"ให้ตามจับคนทรยศน่ะ เขาทำงานพลาดแล้วไปเข้ากับฝ่ายศัตรู ชื่อ กลัสเจียน เดบส์ เป็นคนระดับยูนิคอร์นน่ะนะ ให้ตาย.. จะได้ขั้นเคลเบลอสอยู่แล้ว ทำไมต้องแปรพรรควะ\"



    \"ก็เลยต้องส่งคนระดับไคมีร่ามาจัดการใช่ไหมคะ\" แคลร์ยิ้มกับพี่ชาย เขาพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยเสียงเซ็ง \"งานน่าเบื่อน่ะ ที่จริงให้ไอ้พวกเคลเบลอสมาก็ได้ พวกนั้นน่ะสันหลังยาวจะตายอยู่แล้ว ไม่เข้าใจความคิดของดราก้อน เฟลิกซ์ เลยแฮะ หมอนั่นน่ะถือว่าเป็นผู้บัญชาการรึไงจึงได้แต่ชี้นิ้วสั่งปาวๆ ไคมีร่าที่น่าสงสารทั้งหลายก็ทำงานกันตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตพอๆกับพวกเข้าใหม่อย่างซาลาแมนเดอร์ ส่วนไอ้พวกคนเซ็นทอร์ก็เออออห่อหมกทั้งนั้นเลยสบายไป\"



    \"เอาเถอะค่ะพี่ ไคมีร่า โคล ก็เป็นคนดังมีชื่อเสียงในองค์กรอยู่เหมือนกันนี่คะ รีบๆทำงานเถอะค่ะ\" ในที่สุดด้วยความใจอ่อนของเด็กหนุ่ม เขาจึงเดินไปที่แหล่งกบดานในแผนที่ นั่นก็คือ ร้านเหล้าเมอร์ซิโอ...



    \"ข้าคิดไม่ถึงนะ ว่าคนอย่างเจ้า ศัตรูจะกลายมาเป็นมิตรได้ ฮ่าฮ่า\"



    \"ข้าก็คิดว่าบางที ข้อมูลขององค์กรเงามายา ท่านอาจจำเป็นต้องรู้เพื่อธุรกิจอันดีขอรับ\" กลัสเจียน เดบส์.. ชายวัยประมาณสามสิบต้นๆ ผิวหนังซีดหุ้มกระดูกเอ่ย รอยยิ้มน่าเกลียดผุดขึ้นบนใบหน้าซูบตอบนั่น



    \"เพื่อแลกกับชีวิตเจ้ามากกว่ามั้ง? เงามายา.. บริษัทรับทำทุกอย่าง งานลับแค่ไหนก็ไม่มีวันเปิดเผย ทำได้ทุกงานตามแต่ค่าจ้างดีหรือไม่ดี ผิดกฎหมายหรือไม่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ใช่ไหม กลัสเจียน\"



    \"ขอรับนายท่าน\" ชายนามกลัสเจียนเว้นวรรคไปเล็กน้อย \"โครงสร้างบริษัทก็เป็นดังนี้ขอรับ พวกที่เพิ่งเข้ามาใหม่หรือซาลาแมนเดอร์จะได้รับงานง่ายๆเช่นการตามหาสิ่งของที่หาย เช่น หมาแมว ตามหาคน เป็นต้น ต่อมางานก็จะยากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ก็คือยูนิคอร์น แล้วก็เคลเบลอส จนมาถึงพวกระดับสูงซึ่งแบ่งเป็นสองพวก นั่นคือฝ่ายมันสมองหรือที่เรียกว่า เซ็นทอร์ กับฝ่ายปฎิบัติการที่เรียกว่า ไคมีร่า ส่วนผู้บังคับบัญชาก็คือดราก้อนครับ ปัจจุบันคือ ดราก้อน เฟลิกซ์\"



    \"อ้อ..\"



    \"งานจะเริ่มจากการติดต่อกันระหว่างลูกค้ากับดราก้อน ทั้งสองจะตกลงกันเรื่องงาน รวมไปถึงค่าจ้าง หลังจากนั้นดราก้อนก็จะทำการคัดเลือกคนในสาระบบว่า งานนี้เหมาะสมกับคนระดับไหน แล้วก็เลือกคนที่อยู่ใกล้เขตที่ต้องปฎิบัติงานมากที่สุด แล้วให้อินทรีทมิฬหรือสลูธส่งจดหมายรายละเอียดงานไปให้คนนั้น เขาหรือเธอคนนั้นก็จะทำงานโดยมีพวกเซ็นทอร์ตรวจดูผลงานความสำเร็จ แล้วรายงานมาทางดราก้อน ดราก้อนก็จะส่งเงินไปให้ คือค่าจ้างประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ขอรับ\"



