สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ผู้ทรงเป็น พระบรมราชินี 2 ปี - สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ผู้ทรงเป็น พระบรมราชินี 2 ปี นิยาย สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ผู้ทรงเป็น พระบรมราชินี 2 ปี : Dek-D.com - Writer

    สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ผู้ทรงเป็น พระบรมราชินี 2 ปี

    จากหญิงสาวสามัญผู้มีเชื้อสายราชินีกุลได้มีโอกาสเป็นถึงพระบรมราชินีแห่งกรุงสยาม แต่เหมือนพระชะตาเล่นตลก เมื่อต้องถูกปลดจากตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสี

    ผู้เข้าชมรวม

    6,430

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    6.43K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 มี.ค. 47 / 14:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี ผู้ทรงเป็น พระบรมราชินี 2 ปี 8 เดือน (แก้ไขข้อมูลใหม่)

              ...ในระหว่าง 10 ปีหลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ  สยามมกุฎราชกุมารเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบสันตติวงศ์เป็นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ...ทุกๆฝ่ายต่างก็เฝ้าคอยข่าวคราวจากราชสำนักว่าเมื่อใดพระเจ้าอยู่หัวของพวกเขาจะมีพระมเหสีราชินีคู่บัลลังก์ ...เพราะแม้แต่สมเด็จพระพันปีหลวงเองก็ทรงมีพระราชประสงค์เป็นอย่างยิ่งที่จะให้พระราชโอรสของพระองค์มีพระอัครมเหสี เพื่อพระสวัสดิภาพส่วนพระองค์และความมั่นคงแห่งราชบัลลังก์ แต่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ก็มิได้สมดังพระราชประสงค์ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตลงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2462 (ตามปฏิทินเก่า)

              ...จนกระทั่งผ่านการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระพันปีหลวง ในวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 ไปแล้ว ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้โปรดฯให้จัดงานประกวดภาพล้อขึ้นที่พระราชวังพญาไท ...และ ณ พระราชฐานแห่งนั้นเองก็ได้ทรงพบกับรักครั้งแรกกับพระวรกัญญาปทาน และเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 6 ที่เกิดขึ้นใน 5 ปีสุดท้ายในรัชสมัยของพระองค์...

              ...สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระบรมราชินี พระนามเดิมว่าประไพ สุจริตกุล ประสูติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2445 ทรงเป็นธิดาของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี กับท่านผู้หญิงกิมไล้ สุจริตกุล จะด้วยพระบุญญาธิการแห่งพระนางหรืออะไรก็ตามที จากหญิงสาวสามัญผู้มีเชื้อสายราชินีกุลจึงได้มีโอกาสย่างก้าวเข้าสู่ราชสำนักฝ่ายใน ...

             ...เมื่อคุณเปรื่อง สุจริตกุล พี่สาวซึ่งดำรงตำแหน่งราชเลขาธิการฝ่ายในได้รับพระราชทานพระธำมรงค์ทองเกลี้ยงจากพระเจ้าอยู่หัวซึ่งมีจารึกด้านในว่า 27 ตุลาคม 2464 ก็ทำให้คุณเปรื่องได้เป็น \"เจ้าจอม\" และเป็น \"ข้างใน\" คนที่ 3 ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6  โดยทรงเรียกคุณเปรื่องว่า  \"เมียชื่นใจ\"...

             ...จนกระทั่งวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2464 ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯตั้งคุณเปรื่องขึ้นเป็นที่ พระสุจริตสุดา พระสนมเอก พร้อมทั้งทรงพระราชทานตราจุลจอมเกล้าให้สมกับศักดิ์พระสนมเอกและในการพระราชทานตราจุลจอมเกล้าครั้งนั้นรายชื่อสตรีที่จะได้รับพระราชทานตราจุลจอมเกล้าตามศักดิ์มี 6 ท่าน และ 1 ในนั้นก็คือ คุณประไพ สุจริตกุล  น้องสาวของพระสุจริตสุดา...

             ...ต่อจากนั้นไม่นานพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวภัณฑสารนุรักษ์ พระคลังฝ่ายในนำเงินจำนวน 4000 บาท ไปพระราชทานแด่คุณประไพ สุจริตกุล ตามธรรมเนียม และในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2464 จึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระอินทราณี พระสนมเอกคู่กับพระสุจริตสุดา...

             ...ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2465 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี ให้มีศักดิ์ขึ้นเป็นเจ้าตามอย่างราชประเพณีที่เคยทำมา พร้อมกับมีคำสั่งเสนาบดีกระทรวงวังให้ใช้คำขานและรับเช่นเดียวกับพระบรมราชวงศ์ในพระบรมมหาราชวังทุกประการ โดยในปีเดียวกันนั้นเองพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง \"โรมิโอและจูเลียต\" พระราชทานแด่พระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี ...

