ตำตอบที่รอมานาน - ตำตอบที่รอมานาน นิยาย ตำตอบที่รอมานาน : Dek-D.com - Writer

    ตำตอบที่รอมานาน

    ชาย หนุ่มที่ไม่รู้จักกับความรัก คำว่ารักของเค้าทำให้อ้อนคนที่เขารักต้องลำบากใจเค้าเพียงทำได้แค่รอคำตอบจาอ้อนเท่านั้น

    ผู้เข้าชมรวม

    531

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    531

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 มิ.ย. 46 / 21:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หลังจากเปิดเรียนได้ 2 อาทิตย์ชาย หนุ่มวัย 15 ปี ก็ได้เข้ามานั้งหลบฝนหลังจากการเหน็ดเหนื่อยที่ได้ไปแย้ง ใบสมัคร ร.ด ในเวลาสี่โมงตรง ที่ห้องวิทยาศาสตร์ชายเห็นว่าไม่ค่อยมีผู้หญิง ชายจึงหลบเข้าหลังห้องแล้วถอดเสื้อบิดให้แห้งหลังจากที่เปรียกฝนมานาน ชายเป็นคนไม่ผอมไม่อ้วน แต่ก็ไม่ล้ำมากพอมีกล้ามนิดแล้วก็เห็นซี่โครงหน่อยๆ สภาพภายในห้องไม่มีใครสนใจใคร พวกหนึ่งทำบอร์ด พวกหนึ่งก็ทำเวรทำให้ชายไม่ค่อยอายมากเท่าไร อากาศครึ้มทำให้ชายเผลอหลับไปในสภาพที่เปลือยท่อนบน ซักพักเค้าก็เริ่มรู้สึกว่ามีมือนุ่มๆหอมๆมาแตะที่จมูกเค้า
        “ยังไม่ตายแหะ”หญิงสาววัยเดียวกันเข้ามาดูว่าชายยังหายใจรึป่าว
        “เฮ้ย!!!!!!นี้เธอจะปล้ำชั้นหรอ”ชายพูดพร้อมคว้าเสื่อมาปิดหน้าอกอย่างเร็ว
        “นี่ชั้นไงจำไม่ได้หรออ้อนไง”อ้อนยิ้มอย่างสุภาพพร้อมทั้งยื่นแขนช่วยพยุงให้ชายลุก
        “ขอบใจนะนี่ฝนยังไม่หยุดตกอีกหรอนี่ แย่จังที่เธอมาเห็นชั้นเปลือย เฮ้อเสียหนุ่มเลย”ชายพูดเล่นหยอกล้อตามประสาเพื่อนเก่า
        “นี่จะบ้าหรอยังไงก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันแล้วรักษาน้ำใจกันหน่อย”อ้อนยิ้มแบบอายๆพร้อมเอามือไปทุบที่หลังชาย
      ตุ๊บ!!!
      สิ้นเสียงชายร้องอย่างดัง
        “ชิบเปง!!อะไรวะเนี้ยไปกินช้างมาหรอ”ชายพูดพร้อมเอามือกุมหลัง
        “ตายแล้วชายอ้อนขอโทษเดี๋ยวช่วยพยุงให้นะ”อ้อนพาชายไปที่เก้าอี้
      หลังจากที่ชายนั้งแล้วมีมืออ้อนมาจับที่หลังที่ไม่ได้ใส่เสื้อแล้วชายรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกชายก็มองไปที่หน้าอ้อน แต่ชายต้องแปลกใจย่างมาก อ้อนคนที่ใส่แว่นและมักจะทำตาตี่เวลามอง ตอนนี้อ้อนเปลี่ยนไปเธอตากลมมากแล้วก็มองน่ารักกว่าเก่ามาก ผิวเธอขาวไม่เหมือนเดิมจากที่ขาวซีดมาเป็นขาวชมพู ชายจ้องตาค้างจนอุทานเบาๆไปไม่รู้ตัวว่า
        “นางฟ้าหรือนี่”
        “อะไรชายนี่เธอหนาวจนตาค้างเลยหรอตายแล้ว งั้นเดี๋ยวเราไปตามอาจารย์มาให้นะ”อ้อนกังวลมากพร้อมกับจะวิ่งไปตามอาจารย์
      ชายรีบคว้ามืออ้อนไว้แล้วก็พูดไปว่า
