ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Baramos] The Prince\'s tale เรื่องเล่าของเจ้าชาย

    ลำดับตอนที่ #2 : คำสัญญา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 100
      0
      22 พ.ย. 48

    ร่างบางนั้นเดินกระทืบเท้ามาตลอดทาง หันมาค้อนให้อีกหลายวง พยายามเดินหนีเจ้าชายหนุ่ม รวมไปถึงแสดงอากัปกิริยางอนเต็มที่ ...การกระทำที่ทำให้คาโลรู้สึกเหนื่อยใจพอสมควร บางครั้งการที่ทำให้เจ้าหล่อนมีความเป็นกุลสตรีมากขึ้นก็ทำให้หล่อนงอนเก่งและมีเล่ห์กลมากขึ้นด้วย



    เขาพยายามสงบสติอารมณ์ให้นิ่งและมั่นคง.. ก่อนจะเปิดประตูห้องแล้วเชื้อเชิญให้หล่อนเข้าไปก่อนอย่างหวังเอาใจนิดๆหน่อยๆด้วยมาดสุภาพบุรุษ แม้หล่อนอาจจะไม่ได้ใส่ใจก็เถอะ



    แม่ยอดยุ่งของเขาเดินสะบัดฉึบเข้าไปแล้วก็กระโจนลงบนเตียงแล้วหันหน้ามากอดอกอย่างหงุดหงิดเหมือนเดิม เขาพยายามถ่วงเวลานิดๆด้วยการปิดประตูให้ช้าลงเผื่อหล่อนอาจจะใจเย็นลงสักนิด แม้ใจส่วนใหญ่จะบอกว่านั่นไม่เป็นผลก็ตาม



    หญิงสาวมองสบนัยน์ตาสีฟ้าสวยที่ยังคงมีแววเรียบเฉย ยิ่งเห็นอากัปกิริยาช้าๆนั่นมันยิ่งชวนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เมื่อร่างสูงค่อยๆขยับช้าๆเข้ามาใกล้ มีเพียงความเงียบสงัดที่ปกคลุมทั่วบริเวณ มีเพียงเสียงลมหายใจ และเสียงหัวใจของหล่อนเต้นอย่างรุณแรงบ้าคลั่ง..



    เจ้าชายคาโลมองสบลงไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลสดใสของหล่อน พยายามปรับลมหายใจให้เบาลง เรียกสติให้กลับมาแล้วนั่งลงข้างๆ ยังไม่ละสายตาจากร่างของหญิงสาวที่กำลังมีอารมณ์คุกรุ่น ก่อนจะยิ้มบาง.. \"ไงบ้าง ไปอยู่ห้องเดียวกับพวกโรน่ะสนุกไหม?\"



    เฟรินถอนหายใจดังพรืดอย่างหมดอารมณ์.. มันก็ยังพูดไม่ถูกจังหวะเหมือนเคย มีที่ไหนไปตามกลับมาเสื-อกถามแบบนี้! คิดแล้วก็หงุดหงิดพาลจนต้องโพล่งออกมาให้เขารับรู้ไปด้วย \"โว้ย นี่แกเรียกฉันกลับมาเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ! ไอ้ประสาท\"



    คำด่าของหล่อนกลับทำให้เขาขยับรอยยิ้ม ยิ้มอย่างอ่อนโยน.. ยิ้มอย่างอบอุ่นที่สุด จนอารมณ์หงุดหงิดของเธอถูกปล่อยให้ค้างอยู่อย่างนั้นด้วย



    เจ้าตัวกำลึงอึ้งหนัก นี่มันยิ้มรับคำด่า



    อะไรจะน่ารักขนาดนี้วะเนี่ย?



    มือของเขาค่อยๆขยับไปไล้เรือนผมสีน้ำตาลนั้นอย่างเบามือด้วยความทะนุถนอม แสงจันทร์นวลกระจ่างยิ่งทำให้หล่อนงดงามยิ่งขึ้น ...คนที่เขารัก คนที่สวยที่สุด คนที่เป็นห่วงเขาที่สุด



    \"ไม่ได้อยู่ด้วยกันสองคนนานแล้วนะ\"



    \"อือ\"



