กรุงเทพ
หมานคร
                    สังเกตุกันบ้างรึเปล่าว่ากรุงเทพนอกจากจะมีประชากรแออัดกันมากที่สุดแล้ว  ยังมีประชากรหมา
                    มากตามไปด้วย  คนกรุงเทพนิยมเลี้ยงหมากันมากจนกลายเป็นแฟชั่นกันไปแล้ว  หมาที่เลี้ยงก็
                    เป็นพันธุ์ของนอกน้อยคนนักจะนิยมหมาพันธุ์ไทยๆ  แต่ไม่ว่าจะเลี้ยงพันธุ์อะไรก็เป็นสิทธิของแต่
                    ละคน  แต่การที่ซื้อหมามาเลี้ยงแล้วพอนึกเบื่อก็นำมันมาปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นภาระของสังคม  คน
                    พวกนี้น่าจะจับไปขังไว้รวมกับหมาซะเลย  ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินไปตามถนน  ตรอก  ซอก  ซอย 
                    ที่ไหนก็แล้วแต่จะต้องพบเห็นหมาเสมอ  ทั้งหมาที่มีเจ้าของและหมาที่ถูกเจ้าของนำมาปล่อยทิ้ง
                    ไว้ให้กลายเป็นหมาข้างถนน
                                    ไม่ต้องไปที่ไหนหรอกครับ  เอาแค่ในซอยบ้านผมนี่ก็มีหมาไม่รู้กี่สิบตัวเข้าไปแล้ว 
                    แต่ละตัวก็ดุอย่างกับหมา (อ่ะ...งงหละสิ) ไม่ต้องไปสงสัยเอาเป็นว่าพวกมันแต่ละตัวดุๆทั้งนั้น 
                    ในซอยบ้านผมไม่มีนักเลงคุมซอยคอยไถเงินชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมา  จะมีก็แต่หมานี่แหละ
                    ที่คุมซอย  พวกมันคุมตั้งแต่หน้าปากซอยยันท้ายซอยเลยทีเดียว  ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาหาก
                    พวกมันไม่พอใจหรือกลิ่นไม่เป็นที่ถูกใจพวกมันเป็นโดนกัดได้แผลทุกราย
                                    ฉะนั้นแล้วใครที่คิดจะมาเดินผ่านซอยบ้านผมจะต้องแน่ใจว่าเราเป็นที่รักของหมาจริงๆ
                    หรือไม่ก็ต้องมั่นใจในกลิ่นกายของตัวเองก็เชิญมาได้เลย  การเดินก็ต้องเดินด้วยความนอบน้อม
                    ประเภทที่มาเดินกร่างกางแขนกางขาระวังจะน่องหลุดไม่รู้ตัว  ซอยนี้ไม่มีหรอกประเภทโดนดักตีหัว
                    เพราะนักเลงหมั่นไส้  จะมีแต่โดนหมากัดเพราะหมามันหมั่นไส้เอา  เคยมีเหมือนกันที่ชาวบ้านทนไม่
                    ไหวจึงต้องโทรศัพท์ไปแจ้งให้เทศบาลมาจับไปตอนซะ  แต่จับกันได้ไม่หมดหรอกสักพักพวกมันก็
                    กลับมาอีก  แถมกลับมาคราวนี้ยังมามากกว่าเดิมด้วย
                                    ทุกๆคืนผมจะต้องได้ยินเสียงพวกมันเห่าหอนดังระงมไปทั่วทั้งซอย  ไม่รู้มันจะเห่าหา
                    หอกหาพระแสงอะไร  ถ้าจะเจอคงไม่ใช่หอกหรอกแต่เป็นน้ำร้อนที่บ้านหลังหนึ่งทนไม่ไหวเปิดประตู
                    ออกมาสาดพวกมัน  มีอยู่ตัวหนีไม่พ้นจึงโดนน้ำร้อนสาดเข้าไปเต็มๆขนเขินร่วงกลายเป็นแผลด่างๆ
                    ไปทั้งตัว  ผมตั้งชื่อให้มันว่า \" ไอ้ด่าง \" 
                                    ไอ้ด่างนับตั้งแต่โดนน้ำร้อนสาดดูมันจะดุขึ้นกว่าแต่ก่อน  มีสมัครพรรคพวกเดินตามก้น