        “นี่ป่าวเราแค่แปลกใจเธอเท่านั้นเองหล่ะไม่เจอกันนานสวยขึ้นนะ”ชายพูดไปโดยไม่ตั้งใจ
        “อย่าพูดเล่นดิอายโว้ย”อ้อนยิ้มแบบเขินจนพูดไรไม่ออกได้แต่ยิ้ม
        “ฮ้าๆๆๆ โอ้ว พูดจิงนะ”ชายขำที่อ้อนอาย
        “ไอ้ชายมึงทำไรกับผู้หญิงดูสิเสื้อก็ไม่ใส่”อาจารย์สุเทพพูดพร้อมเอาไม่เรียวที่ถืออยู่ฟาดที่ต้นขาอย่างแรง
        “ฮิฮิ”อ้อนตลกท่าทีที่ชายโดนตีแล้วดิ้นได้น่ารักมาก
        “ดูสิคนทั้งตึกอายเพื่อนมึง บ้างกูเห็นพวกมันมองตั้งแต่เมื่อกี้ละ”อาจารย์สุเทพพูดล้อตามภาษาศิษย์อาจารย์
      เพื่อนๆในห้องหัวเราะ พร้อมกับมีคำแซวต่างๆนาๆ
        “ตายละสี่โมงครึ่งแล้วโอ้ยตกรถเลยได้นอนบ้านน้าแน่”อ้อนพูด
        “เออฝนก็หยุดตกละ เดี๋ยวเอางี้ดิในถานะที่เธอปลุกชั้นเมื่อกี้ไม่ให้นอนเป็นชีเปลือยคนเดียว ชั้นไปส่งที่ท่ารถละกัน”ชายพูดพลางกับรีบสวมเสื้ออย่างเร็ว
      ชายรีบพาอ้อนวิ่งโดยไม่ได้รู้ตัวว่าจูงมือกันอยู่
        “เฮ้อไอ้สองคนนี้ทำไรไม่อายฟ้าดินเลย”อาจารย์สุเทพพูดแล้วท่านก็เดินไปที่รถเพื่อจะกลับบ้าน
      อาจารย์สุเทพอาจารย์วัย50ปีสวมแว่น บุคลิกดูออกจะหยาบคายที่จริงแล้วเป็นคนที่ดีมากท่านเป็นฝ่ายปกครอง แล้วก็ยังเคยประจำชั้นเมื่อตอนที่อ้อนและชายอยู่ห้องเดียวกัน
      ณ ท่ารถ  หลังจากการขี่รถอย่างเร็วของชาย
        “ขอบใจมากนะชายดูสิหัวฟูเลย เหอๆๆ น่ารักดีอย่าเอาลงนะ”อ้อนพูดพร้อมกับเอามือว่าลูบที่ผมชาย
        “นี่ถ้าจะขอบใจเรานะ เราขอให้เธอเลิกยุ่งกับหัวเราเป็นสิ่งตอบแทนได้มะ”ชายพูดเล่นจนอ้อนหัวเราะ
        “เอาหล่ะไหนๆก็ไหนๆแล้วนี้ลูกอมฮาร์ตบีทขอบใจมากที่มาส่ง บ๊ายบาย รถเรามาแล้ว“อ้อนโบกมือลาชาย
      หลังจากที่อ้อนขึ้นรถไปชายเฝ้าดูจนรถไปจนสุดขอบถนนในท่ารถสู่ถนนใหญ่ แล้วชายก็ตัดสินใจกลับบ้าน  อ้อนได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวในรถ
      หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง
        “พี่สาวคับถึงแล้วคับ”เด็กในรถบอกขณะที่คนในรถไม่เหลือใครแล้วนะรถ
        “จ๊ะ ขอบใจนะที่มาบอก”อ้อนก็ได้เข้าบ้านไป
      บ้านอ้อนอยู่ที่บ้านตากซึ่งไกลจากตัวเมืองจังหวัดตากที่โรงเรียนแห่งนี้ 50 ก.ม ทำให้เป็นธรรมดาที่เวลาตกรถต้องมาพึ่งท่ารถ ซึ่งอยุ่ห่างจากโรงเรียนแค่ 500เมตรเอง
      อ้อนเปิดประตูรั้วที่หน้าบ้าน บ้านอ้อนมีลักษณะเป็นบ้านไม้ร่มรื่น มีรั้วที่มีต้นไม่เลื้อยพันอยู่ขณะที่อ้อนเข้าไปนั้นเป็นเวลา 5.15 น.อ้อนก็ได้เข้าไปที่บ้าน