    น่าแปลกที่ความสงบเงียบที่เป็นศัตรูสำหรับหล่อนเสมอคราวนี้กลับทำให้อารมณ์หล่อนเย็นขึ้นอย่างน่าประหลาด คำพูดเพียงไม่กี่คำจากปากของเขา นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนโยน น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ฟังแล้วแทบอยากลืมหายใจ เหล่านี้กลับทำให้อารมณ์รุณแรงของหล่อนหายไปจนหมดสิ้นจนกลายเป็นคนถามคำตอบคำแทนการพูดไม่หยุด



    ลมจากนอกหน้าต่างพัดพาความเย็นสบายมาโอบล้อมทำให้บรรยากาศแสนสงบเงียบยามค่ำคืนของป้อมอัศวินดูมีมนตร์ขลังศักดิ์สิทธิ์อย่างน่าประหลาด ....ความสบายใจ นานแล้วที่เขาไม่ได้สัมผัส รวมไปถึงนานแล้วอีกเช่นกันที่ไม่ได้คุยกับหล่อนแบบนี้เลย



    มือของเขาไปถือสิทธิ์โอบกอดเอวบางไว้หลวมๆ แล้วขยับใบหน้าไปเกยคางบนหัวไหล่มนของหล่อน.. น่าแปลกอีกเช่นกันที่หล่อนไม่ได้ขัดขืนแม้แต่อย่างใด



    \"ขอบใจ\"



    นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงปล่อยให้คนตัวโตกว่ากอดโดยขยับมือไปจับแขนเขาราวกับอยากคงสภาพนี้ต่ออีกสักนิด ยิ้มออกมาแล้วเอ่ยถามเบาๆ \"เรื่องอะไร\"



    \"ทุกอย่าง\" น้ำเสียงเกือบจะเบาเท่ากระซิบแนวอยู่ข้างหู เรียกให้แก้มบางมีสีระเรื่อนิดๆแล้วก็ปรือนัยน์ตาลง ยังคงรอยยิ้มไว้เช่นเคย \"อื้อ.. ไม่เป็นไร คราวหลังอย่าทำตัวงี่เง่าอีกแล้วกัน\"



    \"งี่เง่า?.. แบบไหนกันล่ะ\"



    \"ก็..\" เธออมยิ้มแก้มป่องแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ \"แบบประมาณว่า \'แค่บอกว่าจะรับไว้พิจารณา แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำ\' แล้วฉีกกระดาษแควก.. หรือจะให้ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้อีกดีล่ะ\" ได้รับรอยยิ้มจากเจ้าตัวมาแทนคำตอบ ทำให้หล่อนใจชื้นยิ่งขึ้นแล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่พยายามดัดให้ต่ำ \" \'รู้ไหมว่าการประชุมไม่ควรไปสาย\' \'เสนออะไรที่มันเข้าท่าหน่อยสิ\' \'เรื่องนี้จะทำได้ยังไง\' บลาๆๆ แกรู้ไหมว่าทำอย่างนี้น่ะงี่เง่าชะมัด\"



    คาโลหัวเราะยอมรับความผิด แล้วหอมแก้มเธอเบาๆ \"จะพยายามแก้แล้วกัน ...ขอโทษนะ\"



    นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอีกครั้งด้วยความตื่นตะลึง ...มัน.. มันขอโทษจริงหรือนี่?? มาดเจ้าชายนักรบแห่งคาโนวาลหายไปไหนหมด? ราวกับคนที่กำลังเกยคางกับไหล่ของเธอคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น...



    แม้เธอจะพยายามเฝ้าอ้อนวอนขอให้มันเป็นอย่างนี้มาตลอด.. แต่ ความรู้สึกมันไม่ใช่แบบนี้ มันไม่เหมือนกัน... นี่มันเป็นอย่างนี้เฉพาะกับเธอ



    มันต้องทนเธอรึเปล่า มันต้องพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองมากไหม หรือว่า.. ทำอย่างนี้มันรู้สึกผิดไหม



    \"คาโล?\"



    \"....\"



    \"คือฉันสงสัย\" น้ำเสียงเฟรินเบาลง ก่อนจะหันกลับมามองสบลงไปในนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูมีแววฉงนเล็กน้อย ...ดูอย่างนี้เหมือนมันไม่คิดอะไร แต่



    ในใจมันล่ะ มันรู้สึกอย่างไรกันแน่..



