วันว่างๆ....ของคนว่างๆ - วันว่างๆ....ของคนว่างๆ นิยาย วันว่างๆ....ของคนว่างๆ : Dek-D.com - Writer

    วันว่างๆ....ของคนว่างๆ

    ถ้าคุณกำลังว่างๆ ลองเข้ามาอ่านดู

    ผู้เข้าชมรวม

    544

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    544

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.พ. 47 / 18:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      วันว่างๆ…..ของคนว่างๆ

                           วันนี้มีอันต้องพาร่างตุ้ยนุ้ยออกจากบ้านไปทำธุระตั้งแต่เช้า  (สิบเอ็ดโมง)  ในสายตาของผม
                           มันยังเช้าอยู่เลย  เพราะผมเพิ่งจะตื่นนอนเมื่อตอนสิบโมงครึ่งเองหลังจากที่หมกตัวอยู่กับบ้าน
                           มาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ  วันนี้จึงได้ออกมาเปิดหูเปิดตารับรู้ความเป็นไปต่างๆเหมือนชาวบ้านชาว
                           ช่องคนอื่นๆบ้าง  แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงรถก็ยังคงติด  ผู้คนยังคง
                           แก่งแย่งเอาตัวรอดไม่สนใจคนรอบข้างเหมือนเดิม  สังคมทุกวันนี้มันแย่ลงทุกทีในขณะที่เทค-
                           โนโลยีต่างๆเจริญก้าวหน้าสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
                                               ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนสองขาพาตัวเองมายืนที่ป้ายรถเมล์หน้าปากซอย  ที่
                           ป้ายรถเมล์มีคนยืนรอรถอยู่หลายสิบคนแต่ละคนไม่มีใครสนใจใคร  สายตาทุกคู่จับจ้องไปยัง
                           รถเมล์ที่เข้ามาจอดเพื่อเตรียมตัวที่จะแย่งกันขึ้นไปหาที่นั่งให้ได้เร็วกว่าคนอื่น  ผมละสายตาจาก
                           ผู้คนเหล่านี้เมื่อรถที่ผมรอแล่นเข้ามาอย่างช้าๆ  แต่ทำไมมันไม่จอดซะทีว่ะ?  โน่นแนะกว่ามันจะ
                           จอดก็เลยป้ายรถเมล์ออกไปเกือบสิบเมตร  ต้องวิ่งตามจนเหงื่อซึม  เมื่อขึ้นไปบนรถก็ต้องตะลึง
                           กับจำนวนผู้โดยสารที่อัดแน่นอย่างกับปลากระป๋อง  จะต่างกันก็ตรงที่เมื่อเปิดปลากระป๋องแล้วจะ
                           ได้กลิ่นซ๊อสมะเขือเทศหอมหวานที่ใส่มากับปลา  แต่บนรถคันนี้กลับมีทั้งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของ
                           เหงื่อผสมปนเปกับกลิ่นน้ำหอมยี่ห้อต่างๆ
                                               เมื่อเห็นจำนวนผู้โดยสารแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมขสมก. จึงประกาศภาวะ
                           ขาดทุนได้ทุกปีมันช่างขัดแย้งกับภาพที่เห็นอยู่ข้างหน้าจริงๆ  หรือเมื่อแบ่งผลประโยชน์กันแล้ว
                           ได้น้อยเกินไปกินกันไม่อิ่มจึงต้องหน้าด้านร้องขอความเห็นใจขอขึ้นราคาค่าโดยสารจากประชาชน
                           ตาดำๆ  สมกับชื่อของขสมก.  (ขัด-สน-ไม่พอ-กิน)   ในขณะที่ยืนด่าใครบางคนในใจอยู่นั้นก็ต้อง
                           สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงไล่มาจากข้างหลัง
                                              \" ชิดในหน่อยเพ่  รถเมล์นะไม่ใช่รถส่วนตัว \"   กระเป๋ารถเมล์หน้าตาอย่างกับพวก
                           ติดยาเดินมาสะกิดแขนผม
                                              \" ถ้าเป็นรถส่วนตัวมึงโดนเตะตกรถแล้ว \"   ผมคิดในใจขณะที่สายตามาบรรจบกัน  
                           ขาก็ก้าวเบียดไปข้างหน้าตามคำสั่งแม้ว่าร่างกายจะขยับไปไหนไม่ได้แล้วก็ตามที   รถแล่นไปอย่าง
                           ช้าๆตามสภาพการจราจรในขณะนั้นจนมาถึงจุดหมายที่ผมจะลง  ผมรีบกดกริ่งก่อนที่จะถึงป้าย  รถ
                           ยังคงแล่นต่อไปอย่างช้าๆจึงจะจอด  ผมต้องเดินย้อนกลับมาที่ป้ายรถเมล์หลังจากคุณพี่คนขับใจดี
                           แถมระยะทางให้ฟรีๆอีกสิบเมตร  ภาพความทรงจำในสมองเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วยังปรากฏป้ายข้อความ
                           \" กรุณากดกริ่งก่อนถึงป้าย \" ติดอยู่ตรงประตูทางขึ้นลง
                                              ผมเดินขึ้นสะพานลอยเพื่อข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง  บนสะพานลอยก็เป็นสถานที่อีกแห่ง
                           หนึ่งที่ยังคงแสดงถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคมระหว่างคนรวยกับคนจนได้อย่างชัดเจน  ขอทานแม่ลูก
                           คู่หนึ่งกำลังนั่งพนมมือไหว้ขอความเมตตาจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาโดยมีลูกน้อยนอนซบอยู่ที่ตักผู้เป็นแม่
