ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :+:The Chaos Legien :+:

    ลำดับตอนที่ #1 : อารัมภ์บท

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19
      0
      12 ต.ค. 48

    อารัมภ์บท



        สงครามมันเริ่มจากเมื่อนับทศวรรษก่อน  เหล่าพ่อมดผู้สะกดเหล่า Soul ลงบนลูกแก้วผลึกวิญญาณลงอาคม และถูกปิดผนึกทิ้งลงสู่ก้นบึ้งแห่งท้องทะเล ที่ผู้คนต่างขนานนามมันว่า

    “ทะเลแห่งความตาย” ประวัติศาสตร์ถูกเลื่อนทับ ไปด้วยประวัติศาสตร์ใหม่ และกลิ่นไอของสงคราม ที่ถูกจารึกลงบนแพนทาเคิล พวกมันถูกลืม......



        มันช่างเป็นค่ำคืนที่เฉอะแฉะอะไรเช่นนี้ เหล่าสายฝนพร้อมใจกันไหลหลั่งสร้างความชุ่มชื้น

    เสียงฟ้าฝ่า พร้อมใจกันสร้างความเกรงขาม แต่ดูเหมือนกลุ่มบุกคนหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจกับพวกมันเลย

    พวกเขามุ่งหน้าไปยังแพนทาเคิล แผ่นศิลาสถาปัตยกรรมชั้นสูง ที่ดูเก่าแก่แต่คลาสสิก มันถูกสลักไปด้วยอักษรประหลาดๆ ที่ใครอ่านก็ชวนให้ปวดหัว ชายคนหนึ่ง ในชุดนักเวทย์ขาวยาวลากดิน พร้อมใบหน้าอันเหยี่ยวย่น และหนวดเคราอันยาวเฟื้อย ชายแก่ค่อยๆเอื้อมมือไปสัมผัส ลอยสลัก

    ทุกคนคอยอย่างใจเย็น สักพักนัยน์ตาสีครามก็เบิกกว้าง



    “มันมีอยู่จริงเหล่า soul ผู้ถูกลืม” ชายแก่หันไปพูดกับเหล่าคณะเดินทาง



    “แล้วมันอยู่ที่ไหนล่ะท่านผู้เฒ่า” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามพลางใช้มือเสยผมสีแดง พร้อมใช้นัยน์ตาสีดำมองกลับ



    “พวกมันถูกลืม... มันถูกทิ้งลงสู่เบื้องล่างแห่งท้องทะเล พวกมันสงบแต่ทรงพลัง มันกำลังต่อต้านเขตอาคม มันกำลังปลดปล่อยตนเอง เพื่อหาผู้เหมาะสม” เจ้าของนัยน์จาสีคราม พูดพลางสังเกตเห็นบรรยากาศที่เปลี่ยนไป แต่ก็ไม่ได้สะกิดใจอะไร



    “แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่มนุษย์อย่างเราจะสามารถยล พลังของมัน” เด็กหนุ่มถามอย่างสงสัยก่อนจะสัมผัสได้ถึงสิ่งเดียวกัน



    “ค.ศ. 1254 เมกนิจูดที่ 725 ตามคำทำนาย มันกำลังหาผู้ที่มีอำนาจเท่าเทียมมัน ทรงพลังกว่ามัน..”







    “ช่วงปลายปีนี้พอดีเวลาแห่งการสร้างสรรค์ จะรอช้าเฉดใดล่ะออกเดินทางกันเลย” เสียงหนึ่งดังขึ้นแสดงถึงความเป็นคนอารมณ์ร้อน



    “แต่เราคงจะติดอยู่นี่อีกนานเลยล่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีดำพูดพลางเอามือเสยผมอย่างเคยตัว



    “เราขอจับพวกท่านฐานะผิดกฎบุกรุกโบราณสถานยามวิการ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากความมืดมิดเบื้องหน้า เจ้าของเสียงเดินออกมาพร้อมพลดาบ กองหนึ่ง



    “เดียวซี่พี่ชาย แค่เข้ามาทรรศนะศึกษานิดๆหน่อยๆ พอเป็นเกร็ดความรู้ไม่ได้เลยรึ” เจ้าของนัยน์ตาสีดำพูดน้ำเสียงท่อนหลังสูงขึ้นเล็กน้อย



    “อย่างน้อยถ้าจะเข้ามาก็น่าจะเสียค่าบัตรผ่านประตู เสียก่อนคงดีรายได้จะได้นำไปพัฒนาประเทศ” นายทหารพูดเสียงเรียบ



    “ถ้าเสียค่าบัตรจะเข้ามาได้ลึกขนาดนี้หรอ อีกอย่างคือบังเอิญข้า บิดขี้เกียจตอนเดินเข้ามามือมันไปซับโดนท้ายทอยพี่แกพอดี... พี่แกหลับเป็นตายแล้วจะให้ข้าจ่ายค่าบัตรได้อย่างไร” เจ้าตัวพูดพลางส่ายหัวอย่างหมดอารมณ์ช้าๆ เหล่าคณะเดินทางต่างหันไปมองเจ้าตัวดีผู้ทำให้บรรยากาศการเจรจาเสียไป เจ้าตัวก็ทำเพียงหัวเราะแห้งๆแก้ขัดไป



        บรรยากาศภายในห้องทั้งที่น่าจะเย็นกลับร้อนระอุไปด้วยสถานการณ์ที่ตึงเครียดเหล่าทหารชักดาบออกมาในท่วงท่าพร้อมต่อสู้ ทุกอย่างเงียบสงัด มีแต่เพียงเสียงจักจั่นคอยส่งเสียงร้องเหล่าคณะเดินทาง เดินถอยอย่างช้าๆ เพราะทหารที่เข้ามาปิดล้อม



    “บุกกกกกกกกก” สิ้นเสียงเหล่าทหารก็วิ่งตะลุยเข้าไป



    วืดๆ โครมๆ เสียงเหล่าทหารฟันลมจนล้มคว่ำ แต่ไม่มีใครรู้สึกเจ็บทั้งสิ้นเพราะความงุนงงมันมีอำนาจมากกว่า ภาพเบื้องหน้าปรากฏอย่างรวกเร็ว เจ้าหนุ่มผมแดง....และคำพูด 2 – 3 คำ

    ก่อนที่พวกเราจะหมดสติไป



    “ขอโทษนะแต่ข้าต้องรีบไป” เสียงคำให้การของเหล่าทหารจากเหตุการณ์เมื่อคืน

    กับสิ่งที่น่าทึ่ง คือคนหนึ่งคนกับทหารนับ สองร้อย...............



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×