    \"ว่า?\"



    \"ตอบมาตามตรงนะ\" น้ำเสียงเธอยิ่งเบาลง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบแล้วเจ้าตัวก็ตัดสินใจขยับเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นแผ่วเบาราวกับไม่แน่ใจในตนเอง \"นายคิดยังไงกับการที่ต้องมาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนแบบนี้.. ฉันหมายถึง ที่นายต้องทำตัวให้เป็นคนอบอุ่นและอ่อนโยนแบบนี้เฉพาะกับฉัน แต่กับคนอื่น นายจะเย็นชาและไร้อารมณ์ ฉันสงสัยมานานแล้ว คาโล.. อันไหนคือตัวตนที่แท้จริงของนาย เจ้าชาย? หรือแค่ผู้ชายคนหนึ่ง\"



    สีหน้าของคาโลมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อย แต่เฟรินก็ยังไม่หยุดพูด.. ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเธอมาตลอด และบุรุษตรงหน้าก็เป็นคนที่เธอควรจะพูดเรื่องนี้ด้วยมากที่สุด



    \"ฉัน.. ฉันขอบอกตามตรงว่าฉันปรับอารมณ์ไม่ถูก คาโล ...ครู่หนึ่งนายเป็นเจ้าชายที่ดี สง่างาม ดูท่าทางหยิ่งยโส แต่ก็เฉลียวฉลาดและเก่งกาจ ชำนาญเวทมนตร์เป็นที่หนึ่ง ..แต่อีกครู่หนึ่งนายก็เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา อบอุ่นและอ่อนโยน รอยยิ้มกลับไม่ใช่สิ่งต้องห้าม รวมไปถึงการกระทำของนายบางอย่างซึ่งฉันไม่ปฏิเสธว่าฉันมีความสุขกับมัน อย่างคำขอโทษเมื่อครู่นั่น ฉันดีใจมาก ดีใจที่สุด\"



    \"เฟริน..\"



    \"ถ้านายคือคนละคนกันกับเจ้าชายคาโล วาเนบลีเมื่อตอนประชุมนั้นคงจะเป็นสิ่งแสนธรรมดา แต่นี่นายกลับเป็นคนคนเดียวกัน คนที่บุคลิกสองมุมมองที่แตกต่างกันคนละขั้ว ฉันไม่เข้าใจนายเลย คาโล... ไม่เข้าใจเลย ..ความกังวลที่สุดของฉันก็คือ ฉันไม่รู้ว่าจะไว้ใจนิสัยด้านไหนของนายดี เจ้าชายที่สง่างาม หรือผู้ชายที่แสนดีคนหนึ่ง\"



    น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือ



    \"ถ้านายกำลังหลอกฉันด้วยตัวตนที่แสนดีเช่นนี้ของนาย.. นั่นคงจะเป็นความเสียใจที่สุดในชีวิตของฉัน\"



    เอวบางถูกรั้งเข้ามาช้าๆและนุ่มนวล ไม่ใช่การบีบบังคับแต่อย่างใด ...เธอซบหน้าลงกับบ่าของเขา ในขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงอยู่ข้างๆหูของเธอ แล้วเอ่ยคำพูดอย่างแช่มช้า



    \"ฉันไม่เคยหลอกอะไรนาย เฟริน.. ทั้งสองด้านที่นายเห็นคือตัวตนของฉันทั้งคู่\"



    \"...?...\"



    \"แบบแรกคือสิ่งที่ฉันถูกสั่งสอนและปลูกฝังมาทั้งชีวิต.. แบบแผนของเจ้าชาย การคิดแบบเจ้าชาย การวางตัวแบบเจ้าชาย เพราะฉันไม่เหมือนนายตรงที่ฉันเกิดมาด้วยศักดิ์ศรีของเจ้าชาย นั่นคือสิ่งที่ฉันอยู่ด้วยมาตลอดชีวิต\"



    \"...\"



    \"มันคือสิ่งที่ต้องแสดงออก เพราะฐานะในสังคมมันแตกต่างกัน ฉันอยู่ในจุดนั้น อยู่ในตำแหน่งของหัวหน้าป้อม ฉายาห้อยท้ายว่าเดอะปรินซ์ ไม่ใช่เดอะทีฟหรือเดอะเบ็กการ์ หากการวางตัวของฉันไม่อยู่ในสถานะเจ้าชาย มันจะเสื่อมเสียถึงราชวงศ์ได้ เข้าใจไหม?\"