            ...และในวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2465 มีพระบรมราชโองการสถาปนาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ  เจ้านายฝ่านในคนที่  2  ของพระองค์ ขึ้นเป็นพระนางเธอลักษมีลาวัณ แต่พระราชดำริที่ทรงเคยจะอภิษกสมรสด้วยเป็นอันงดไป เนื่องจากพระวรชายาเธอ ทรงมีพระครรภ์ ด้วยความโสมนัสเป็นที่ยิ่งพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงสถาปนาพระวรชายาเธอ พระอินทรศักดิ์ศจี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระบรมราชินี เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2465 ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ครบ 41 พรรษานั้นเอง...

              ...ต่อมาในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2465 พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานยศ นายพันโท ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ 3  มหาดเล็กรักษาพระองค์แก่พระบรมราชินี  และเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 21 พรรษาของพระบรมราชินี  ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2466 จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องลิลิตนารายณ์สิบปาง และโคลงอำนวยพรพระราชทานแด่พระบรมราชินี และโปรดฯให้มีการแสดงละครเรื่อง พระร่วง ซึ่งทรงร่วมเล่นกับผู้มีบรรดาศักดิ์และข้าราชการที่ทรงคัดเลือกด้วยพระองค์เอง โดยทรงรับบทเป็นนายมั่น ปืนยาว พรานป่า และในการแสดงครั้งนั้นทำให้สตรีอีกผู้หนึ่งเข้ามาสู่พระชนม์ชีพของพระองค์ คือนางสาวเครือแก้ว อภัยวงศ์ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า เจ้าจอมสุวัทนา...

              ...พระราชประสงค์ของพระเจ้าอยู่หัวในการที่จะทรงมีพระราชโอรสไว้สืบสันตติวงศ์ก็เป็นอันสิ้นสลายลงเมื่อการทรงพระครรภ์ของพระบรมราชินีไม่สามารถมีพระราชโอรสได้เนื่องจากตกเสียไม่เป็นพระองค์ถึง  2  ครั้ง โดยการตกพระราชกุมารครั้งสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นในระหว่างแประพระราชฐานไปประทับ ณ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน  โดยปรากฎว่าพระราชกุมารที่ตกมานั้นทรงเป็นพระราชโอรส  ทำให้พระเจ้าอยู่หัวทรงกรรแสงด้วยความเสียพระราชหฤทัยเป็นอันมาก แม้กระนั้นก็ตามพระองค์ยังทรงดูแลและอภิบาลพระบรมราชินีเป็นอย่างดีด้วยทรงห่วงเป็นที่ยิ่ง...

             ...ครั้นเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จประพาสสหรัฐมลายู เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2467 เจ้าจอมสุวัทนาเป็นฝ่ายในเพียงพระองค์ที่เดียวตามเสด็จ...

              ...ในกาลต่อมาเจ้าจอมสุวัทนาทรงพระครรภ์  พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชดำริถึงฐานะของพระราชมารดาแห่งพระราชกุมารที่จะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า  ดั้งนั้นในวันที่ 14 กันยายน 2468 จึงทรงมีประกาศความว่า
              \"...เนื่องจากพระบรมราชินีไม่สามารถรับราชการสนองพระเดชพระคุณได้ตามหน้าที่อันควรในตำแหน่ง สมเด็จพระบรมราชินี  จึงทรงประกาศให้เปลี่ยนพระอิสริยยศของพระนางลงจาก พระบรมราชินี ให้คงมีพระนามเพียงว่า สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระวรราชชายา...\"
              แล้วโปรดฯให้เสด็จไปประทับยังพระที่นั่งวิมานเมฆเป็นอันว่าสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีทรงพ้นจากตำแหน่งพระบรมราชินี หลังจากทรงดำรางตำแหน่งมา 2 ปี 8 เดือน นับจากวันสถาปนาจนถึงวันถูกเปลี่ยนพระอิสริยยศ ภายหลังเมื่อพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตแล้วจึงเสด็จย้ายไปประทับยังพระตำหนักสวนหงษ์ ในพระราชวังดุสิต และ วังคลองภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ตามลำดับ จนสิ้นพระชนม์ชีพของพระองค์...

              ...ส่วนเจ้าจอมสุวัทนานั้น เมื่อทรงพระครรภ์ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2468  ดังปรากฎในคำประกาศว่า  \"...เพื่อผดุงพระราชอิศริยยศแห่งพระราชกุมารที่จะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า...\"  และได้ตามเสด็จฯเข้ามาประทับอยู่  พระที่นั่งเทพสถานพิลาส  ในพระบรมมหาราชวัง  ตามที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์จะให้พระราชกุมารมีพระประสูติการในวังหลวง แต่หลังจากการพระราชพิธีฉัตรมงคลผ่านไปเพียงวันเดียวพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระประชวรด้วยพระโรคเป็นพิษในพระอุทร และในขณะที่พระอาการประชวรเพียบหนักอยู่นั้น พระนางเจ้าสุวัทนา ก็ทรงมีพระประสูติกาลเจ้าฟ้าหญิง และในวันที่ 26 พฤศจิกายนปีนั้นเอง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็สวรรคต ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×