พี่ที่แสนดี - พี่ที่แสนดี นิยาย พี่ที่แสนดี : Dek-D.com - Writer

    พี่ที่แสนดี

    เป็นความรักที่อาจจะดูข้ามรุ่น แต่มันก็เป็นสิ่งที่สวยงามระหว่างคนสองคน

    ผู้เข้าชมรวม

    486

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    486

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ก.พ. 47 / 20:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      พี่สาวผู้ใจดี
                                          
                                       ผมรู้อยู่แก่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับพี่เขา แต่เมื่อผมสบตามองเธอครั้งใด ความรู้สึกดังกล่าวกลับเจิดจ้าขึ้นทันใด ผมเองก็เพิ่งเจ็บปวดมากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอตอบผมว่าให้เป็นเพื่อนกันไปจะดีกว่า ผมเองค่อนข้างฉลาดไปตีความว่าเธอคงยินดีให้เราคบกันฉันเพื่อนไปก่อนแล้วค่อยพัฒนาความสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ แต่เธอกลับปฏิเสธการติดต่อของผมหมดทุกทาง อย่างนี้ไม่ให้ผมครวญครางร้องไห้ฟูมฟายได้อย่างไร
          แม้เธอจะเป็นดอกไม้ดอกเดียวในที่ทำงาน แต่เธอเป็นเหมือนที่พึ่งแห่งสุดท้ายที่ผมมีอยู่ ผมเล่าเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอฟัง เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่คนนี้ก็ดูนิสัยดี คอยรับฟังและให้คำปรึกษาผมเสมอว่าลองพยายามติดต่อเธอบ่อยๆ ซักวันเธอต้องใจอ่อนหากผมไม่คิดยอมแพ้เสียก่อน ไม่งั้นก็ควรทำใจยอมรับความจริงของการอกหักซึ่งดีกว่ารักใครไม่เป็นเป็นไหนๆ ในยามทุกข์รุ่มร้อนใจเช่นนี้ผมย่อมสบายใจ ผ่อนคลายได้เยอะเพราะมีพี่ที่แสนใจดีคนนี้อยู่เคียงข้าง
          “ผมมีความสุขมากเลยพี่…วันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มันเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำจริงๆ”
          “ทำไมเหรอ…พี่ว่าน้องตั้มควรหาโอกาสไปพักผ่อนเที่ยวทะเลบ่อยๆนะ”
          “ไม่ใช่พี่…คือว่า…คนที่ผมแอบชอบเขาไปด้วยสิ”
          “แล้วยังไงล่ะ?”
          ผมได้เล่าเรื่องราวการเดินทางไปพักผ่อนชายทะเลที่บ้านกรูด เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เธอฟัง มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจมาก เพื่อนฝูงคนใกล้ชิดทั้งหมดที่ไปต่างอำนวยความสะดวกให้ผมอยู่กับคนพิเศษสองต่อสอง ทั้งที่ริมทะเลตลอดทั้งวัน และยามเช้าตรู่ แต่ผมกลับรวบรวมความกล้าได้ช้าเต็มที จึงได้คุยกับเธอช้าไปในยามรุ่งขึ้นของวันเดินทางกลับ แล้วก็ได้การตอบรับอย่างถนอมน้ำใจจากเธออย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ผมแอบฝันละเมอถึงความเป็นไปในอนาคตข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ข้างเดียว ที่แท้ก็เป็นฝันกลางวัน!!! เฮ้อ !!
          สองสามวันมานี้ ผมเหมือนมีไฟสุมในกายตน มันร้อนไปหมดไม่สามารถดับไฟแห่งความคิดถึงลงได้ จิตใจไม่อยู่กับตัว ไม่อยู่กับงาน จ่อมจมอยู่กับภาพชายทะเลและรอยยิ้ม ความสนุกสนานของวันวาน มันน่าประทับใจไหมล่ะ….ขนาดเพื่อนที่ไปเที่ยวที่ดูไพ่ยิบซีเป็น ยังทำนายทายทักว่าผมเป็นคนรักเก่าที่จะกลับมาหาผู้หญิงคนพิเศษอีกครั้ง แต่ต้องให้เวลาตัดสินใจแก่เธอหน่อย ผมเปิดไพ่ได้ใบที่แม่หมอพูดไว้ว่าเป็นรักสามเส้า ให้ระวังไว้ให้ดี และจะต้องเจออุปสรรคเป็นเรื่องยากที่จะสมหวัง
          “ไม่เป็นไรหรอก…ทำใจดีๆ ไว้”
          เพื่อนรุ่นพี่ยังคงพูดปลอบผมอยู่ตลอดยามที่เห็นผมนั่งเหม่อลอย ผมมองหน้าพี่เขาด้วยแววตาของคนหมดอาลัย เจ็บปวดสุดจะเกินทน พี่เขาก็มองตอบด้วยความเข้าใจ เพื่อนๆ ในห้องที่ล้วนเป็นผู้ชายต่างทำสีหน้าเป็นห่วงผม มีแต่พี่คนนี้ที่คอยปรับอารมณ์ให้ตรงกับความรู้สึกของผม….ซึ่งผมรับรู้ได้
          “มีอะไรก็พูดปรึกษาพี่ขวัญสิ”
          เพื่อนคนหนึ่งแนะนำแก่ผมขณะที่พี่ผู้ใจดีได้ยินด้วย ผมได้แต่ตอบไปว่า
          “เกรงใจน่ะ…กลัวจะรบกวนเปล่าๆ”
          “เล่ามาสิตั้ม…ถ้าไม่พูดแล้วพี่จะรู้หรือว่ารู้สึกอย่างไร”
          “พี่…ผมโทรไปเขาก็ไม่ยอมรับ…ส่งเมล์ไปไม่ยอมตอบกลับ…”
          “มันเหมือนว่าเขากำลังปิดกั้น…มิให้ผมรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขา”
          “คงต้องให้เวลาเขาหน่อย…พยายามส่งเมล์ไป…แต่อย่าใช้คำพูดบีบบังคับเขานะ…พูดทำนองเพื่อนที่หวังดี…”
          “ได้ครับ…ต้องอดทนเนอะ…”
          ผมมองหน้าพี่อย่างเรียกร้องความเห็นใจ รุ่นพี่ส่งแววตาตอบอย่างเป็นห่วง อย่างน้อยมันก็เป็นความหวังดีจากคนชิดใกล้ที่มีอยู่จริง มิใช่พร่ำเพ้อ