    เฟรินพยักหน้าเบาๆ ทำให้เขายิ้มแล้วขยี้หัวเธอ



    \"แต่ที่นายเห็นเสมอๆเวลาที่ฉันอยู่กับนาย ...บอกตามตรง มันคือช่วงเวลาที่ฉันชอบและสบายใจมากที่สุด\" เขายิ้ม \"ช่วงเวลานี้อาจจะเป็นเวลาสั้นๆที่ฉันไม่ต้องคิดเรื่องฉายาห้อยท้าย ไม่ต้องมีหน้าตาหรือต้องมาพะวงเรื่องศักดิ์ศรี แสดงนิสัยของตนเองออกมาได้เต็มที่ ไม่ว่าจะร้ายหรือจะดียังไงก็ตาม ...แต่นิสัยเสียบางอย่างของฉันนายก็รับได้ ในขณะเดียวกัน ฉันก็ชอบนายที่ตัวตนแบบนี้ อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะนะ..\"



    คาโลขยับรอยยิ้มแล้วกอดเธอให้แน่นขึ้น



    \"ให้ช่วงเวลานี้ เรามาทำตามใจตนเองให้มากที่สุดกันเถอะ\"



    รอยยิ้มกว้างเป็นของหล่อน รอยยิ้มอย่างสบายใจเป็นที่สุดแล้วขยับแขนขึ้นโอบกอดรอบคอคนตัวสูงกว่า ...ความกังวลสุดท้ายของหล่อนแทบจะหมดไปแล้ว หมดไปกับความจริงใจที่มีให้แก่กัน ..เธอเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว เขาไม่เคยคิดจะหลอกอะไรเธอ



    \"บางครั้ง ในฐานะที่แตกต่าง คนเราก็จำต้องดึงหน้ากากมาใช้\"



    คำพูดของมหาปราชญ์วิลเลี่ยม



    \"ยังไงก็ตาม.. จำไว้ให้ดี เฟริน\" เขากระซิบข้างหูของเธอ... คำพูดที่ทำให้หลอ่นเคลิบเคลิ้ม ราวกับคำพูดนั้นสายลมพัดพาไปจนสุดขอบสายตา แผ่ไพศาลไปทั่วทุกทิศทาง ประกาศิตหนึ่งเดียวที่เจ้าชายได้มอบให้กับเจ้าหญิงที่ตนรักให้ทุกผู้ที่ได้ยินเป็นสักขีพยาน



    \"ไม่ว่านายจะเห็นฉันตอนไหน เฟริน.. ฉัน คาโลคนนี้ ก็จะยังเป็นคาโลของนายเสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง\"





    ฤดูแห่งการร่วงโรยมาเยือน ใบไม้สีน้ำตาลเหลืองที่หมดค่าแล้วจึงทิ้งตัวลงมาตามแรงลมที่พัดปลิวให้มาประดับบนพื้นดิน อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆต้อนรับการมาเยือนของฤดูใบไม้ร่วง แต่สำหรับชาวนักเรียนโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์ก มันคือฤดูที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก



    ฤดูแห่งการสอบ...



    ชาวป้อมอัศวินที่แสนครึกครื้นทั้งหลายจึงเปลี่ยนกิจกรรมยามว่างจากการละเล่นทั่วไปมาเป็นการนั่งเคร่งเครียดอยู่บนตัวป้อม ...เตาผิงอุ่นๆแผ่ไอความร้อนมาปกคลุมให้อากาศสบายยิ่งขึ้นราวกับให้กำลังใจ แต่นั่นไม่ได้ทำให้บรรยากาศน่าตึงเครียดนี้ลดลงแม้แต่น้อย ..ปีเจ็ดแล้ว ปีสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่เอดินเบิร์ก การสอบครั้งนี้คือตัวชี้วัดชะตา ตราที่ประดับกายติดอยู่.. อาจเป็นตราเกียรติยศ หรือตราแห่งความอัปยศ หากคะแนนออกมาดี ย่อมทำให้มีงานดีๆทำ หากตรงกันข้าม ผลเสียก็จะเกิดกับตัวเอง



    แน่นอน คราวนี้.. เจ้าตัวยุ่งจึงต้องมานั่งเครียด



    \"สงครามครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีที่แล้ว สมัยพ่อปีศาจของแกเกิดคิดบ้าอาละวาด\" เจ้าตัวพยายามเอามืออุดหูรวบรวมสมาธิ ขณะเหล่ไปมองลูกของปีศาจที่นั่งอยู่ไม่ห่างแล้วก็ท่องต่อ \"แล้วป๊ะป๋าเอวี่ของฉันก็เกิดคิดศึกอุบาทว์สงครามชิงราชบุตรเขยขึ้นมา แต่สรุปว่า ด้วยการเสียสละของไฮคิง ทำให้เกิดฝนทองทำให้แผ่นดินชุ่มชื้น ...แล้วทุกอย่างก็กลับมาแฮปปี้เอ็นดิ้งในที่สุด\"