        “แม่กลับมาแล้วค่า”อ้อนถามไปแต่ไม่มีใครตอบ อ้อนไม่สนใจเลยเข้าไปที่ห้องนอนก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อ้อนรู้สึกหิวเลยมาที่ตู้เย็นพบกะดาษโน๊ตเขียนไว้ว่า
        “แม่โดนรถชนถ้ากลับ มาหาที่โรงบ้านบ้านตากด่วน”อ้อนตกใจไม่สนใจอะไรก็ได้แต่วิ่งไปหยิบรถเครื่องแล้วก็ขี่ไปโรงบาลหลังจากถึงโรงบาล อ้อนก็ถามขึ้นมาว่า
        “คือชั้นอยากทราบว่าผู้ป่วยที่ชื่อ วิจิตรา สุภาพวงษ์ที่โดนรถชนอยู่ไหนมิทราบคะ”อ้อนถาม
        ”อ๋ออยู่ห้องผ่าตัดคะเชิญไปทางนี่เลยค่ะ”พยาบาลได้นำทางไป
      หลังจากนั้นไม่นานเค้าก็มาถึงห้องผ่าตัด ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าของอ้อนคือภาพน้องๆแล้วก็พ่อ ยืนแล้วล้อมร่างกายที่ไร้วิญญาณของแม่อ้อน ทุกคนร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า อ้อนถึงกับเข่าตกด้วยความที่ไม่อยาก ยอมรับความเป็นจิง น้ำตาของอ้อนหยดลงพร้อมกับฝนที่ตกอยู่ภายนอกโรงพยาบาล ไม่มีใครรู้ถึงการสูญเสียครั้งนี้แต่ระคนไม่พูดไม่จา ทุกคนสิ้นหวังในการมีชีวิตอยู่เหลือเพียงแค่ให้เวลานานพอพี่จะคลายความเศร้านี้ได้
        2-3วันต่อมา
      ทางโรงเรียนได้ประกาศหน้าเสาร์ธงว่า
        “นางวิจิตรา สุภาพวงษ์มารดาของ นางสาวนภา สุภาพวงษ์ ได้เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุขอให้คนที่มีเวลาว่างไปช่วยงานศพด้วย”
      ชายได้ยินอย่างนั้นก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพักนี้ไม่ค่อยเจออ้อน
        “ไอ้ก้านแกจะไปกับชั้นช่วยงานศพแม่อ้อนป่าว”ชายพูดชวนพื่อนสนิท
        “เออหว่ะเอาดิพรุ่งนี่วันเสาร์เอาเลย”ก้านตอบ
      ก้านเป็นผู้ชายที่อ้อนกลมตัวไม่ใหญ่มากเคยอยูห้องเดียวกับอ้อนและชายมาก่อน
      วันรุ่งขึ้นก้านและชายได้ขออณุญาติแม่และพ่อมาบ้านตากเพื่อมาช่วยงานศพเมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ทั้งสองก็ได้ไปที่บ้านตาก บ้านของก้านและชายอยู่ใกล้กันบ้านทั้งสองอยู่เชียงทองหลังจากที่ทั้งคู่ได้สืบหาบ้านก็มาถึง ณ ที่หมาย ชายเห็นอ้อนร้องไห้อย่างโศกเศร้า ชายเข้าไปแตะไหล่อ้อนเบาๆแล้วพูดว่า
        “อ้อนอย่าเสียใจไปเลย อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนๆ พ่อ แล้วก็น้องๆอีกสองคน หรือไม่เธอก็ยังมีชั้นอยู่เพื่อนคนนี้ไง”ชายพูดให้อ้อนดีขึ้น แต่อ้อนกลับร้องไห้มากกว่าเก่า อ้อนได้เข้ามาซบอกชายแล้วร้องไห้อย่างเศร้าโศก ในที่สุดอ้อนก็หยุดร้อง แต่ในใจชายก็รู้ว่าอ้อนยังเสียใจอยู่ ชายจึงไม่ได้พูดไรมากหลังจากเลิกงานชายก็ลาพ่ออ้อนกลับบ้าน
      หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มเรียนอย่างปกติในหว่างที่ชายเอารถไปไว้ที่โรงรถในโรงเรียนนั้น เค้าได้เห็นอ้อนเริ่มกลับมาร่าเริงอย่างเดิมแล้วชายก็เข้าไปทักอ้อนอย่างปกติ
        “ไงอ้อน”
        “ก็ดีแล้วทำใจได้บ้างแล้ว”อ้อนพูดพร้อมกับยิ้มแบบไม่เต็มใจ
        “เออห้องเรียนเธออยู่ไหนเดี๋ยวเราเดินไปส่งมะ”ชายพูดเสนอ
        “ไม่ต้องหรอกขอบใจมาก”อ้อนปฏิเสธแบบไม่เต็มปาก
      ซ่าๆๆๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เสียงฝนตกดังขึ้นอ้อนหยิบร่มขึ้นมากางแล้วพูดขึ้นมาว่า
        “เราว่าเราเป็นฝ่ายที่มาส่งชายมากกว่าม้าง”อ้อนพูดพลางกับเอาร่มไว้ป้องกันฝนให้ชาย
        “แหะๆแย่จังโทษทีนะเราคงไม่ปฏิเสธ”ทั้งคู่เดินฝ่ากลางสายฝนที่ตกหนัก ทั้งคู่ใกล้กันมากเพราะร่มมีลักษณะเล็กทำให้ภาพที่ออกมาเหมือนคู่รัก ที่เดินร่วมกันผ่ากลางสายฝนเหมือนคนที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคกันมานานแสนนาน หลังจากเลิกเรียนชายก็กลับบ้านที่เชียงทอง บ้านเของชายเป็นบ้านแถวชายเข้าห้องตัวเองก็ได้มองไปที่โต๊ะ ชายเห็นลูกอมฮาร์ทบีทเม็ดนั้น ชายหยิบขึ้นมาในขณะที่จะแกะกินนั้นชายนึกถึงอ้อนขึ้นมา ทำให้ชายไม่กินแต่กลับนำมาใส่ขวดโหลเก็บมาไว้อย่างดี ชายนั้งมองขวดโหลที่ใส่ลูกอมนั้นอย่างตาไม่กระพิบเป็นเวลานานไม่รุ้ด้วยเพราะเหตุใด
        รุ่งเช้าอากาศแจ่มใสมาก ในขณะที่ชายกำลังเข้าโรงเรียน ชายเห็นคนกลุ่มนึงยืนอยู่มีท่าทางแปลกๆ ชายไม่สนใจ ชายหันไปอีกทีก็รู้ตัวว่ามีคนในกลุ่มนั้นกำลังเอาไม้หน้าสามฟาดที่หัวเค้า ชายหลบได้อย่างหวุดหวิดแล้วเค้าก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เด็กนักเรียนในโรงเรียนได้แต่ยืนมองไม่มีใครกล้าห้ามกลุ่มคนพวกนี้ ชายวิ่งไปเรื่อยๆด้วยความเร็วจนเสียหลักสะดุดตอล้มหน้าคว่ำไม่เป็นท่านอนอยู่ ชายไม่แม้จะได้มองหน้า รองเท้าก็มาฟาดที่ใบหน้าเค้าอย่างจัง ที่จะเห็นก็เพียงยี่ห้อรองเท้าเท่านั้นหลังจากโดนรุนไปได้พักใหญ่ อ้อนมาเห็นพอดีจึงไปเรียกอาจารย์มาอาจารย์วิ่งไล่ตามแต่ก็ไม่ทันพวกมันวิ่งหนีหายออกไปนอกโรงเรียนแล้ว อ้อนเห็นชายอยู่ในสภาพที่เปื้อนเลือด จึงขอเพื่อนๆแถวนั้น ให้ประคองชายไปห้องพยาบาลแล้วทำแผลให้
        “โอ้ย!!เบาหน่อยสิเธอนี่แรงยังช้างเหมือนเดิมเลยนะ”ชายพูดแล้วยิ้มไปทางอ้อน
        “อยากซ่าเองทำไมหล่ะโดนรุมเลยสม แล้วไปทำไรให้พวกมันหล่ะ”อ้อนถาม
        “เราไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เราไม่เคยมีเรื่องกับใครเลย แต่ก็ขอบใจนะที่มาช่วยแถมยังต้องเดือดร้อนเธอ มาทำแผลให้อีก”ชายพูดอย่างจริงใจ
      อ้อนหน้าแดงไม่พูดไรเลย เอาแต่อมยิ้มอยู่คนเดียว
