ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 บันทึกแนะนำตัว...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50
      0
      16 ก.ย. 46



    เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ  ตอน  งานแรก  ตึกเก่า  และผลึกแก้วแห่งโลกปีศาจ



      บทที่ 1  บันทึกแนะนำตัว...



         ...บันทึกของฉัน วันที่  5  พฤศจิกายน  ครบ 1 ปีหลังจากความฝันที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราว

        

                  สวัสดีค่ะ  ดิฉันชื่อ   ศรี   ภิรมย์ราดา  ..ใครๆก็เรียกดิฉันว่า  ซี  หรือ C อักษรตัวที่ 3 ในภาษาอังกฤษนั่นแหล่ะ    ฟังดูเหมือนกระแดะที่เกิดเป็นไทยหน้าเหมือนสาวลาว ดั้งน้อยใจ  หรือก็คือ  ไม่มีดั้งสักหน่อย  ดันชื่อ ซี  ไม่ใช่ว่าฉันชอบหรอกนะ   แต่ผีฝรั่งตนหนึ่งเรียกฉันแบบนี้



        คุณคงสงสัยว่า  อีนี่..ถ้าจะบ้าหรือเปล่าวะ??  คำตอบ คือ   ฉันยังสงสัยตัวเองไม่หายจนทุกวันนี้...



             คุณเป็นคนกลัว”ผี”ไหมคะ??  หรือ  วิญญาณ  หรือพลังงานที่ไม่มีตัวตนในทางวิทยาศาสตร์   ส่วนตัวของฉันนั้นกลัวผีมาก  กลัวทุก ประเภทและยังกลัวทุกประเทศ  ทั้งผีบก ผีน้ำ ผีอากาศ ผีทุกสัญชาติ     เพราะงั้น.. บอกได้เลยว่า  ใครคิดอยากเป็นเพื่อนกับฉัน   โปรดอย่าได้ชวนดูหนังผีเด็ดขาด!!  ไม่งั้นได้ขาดกัน



              เหตุนี้กระมัง  ..ฉันจึงพยายามบอกตัวเองว่า ผี ไม่มีอยู่จริง  ไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้   แต่..ถึงพยายามบอกตัวเองกี่ร้อยกี่พันกี่ล้านครั้ง   ฉันก็ดั๊นกลัวผีอยู่เท่าเดิม   เท่านั้นยังไม่พอ..คุณน่าจะรู้ว่า  คนกลัวผีส่วนใหญ่มักเป็นโรคกลัวความมืดด้วย   แถมเกลียดด้วยเอ้า   ฉันเองก็เช่นกัน  ยิ่งทั้งมืดทั้งเงียบ..เงียบสงัด เงียบสงบ  เงียบฉี่ หรือเงียบอึ(ทะลึ่งจัง)   ฉันไม่ชอบสักเงียบเลย



              วันฮัลโลวีนของฝรั่งนี่ก็ศัตรูตัวร้ายของฉัน   อย่างที่คนเขาพูดกันว่า  บ้านเมืองของเราตกเป็นทาสของชาติตะวันตกไปหมดแล้ว   คุณลองนึกดูถึงเรื่องง่ายๆ  อย่าง นักแสดงไทยหรือนักร้องสมัยนี้จะเข้าวงการบันเทิงได้ต้องเปลี่ยนชื่อเป็นฝรั่ง  ชื่อของรายการทีวีต่างๆเองก็เช่นกัน   นักร้องออกเทปมา  ชื่ออัลบั้มเป็นภาษาไทยไม่ได้ต้องเป็นชื่อภาษาอังกฤษ  สินค้ายี่ห้อไทยแท้ก็ดันใช้ชื่อภาษาอังกฤษอีก    แต่ทำไม๊  ทำไม  คนไทยเราส่วนใหญ่ถึงพูดภาษาอังกฤษได้ห่วยแตก??(พูดไปพูดมารู้สึกเหมือนด่าตัวเอง)   ..เพราะฉะนั้น  วันฮัลโลวีนแบบฝรั่งเราก็ขอตามอย่างเขา   วันอื่นอย่างวันวาเลนไทน์  วันคริสต์มาส ฉันไม่ว่า  แต่..ทำไมต้องเป็นฮัลโลวีนนนนน....



             คิดดู  ..เราอยู่เมืองไทยกันแท้ๆ   แถวหมู่บ้านของฉันอยากทันสมัย  ตกลงร่วมใจกันทั้งเกือบๆหมู่บ้าน  จัดงานวันฮัลโลวีนขึ้นมา!!   อะไรมันจะถึงคราวซวยของฉันได้ขนาดนี้  นี่คือประจวบนะยะไม่ใช่กรุงเทพฯ   ..งานวันฮัลโลวีน  งานวันฮัลโลวีน??  จัดกันทำไม๊!!!!  

      

            เฮ้อ..  กว่าจะผ่านพ้นวันนั้นได้  นึกว่า  เกือบช็อกตายเสียแล้ว  มีคนสวมหน้ากากผีเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด   น้องชายตัวแสบ 2 พระหน่อของฉันก็ร่วมด้วย  หน้ากากผีทำเองกับมือด้วยนะจ๊า  พวกเขาพิสูจน์ความน่ากลัวของมันด้วยการใส่มาหลอกฉัน    คุณคงสงสัยว่า  แล้วฉันเป็นไง??   ฉันก็กระเจิงน่ะสิคะ   ต้องนอนคลุมโปงอยู่ทั้งวันทั้งคืน  ออกมาจากห้องก็ไม่กล้า   หนีออกนอกบ้านก็ไม่ได้   ทั้งกระสือ   ผีดิบ  ผีไม่มีญาติ  เผ่าพันธุ์สารพัดผีมาเต็มหมู่บ้าน  ให้ตายเถอะ!!  ...นรกของฉันที่ไม่ใช่ของคนอื่นจริงๆ



             อย่างที่เพิ่งเล่าให้คุณฟัง  สรุปได้ว่า  ฉันกลัวผีมาก  แต่นั่นก็เป็นอดีตอันยาวนานไปแล้ว  เพราะมีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นจนทำให้ฉันเลิกกลัวผีไปเลย   เออ...โกหก   ความจริงฉันแค่เลิกกลัวนิดหน่อย





    เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจหรือ?...



