ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Or Light

    ลำดับตอนที่ #2 : ที่ ส ถิ ต แ ห่ ง เ ท พ ด า ร์ ค ( ต อ น แ ร ก )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 60
      0
      28 พ.ย. 47



                  ในป่าอันเงียบสงบห่างไกลจากผู้คนได้มีกระท่อมหลังเล็กๆ   อยู่ในป่าลึกแต่ตอนนี้มันไม่สงบเช่นเดิมแล้ว เสียงผีเท้าของชายวัย



    50 ปีกว่าๆ วิ่งกลับมาที่บ้านหลังนั้นกระแทกประตูอย่างแรงแล้วตะโกนร้องว่า   “ ชินเรีย! ชินเรีย!  ลูกอยู่ที่ไหนออกมาเดี่ยวนี้นะ ”  เสียงร้อง



    ดังกึกก้องดัง      ไปทั่วบ้าน มีเสียงกุกกักออกมาจากห้องๆ หนึ่ง เด็กสาวผมสีเหลืองวัย 17 ปี เดินออกมาอย่างตกใจก็ตะโกนซะขนาดนั้นใคร



    เล่าที่จะไม่ได้ยิน     “ คะท่านพ่อ    ลูกอยู่นี่    มีอะไรเหรอคะ  โอ๊ย! ”



    ชายผู้เป็นพ่อจับที่ไหล่ของลูกสาวบีบเข้าแรงๆ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “  คุณพระช่วยลูกยังปลอดภัย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาดีใจ   ลูกต้องหนี



    ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย  ไปให้ไกล เท่าไรยิ่งดี! ”



    เด็กสาวมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย เมื่อพ่อของเธอปล่อยมือเธอก็เอามือกุมที่บ่าไว้เพราะความเจ็บแล้วถามขึ้นว่า  “ ทำไมล่ะคะ รึว่า.... ” ปัง!ปัง!



    ปัง! เสียงทุบประตูรัวขึ้นทุกทีแล้วในที่สุดมันก็พังลง มีทหารโครงกระดูกนับร้อยเข้ารายล้อมรอบๆ บริเวรบ้านของเขา    “ เอาล่ะ ลูก



    ต้องไปเอาสิ่งนี้ไปด้วยมันจะคุ้มครองลูกนะ ” ผู้เป็นพ่อยื่นมีดสีดำขลับให้ลูกสาว ก่อนที่เขาจะแผดเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดที่ดาบ



    เล่มโตแทงทะลุร่างของเขา  “ ลูกเป็นความหวังสุดท้ายของพ่อ   ชินเรีย ไปซะ อย่า..อย่า.. ” ผู้เป็นพ่อสิ้นใจก่อนที่เขาจะพูดได้จบประโยค



    โครงกระดูกตนหนึ่งฟาดดาบลงมาที่หน้าเธอ แต่เธอก็สามารถที่จะหลบได้อย่างสบายๆ เพราะมันเชื่องช้ามากเธอปล่อยหมัดไปที่หน้าของมัน



    อย่าแรงจนมันกระเด็นไปโดนตัวหลังซึ่งล้มทับกันเป็นโดมิโน่ “ พวกเจ้าจะต้องเสียใจที่ทำกับท่านพ่อของข้าเช่นนี้แน่! ” ชินเรียเป็นลูกสาวนาย



    พรานมีรูปร่างผอมและบอบบางแต่ใครจะรู้ว่าเธอมีศิลปะป้องกันตัวแบบชนิดที่ว่า ยามลาดตระเวณยังไม่กล้าหือ เธอลุยผ่านพวกโครงกระดูก



    แล้วพังหน้าต่างหนีออกไป เธอวิ่งไปเรื่อยๆ  จนเจอเหว ซึ่งข้างล่างมีต้นไม้สูงพอจะกระโดดไปได้แต่ก็คงจะเจ็บไม่น้อย เธอหยุดเดินและหัน



    หลังกลับ แต่ว่ากองทัพกระดูกได้รายล้อมเธอไว้หมดแล้ว    “ เอาล่ะถ้าเจ้าไม่อยากตายก็ส่งมีดนั้นมาให้ข้าซะ ”   หญิงสาวที่มีรูปร่างกำลัง



    ดีหน้าตาสะสวยผมสีขาว และปากราวกับสีเลือดได้เอ่ยปากบอก ชินเรียเลยตอบกลับไปว่า



    “ แล้วมันเรื่องอะไรกันที่ข้าจะต้องมอบสิ่งที่ท่านพ่อให้ไว้ก่อนสิ้นใจให้กับเจ้าด้วยล่ะ!? ”