    เจ้าตัวยิ้มร่าขณะหันไปขอความเห็น \"ไงบ้างๆๆ ถูกต้องมะ?\"



    \"นายท่องมายี่สิบแปดรอบแล้วเฟริน\" คำตอบไม่ค่อยถูกใจเจ้าหล่อนเท่าไหร่นักจึงได้แต่นั่งแก้ต่างให้ตนเอง ...ก็มันเป็นเหตุการณ์สำคัญนี่นา อาจจะออกสอบก็ได้ไม่ใช่รึ?



    \"ฉันแนะนำ\" เจ้าชายน้ำแข็งยังไม่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือประวัติศาสตร์กษัตริย์ \"นายอ่านเรื่องสงครามแบ่งแยกดินแดนสโนว์แลนด์เมื่อประมาณห้าร้อยปีก่อนดีกว่า ฉันว่ามันน่าสนใจกว่ากันเยอะ\"



    \"หา\" คิ้วเรียวมุ่นหนัก แล้วก็ยิ้มกว้าง \"ไอ้สงครามที่เกิดจากการที่น้องสาวของเจ้าหญิงแห่งสโนว์แลนด์ต้องการพิสูจน์ตนเองต่อหน้าชายหนุ่มชาวมนุษย์ที่เป็นคนรักของพี่ แล้วพี่ของหล่อนก็เป็นคนยอมตายโดยการยุติสงครามน่ะเหรอ\"



    \"ถ้านายเห็นว่าไม่สำคัญงั้นก็ไปอ่านกบฎโจรสลัดดีกว่า จำได้หมดรึยังน่ะ สมองอย่างนั้น\"



    เธอหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะคว้าหนังสือสามกิโลขึ้นมาแล้วเปิดบทนั้น ...นั่งอ่านออกเสียงดังๆกวนประสาทเจ้าชายหนุ่มเล่นๆ แม้ว่าในใจจะแอบยิ้มก็ตาม แต่แล้วความอารมณ์ดีก็ทำให้อารมณ์อยากอ่านหนังสือหมดลงเมื่อเจ้าหล่อนหบุดอ่านแล้วยิ้มกว้าง



    เจ้าชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นทำนองว่าหยุดอ่านทำไม? แต่เฟรินก็ชิงตอบเสียก่อน



    \"ยิ้มกับคนใจอ่อนที่นั่งอยู่แถวๆนี้น่ะ\" แล้วหล่อนก็หัวเราะหึหึกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้





    \"สอบ!!\"



    การพยักหน้ารับเบาๆของหัวหน้าป้อมอัศวินแสดงอย่างจริงจังว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เล่นเอาเฟรินวิ่งวุ่นไปทั่วพลางร้องลั่น \"สอบ.. เวรกรรม สอบ สอบ สอบ!!\"



    \"นายจะแหกปากไปทำไม เฟริน\" คิลเอ่ยขึ้นขำๆ ไม่เข้าใจความรู้สึกไอ้เพื่อนบ้านี่ แต่เฟรินหัวขวับกลับมา สีหน้าจริงจัง น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นก็ขึงขัง \"มันเรื่องเครียดนะเฟ้ย ไอ้คิล แกพูดอย่างกับมันเป็นเรื่องล้อเล่น\"



    \"แล้วไง.. คนอย่างแกเคยเครียดเรื่องสอบด้วยเหรอวะ\" ครี้ดหัวเราะก๊าก แล้วเจคผู้น่ารักก็เอ่ยเสริม \"ก็เห็นเอาตัวรอดมาได้ทุกทีก็เพราะไอ้คาโลมันไม่ใช่เหรอ คราวนี้ก็ทำเหมือนเดิมอีกสิ\"



    เฟรินดีดนิ้วเปาะแล้ววิ่งจี๋ไปเกาะแขนเจ้าชายหนุ่มท่ามกลางเสียงหัวเราะ แต่คาโลยิ้ม.. แล้วส่ายหน้า \"ถ้านายไม่พยายาม เมื่อไหร่นายจะเก่งล่ะ\"