             ...บันทึกของฉัน วันที่  5  พฤศจิกายน  จากความฝันที่เป็นต้นเหตุแห่งเรื่องราว



          คืนนี้ฉันรู้สึกแปลกมาก  นี่คือสถานที่หนึ่งซึ่งแน่ใจว่าตัวเองไม่เคยย่างเท้าเข้าไป ทางเดินอิฐสีแดงเข้มที่โผล่มาและหายไปเพียงชั่วพริบตา  แทนด้วยความว่างเปล่า และความเย็นยะเยือกของหมอกหนาที่ปกคลุมอาณาบริเวณนั้น   แสงเงาสลัวๆราวกับยามเย็นตอนพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า  และบางครั้งก็แลดูเหมือนอากาศยามใกล้มีพายุฝน  



             แต่แล้วอากาศกลับนิ่งสงบมาก  ไม่มีแม้ลมเบาเบาพริ้วผ่าน  บรรยากาศเหมือนในหนังผีที่ฉันแสนกลัวไม่มีผิด   เบล๋อ...

      

            ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเดินอยู่  แต่เท้าทั้งสองข้างของฉันมันหายไป... ฉันมองไม่เห็นเท้าตัวเองในความฝัน  แค่รู้สึกและรับรู้ได้ว่ามันยังอยู่ที่เดิม    เท้าซ้ายของฉันก้าวไปเบื้องหน้าบนพื้นที่ดูไม่เหมือนพื้นดิน  พื้นทราย  พื้นกระดานหรือพื้นกระเบื้อง   เหมือนไม่ได้กำลังก้าวไปบนพื้นใดๆ   มันไม่มีพื้นให้เดินต่างหาก!  ฉันกำลังเดินอยู่ในหมอก ..ใช่  ฉันเพิ่งหายโง่ไงล่ะ



            เสียงร้องเพลงแว่วเข้ามา เพลงเดียวกับหนังเรื่องนางนาก ที่มีทราย เจริญปุระกับเมฆ-วินัย ไกรบุตร แสดงนำ   ฉันไม่รู้ว่าต้นเสียงมาจากที่ใด   เสียงนั้นมีหลายเสียงร้องประสานรวมกันจนกลืนเป็นเสียงเดียว   มันดังมาจากทุกทิศทุกทาง  ทั้งทางซ้าย  ทางขวา   ทั้งข้างหน้า  ข้างหลัง  ข้างบน  และข้างล่างใต้ฝ่าเท้า!  



              ฉันขนลุกซู่  หนาวจับจิต  น่าแปลกที่ถึงกระนั้นฉันกลับไม่รู้สึกกลัว  กลับรู้สึกปลอดภัยมากกว่า



               เท้าฉันก้าวไปข้างหน้า ซ้าย  ขวา  ซ้าย  ขวา   ...ฉันพยายามสั่งให้มันหยุดเดิน    แต่เท้าทั้งสองข้างไม่ยอมเชื่อฟัง  แม้นว่านั่นคือเท้าของฉัน   แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่อีกแล้ว  อาจเหมือนพวกคุณ  เมื่ออยู่ในความฝัน   ..เราไม่สามารถบังคับควบคุมสิ่งใดก็ตามที่เราควรจะควบคุมได้



               ขณะที่กำลังเดินอย่างไม่รู้จุดหมายอยู่   ฉันรู้สึกถึงความหิวที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย   ท้องของฉันร้องเสียงดังพอๆกับเสียงกระบือตัวโตคลอดลูก  



               และแล้ว..ไม่น่าเชื่อ  สิ่งที่ต้องการมันลอยมาตรงหน้าเจ้าค่ะ   ..ไก่ย่างไม้โต   ฉันคว้าหมับมากิน  อืม..อร่อยดี   ฉันนึกอยากได้ส้มตำอีกสักจาน  และข้าวเหนียวสักกระติ   แต่มันไม่มีและไม่มา



              หลังจากได้ของกิน  ฉันก็เดินอย่างสบายอารมณ์ไปเรื่อยๆ  จนถึงประตูบานหนึ่งที่อยู่ดีดีก็มาปรากฏตรงหน้า   มันถูกตั้งอยู่หนึ่งเดียว ไม่มีหน้าต่าง ผนัง หรือกรอบประตูด้วยซ้ำ    ไม่มีสิ่งใดเลย  แค่ประตูบานเดี่ยวโดดๆ



             ฉันชะงักนิดหนึ่งตอนเจอประตูนั่น   วางท่า  เอียงคอไปมาซ้ายขวาจ้องมอง  แล้วตัดสินใจใช้มือซ้ายด้านที่ไม่ได้ถือไก่ย่าง   เอื้อมไปที่ลูกบิด  หมุนไปทางขวา  จัดการเปิดประตูลึกลับให้หายข้องใจว่า  สิ่งใดกันหนอที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตู  



              มีแสงสว่างแว๊บเข้ามาคล้ายแสงจากระเบิดปรมาณูที่ได้ดูจากหนังฮอลลีวู้ด   มารู้ตัวอีกทีฉันก็มายืนอยู่ในห้องโถงใหญ่หรูหรา   ประดับประดาด้วยของราคาแพงแน่ๆ  ฉันมั่นใจ  เพราะที่บ้านของเราไม่มีของพวกนี้   ไก่ย่างในมือหายไปเสียแล้ว  ..ยังไม่ทันอิ่มเลย    ฉันมองมือขวาอันว่างเปล่าด้วยความเสียดมเสียดาย



               และแล้วก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งเดินเข้ามาจากทางด้านหลัง  ฉันได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดหวั่นว่า  ถ้าเอี้ยวตัวกลับไปมอง  ฉันจะเจอสิ่งใด?  อาจเป็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมากรออยู่    แต่ฉันก็ตัดสินด้วยความกล้าทั้งหมดที่มี...



               ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงฝีเท้านั้น    



               ...เอาล่ะ  พวกสอดรู้สอดเห็นทั้งหลาย   อยากรู้ใช่ไหมว่า  ฉันเจอกับอะไร??   ก็แค่ผู้ชายผมทองคนหนี่งที่มีใบหน้ารูปร่างท่าทางรวมถึงอายุ  เหมือนกับ  แบร็ด  พิทท์ ยังกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน....  



    .

        ศรี   ภิรมย์ราดา  สาวไม่ค่อยจะน้อย  ตัวใหญ่  วัย 19 ปี   กำลังเผชิญหน้ากับฝรั่งหนุ่มหล่อลากดินนายหนึ่งที่มีใบหน้าเหมือนกับ แบร็ด พิทท์  ดาราฮอลลีวู้ด  ผู้ซึ่งโด่งดังและเป็นที่หมายปองจากหญิงสาวทั่วโลกรวมถึงตัวของศรีเองด้วย   (แต่ขอโทษเถ่อะย่ะ  ใสเจีย..เสียใจ  พ่อเจ้าประคุณเขามีเมียแล้ว)  



                  ถ้าคุณเป็นศรี  คุณคิดว่า  แบร็ด  พิทท์  ในความฝัน..จะพูดอะไรกับเธอ??