    \"แสดงว่า.. ดราก้อนทำงานคนเดียว อาศัยแค่เหยี่ยวตัวเดียวติดต่อกับลูกน้องทั้งหมดโดยไม่มีการเห็นหน้างั้นหรือ?\"



    \"ใช่ขอรับ คนที่จะพอรู้จักหน้ากันก็มีแค่พวกเซ็นทอร์เท่านั้นแหละขอรับ เรียกได้ว่าเป็นคนกลางในการติดต่อประสานงานนั่นเอง\"



    \"แล้วเงินล่ะ เงินดีไหม\" คนถามยังคงสนุกปาก



    \"ดีไม่ดีแล้วแค่ตำแหน่งและภารกิจที่เขาว่าจ้างมาขอรับ\" กลัสเจียนตอบ \"พวกซาลาแมนเดอร์อาจจะได้ไม่กี่ร้อยเหรียญ ยิ่งตำแหน่งสูงๆงานยาก เงินเยอะ ยิ่งพวกไคมีร่านี้ มีงานทีรวยอื้อซ่า แต่งานก็เสี่ยงสูง อาจจะมีโบนัสถ้างานถูกใจ ส่วนพวกเซ็นทอร์จะได้เงินเป็นเงินเดือนพอสมควรทีเดียว ได้ไม่มากเท่าเคลเบลอสกับไคมีร่าก็จริง แต่ก็ไม่ต้องเสี่ยงนี่ขอรับ\"



    \"เป็นข้อมูลชั้นเยี่ยม\" ชายคนนั้นหัวเราะลั่น \"เยี่ยมจริงๆ ระบบเงามายานี่ ถ้าข้าคงจะสร้างสาระบบแบบนี้ขึ้นมาคงรับเละแน่ๆ และข้าจะให้เจ้าเป็นคนสำคัญด้วย กลัสเจียน\" เขาหลิ่วตามอง กลัสเจียนยิ้มกว้างแล้วรีบเอ่ยประจบประแจงทันที



    \"ขอบพระคุณขอรับ มีท่านมาร์โกเป็นประธาน ย่อมราบรื่นแน่นอนขอรับ\"



    ทั้งสองหัวเราะคู่กันในร้านเหล้า ที่ตอนนี้เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยว เพราะไม่อยากฟังทั้งสองคุยกันแล้วนั่นเอง...



    \"แฉข้อมูลอดีตองค์กรตัวเองแล้วรู้สึกเป็นไง กลัสเจียน?\"



    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วส่งคำถาม พร้อมด้วยรอยยิ้มยียวนมาให้ เรียกให้คนทั้งสองหันมาดู มาร์โกเพียงมองอย่างสงสัย หากแต่คนทรยศกลับตัวสั่นงันงก ชี้นิ้วผอมแห้งนั้นชี้มาทางเขา น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นแฝงความหวาดระแวงได้เป็นอย่างดี



    \"นี่ล่ะขอรับ.. คนนี้ ไคมีร่า โคล ..นักล่าระดับสูง ฝีมือเยี่ยม แกมาทำไม!!\" คำถามสุดท้ายที่ส่งออกไป ได้รับเพียงนัยน์ตาสีฟ้าโหดเหิ้ยมที่ส่งกลับมา พร้อมกับการสวมถุงมือสีดำช้าๆ ขยับมีดสั้นที่พกติดตัวขึ้นมาแล้วชี้ไปที่กลัสเจียน น้ำเสียงที่ตะคอกออกมาแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด



    \"ไอ้เวรตะไล!! ต้นเหตุที่ทำให้ไอ้เฟลิกซ์มันสั่งให้ข้าดั้นด้นมาถึงไอ้เมืองทะเลทรายนี่ เพียงเพื่อจับแกไปลงทัณฑ์ แถมนี่เป็นงานขององค์กรจึงไม่ได้เงินซะด้วย ยอมไปกับข้าดีๆดีกว่าว่ะ ขี้เกียจเปลืองแรงกับงานไม่ได้สักแดง\"



    นัยน์ตาสีฟ้าสดใสของน้องสาวกับนัยน์ตาสีเหลืองของเสือขาวลายดำที่รออยู่ข้างนอกกระพริบปริบๆ



