ตราบาป โดย เมืองแมน - ตราบาป โดย เมืองแมน นิยาย ตราบาป โดย เมืองแมน : Dek-D.com - Writer

    ตราบาป โดย เมืองแมน

    แนวดราม่า เหนือธรรมชาตินิดหน่อย เรื่องราวของแรงแค้นที่ฝังใจของผู้หญิงคนหนึ่งเธอกลับมาเพื่อแก้แค้น คนที่เคยทำร้ายเธอ ซึ่งเขาเป็นดาราหนุ่มชื่อดังที่สุดของวงการการแก้แค้นจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามชม

    ผู้เข้าชมรวม

    245

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    245

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ต.ค. 48 / 23:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เวลาประมาณ หนึ่งนาฬิกาเศษๆ ถนนสายเล็กๆสองข้างทางปกคลุมไปด้วยดงหญ้าสูงรก  คงเพราะดึกมากแล้วประกอบกับถนนสายนี้อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองพอสมควร ทำให้ถนนสายนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านซักเท่าไร  เสียงจิ้งหรีดและพวกแมลงกลางคืนที่ส่งเสียงกังวานใสในความมืด จึงทำให้ถนนสายนี้ดูเปลี่ยวและน่ากลัว  เสียงเครื่องยนต์ขับเคลื่อนมาจากทางโค้งที่หักตัวหลบเข้าไปในหมู่แมกไม้หนาทึบ แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องไปทั่วบริเวณ เมื่อรถแล่นพ้นทางโค้งมาทำให้รู้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถคอนเทรนเนอร์  ที่ใช้สำหรับบรรทุกสินค้าของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆท่ามกลางความมืด  รถแล่นไปซักระยะ ก็ค่อยๆชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนจอดสนิทในที่สุด แต่ที่ตรงนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่อื่นซักเท่าไรสองข้างทางยังคงเป็นหมู่แมกไม้ และหญ้ารกทึบดูอึมครึมเช่นเดิม  ประตูรถทางด้านขวาเปิดออก ชายร่างกำยำบึกบึนกระโดดลงมาจากรถ ก่อนที่จะเดินอ้อมหน้ารถและหายเข้าไปในพงหญ้าด้านซ้ายมือ ซึ่งดูเหมือนจะมีทางเดินเล็กๆ เข้าไปสู่ตัวบ้านไม้หลังเก่าที่อยู่ลึกเข้าไปพอสมควร  หากไม่สังเกตเวลาขับรถผ่านก็คงไม่รู้ว่ามีบ้านไม้หลังเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้นี้เป็นแน่  ซักพักชายคนเดิมก็เดินออกมา พร้อมชายร่างสูงกำยำอีกคนหนึ่งก็จะ ส่งสัญญาณให้คนในรถอีกสามคนลงมาทั้งหมดคุยอะไรกันบางอย่างก่อนที่หนึ่งในนั้น  จะเดินแยกกลุ่มออกมาทางหลังรถแล้วพินิจ      พิจารณา อะไรบางอย่าง ก่อนจะตะโกนตอบกลับไปยังกลุ่มที่เดินจากมา
      “พี่หาญ...ไม่เห็นมีอะไรเลยพี่พี่หูฝาดไปรึปล่าว”    
          “แน่ใจนะมึง  เกิดผิดพลาดอะไรเราจะซวยกันหมด” คนที่ถูกเรียกว่าหาญตะโกนกับมาอย่างไม่เชื่อถือนักเพราะรู้ๆนิสัยลูกน้องคนนี้ดี
      “โถ่ พี่แน่ใจสิ ไว้ใจฉันได้น่า”คนเป็นลูกน้องเริ่มมีน้ำโห แต่เพื่อความแน่ใจจึงเปิดประตูตู้ออกประตูตู้คอนเทรนเนอร์ ค่อยๆแย้มออกทีละนิดแสงไฟจากภายนอกค่อยๆสาดเข้าไป   ทันใดนั้น เสียงไอ้หาญก็ เร่งลูกน้องให้รีบกลับมาโดยเร็ว ผู้เป็นลูกน้องชะงักกึก จากที่เคยคิดจะตรวจตราอย่างรอบคอบกลับกลายเป็นความไม่พอใจรีบ