          ………………………………………………
          หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ผมเริ่มทำใจได้บ้าง อีกทั้งเริ่มวันจันทร์ก็มีงานยุ่งด่วนๆ เข้ามา ทำให้ผมลืมคิดถึงใครบางคนไปได้ และได้มีโอกาสช่วยพี่ผู้ใจดีของผมอย่างเต็มใจ  ผมคอยช่วยพี่เขาค้นหาข้อมูล ช่วยร่างจดหมาย และช่วยค้นหาข่าวในหนังสือพิมพ์ อะไรที่ผมพอช่วยพี่เขาได้ ผมทำให้หมด เพราะรู้สึกขอบคุณน้ำใจที่พี่เขามีต่อผมในการเป็นที่ปรึกษาหัวใจให้
          ผมเริ่มมองหน้าพี่เขาด้วยสายตาของคนปกติมากขึ้น ก่อนหน้านั้นแววตาของผมจะชุ่มด้วยหยาดน้ำตลอดเวลา ตอนนี้ผมเริ่มมองเห็นความหวังดีที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น เริ่มห่วงใยพี่เขามากขึ้น และคอยเป็นกังวลคอยช่วยเหลืองานของพี่คนที่คอยปลอบผมแต่ต้น
          ยามที่ผมทุกข์ท้อใจ พี่เขาจะส่งยิ้มมาเป็นกำลังใจให้ ผมเพิ่งมองเห็นชัดเจนว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงของผู้หญิงที่หวังดี จากแววตาที่อ่อนโยนที่สุด แล้วผมจะยิ้มกลับให้พี่เขา บางครั้งเราก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ยืนใกล้กันและนั่งคุยกันใกล้ๆ ผมรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้พี่เขา รู้สึกว่าชีวิตไม่โดดเดี่ยวเกินไป…จนในที่สุดผมเริ่มรู้สึกชอบรอยยิ้มของพี่เขา อยากให้พี่ยิ้มในยามผมเหนื่อยหัวใจ…อยากให้พี่เขามาอยู่ใกล้ๆ เวลาผมไม่มีใคร …และพี่เขาก็ดูไม่รังเกียจผม…พี่เขามักจะหลบสายตาผมเวลาผมมองหน้าเขาตรงๆ มองแล้วเหมือนหญิงสาวที่เขินอายอย่างไรไม่รู้
          เวลาผมทำงานเหนื่อยๆ ผมจะหันไปมองพี่เขา พี่เขาก็จะยิ้มตอบ หรือไม่ก็มองมาด้วยความห่วงใย ผมชอบอาการที่พี่เขาเสยเส้นผมบ๊อบของตนไปเรื่อยๆ ดูแล้วมีความสุขดี จริงๆ แล้วพี่เขาก็หน้าตาน่ารัก เป็นคนดี แต่เสียอย่างเดียวคือมีครอบครัวแล้ว ผมคงรักษาความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อไป
          แล้ววันหนึ่ง…ผมได้อยู่สองคนกับพี่ในห้องทำงาน มันเป็นวันที่ผมล่วงรู้ว่าพี่เขามีความรู้สึกอย่างไรต่อผม
          “ตั้ม…เรามีแผ่นซีดีเพลงใหม่ของเสาวลักษณ์ไหม”  พี่สาวใจดีถามผม
          “เพลงอะไรเหรอพี่…เดี๋ยวผมจะค้นให้”
          “เพลงที่มีเนื้อร้องว่า……”
          “มีนี่พี่….เดี๋ยวผมเปิดให้ฟัง”
          พี่สาวคนเดิมขยับเดินเข้ามาใกล้ เธอฮัมเพลงคลอเบาๆ อยู่ใกล้ๆ หู ผมกำลังจะเลือกเพลง แต่บังเอิญมือของผมไปชนท่อนแขนของพี่เขาซึ่งจะมาหมุนปุ่มเร่งเสียง ผมสะดุ้ง ดึงมือกลับทันทีที่รู้สึกถึงไออุ่นของผิวกายจากผู้หญิงคนหนึ่ง เธอก็เช่นกัน แต่ผมก็จับความรู้สึกได้ว่าเธอไม่รังเกียจ ผมทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