                           ถัดมาข้างๆมีหมาตัวหนึ่งกำลังนอนหมอบอย่างสงบ  ข้างหน้าของมันมีหมวกเก่าๆวางอยู่หนึ่งใบพร้อม
                           ป้ายที่เขียนข้อความว่า  \" โปรดเห็นใจหมาแก่ๆกับเจ้าของที่ขาพิการไม่สามารถมานั่งขอทานท่านได้  
                           แต่ขอรับรองว่าเศษสตางค์ทุกบาทที่ท่านเมตตาจะถึงมือกระผมแน่นอน  เพราะหมาตัวนี้ได้รับการฝึก
                           มาแล้วอย่างดี \"  ลงท้ายข้อความว่า  ทหารเกณฑ์ขาพิการจากสงครามรับใช้ชาติ
                                             ผมยืนมองดูผู้คนที่ผ่านไปมาซึ่งส่วนใหญ่จะให้เงินหมามากกว่าสองแม่ลูก  ทั้งนี้อาจเป็น
                           เพราะไอเดียการนำเสนอโดยใช้หมาจะดึงดูดความสนใจได้มากกว่าการที่จะมานั่งขอด้วยตนเองซึ่งมีให้
                           เห็นอยู่ทั่วไปบนทุกสะพานลอย  ประกอบกับแววตาที่น่าสงสารของหมาที่มองผู้คนผ่านไปมาทำให้รู้สึก
                           สงสารยิ่งขึ้นไปอีก  ผมเลิกสนใจหันหลังเดินลงไปจากสะพานลอยแต่ก็ไม่ลืมที่จะหย่อนเงินลงในหมวก
                           ไปห้าบาท  ลงจากสะพานลอยเดินไปได้ประมาณ 100 เมตร  ผมก็มาหยุดยืนอยู่หน้าร้านค้าร้านหนึ่ง
                           สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาตรงหน้าผมคือป้าย  ปิดปรับปรุงชั่วคราว  แปะไว้อยู่หน้าประตูร้าน  นี่ผมเสียเวลา
                           ครึ่งค่อนวันเพื่อมาเจอร้านที่ปิดปรับปรุงหรือนี่  ผมเดินเรื่อยเปื่อยไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายจนมาหยุด
                           อยู่หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยวเมื่อพยาธิในท้องพากันร้องเตือนว่าตั้งแต่เช้ายังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย  ผม
                           จึงตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งโต๊ะในสุดของร้าน  สักพักก็มีอาแป๊ะแก่ๆเดินเข้ามาถามจะสั่งก๋วยเตี๋ยวอะไร
                                             \" อาตี๋!  ลื้อจะเจี๊ยะอาราย? \"
                                             \" เล็กน้ำ  ไม่งอก \"
                                             \" ฮ่อ  ฮ่อ….รู้เลี้ยว \"
                                             ผ่านไป 15 นาทีอาแป๊ะก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวมาวางตรงหน้า  นี่มันเส้นเล็กแห้งนี่หว่าแถมใส่
                           ถั่วงอกมาเต็มชาม
                                             \" อาแป๊ะ!  ผมสั่งเล็กน้ำ  ไม่งอก  ไม่ใช่เส้นเล็กแห้งแล้วถั่วงอกก็ไม่เอา \"
                                             \" ฮ่อ  ฮ่อ….รู้เลี้ยว \"   แล้วอาแป๊ะก็มายกชามก๋วยเตี๋ยวที่ทำมาผิดกลับคืนไป  แต่แกไม่
                           ได้ทำชามใหม่ให้ผมนะ  แกจัดการเอาช้อนเขี่ยถั่วงอกออกแล้วตักน้ำซุปใส่ชามจากนั้นจึงยกมาตั้งไว้ข้าง
                           หน้าผมอีกครั้ง  แล้วแกก็หันหลังเดินกลับไปแต่ปากแกพึมพำบ่นอะไรบางอย่างเป็นภาษาจีนจับใจความได้ว่า
                                             \" เก๋าเจ้ง!  จุกจิกฉิกหาย \"
                                             แกคงนึกว่าผมฟังภาษาจีนไม่ออกจึงด่าผมว่าชาติหมาเป็นภาษาจีน  ปากร้ายจริงๆนะอาแป๊ะ
                           หลังจากกินอิ่มแล้วผมเดินออกมาริมถนนเพื่อเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านเนื่องจากไม่อยากขึ้นไปเบียดเสียด
                           ผู้คนบนรถเมล์อีก  ในขณะที่ยืนรอเรียกรถอยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงผู้คนที่กำลังเดินอยู่ต่างพากันกรีดร้องและ
                           กระโดดหลบอะไรบางอย่าง  ยังไม่ทันตั้งตัวเมื่อผมหันไปทางต้นเสียงที่ได้ยิน  รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งก็
                           เสียหลักพุ่งตรงมาที่ร่างผมอย่างรวดเร็ว  เสียงรถปะทะกับร่างกายดังสนั่นไปทั้งถนน
                                             \" โครม \"
                                             ผมสะดุ้งตื่นหลังจากได้ยินเสียงตัวเองที่ละเมอดิ้นตกจากโซฟาดังตุ๊บ  ในมือยังคงกำหนังสือพิมพ์
                           ที่อ่านค้างไว้ก่อนที่จะเผลอหลับไป  ผมลุกขึ้นยืนบิดสะโพกที่กระแทกกับพื้นและหยิบหนังสือพิมพ์ที่หล่น
                           อยู่ข้างๆเก็บให้เรียบร้อย  สายตาก็เหลือบไปเห็นพาดหัวข่าวบนหนังสือพิมพ์ \" คนดวงซวยเดินอยู่ดีๆมอเตอร์
                           ไซด์พุ่งชนสยอง \"  และ  \" ขสมก.ประกาศปีหน้าขอขึ้นค่าโดยสารอีก 50 สตางค์ \"

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×