    \"ใครจะยอมส่งหมอนี่ไปกัน.. หือ? กลัสเจียนมันต้องมาเป็นคนของข้า หนทางรวยเละอยู่ตรงหน้าชัดๆข้าไม่ยอมให้มันไปหรอก คุณไคมีร่า\" มาร์โกขยับซิการ์ในมือขยี้ แล้วกระตุกรอยยิ้มน่าเกลียด \"ขอชมฝีมือของนักล่าระดับสูงหน่อยสิ!!\"



    ฉับพลัน ไม้เท้าในมือก็ถูกขยับ บิดนิดเดียวก็กลายเป็นปืนยิงกราดไปทั่วห้อง โคลได้แต่สบถด่าอย่างเคียดแค้นก่อนขยับกายหลบหลีกไปมาอย่างเบื่อหน่าย หากแต่ว่องไว จนนัยน์ตาโปนถลนของกลัสเจียนมองไม่ทัน ได้แต่ตัวแข็งชาไปกับความสามารถของคนระดับไคมีร่า มาร์โกเองก็กัดฟันกรอดแต่ก็ยังคงยิงสาดไปทั่ว มันไวอย่างกับลิง!



    นัยน์ตาสีฟ้าของเด็กหนุ่มฉายประกายกล้า ก่อนจะพุ่งสวบแล้วเหยียบเก้าอี้ หมุนตัวกลางอากาศแล้วมาอยู่ข้างหลังของนักธุรกิจใหญ่ ขยับมือครั้งเดียวแขนก็ล็อกคอไว้ ขยับขาหักข้อเข่าแล้วตวัดมีดตัดกระบอกปืนจนไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป...



    ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น



    โคลมองตามคนทรยศที่เตรียมจะวิ่งจึงปล่อยมือจากมาร์โกโดยเร็ว แล้วพุ่งตัวสวบไปดักหน้ากระตูไว้ ยิ้มเยาะก่อนจ่อมีดสั้นไปที่คอหอยของผู้หลบหนี \"หยุดคิดหนี แล้วไปหาเฟลิกซ์ซะ\" แล้วเด็กหนุ่มก็มองไปรอบๆ เอ่ยอย่างรำคาญ \"นี่.. เอลลีน จะหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์น่ะก็ให้มันเนียนๆหน่อย แล้วมารับไอ้แห้งนี่ไปได้แล้ว\"



    ร่างที่อยู่หลังบาร์เหล้าขยับตัวอย่างรำคาญ หญิงสาววัยต้นๆผู้ซึ่งมีผมสีทอง นัยน์ตาสีเขียวอ่อนเดินมารับตัวผู้ต้องสงสัยอย่างหงุดหงิด แล้วเอ่ยถามอย่างกระแทกกระทั้นขณะร่ายเวทย์มัดกลัสเจียน \"รู้ได้ไงว่าข้าอยู่ไหน ..อ้อ แกน่ะ อยู่นิ่งๆซะ\"



    \"ก็ตอนสู้กับมาร์โกเมื่อกี๊เห็นน่ะ\" เขายักไหล่อย่างไม่เห็นเป็นสำคัญ



    คนที่มีชื่อสะดุ้งสุดตัว ทิ้งไม้เท่าด้วนๆของตัวเองไว้ หันมามองเด็กหนุ่มกับหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยเสียงน่าสงสาร \"นั่นคงเป็นคนเซ็นทอร์ใช่ไหม.. แล้วทำไมไม่ฆ่าข้าซะล่ะ\"



    \"ก็ไอ้เฟลิกซ์สั่งแค่ให้เอาตัวหมอนี่กลับ ไม่เห็นจำเป็นต้องฆ่า เปลืองแรง\" โคลเก็บมีดแล้วก็ถอดถุงมือออก ก่อนขยับกายไปทางประตู เอ่ยทิ้งท้าย \"ฝากหมอนี่ด้วยล่ะ เอลลีน บอกหมอนั่นด้วยว่ามีอะไรใหม่ให้รีบแจ้ง\"



    \"เออ จะไปไหนก็รีบไปไป๊\"



    เขาหันกลับมาหรี่ตามอง ก่อนจะเดินออกไปหาแคลร์และไลซ์ ทิ้งให้นัยน์ตาของหญิงสาวมองตาม



    ไคมีร่าที่ยังเก็บความดุร้ายไว้ได้ มีในโลกนี้จริงๆสินะ..





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×