        “เอ้าเป็นไรหน้าแดงเลยกลัวเลือดหรอ”ชายแซว
        “เออเสร็จแล้วไปเรียนเลยไป อย่ามาสร้างความเดือดร้อนอีกเลยไป”อ้อนพูดพร้อมยิ้ม
      ในระหว่างที่เดินไปนั้นเองชายเหลือบเห็นใบประกาศ เขียนสมัครกีฬาบาสเก็ตบอล ชายเลยเข้าไปดูจึงเกิดแรงบรรดาลใจที่จะแข่งบาสขึ้นมา จึงไปติดต่อที่ชมรมบาสเก็ตบอลแห่งนี้
        “แค่เห็นหน้าเองข้าก็ไม่อยากรับแล้วหว่ะ ดูสิทั้งแผลทั้งอะไร”สิงค์โคชบาสได้พูดไปอยางความเป็นจิง
        “ผมไม่ได้มีเรื่องกับใครครับ แต่ไม่รู้มันมาทำผมทำไม”ชายตอบจิงจัง
        “อายุเท่าไร”โคชถาม
        “15 ครับ”
        “ดีเลยส่วนสูงใช้ได้ เอางี้เอ็งมีมือถือมะเอาเบอร์ข้าไปแล้วก็เอาเบอร์เอ็งมา เผื่อข้าจะติดต่อ”สิงค์พูดให้ความหวัง
      ชายเต็มไปด้วยความหวังที่จะแข่งบาส ทุกวันเค้าก็ได้เอาแต่ซ้อมและรอวันที่โคชสิงค์มาเรียกตัวไปหา
      เย็นวันหนึ่งขณะที่ชายซ้อมบาสคนเดียวนั้นอ้อนเห็นจึงเข้ามาทัก
        “นี่ชายมาทำไรคนเดียวหรอ”อ้อนถาม
        “เราถือลูกบาสอยู่จะให้เราตอบว่าไงอ่ะ”ชายมีการกวน
        “เอ้ออุตสาห์มาเป็นกำลังใจให้ ไม่อยู่ก็ได้ไปดีกว่า”อ้อนพูดลอยๆ
        “ไม่เอาน่า อยู่เป็นเพื่อนก่อนกลัวผีสามโมงอยู่เลย”ชายพูด
      หลังจากซ้อมเสร็จสี่โมงพอดี ชายมีอาการเหนื่อยหอบ อ้อนเห็นเลยเอาน้ำยื่นไปให้ชายจึงพูดไปว่า
        “ขอบใจนะกำลังกระหายพอดี เออสี่โมงแล้วอ้อนไม่ไปรอที่รถหล่ะเดี๋ยวก็ตกรถหรอก”
        “ใช่ตายจิง เราไปก่อนนะพรุ่งนี้ซ้อมมะเดี๋ยวเราจะได้มารอ”อ้ออนถามไป
        “มาสิแล้วมารอนะ”ชายตอบ สิ้นเสียงอ้อนวิ่งไปยังรถแล้วขึ้นไปพร้อมกับโบกมีครั้งสุดท้ายให้ชาย ชายมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก วันเวลาผ่านไปความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มเป็นที่จับตามอง ของบรรดาเพื่อนๆ ในวันต่อมาเพื่อนคนหนึ่งจึงไปถามชายว่า
        “ไอ้ชายแกชอบอ้อนหรอ”เพื่อนถาม
        “ไม่รู้เหมือนกันแต่เราว่าเค้าดีกับเราเหลือเกิน”ชายตอบ
        “ชายแกรู้มะอ้อนนะมีแฟนแล้วได้ข่าวว่าเป็นนักเลงด้วย”เพื่อนบอก
        “เอาที่ไหนมาพูด ชั้นสนิทกับเค้าจะตายขั้นยังไม่รู้เลย”ชายตอบ
        “เอางี้ดิแกลองไปถามอ้อนเอาเองนะชั้นเตือนแกแล้วเด้อ”เพื่อนบอกไปแล้วก็เดินจากไป ให้ชายงงกับความสงสัยที่เกาะกินหัวใจเค้าอยู่
      วันต่อว่าตอนเย็นอ้อนมาแล้วชายเหมือนเดิม แต่แทนที่ชายจะมาซ้อมบาสเค้ากับแต่งตัวนักเรียนตามปกติ อ้อนแปลกใจมากก็เลยถามไปว่า
        “วันนี้ชายซ้อมบาสชุดนี้หรอ”อ้อนถาม
        “อ้อนเราอยากรู้ว่าอ้อนมีแฟนยัง”ชายถาม