                “ผม คือ ปีศาจ ”   นี่คือประโยคคำพูดแรกของเขา  มันคือภาษาอังกฤษ  แต่ศรีกลับสามารถเข้าใจได้ดี  ..น่าแปลก..   ทั้งที่ภาษาอังกฤษของเธอได้แค่เกรด 1  สมัยเมื่อเรียนมัธยมปลาย



        “อะไรก็เกิดขึ้นได้ในความฝัน”    ศรีคิดในใจ



                 “ใช่  อะไรก็เกิดขึ้นได้ในความฝัน”     แบร็ด พิทท์ในฝันได้ยินความคิดของเธอ



                  “คุณอยากเล่นบทปีศาจก็เล่นไปเถ๊อะ  เดี๋ยวพอตอนเช้าฉันก็จะตื่นขึ้นมา  แล้วลืมคุณไปเลย”   เธอพูดอย่างเย่อหยิ่ง   แต่ชายหนุ่มไม่โกรธ   เขาเพียงแค่อมยิ้มน้อยๆ



                 “คุณรู้ไหม  ว่า  คุณคือใคร??”    เขาถาม



                  “ฉันเป็นใครน่ะหรือ??  ฉันก็คือ....”

        

                  น่าตกใจอะไรเช่นนี้!!!   เธอได้ลืมไปชั่วขณะหนึ่งว่าเธอเป็นใคร  ชื่ออะไร   ..แต่  แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น    โชคยังเข้าข้างเธอที่คิดออกได้ทันก่อนจะหน้าแตก



                   “ศรี  ภิรมย์ราดา  ฉันมีชื่อเล่นว่า  ศรี  และชื่อจริงของฉันก็คือ ศรี  ด้วย”    ศรีตอบอย่างไม่มั่นใจนัก



                    “ใช่  ศรี  ภิรมย์ราดา  คือ  คุณ”    



                      เขาย้ำความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่เธอ  ก่อนบอกเล่ากล่าวเรื่องที่ทำให้เธอตกใจในเวลาต่อมา



                  “คุณคือ  ศรี  ภิรมย์ราดา  ในโลกมนุษย์หรือโลกแห่งความจริง  ถ้านับจากโลกนี้”    เขาพูดจาเนิบนาบ  เชื่องช้า  จนเราสามารถรู้สึกได้ว่า  ประโยคนี้ใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะพูดจบ



                    “แต่ที่นี่  โลกฝัน  หรืออีกนัยยะหนึ่ง  มันคือ  ทางเดินระหว่างโลกมนุษย์กับโลกปีศาจ  ซึ่งในโลกปีศาจนี้  คุณก็คือ  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ ”



                   พอชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนแบร็ด  พิทท์ พูดว่า  เธอคือ  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ  ..ศรีก็รู้สึกได้ว่า  คำพูดนั้นเป็นความจริง  



                  “ฉันคือ  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ ??”   ศรีพูด  และใช้นิ้วชี้ข้างขวาจิ้มไปที่อกตัวเอง  เพื่อขอคำยืนยัน



                    แบร็ด  พิทท์ พยักหน้าหงึกๆพร้อมกับรอยยิ้ม   รอยยิ้มที่ทำให้เขาดูหล่อเหลาเอาการอย่างมากๆ



                   “ไอ้ตอแหล!! ”   ศรีด่า  ถึงแม้จะรู้สึกว่า  มันน่าจะเป็นเรื่องจริงอยู่เหมือนกัน



                     ชายหนุ่มรูปงามสะดุ้งโหยง  เขาหุบยิ้มโดยฉับพลัน  แล้วตีสีหน้าแปลกใจ  งุนงง มึนเล็กน้อย   ด้วยไม่คิดว่าเธอจะด่าเขาเช่นนี้    และเพียงแค่เศษ 1 ส่วน 10  วินาที ที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจกับคำด่าที่ไม่เป็นจริงนั้น   เขารีบปรับอารมณ์และสีหน้ากลับไปสู่ภาวะปรกติ



                   “คุณก็รู้ว่า..มันคือความจริง”  เขาพูด  



                 และศรีก็รู้สึกว่ามันเป็นจริงยิ่งกว่าเดิม   เอาเถอะ..ไว้เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า  รับรองได้เลยว่าเจ้าน้องชายตัวแสบทั้งสองตัวจะต้องถูกเล่นงานอย่างหนัก  โทษฐานเป็นต้นเหตุให้เธอฝันเรื่องบ้าๆที่ดูเหมือนจริงนี่   เจ้าหน้ากากผีพวกนั้นก็ต้องถูกเอาไปทิ้ง   เธอนอนไม่สบายฝันร้ายน่าเกลียดน่ากลัวมาตั้งแต่คืนวันฮัลโลวีน   แต่ไอ้เรื่องนี้..  มันยิ่งร้ายกว่าความฝันพวกนั้นเสียอีก



             ศรีดูเศร้าลงไปมาก  ท่าทางเธอดูสับสนหนัก  ไม่ดีเลย..เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก   หมายถึงว่า  ถ้ามีน้ำลายให้กลืนนะ..  



               “ฉันไม่อยากเป็นปีศาจ   มันฟังดูชั่วร้ายออก  ฉันอยากเป็นแค่สาวน้อยแสนดีตัวโตมากกว่า”   เธอโอดครวญ    เพราะคำว่า  ปีศาจ  พอใครนึกถึง  เขาก็จะนึกถึงแต่สิ่งชั่วร้าย   ยิ่งถ้าเป็นเจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ...ต้องชั่วร้ายกว่าปีศาจธรรมดาแน่นอน



              “ใช่  ผู้คนในโลกเหมาเอาเองว่า  ปีศาจคือสิ่งที่ชั่วร้าย  แต่..พวกเขาคิดผิด”  แล้วแบร็ด  พิทท์ ก็บอกเธอต่อไปว่า



                  “พวกเราถูกใส่ความ”



        เป็นความจริงที่ฟังดูน่าตกใจเสียยิ่งกว่ามีใครบางคนมาบอกกับคุณว่า  คุณคือ  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ



        “ผมจะเล่าความจริงให้ฟัง   อาจยาวน่าเบื่อไปบ้างสำหรับคุณ  ..ได้โปรดอดทนฟังให้จบ”  เขาส่งสายตาวิงวอน   และชายหนุ่มก็เล่าเรื่องยาวๆทั้งหมดด้วยเวลาเพียงเศษหนึ่งส่วนล้านวินาที  หรือไวเท่ากับความคิดของคนฉลาดๆคนหนึ่งเลยทีเดียว  



        “ฉันเข้าใจความจริงทั้งหมดแล้ว”  ศรีตอบ  



        อันที่จริงเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถเข้าใจในเรื่องที่เขาเล่าออกมาทั้งหมดเพียงรอบเดียว  ก็แน่ละ..เขาใช้เวลาแค่น้อยนิด  เศษหนึ่งส่วนล้านวินาทีในการเล่าเรื่องราวทั้งหมด    แต่ตัวของเธอเองกลับต้องใช้เวลามากกว่าเขา   ในการคิดเกี่ยวกับเรื่องประหลาดพวกนี้ถึงครึ่งวินาที  เธอเริ่มไม่มั่นใจตัวเองอีกครั้ง   ก้มหน้ามองนิ้วเท้าซ้ายที่ดูเหมือนจะงอกออกมาอีก 7 นิ้วจากเดิม 5 นิ้ว  อย่างว่า  อะไรก็เกิดขึ้นได้ในความฝัน..



        ศรีเงยหน้ามองชายหนุ่มสุดหล่อ  ฝืนยิ้มที่ดูแสนจะแห้งแล้งให้  เธอเห็นสายตาจับผิดในแววตาของเขา

        “โอเค  ใช่  ฉันโกหก  ฉันไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้หรอก”



        เขาพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นใจ



    “ผมรู้อยู่  ...ว่าการโกหกเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำประจำจนเป็นเรื่องธรรมดา”



                 ตอนนี้ศรีเริ่มรู้ซึ้งถึงคำที่ว่า  หน้าเหลือสองนิ้ว ได้ทันควัน  



    “กรุณาช่วยเล่าอีกครั้งได้ไหมคะ   คุณแบร็ด พิทท์”  เธอขอร้องเขาอย่างเสียมิได้  



                 ตอนนี้เธอนึกอยากให้ตัวเองฝันถึงเรื่องอื่น   การเจอหมาป่าที่ชอบแต่กินเด็กสาวตัวอ้วนสวมเสื้อสีเหลืองลายจุดหรือโดนเจ้าก๊อซซิลล่าวิ่งไล่กระทืบอย่างที่เธอมักฝันเป็นประจำยังจะดีเสียกว่า  ถึงแม้จะเกลียดแสนเกลียดทุกครั้งที่ตื่นมา  แล้วไอ้ที่ไม่อยากจำก็ดันจำได้  



                เขาถอนหายใจ  มองเข้าไปในดวงตาของศรี   เขารู้ว่าเธอรู้สึกถึงสถานการณ์นี้อย่างไร  เธอหลบตาเขาและก้มมองนิ้วเท้าซ้ายที่มี 12 นิ้วอีกครั้ง



            “นั่นเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ  ตอนนี้ผมจะเล่ามันช้าๆแบบในภาวะปรกติ”  เขากล่าว  



                ชายหนุ่มอยากเขกหัวตัวเองนัก  เขาไม่น่าใช้วิธีย่นเวลาเลย  น่าจะรู้จากข้อมูลก่อนมาพบเธอว่า  ยัยนี้ไม่ได้เป็นคนฉลาด  บางทีเขาอาจคิดผิดเรื่องเธอมีดวงจิตเผ่าเดียวกับเขาอยู่



         “ก่อนอื่น  ผมขอเรียนคุณว่า  ผมไม่ได้มีชื่อว่า  แบร็ด  พิทท์  ผมชื่อว่า  ธีโอ.. และ..”



           “แต่หน้าคุณเหมือน..”  เธอแทรกขึ้นอย่างเสียมารยาท



                ธีโอต้องกลั้นหายใจอึดหนึ่งด้วยความอดทน   ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเจ้าหญิง..   เขาหวังว่าฝ่ายข้อมูลของสถาบันวิจัยที่ชื่อแสนยาวนั่นของมหาวิทยาลัยแห่งโลกปีศาจจะผิดพลาดเรื่องตัวบุคคล   แม้ความเป็นจริงที่รู้แก่ใจตัวเองว่า   พวกนั้นไม่เคยพลาดสักครั้งเดียว   และตอนนี้ 99 เปอร์เซนต์เขาก็เชื่อ..ว่าเธอใช่เช่นกัน  แต่เขากลับหวังอยากให้ไอ้หนึ่งเปอร์เซนต์ที่เหลือเป็นฝ่ายชนะ



         “ครับ  หน้าผมเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง  ชาวอเมริกัน  ดาราฮอลลีวู้ดคนนั้น   เราแค่ใช้แบบพิมพ์เดียวกันเท่านั้น   เขาไม่ได้มีดวงจิตอีกส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนเดียวกับผมเลยด้วยซ้ำ ”



          “แบบพิมพ์หรือ??   ดวงจิตอะไร??”  ดูท่า..เธอจะไม่เข้าใจคำพูดของเขาได้เลย



             ใช่  ยัยนี่ไม่ได้เป็นคนฉลาดจริงๆนั่นแหละ  แต่จะโทษเธอก็ไม่ได้  เธอไม่รู้เรื่องมาก่อน..  ยกเว้นที่เขาเล่าให้ฟังรอบหนึ่งก่อนหน้า   การเป็นพี่เลี้ยงของเธอคงไม่ใช่เรื่องง่าย    เขาคงต้องเหนื่อยอีกมาก   ตอนนี้การไต่เต้าสู่ขั้นข้าราชการอันดับสูงกว่าคงอยู่ไกลลิบ..จากเดิมที่ไกลลิบอยู่แล้ว   ถ้ารู้อย่างนี้มาก่อน..เขาไปสมัครอยู่แผนกนำทางวิญญาณเสียยังดีกว่า   ข้าราชการขั้น 481 ชั้นล่างซึ่งเขาแสนเกลียด     ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกเหมือนตอนกินความชั่วร้ายมากเกินไปจนท้องอืดคราวนั้น   ไม่น่าหาเหาใส่หัวเหมือนสำนวนของพวกมนุษย์  และต้องมานั่งปวดใจทีหลัง   สมน้ำหน้าตัวเองดีนัก  เจ้าข้าราชการระดับกลางขั้น  215  กรมพิเศษประสานงานโดยตรงกับราชสำนักส่วนใน   ..ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายท้องอีกครั้ง