    ทันทีที่เธอตอบกลับไปหญิงสาวมีท่าทีฉุนๆ ชินเรียซึ่งดูจะไม่กลัวเธอเอาเลยได้ถามสวนกลับไปอย่างท้าทาย (แต่ในความจริงเธอก็กลัวๆ อยู่



    ไม่น้อยไปกว่าที่จะเห็น สคลอร์แซม เสนอหน้ามากลางวันแสกๆ) สาวสวยปริศนาได้ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า     “ มันไม่มีประโยชน์กับเจ้า



    หรอกนะ มันต้องให้จอมเวทย์อย่างข้าใช้มันถึงจะมีค่า ” แต่หล่อนก็ยิ้มอีกอย่างโหดเหี้ยมแล้วทำน้ำเสียงเย็นๆ ว่า



    “ แต่ก็เอา ไหนๆ เจ้าก็อยากจะตายในฐานะผู้ต่อต้านอยู่แล้วนี่ หึ ”หน้าของชินเรียซีดสลดลงในทันทีเธอพยามกลบเสียงให้เป็นปกติ  (แต่ก็ยัง



    สั่นๆอยู่ดีล่ะน้า)    แล้วพูดว่า “ คิดจะทำ   อะ..อะไรน่ะ    ฮึ้ย ย้า--ห์!!! ”แน่นอนว่าไม่แปลกเลย ที่ชินเรียจะต่อต้านหล่อน เธอเหวี่ยงหมัดไปที่



    ท้องของหล่อนแต่หล่อนก็สามารถหลบได้ไปอย่างเฉียดฉิว   ขณะนี้หล่อนเริ่มมองชินเรียอย่างไม่สบอารมณ์เสียแล้ว เธอตะโกนด้วยเสียงอัน



    กึกก้องว่า     “ ทีแรกข้าก็กะว่าจะปล่อยไป แล้วชิงมีดมาแต่โดยดีนะ แต่ว่าดูสิ่งที่เจ้าทำ ข้าว่าไปตามพ่อของเจ้าที่โลกหลังความตายซะไป๊!  



    Shove!!! ” เมื่อชินเรีย     โดนพลังนี้ไปแล้วก็กระเด็นถอยหลังออกไปตกสู้ก้นบึ้งของ หน้าผา เธอไร้เรี่ยวแรงแล้วในตอนนี้ร่างของเธอกระทบ



    กับกิ่งไม้นับไม่ถ้วนก่อนที่จะกระแทกลงสู้พื้นอย่างแรง    แน่นอนว่าหญิงสาวปริศนายังตามลงมาไม่เลิกรา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น



    ว่า     “ เอาล่ะส่งมีดมาเดี๋ยวนี้! ”



    โครงกระดูกโหมเข้าใส่ตัวเธอแต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็มีคนในชุดคลุมสีดำอมน้ำเงินออกมาตวัดดาบฟันพวกมันกระจุยอย่างไม่มีชึ้นดี ก่อนที่จะ



    ร้องตะโกนว่า     “ พลังแห่งนักรบสังหารจงมองพลังให้กับข้า Dragon Slayer Cut!!! ”เขากระโดดปักดาบลงกับพื้นลงไปครึ่งเล่มมีแสง



    สีฟ้าเข้มพุ่งออกมาจากดาบไปแทบจะทุกทิศทุกทาง  โครงกระดูกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ เขาหันมาพูดกับชินเรียว่า     “ ภาวนาเข้าสิ



    กับมีดแห่งดาร์คของเจ้าน่ะ ห๊ะ! ”    เขาหันหน้ามาแล้วก็หลบ  ปลายแหลมคมที่จะทิ่มตัวเขา สาวสวยปริศนาที่หมายจะฆ่าเขา ยังมีท่าทีที่จะ



    ตวัดซ้ำแต่คฑาปลายแหลมปักลงกับพื้นนั้นดึงยาก เขาตีลังกาแล้วเตะไปที่หน้าของสาวสวยปริศนา  ทั้งเธอทั้งคทากระเด็นไปตามแรงเตะ



    ทันที (สมใจเธอแล้วดึงไม่ออกเตะทีเดียวปลิวเลย) เขาพุ่งไปแล้วง้างดาบหมายจะฟันหล่อนให้ขาดเขาตะโกนว่า “ พลังแห่งนักรบสังหาร!