          “พี่ชอบเพลงนี้เหรอ…”
          “จ๊ะ….เนื้อหามันเพราะดี…
          “เดี๋ยวผมจะเปิดบ่อยๆ แล้วกัน”
          เนื้อหาของเพลงเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคร่ำครวญว่าตนเองเหลือเวลาให้กับความรักได้น้อยเต็มทน…จริงนี่นา…พี่เขาคงเจตนาให้ผมล่วงรู้ถึงความรู้สึกในจิตใจเขาในตอนนี้ ความรู้สึกของผมมันก็คงเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน มันอาจจะเป็นความรักที่ไม่สามารถเป็นในทางชู้สาวได้
          ผมเป็นคนที่คิดมาก ไม่อยากคาดหวังความสัมพันธ์ที่นอกลู่นอกทาง ไม่อยากสร้างตรารอยบาปความเจ็บช้ำให้แก่ใคร ฉะนั้นผมจะต้องสลัดความคิดไม่ดีต่างๆ ออกไปจากหัว แต่ในความจริง กลับทำเช่นนั้นได้ไม่…
          ผมพยายามไม่สบตาพี่เขา แม้ในยามสนทนากัน ผลสะท้อนกลับมาคือพี่เขามองหน้าผมด้วยความสงสัยมึนงง  แม้จะเหลือบมองเห็นพี่สาวมองผมด้วยท่าทีนิ่งเงียบและดูเศร้า การวางตนที่เย็นชา ไม่ยิ้มแย้มเหมือนวันก่อนคงทำให้พี่ที่แสนดีของผมเจ็บปวดอยู่เช่นเดียวกันกับผม หลายครั้งพี่เขาจ้องมองดูผมผ่านทางกระจกหน้าต่างของห้อง เธอคอยแอบมองผม คอยดูผมอยู่ไกลๆ ว่าผมเป็นอะไรไป จิตใจผมรับรู้ได้ แม้จะบังคับตนเอง แต่ก็อดที่จะหันไปมองพี่สาวไม่ได้ มันเหมือนเรามีอะไรผูกพันลึกๆ ภายใน ที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่ามันคือสิ่งใดแน่
          ผมยังคงช่วยเหลืองานพี่เขาอยู่ บางครั้งการยื่นเอกสารให้กัน ก็ต้องมีการสัมผัสมือบ้าง ผมล่วงรู้ถึงอาการของคนที่มีใจให้กันว่าเขาจะใช้โอกาสดังกล่าวอย่างไร บางครั้งผมก็ใช้โอกาสดังกล่าวแสดงความรู้สึกของตนเช่นกัน พี่เขาก็นิ่งชะงัก พร้อมทั้งรีบดึงมือกลับ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสิ่งนั้นอีกเลย
          บางครั้งเจ้าความรู้สึกที่ผมมีต่อพี่ ทำให้ผมเรียกร้องความสนใจ ด้วยการมองพี่เขา ซึ่งการทำงานร่วมกันในฝ่ายบางหนก็มีงานยุ่ง ไม่สามารถมองเห็นกันได้ มันจึงเป็นความทรมานอย่างหนึ่งต่อผมและคงเป็นความทุกข์เช่นกันของพี่ผู้นี้ ที่เราต่างรับรู้ด้วยกัน ใจผมอยากจะอยู่เพียงลำพังกับพี่เขา เพื่อจะแสดงความรู้สึกนึกคิดของตน เปิดอกคุยกันให้รู้เรื่อง
          มันเป็นความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานอยู่ในใจ ผมและพี่ก็คงรู้ว่ามันไม่ถูกต้องทางศีลธรรมแม้แต่เพียงคิด แต่บางครั้งอะไรล่ะที่ทำให้คนเรากระทำไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในโดยยอมขัดกับเหตุผล

          ………………………………………………….

          ที่ผมเคยแสดงอาการเมินเฉยต่อพี่ที่ใจดี ในตอนนี้ผมกลับเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดพี่เขาถึงเฉยเมยไม่เหมือนแต่ก่อน ผมพยายามทบทวนว่าทำสิ่งใดให้พี่เขาเคืองโกรธหรือเปล่า ไม่เห็นมี หรือว่าผมประพฤติตัวไม่ช่วยเหลือพี่เขาก็ไม่ใช่ อาการที่พี่เขาไม่ใยดีผมเหมือนในวันวานกลับสร้างความทรมานในจิตใจผมเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่มันน่าจะเป็นหนทางที่ถูกที่ควรจะเป็น แต่ผมรู้สึกกำลังสูญเสียบางสิ่งที่สำคัญไป
          เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ผมกับพี่ที่ใจดีไม่ค่อยได้พูดจากัน ผมไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ผมจะไม่พยายามไถ่ถามถึงเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เวลาเพื่อนร่วมงานคนอื่นพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องผม พี่เขาจะทำเป็นไม่สน ไม่ยุ่งเกี่ยว พยายามถอยห่างออกไป แม้ผมจะเข้าไปพูดคุยด้วย เธอก็ยังปิดกั้นไมตรีไม่ยอมรับรู้ใดๆ
          ผมได้แต่ทำดีกับพี่เขาต่อไปทั้งที่ในใจยังมึนงงอยู่ อย่างน้อยในฐานะเพื่อนร่วมงานที่ต้องพบกันทุกวันไป ก็ควรที่จะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้ ในใจยังหวังลึกๆ ว่าเธอคงจะกลับมาเป็นคนเดิมผู้ที่ดูแลห่วงใยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบดังเช่นวันวาน
          ………………………..
          ในช่วงต้นเดือนมกราคม พี่ขวัญลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์ ผมเป็นทุกข์ไม่สบายใจในช่วงดังกล่าว กังวลเรื่องงานใหญ่ที่เข้ามา ทั้งเรื่องงานและเรื่องคน มีอยู่ครั้งหนึ่งผมคิดไปว่าพี่เขาตั้งใจหลบหน้าผมหรือเปล่าถึงได้ลาหยุด แต่ผมก็หาได้ทราบไม่
          …….หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป พี่ขวัญกลับมาทำงานเหมือนเดิม คราวนี้พี่เขายอมพูดจากับผมโดยดี แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของงานต่างๆ มากกว่าเรื่องส่วนตัว แล้วผมก็ได้รู้จากคนรอบข้างว่าตอนนี้พี่ขวัญกำลังจะมีน้องคนแรก……..เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้วว่า ที่ผ่านมาเหตุใดพี่เขาถึงไม่ยอมพูดจาอะไรกับผม และเหตุใดผมถึงไม่สามารถเข้าไปก้าวล้ำความสัมพันธ์ที่เกินเลยกว่าเพื่อนร่วมงานได้
          พี่ผู้แสนดี…...ยินดีด้วยครับกับความสำเร็จในการได้เป็นแม่คนในครั้งนี้ ขอให้เรายังเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันไปตลอดนะ…..ถ้าเป็นไปได้นำชื่อเล่นผมไปตั้งให้ลูกน้อยก็ได้ครับ
          

                       ….จบ…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×