             “คุณคงเคยได้ยินที่เขาพูดว่า  เรามักมีฝาแฝดอีกคนที่เราไม่รู้จัก  อยู่ที่ใดสักแห่งในโลก ”



             “ใช่  รู้สึกเหมือนฉันจะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อน”  ศรีบอก



               “และแน่นอนที่ว่า  บางครั้งคนเราอาจจะหน้าเหมือนคนบางคนในอดีตราวกับว่า คือคนเดียวกัน  แม้ไม่ได้สืบสายเลือดเดียวกันเลยก็ตาม   หลายครั้งที่ต่างชาติต่างภาษา  แสดงให้เห็นว่า  กาลเวลาและสถานที่ไม่สำคัญ”  



              “แต่คุณเป็นปีศาจ   แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”  เธอถามด้วยความสงสัย



                “สวรรค์เป็นคนสร้างแบบพิมพ์เกี่ยวกับส่วนต่างเพื่อใช้จำแนกแยกแยะ  ทั้งของโลกมนุษย์และโลกปีศาจ  รูปร่างหน้าตาของผมและเขาคนนั้นมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน”



                  “ถ้างั้นใครเป็นคนสร้างแบบพิมพ์ที่ใช้ในสวรรค์”



                 “นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้  ทุกคนงดงามเท่ากัน”  เขาอธิบายอย่างใจเย็นที่สุด



                “แล้วเรื่องดวงจิต”



               “นั่นรวมอยู่ในเรื่องที่ผมกำลังจะเล่าให้คุณฟัง” เขากล่าว  และสูดลมหายใจเข้าปอดลึกลึกทีหนึ่ง  มันช่วยให้รู้สึกดีขึ้น แย่ล่ะ..เขาเริ่มติดนิสัยพวกนี้มาจากมนุษย์  เพราะตามจริงแล้ว..ปีศาจไม่ได้ต้องการอากาศ  จำพวกออกซิเจนสักหน่อย  ก็ไม่มีใครหายใจเป็น   และเขาก็ไม่แน่ใจหรอกว่าตัวเองจะมีปอดอะไรที่ว่านี่เหมือนกับคนเขาด้วย



                แต่มันช่างให้ความรู้สึกที่ดีมาก   เขาจึงทำมันอีกครั้ง  เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกลึกอีกสองที  ก่อนเริ่มเล่าเรื่องความเป็นมาทั้งหมดให้ศรีฟัง



             “จักรวาลประกอบด้วยโลก 3 โลก  คือ โลกสวรรค์  โลกมนุษย์  และโลกปีศาจ  เหมือนชั้นของแซนวิช  แต่ทว่าทั้งสามโลกนั้นต่างมาจากจุดกำเนิดเดียวกัน    คล้ายแฝดสาม     เพียงมีหน้าที่หรือบทบาทความสำคัญต่างกันเท่านั้น   กล่าวคือ  สวรรค์มีหน้าที่ควบคุมให้คนทำความดีเป็นตัวแทนแห่งความดี  และเป็นที่แรกที่ดวงจิตแห่งสามโลกถือกำเนิด    ดวงจิตหนึ่งดวงแบ่งตัวออกเป็นสาม  และพุ่งทะยานไปสู่การกำเนิด

              ดวงจิตส่วนแรกถือกำเนิดในสวรรค์   ดวงจิตส่วนที่สองถือกำเนิดในโลกมนุษย์  และดวงจิตส่วนสุดท้ายถือกำเนิดในโลกปีศาจ   และผู้ใดในโลกมนุษย์ที่มีดวงจิตทั้งสามโลก  เขาเหล่านั้นได้ถือกำเนิดมาพร้อมกับหน้าที่สำคัญ  คือมีหน้าที่ข้องเกี่ยวกับสวรรค์   มนุษย์  และปีศาจ    ...คุณเองก็เช่นเดียวกัน”



            “ฉันเนี๊ยนะ..  มีดวงวิญญาณถึงสามดวง”



            “ไม่ใช่ดวงวิญญาณ  มันคือดวงจิต  ไม่เหมือนกัน   ..มนุษย์หนึ่งคนมีดวงจิตในตัวหนึ่งดวง  พอตายไปแล้วก็เท่ากับละทิ้งร่างกาย  หรือแค่ดวงวิญญาณ”



             ศรีเกาหัว  เธอยังไม่เข้าใจอยู่ดี



             “ตกลงว่า  มันต่างกันอย่างไร???”



              “ในดวงวิญญาณก็ยังมีดวงจิตอยู่น่ะสิ   ดวงวิญญาณอาจถูกทำลายลงได้  แต่ไม่มีใครสามารถทำลายดวงจิตหรือจิตวิญญาณลงได้   อย่างมากมันก็จะแค่หนีไปสู่จุดเริ่มต้นของการกำเนิดอีกครั้ง”



              “เอาล่ะ  ฉันไม่ใช่คนฉลาดนักหรอก”



               ใช่..  ธีโอเห็นด้วย  



             “ตกลงว่า  ฉันมีดวงจิตสามดวง  แน่ใช่ไหม??”  



              ธีโอพยักหน้ายืนยัน  



             “ไม่น่าล่ะ  แม่ถึงพูดบ่อยๆว่า  ฉันกินข้าวเท่ากับคนสามคน  ...ไอ้ดวงจิตนี่เอง”  ศรีพยักหน้าหงึกๆ เพิ่งเข้าใจถึงต้นเหตุน้ำหนักส่วนเกิน...



              ธีโอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ท่าทางเซ็งจัด   ใช่...งานนี้หนักจริงๆ



              “สวรรค์มีหน้าที่ควบคุมให้คนทำความดี  เป็นตัวแทนแห่งความดี และรักษาสิ่งบริสุทธิ์” เขาอธิบายอย่างใจเย็นที่สุด



              “โลกมนุษย์นั้นมีหน้าที่คอยปลุกจักรวาลไม่ให้หลับไหล   หรือก็คือทำให้จักรวาลตื่นอยู่ตลอดเวลา  เพราะถ้าเมื่อใดที่จักรวาลหลับ  หายนะจะมาสู่ทั้งสามโลก   ด้วยความสำคัญในหน้าที่นี้  มนุษย์จึงได้อภิสิทธิ์ในการเลือกกระทำทั้งความดีและความชั่ว”