    Assassin Stab!!!! ” เขาหวดดาบลงไปสาวสวยปริศนาสามารถหลบได้อย่างเฉียดฉิว พลังที่ออกจากดาบทำให้พื้นดินอันแข็งกร้าวเป็นรอย



    ลึกไม่มากแต่ใหญ่พอพลังฟาดไปถึงต้นไม้ข้างหน้าก็แตกออกเป็น 2 เสี่ยง สาวสวยปริศนามอง



    เขาอย่างหวาดกลัวแล้วตะโกนออกไปให้เขาได้ยินว่า “ ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมนะ เครอน! แต่ถึงจะมีคนระดับเจ้ามาขวางข้า ข้าก็ไม่ล้มเลิกที่



    จะชิงมีดมาเพื่อให้ดาร์คเป็นของข้าหรอกนะ ” เขาผู้นั้น   มีนามว่า   เครอน   เขาแสยะยิ้มให้ สาวสวยปริศนาคนนั้นแล้วพูดว่า     “ หึ งั้นเรอะถ้า



    อย่างนั้น      ข้าเองก็อยากจะเห็นพวกครึ่งผีครึ่งคนอย่างแกหยุดหล่อนเหมือนกัน  ราฟตี้!! ” สาวสวยคนนั้นชื่อ ราฟตี้  เธอดูหวาดกลัว เครอน



    มากกว่าเมื่อครู่นี้อีก เครอนหันมามองชินเรียแล้วพูดกันเธอว่า



    “ เอาสิ เอาเลย  แสดงให้มันถึงเห็นผู้มีสายเลือดเทพ  ปลุกดาร์คขึ้นมา  ให้ไอ้พวกไร้น้ำยานี้เห็นหน่อย! ”   ราฟตี้มองเครอนและชินเรียด้วยสี



    หน้าหวั่นๆแล้วก็พูดว่า “ นังนั่น ไม่มีทาง!ป ลุ ก ด า ร์ ค ไ ด้ แ น่ ! ”   เครอนมองเศษซากกองทัพกระดูกที่เขาเพิ่งจะจัดการมันไปหยก ๆ  



    แล้วก็พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงวางท่าและกล้าหาญเป็นเชิงเหยียดหยามว่า “ เรอะ ถ้าแกคิดยังงั้นก็ตามใจนะ แต่ว่าหากเขาไม่สามารถจะปลุกดาร์



    คขึ้นมาได้ แก่เองก็อย่าหวังปลุกดาร์คล่ะ มันคงจะชอบนักหรอกที่มีนายเป็น ครึ่งผีครึ่งคน! ”  ราฟตี้อ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่มี



    เสียงเล็ดลอดออกมา ชินเรียนั่งนิ่งด้วยสีหน้างงงวงเป็นที่สุด แล้วเอ่ยปากถามเครอนว่า  “ เอ่อ..ขอโทษค่ะ  ข้าไม่เข้าใจ  ว่าท่าน มีความหมาย



    ยังไง ข้าไม่ทราบวิธีปลุกเทพหรอกนะคะ ” เครอนมีท่าทีอึ้งไป  เขาไม่มีใครเรียกเขาอย่างสุภาพแบบนี้มานานแสนนาน เขายิ้มให้ชินเรีย  แล้ว



    ตอบว่า     “ ไม่เห็นจะยาก    เจ้าก็แค่ พูดว่า  Release เท่านี้เจ้าก็ปลดปล่อยเทพได้แล้ว แต่ต้องมีสมาธินะไม่งั้นละก็ได้เห็นขันแตกตรงนี้แน่ หึ



    หึ ” แล้วก็มีเทพสีขาวออกมาจากหลังของเครอนสีของเทพนั้นมีขาวบริสุทธิ์     สวยงามดุจนางฟ้า      เธอกุมมือคล้ายกับการ         สวด



    ภาวนาของชาวคริสต์ แล้วเอ่ยปากว่า “ Drop of light... ” แล้วก็มีสีหยดน้ำในสีขาวราวไข่มุกหยดลงตามแผลของชินเรียเกิดลีขาวจางๆ  



    แล้วแผลก็หายดี  มีวิญญาณออกมาจาก      ซากโครงกระดูกลอยขึ้นสู่ฟ้า  เขายิ้มให้กับชินเรียพร้อมพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ ไงเห็นรึยัง เจ้า



    พร้อมจะทำความปรารถนาของพ่อเข้ารึยังถ้าพร้อมก็เอาเลยสิ  Release   ปลดปล่อยมันออกมาให้สมกับที่พ่อเจ้าพยายามเสี่ยงชีวิตน้ำมันมาให้เจ้าเสียสิ!\"



    โปรดติดตามตอนต่อไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×