        “ยัง ยังไม่อยากมีทำไมหรอดูสิหน้าแดงเชียว”อ้อนสงสัย
        “แล้วนักเลงนั้นเป็นใคร”ชายถาม
        “นักเลงไหน”อ้อนงง
        “ก็คนที่เค้าว่าเป็นแฟนเธอไงเล่า”ชายตอบ
        “อ๋อ ไม่ใช่แฟนเค้าเป็นรุ่นพี่ตอนอยู่บ้านตากมักพาไปเที่ยวบ่อยๆ เวลาอยู่เหงาๆอ่ะ”
        “แล้วทำไมเค้าต้องพาไปด้วยอ่ะ”
        “เค้าคงมาจีบอ้อนมั้ง” อ้อนตอบไปซื่อๆ
        “แล้วอ้อนชอบเค้าป่าวหล่ะ” ชายถาม
        “ไม่ นี่ชายพูดไรเนี้ยแล้วเป็นไรหน้าแดงเชียว”
        “อ้อน อ้อนคิดยังไงกับเรา”
        “ก็แบบที่เป็นอยู่นี่ไง”อ้อนพูดอย่างมีความลับ
        “เป็นเพื่อนหรอ แค่นั้นหรอ” ชายถาม
      อ้อนแค่พยักหน้า แต่ก็ไม่พูดไรเค้ามีทีท่าไม่สงบ มือไม่อยู่กับที่พยายามหลบสายตาชาย ให้ได้มากที่สุด
        “อ้อนลำคราญเรามะ”ชายถาม
        “ไม่น้าก็เป็นเพื่.....เออ....แบบอือ...อ้า”อ้อนเริ่มพูดไม่เต็มปาก
        “หมายความว่าไงหล่ะอ้อนเราชอบเธอนะ ขอเหอะเราจะเป็นแฟนกันได้มะ”ชายพูดตรงๆ
        “...........................เออ............”อ้อนไม่ตอบได้แต่มองหน้า
        “ไปก่อนนะชายพรุ่งนี้เราคงมาดูชายซ้อมไม่ได้ละบายนะ”อ้อนหายไปพร้อมปัญหาคาใจ
      วันต่อมาเวลาสี่โมงตรงชายมาดักรออ้อนที่รถ หลังจากนั้นอ้อนก็มาพอดีชายก็เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ  ชายได้นำขวดโหลใส่ลูกอมที่เก็บไว้นำมาให้อ้อนแล้วพูดออกไปว่า
        “นี่ไงความรู้สึกของเราที่มีต่อเธอ ขอให้เธอเก็บไว้ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรไม่สำคัญ นี่คือตัวแทนหัวใจของเรา จำไว้ว่าเราจะรอคำพูดที่เธอไม่ได้พูดไว้เสมอ แม้ว่าจะนานซักเท่าไร และขอโทษที่เมื่อวานพูดให้ลำบากใจนะ ลาก่อน”หลังจากนั้นไม่นาน วัยรุ่นกลุ่มที่ตีชายครั้งนั้น แอบฟังมานานแล้วเห็นเช่นนั้นก็จับชายล็อก แล้วก็ทุบตีต่างๆนาๆ ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยได้ เพราะอยู่นอกโรงเรียน อ้อนได้แต่มองชายที่โดนทุบอย่างสาหัส อ้อนทำได้แค่ยืนมองอยู่ในรถที่เคลื่อนที่ไปช้าๆไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นชายอีกแล้ว ในขณะที่ชายโดนรุมกระทืบอยู่นั้นมีนักเลงคนนึงก็ได้กล่าวคำที่ทำให้ชายจำไปตลอดชีวิตว่า
        “วันหลังจะจีบคนดูซะบ้างถ้าไม่อยากเจ็บตัว นะไอ้หน้าตัวเมีย”ไอ้นักเลงคนนั้นพูดพร้อมกับเอาหัวชายโขกกับหิน ชายสลบไปอย่างไม่รู้สึกตัว
      หลังจากที่ชายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ไม่มีแม้แต่เงาอ้อนที่จะมาเยี่ยมเลย เค้าก็ได้แต่รอและหวังจะได้พบอ้อนจนวันแล้ววันเล่าก็ไม่มีใครพบซักคน หลังจากเค้าออกจากโรงพยาบาลเค้าก็ถามถามหาแต่อ้อนเป็นการใหญ่ แต่ไม่มีใครพบจนวินาทีที่สิ้นหวังนั้นเองอาจารย์สุเทพมาบอกกับชายอย่างลูกผู้ชายว่า