    “ส่วนโลกปีศาจ  หน้าที่คือดูดกลืนความชั่วที่มนุษย์ได้กระทำ   ความชั่วของมนุษย์คืออาหารของชาวปีศาจ   แต่ไม่ใช่ว่าปีศาจจะยินดีในการทำชั่วของมนุษย์   ดังเช่นคนกินอาหาร  ถ้ากินมากก็จะไม่สบายปวดท้อง  หรืออันที่จริงถ้าจะเปรียบไป   ชาวปีศาจเหมือนพนักงานของเทศบาลที่คอยกำจัดขยะ  ความชั่วก็คือขยะ  ถ้าขยะมากเกินไปก็จะล้นโลก   ชาวปีศาจจึงมีหน้าที่รักษาสมดุลของสองโลก  เพราะถ้าโลกใดโลกหนึ่งไม่สมดุลก็จะกระทบต่ออีกทั้งสามฝ่าย“



              “แล้วนรกมีจริงไหม??”  ศรีถาม    



               “มีจริงสิ   อีกหน้าที่หนึ่งของโลกปีศาจ    ไม่สิ..ต้องใช้คำว่า  อีกแผนกหนึ่ง คือ พนักงานควบคุมนรก  ลงโทษคนชั่ว  ส่วนคนดีก็ส่งไปสู่สวรรค์  และอยู่ในดินแดนสุขวดี”



                ศรีนึกถึงเรื่องที่เธอแอบกินขนมเค้กในห้องครัว  ซึ่งจะเอาไปฝากเพื่อนของพ่อไปถึงครึ่งก้อน และยังโกหกแม่  ด้วยการใส่ร้ายน้อยชายคนเล็ก   ขนมเค้กครึ่งก้อนกับการตกกระทะทองแดงมันไม่คุ้มเลย..



             ธีโอมองหน้าศรี   เขารับรู้ความคิดของเธอ   เขาหัวเราะในใจ   ..พวกเขาไม่มีเวลาว่างกับการลงโทษคนแอบกินขนมเค้กแค่ครึ่งก้อนกับโกหกแม่ด้วยเรื่องเล็กน้อยนี้ได้หรอก    เขาแกล้งไม่บอกเธอเรื่องนี้  ..ปล่อยให้ว้าวุ่นใจไปสักพักดีกว่า  



               เขาสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัว   เริ่มตั้งสมาธิใหม่อีกครั้ง  



                “แต่ก็มีบางครั้งที่พนักงานควบคุมพิจารณาวิญญาณเผลอเรอ  ปล่อยให้วิญญาณชั่วเล็ดลอดหลบหนีกลับคืนสู่โลกมนุษย์  ความวุ่นวายจึงบังเกิด  เท่านี้ยังไม่พอ..วิญญาณชั่วได้แอบอ้างอาศัยชื่อของชาวปีศาจ  ใส่ความโลกปีศาจจนทำให้ได้รับความแปดเปื้อน   พวกนี้..ชาวปีศาจเราเรียกว่า  ผีร้าย ”



               “พวกผีนี้ร้ายสมชื่อ  มันคอยกระตุ้นให้มนุษย์ทำชั่วมากๆ  เพื่อตัวเองจะได้มีพรรคพวกในทางชั่วมากขึ้น  เป็นการขยายอิทธิพล  และทำให้ชาวปีศาจต้องทำงานหนักขึ้น   ความชั่วของคนทำให้ชาวปีศาจต้องดูดกลืนกินเพื่อกำจัดทิ้งมากเกินไป   และต้องล้มป่วยลงด้วยอาการท้องเสีย  ท้องเดิน หรือหนักที่สุดคือไข้หวัดใหญ่  ดังนั้นประสิทธิภาพในการตามหาพวกมันก็จะลดน้อยลงไปด้วย  แต่ผีร้ายก็เกรงกลัวปีศาจมากเพราะต่อให้มันมีอำนาจมากกว่ามนุษย์  เป็นผีร้ายที่มีอำนาจมากที่สุดก็ยังต้องพ่ายแพ้แก่ชาวปีศาจที่มีอำนาจน้อยที่สุดอยู่ดี  เนื่องด้วยชาวปีศาจมีหน้าที่ควบคุมพวกมันลงนรกชดใช้กรรมชั่วที่ได้กระทำเมื่อตอนเป็นคน   ผีร้ายจึงต้องคอยหลบซ่อนตัวไม่ให้ชาวปีศาจค้นพบเจอ  และสถานที่ที่มันจะหลบซ่อนได้ดีที่สุดก็คือจิตใจชั่วร้ายดำมืดของคน  ด้วยจิตใจของคนมันลึกลับซับซ้อนยากแก่การค้นหา   แต่ง่ายต่อการให้ความชั่วสิ่งสู่ครอบงำ”



               “แต่ไม่ต้องห่วง  ทุกอย่างมีข้อยกเว้น   พวกผีร้ายไม่สามารถทำร้ายคนที่มีจิตใจดีงามและหมั่นกระทำดีได้   ด้วยคนเหล่านี้มีความดีที่เขาทำเป็นเกราะคุ้มกันภัย”



                 “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียนตอนบ่ายๆแล้วฟังการสอนของอาจารย์วิชาสังคมศึกษาสมัย ม.2   ฉันหลับทุกที   โชคดีที่ตอนนี้ฉันกำลังหลับอยู่จริงๆ ”  ศรีเอามือปิดปากหาว  เหยียดแขนทั้งสองข้างบิดขี้เกียจ  และยิ้มให้ธีโอ   แต่เขาไม่ตลกกับมุขของเธอ   หน้าเขาแดงจัด  ท่าจะโกรธ..



                 “ทั้งสามโลกจึงกำเนิดเด็กหญิงคนหนึ่งขึ้นมาไว้เพื่อคอยปราบปรามตามหาจับกุมผีร้าย  และเด็กหญิงคนนั้นก็คือคุณในตอนนี้ “



               “เดิมทีดวงจิตของคุณได้ถือกำเนิดจากที่เดียวกัน  และแบ่งแยกตัวออกเป็นสาม เพื่อไปสู่สามโลกดังเช่นดวงจิตอื่นๆที่เกิดมาพร้อมกับหน้าที่  แต่ทว่าภายหลังดวงจิตของสวรรค์และปีศาจได้หล่อหลอมรวมสู่ดวงจิตในโลกมนุษย์  และหลับไหลอยู่ในร่างของมนุษย์   พลังแห่งสามโลกอยู่ที่คุณ..ศรี  เพื่อที่คุณจะได้มีอำนาจเหนือมนุษย์ผู้อื่น  และผีร้ายจะทำร้ายคุณไม่ได้   โดยอำนาจของชาวปีศาจที่จะปราบปรามผีร้ายมีมากกว่าอำนาจของชาวสวรรค์  เพราะถ้าคุณมีอำนาจของสวรรค์มากเกินไป  ซึ่งคือความดีที่บริสุทธิ์   คุณจะร้ายใส่ใครไม่ได้เลยแม้จะเป็นผีร้าย    แต่บางครั้งก็สามารถมีอำนาจของสวรรค์ได้มากกว่า  เป็นอำนาจแห่งความดีงามที่ทำให้ผีร้ายยอมที่จะกลับใจไปชดใช้กรรมในนรก    