                    ตั้งหลายตัว  ทุกวันมันจะพาพวกไปขี้ไปเยี่ยวไว้เต็มหน้าบ้านหลังที่สาดน้ำร้อนใส่มันนัยว่าเป็นการล้าง
                    แค้นของไอ้ด่าง  นอกจากไอ้ด่างและพวกพ้องของมันแล้วที่คุมซอยบ้านผม  ซอยถัดจากซอยบ้านผม
                    ก็มีหมาเจ้าถิ่นคุมซอยเหมือนกัน  ผมเรียกมันว่า \" ไอ้เป๋ \"  เพราะดูเหมือนว่าขาหลังของมันจะหักไปข้าง
                    เวลาเดินมันจึงเดินเป๋ไปเป๋มา
                                      ไอ้เป๋นี่ก็ใช่ย่อยกว่าจะได้มาคุมซอยมันต้องผ่านการประลองเขี้ยวกับหมาตัวอื่นมาไม่รู้กี่สิบตัว 
                    ทั้งแบบเดี่ยวๆหรือแบบหมาหมู่จนขามันเป๋ไปข้างกว่าจะยึดซอยจากหมาเจ้าถิ่นได้  แล้วอยู่มาวันหนึ่งทั้ง
                    ไอ้ด่างและไอ้เป๋ต่างต้องโคจรมาพบกันจนได้  สนามประลองความแข็งแกร่งก็ที่ซอยบ้านผม  เมื่อไอ้เป๋
                    พาพวกของมันมาหากินข้ามถิ่น  แล้วอย่างนี้มีหรือที่ไอ้ด่างจะยอมอยู่เฉย  การกัดกันของหมาหมู่จึงบังเกิด
                    ขึ้น  เสียงเห่ากรรโชก  เสียงโหยหวนเพราะความเจ็บปวดดังระงมไปทั้งซอย  การต่อสู้ดำเนินไปได้ครึ่ง
                    ชั่วโมงสงครามเขี้ยวก็สงบลง  เมื่อมีผู้หวังดีโทรไปแจ้งให้เทศบาลนำรถมาจับพวกมันไปให้หมด  สงคราม
                    แย่งคุมซอยจึงสิ้นสุดลง  ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังนำหมาที่จับได้ขึ้นรถ  ผมบังเอิญได้ยินเจ้าหน้าที่สองคน
                    คุยกันว่าจะนำพวกมันไปที่อำเภอท่าแร่
                                      โธ่!  ไอ้เป๋ไอ้ด่างพวกเอ็งกำลังจะกลายเป็นหมาแดดเดียวไปซะแล้ว  หมดสภาพหมาเจ้าถิ่น
                    ที่เคยเกรียงไกรคุมซอยทั้งซอย  ระหว่างที่ผมกำลังยืนมองรถเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ  สายตาก็เหลือบไป
                    เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่หลังถังขยะแถวนั้น  นี่มันไอ้ด่างนี่หว่า  มันหนีรอดจากการจับของเจ้าหน้าที่
                    มาแอบอยู่หลังถังขยะนี่เอง  สภาพของมันตอนนี้เหมือนหมาจนตรอกของแท้  เลือดไหลไปทั้งตัว  นอนคราง
                    หงิงๆเป็นที่น่าสงสาร
                                      นับจากเหตุการณ์ในวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาได้สองอาทิตย์แล้ว  ความรู้สึกของผมมันเหงาๆ
                    อย่างไรบอกไม่ถูก  เหมือนชีวิตมันจะขาดอะไรไปบางอย่าง  เมื่อไม่ได้ยินเสียงเห่าหอนของพวกมันอีกเลย
                    ในยามค่ำคืน  จนกระทั่งคืนนี้เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาอีกครั้ง  มันเป็นเสียงหอนช้าๆแต่แฝงไว้ด้วยพลัง  เหมือน
                    กับเจ้าของเสียงต้องการจะประกาศว่ามันได้หวนคืนกลับมาถิ่นเก่าอีกครั้ง
                                      เสียงนี้แหละผมจำไม่ผิด
.ไอ้ด่างมันกลับมาแล้ว
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น