        “อ้อนหรอ ลาออกไปต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว มึงเลิกหวังซะเถอะชื่อกู”อาจารย์พูดแล้วก็เอามือมาแตะไหล่ชายเบาๆพร้อมกับก้มหน้าไม่มองชาย ชายตาค้างพูดไรไม่ออกได้แต่เพียงนั้งซึมคนเดียวเป็นเวลานานๆ แล้วไม่ยอมพูดกับใคร
        กับเหตุการณ์นี่ทำให้ทั้งชีวิตของชายพบกับคำถามคำเดียวว่า อ้อนคิดอย่างไรกับชาย อ้อนชอบนักเลงคนนั้นไหม ชายก็พกปัญหานี้ติดตัวไปตลอด ชายไม่รู้ว่าจะลืมอ้อนเมื่อไร ชายคิดเพียงว่าซักวันท่าลืมเธอได้ชายคงมีความสุขเหมือนเดิม ในขณะที่ชายกำลังนั้งกอดเข่านั้งคิดความหลังระหว่างอ้อนนั้น ชายได้ยินเสียงชายหนุ่มที่มาพร้อมเสียงรถเครื่อง ที่หน้าบ้านของเค้า
        “จดหมายคับ จึงคุณ ชาย ครับ”ชายในชุดกากีบอก
      ชายรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็วด้วยความหวังที่จะเป็นของอ้อนส่งมาให้ ชายเอื้อมมือไปรับจดหมายแล้วพูดว่า
        “ขอบคุณครับ”ชายพูดพร้อมยิ้มเล็กๆ ชายหยิบจดหมายที่มีกล่องหนึ่งมาด้วยพร้อมดูจ่าหน้าซอง ชายต้องยิ้มทั้งน้ำตาเพราะสิ่งที่เค้าเห็นนั้นมันเป็นสิ่งที่เค้าต้องการพอดี จดหมายจากคนที่เค้ารักอย่างหมดใจ ชายรีบเปิดดูอย่างดีใจ ข้างในเขียนไว้ว่า
        “ชายรู้ไหมเราอยู่ที่นี่อ่ะ เหงามากไม่มีเธอคอยมาช่วยเหมือนแต่ก่อนแล้ว เออนี่อีกไม่นานวันเกิดชายไม่ใช่หรอ เราส่งอะไรมาให้หน่ะลองดูที่กล่องสิ เราส่งมาให้ก่อนนะ เรากะเวลาที่จดหมายมาถึงไม่ถูกเลยเราก่อนนานเลยสิท่า “ชายเข้าไปเปิดกล่องนั้นดูพบฮาร์ตบีทอยู่เต็มโหลที่เค้าเคยให้ชายไป
        “ชายดูสิตอนนี้ฮาร์ทบีตในขวดโหลเต็มขวดแล้วเปรียบเสมือนสิ่งที่ชั้นจะบอกชายในคำถามนั้นไง เธอคงเข้าใจแล้วนะหมายความว่าไง สิ่งที่ทำไป สิ่งที่ทุ่มเทนั้น เธอไม่ได้ทำสูญเปล่าหรอก แต่มันเกิดจากเธอไม่รอให้อะไรมันลงตัวเสียก่อน เลิกใจร้อนเราจะรอเห็นวันที่ชายกล้าพาเราไปเที่ยว รอเราอีกปีนะเราจะกลับมาตากเพื่อมาให้คำตอบจากปากเราให้เธอ”ชายอ่านจดหมายเสร็จได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียวแล้วนำจดหมายไปเก็บข้างขวดโหล อย่างทะนุดถนอม ชายกลับมาร่าเริงอย่างเก่าเพราะเค้ามีความหวังที่จะรอวันนั้น วันที่อ้อนกลับมาตาก มาพร้อมกับคำตอบที่เค้าเฝ้ารอมานาน เค้าจะรอต่อไป…….ต่อไป…...ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ด้วยหัวใจที่เปลี่ยมไปด้วยความหวัง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×