               อ้อ..ก่อนที่ดวงจิตแห่งสามโลกจะรวมกัน   ในโลกปีศาจ..คุณได้ถือกำเนิดเป็นลูกสาวของพระราชาและพระราชินีแห่งโลกปีศาจ   ผมถึงเรียกคุณว่า  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ  ไงล่ะ”



                 เขารีบอธิบายรวดเดียวจบ  และรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้างแล้วในตอนนี้



                  ศรีอ้าปากค้าง   ดวงตาโตเบิกโพล่งกว้าง  หน้าเธอซีดขาวเหมือนกระดาษและแดงเหมือนชมพู่มะเหมี่ยวสลับกันไปมา   และที่แย่กว่านั้นคือ  กล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มกระตุกเต้น   ตาขยิบทั้งซ้ายขวาจนไม่รู้ว่าร้ายหรือดี  ปากเธอสั่นเล็กน้อย  ก่อนพยายามรวบรวมสติและสมาธิเท่าที่มี  หลังจากพวกมันกระเจิงไปไกล



                “ปราบผีหรือ?   คุณหมายถึงฉันต้องปราบ  เออ...ผี”  ศรีถามธีโอด้วยเสียงแผ่วเบา สั่น  และแหบพร่า



               “ใช่”



                 “แน่ใจนะว่า  ฉันต้องปราบ..”  เธอถามซ้ำ  



                “ผี  ไม่ใช่ผีธรรมดา  เป็นผีร้ายด้วย”  เขาตอบ  น้ำเสียงหนักแน่น



    ตอนนี้ศรีรู้สึกอยากจะเป็นลมและสลบลงไปเดี๋ยวนี้  จะได้ไม่รับรู้เรื่องราวอะไร   แต่เธอก็ไม่อาจทำได้...







              …เอาล่ะ  นี่มันความฝัน   ความฝัน  เป็นแค่ความฝันเท่านั้น   ฝันโง่ๆ  ฝันบ้าบอ  ฝันห่วยแตก  อาจเป็นเพราะแตงโม 2 ลูก  ไอศกรีมกะทิ 4 ถ้วย   ครองแครงกรอบถุงใหญ่  ที่กินก่อนเข้านอนทำพิษ  ฉันไม่เชื่อ  ฉันไม่เชื่อ  …ต่อให้วิลลี่ แมคอินทอช   เดินมาสารภาพรักกับฉัน  และเขี่ยยัยเยลหลีทิ้งตกเหวลึกต่อหน้าฉัน   ยังมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า   แต่เรื่องแบบนี้มันไม่..   เอาล่ะ..ต้องตั้งสติดีๆ   ศรีเอ๋ย  มันก็แค่ฝันร้ายเหมือนทุกครั้ง  



                โธ่…  ถึงแม้ธีโอจะหล่อมาก  หล่อลากดิน…



                “ขอบคุณครับ”  ธีโอยิ้มให้เธอ   ไม่ใช่เรื่องที่ชาวปีศาจจะทำกันนัก  



               ..เขารู้ดี  ตอนนี้..เธอกำลังสติแตก



            ศรีลืมไปว่า  ธีโออ่านความคิดได้  หน้าเธอแดงด้วยความอับอาย



           “ฉันรู้   ว่าคุณอ่านความคิดคนได้   แต่ไม่เป็นการเสียมรรยาทหรือไร?”



             “ผมไม่ได้อ่านความคิดคุณ   ผมแค่รับรู้ได้  มันเป็นเรื่องปรกติสำหรับเรา”



             “สำหรับพวกปีศาจน่ะสิ”



            “ครับ  สำหรับพวกปีศาจ   แต่คุณอย่าลืมว่า  คุณก็เป็นปีศาจ”



              “ฉันเป็นมนุษย์ย่ะ   อย่างน้อยก็เป็นมาตั้ง 19 ปี  และคิดจะเป็นต่อไปอีก 99 ปีด้วย   และมนุษย์หรือว่า คน   เขาไม่เสียมารยาทด้วยการแอบฟัง..”



            “ไม่ได้แอบฟัง  มันเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของเรา”



              “ก็ได้  ไม่ได้แอบฟัง   แต่ก็ช่วยเคารพสิทธิส่วนบุคคลกันหน่อย   ไม่ควรฟังความในใจของคนอื่น  และไม่ต้องใช้คำว่า เรา   ไม่ต้องเอาฉันไปรวมเป็นพวกด้วย”



               “ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก   มันได้ยินของมันเอง  ที่คุณชมว่า  ผมหล่อ  คำชมแบบคน”



               ถึงตอนนี้  ศรีหน้าแดงมากกว่าเดิม  และเริ่มโกรธกับโมโหอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน    เธออยากให้อารมณ์ระเบิดออกมา  เหมือนไข่ไก่ทั้งใบ  ที่ไอ้โง่หน้าไหนก็ได้  พยายามเอาไข่ใส่ถ้วยซึ่งมีน้ำและต้มมันในไมโครเวฟ   เหมือนที่เธอเคยทำเมื่อครั้งหนึ่ง   นานมาแล้ว



            “ฉันต้องใจเย็น  ใจเย็นไว้”  เธอสูดลมหายใจเข้า  และผ่อนลมออกมาทางปากอย่างช้าๆ แผ่วเบา



            “คุณต้องรับตำแหน่ง” ธีโอรอไม่ไหว



              “อะไรนะ?” ศรีขมวดคิ้ว



             “ผมมาที่แห่งนี้  เพื่อต้องการให้คุณรับตำแหน่ง  คุณต้องรับตำแหน่งก่อนถึงจะใช่อำนาจพิเศษที่มีได้”



            “ประเดี๋ยวก่อน  ข้ามขั้นตอนไปหน่อยไหม   คุณแบร็ด  พิทท์”



             “ธีโอ”  เขาท้วง  สีหน้าไม่ค่อยพอใจ



              “โอเค  ธีโอ    ฉันคิดว่า  คุณควรจะถามฉันก่อนล่ะนะ  ว่าฉันอยากจะเป็นเจ้าหญิง   หมายถึงรับตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ   ผู้ลงมาจุติ  เพื่อรับหน้าที่ปราบผีร้าย  ไอ้ตัวที่ไม่ยอมไปลงนรกเพื่อชดใช้กรรมที่ตนเป็นคนก่อไว้  ตอนเกิดเป็นคน  …บ้างไหม??”