    \"โธ่ คาโล.. แฟนกันก็ช่วยหน่อยสิ\" ครี้ดยังไม่เลิก แล้วก็หันไปทางเฟรินที่เริ่มหน้ามุ่ย \"เฟริน.. น่า ให้รางวัลไอ้คาโลมันหน่อยสิ\" เจ้าตัวหันไปขอเสียงหัวเราะก๊ากๆจากเพื่อนๆที่ให้การตอบรับโดยดี หญิงสาวแยกเขี้ยวแล้วก็หันไปยิ้มหวานให้กับเจ้าชายหนุ่มต่ออย่างไม่หวังสนใจเสียงนกเสียงกา



    \"หรือว่า... นายไม่อยากให้ว่าที่พระชายานายฉลาด เก่ง คอยช่วยงานนายที่คาโนวาลกันล่ะ\" เจ้าหญิงจอมกะล่อนแทบอยากกัดลิ้นตัวเองตายแทบจะในทันทีเมื่อคนเจ้าเล่ห์ยิ้มบางๆ แล้วก็พยักหน้ารับโดยดี



    \"เอางั้นก็ได้ ว่าที่พระชายา\"





    มันใจอ่อนยอมช่วยติวก็จริง ...แต่มันยังเน้นให้ผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง



    เฟรินหัวเราะแห้งๆชณะหมุนปากกาเล่น ...ฟังดูดี หรู มีระดับดีหรอกนะ แต่ความหมายน่ะมันเอาง่ายๆ! นั่นก็คือ เรียนเอง! อ่านเอง!! โดยไอ้คำว่า\"ยอมช่วย\" ของมันน่ะก็คือแค่มานั่งบอกๆว่าตรงนี้สำคัญนะ อ่านเน้นตรงนี้หน่อยนะ แต่คนอ่านคือใคร! ก็เธอไง!! อะโด่



    เธอนั่งถอนหายใจอีกเฮือก แล้วก็คว้าหนังสือหนักสามกิโลขึ้นมาทูนหัวเล่นต่อ





    ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหล่อนซีเรียสจริงจัง?



    นัยน์ตาสีฟ้ายังคงมองภาพการกระทำของเจ้าหล่อนทุกขั้นตอนผ่านทางหนังสือที่ยกมาบังหน้า มือเปิดหน้าอย่างเลื่อนลอยด้วยสายตาที่ไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือรอยยิ้มน่ารัก การกระทำแก่นๆ รวมไปถึงเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากที่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเจ้าชายของเขา



    ภาพที่อาจดูน่ารำคาญใจ แต่มันก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของเขา



    ตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา เขายังคงมองการกระทำของหล่อนและเพื่อนๆมาตลอด ...มิตรภาพ ความรัก ความลึกซึ้ง ความผูกพันระหว่างผองเพื่อนและเรื่องเปิ่นๆฮาๆ ชวนตลกขบขันและอับอาย อาจจะเป็นชีวิตวัยรุ่นที่เขาไม่เคยสัมผัส



    คาโลขยับมืออีกมือหนึ่งขึ้นมาดูจดหมาย... เมื่อรำลึกได้ถึงข้อความภายในนั้น นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยก็มีแววเจ็บช้ำและอาดูรอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เลือนหายไปโดยไม่มีใครทันสังเกตเห็น



    ภาพของเพื่อนๆทั้งหลายผ่านทางดวงเนตร เจ้าชายคาโลจึงวางหนังสือลงและนั่งด้วยท่าทีสบายๆอย่างที่แทบไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน ...สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กวาดสายตาไปรอบๆ สมองพยายามจดจำภาพความทรงจำให้ได้มากที่สุด ความคุ้นเคย ความอบอุ่นที่อาจไม่มีวันได้หวนระลึกถึงอีกต่อไป..



    เมื่อเขาออกไปข้างนอก ไปสู่โลกภายนอกแล้ว ..อาจไม่มีหัวหน้าป้อมที่ต้องคอยมาตามผู้ร่วมประชุมตามห้อง อาจไม่มีชายหนุ่มที่เฝ้าคอยบอกว่าห้องสมุดไม่ควรเสียงดัง อาจไม่มีคนที่คอยรักษาให้เหล่าสหายทโมน และอาจไม่มีชายหนุ่มผู้แสนดีและอบอุ่นอย่างที่หล่อนคุ้นเคย



    โลกภายนอก.. ที่มีชื่อว่า ราชวงศ์วาเนบลีแห่งคาโนวาล!!



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×