             “คุณเป็นอยู่แล้ว  มันเป็นหน้าที่  ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม”



             ศรีกอดอก  ตีสีหน้ายียวน  หรี่สายตามองเขา  ท่าทีที่เธอชอบทำตอนขู่น้องชาย



               “อ๋อ  ง้านหรือออ…”  เธอลากเสียงยานคาง  แกล้งผงกหัว  เหมือนว่าเข้าอกเข้าใจเสียเต็มประดา



              “มีเงินเดือนไหม??”  ศรียิงคำถามเด็ด



              “อะไรนะ??”  ธีโอถามงุนงง  เขาไม่ได้เตรียมตัวมา  เพื่อตอบคำถามเยี่ยงนี้



             “แล้วสวัสดิการสังคมล่ะ??  ค่ารักษาพยาบาล  ค่าโอทีทำงานนอกเวลา  ค่าทำงานนอกสถานที่  เบี้ยหวัดรายวัน   โบนัสปลายปี”



               “ขอโทษทีครับ   คุณคงเข้าใจผิด  ผมตามคุณไปปราบผี   รับตำแหน่งปราบผีร้ายซึ่งซ่อนอยู่ในเหวลึกดำมืดแห่งจิตใจมนุษย์   เป็นสถานที่ที่แม้แต่ชาวปีศาจก็เข้าไม่ถึง   ผมไม่ได้มาตามคุณไปเป็นพนักงานบริษัท  หรือครูโรงเรียนอนุบาลนะ!!”



              “นั่นไง  มีอีกคำ  เหวลึกดำมืดแห่งจิตใจของมนุษย์   ฉันได้เรียนศัพท์ใหม่อีกคำ  และถ้าไอ้นั่น  ชาวปีศาจเข้าไม่ถึง   แล้วคุณจะยัดเยียดไอ้ความเป็นปีศาจให้ฉันทำไม??”



                “ชาวปีศาจธรรมดาเข้าไม่ถึง   แต่คุณเข้าถึง”



              “อู้ย  นี่ฉันดีใจจนตัวสั่นไปหมดแล้วนะ   ความรู้สึกสดชื่นซาบซ่าน  ปลื้มใจเสียไม่มี  เหมือนตอนได้มงกุฎนางงามจักรวาลเปี๊ยบเลย”  เธอประชดประชันแดกดันเขา



                “แต่ขอโทษเถอะย่ะ  นายธีโอสุดหล่อ   ฉันไม่รับงานนี้  ฉันเพิ่งอายุ19 ปี   กำลังอยู่ในวัยสดใสน่ารัก  ต้องมีเวลาไปเที่ยว  ดูหนัง  ฟังเพลง  อ่านการ์ตูนญี่ปุ่น  และกินอาหารเย็นภายใต้แสงเทียน แสงจันทร์และแสงดาว  กับแฟนหนุ่มสุดหล่อ   แล้วพ่อแม่ก็หวงฉันมาก   ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของพวกท่าน  ลูกสาวคนโตด้วย  และต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องๆ  น้องชายสุดที่รักของฉันสองคน  จะให้ฉันบอกพ่อแม่อย่างไรล่ะ   อ้อ..หรือให้บอกแบบนี้”

      

              “…สวัสดีค่ะ  พ่อแม่สุดที่รัก   ขอบคุณที่เลี้ยงดูหนูมาถึง 19 ปีเต็ม   ตอนนี้หนูกำลังจะย้ายออกนอกบ้านเพราะหางานทำได้แล้ว  -- และพ่อแม่ของฉันก็จะตีสีหน้าดีใจสุดชีวิต   แล้วพูดว่า -- ดีจริง   งานอะไรหรือลูกรัก??  -- ฉันก็จะยิ้มให้พวกท่านด้วยรอยยิ้มซึ้งๆ  และพูดว่า  -- งานปราบผีค่ะ  หนูมีตำแหน่งสูงนะคะ   ตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ   และหนูต้องเดินทางไปปราบผีค่ะ   รับปราบผีร้ายทั่วราชอาณาจักร  ขอพ่อแม่อย่าได้เป็นห่วง  หนูรักงานนี้ค่ะ  -- และฉันก็จะยิ้มหวานจ๋อยให้พวกท่านอีกครั้ง”  



               “….แต่รับรองได้ว่า  ไม่ทันได้เก็บกระเป๋าก้าวเท้าเดินออกมา  พ่อกับแม่และน้องชายสุดที่รักสองคน   ได้จับฉันส่งโรงพยาบาลบ้า  ศรีธัญญา  หรือถ้าเงินพวกท่านมีเหลือมากพอ   ฉันอาจโชคดี..ได้เข้าโรงพยาบาลบ้าที่เป็นโรงพยาบาลของเอกชนชั้นหนึ่งแทน”



               “ตามข้อมูลที่ได้มา  คุณไม่มีแฟน  ไม่มีหนุ่มสุดหล่อที่จะพาคุณไปกินมื้อเย็น”



                ศรีโกรธที่เขาจับไต๋ได้  เธอระงับความโกรธ  และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ  เย่อหยิ่ง



                “ใช่   งั้นนายก็ควรรู้ไว้ด้วย   ไอ้ข้อมูลที่นายไม่ได้มา”



                  “อะไรครับ”  ธีโอพาซื่อถาม



                ศรีกัดกรามแน่น  พูดรอดไรฟันออกมาว่า



               “ฉันเป็นโรคกลัวผีมากที่สุดในชีวิตน่ะสิ  ไอ้บื้อเอ๊ย”



                            จบบันทึก

                            ตอนแรก เจอธีโอ

                            ต้องอ่านหนังสือให้มากขึ้น

                            บางคำสะกดผิดแหง๋

                            เราคงเขียนเล่าโง่ๆ

                            ช่างเถอะ..

                            งานประจำ..

                            ปราบผี…ไม่ชอบ

                            งานหลัก

                            …นางงาม

                                

    …จบบทที่๑…..





    เรื่อง  เจ้าหญิงแห่งโลกปีศาจ



    เขียนโดย  ดารา  เสาวคนธ์







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×