      ดึงประตูตู้ปิดกลับมาโดยเร็ว ด้วยความรีบร้อนบวกนิสัยส่วนตัวทำให้ลูกน้องตัวดีใส่กลอนประตูตู้โดยลืมล็อคกุญแจ ก่อนจะวิ่งไปรวมกลุ่มกับคนพี่หาญของมัน ซึ่งตอนนี้ในกลุ่มมีชายร่างใหญ่กำยำมาเพิ่มอีกห้าหกคน คนที่วิ่งมารวมกลุ่มหลังสุดโดนลูกพี่ตบหัวไปหนึ่งทีก่อนที่ทั้งกลุ่มจะเดินหายเข้าไปในพงไม้หนา
        ในความมืดร่างหนึ่งค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากไม่ได้สติมาตลอดทาง  เมื่อได้สติและทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ร่างนั้นค่อยขยับตัวออกจากสินค้าที่ถูกบรรทุกมาด้วยกัน ร่างนั้นค่อยเลื่อนตัวไปยังที่ที่คิดว่าเป็นสุดปลายของสิ่งที่คล้ายๆกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เสียงกึกๆ ซึ่งมาจากเสียงของเท้าเล็กๆคู่หนึ่งที่ถีบช่องประตูตรงหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่พอจะรวบรวมได้ในเวลานั้น ประตูที่เห็นได้เพียงลางๆนั้น เพราะไม่มีแสงใดเลยนอกจาก แสงสลัวๆที่เล็ดรอดออกมาจากช่องลมทางด้านบนของกล่องสี่เหลี่ยมนี้ เสียงกึกๆ ดังอยู่หลายที เจ้าประตูนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อนเลยซักนิด  ขณะที่เจ้าของเท้าคู่เล็กๆกำลังจะถอดใจอยู่นั้น เสียงอะไรบางอย่างจากภายนอกพยายามที่จะออกแรงดึงกลอนประตูออก ร่างที่อยู่ภายในความมืดนั้นแข็งเกร็งราวกับก้อนหิน สายตาจดจ่ออยู่ที่ประตูเบื้องหน้า แกร็ก! เสียงสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่ประตูตู้จะค่อยๆเปิดออก  ร่างเล็กร่างหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังประตูนั้นดวงตามองมายังเธอเขม็งผมด้านหน้ายุ่งเล็กน้อยใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในความมืดทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้  ร่างที่อยู่ด้านในนั้นยังคงไม่ขยับหรือเปลี่ยนอิริยาบถใดๆยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้นตาก็จับจ้องมายังร่างเล็กภายนอกเช่นกัน  ไม่ทันที่จะมีการสนทนาเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าจากในพงไม้ทึบดังขึ้นมา ทำให้ร่างเล็กภายนอกหลบหายไปทางหลังประตู พร้อมกับประตูที่ค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆและเงียบที่สุด แต่ก็ไม่สนิทซะทีเดียวยังคงเปิดแง้มไว้เล็กน้อย มีเสียงเปิดประตูรถด้านหน้า และตามด้วยเสียงปิดประตูรถ พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่กลับหายเข้าไปยังทิศทางแรก
      ร่างในความมืดรอจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงใช้เท้าคู่เล็กๆถีบประตูที่แง้มอยู่ออกเบาๆก่อนที่จะเคลื่อนตัวไปยังประตูที่เปิดออกแล้ว  แสงจากภายนอกสาดส่องเข้ามาทำให้เห็นร่างของหญิงสาวนับสิบที่สลบถูกมัดและกองรวมกันไว้  เธอเหลียวมองคนด้านหลังอีกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจ กระโดดออกจากรถ แต่ด้วยมือที่ถูกมัดอยู่ทำให้ท่าลงนั้นดูไม่เป็นท่า ขณะร่างที่เพิ่งเป็นอิสระกำลังพยายามลุกขึ้นนั้น ร่างๆหนึ่งก็เข้าไปช่วยพยุงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างที่ถูกพยุงถึงกับชะงักหัวใจตกวูบไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อนึกถึง

      เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธออาจจะโดนตบเลือดกลบปาก หรือโดนฆ่าเป็นแน่ ถ้าคนที่พยุงเธอคือพวกที่พาเธอมา แต่เมื่อเธอหันไป เสียงกรีดร้องหลุดออกมาจากปากเธอด้วยความตกใจ กับใบหน้าของคนตรงหน้าเธอ เมื่อตั้งสติได้เธอสะบัดตัวออกจากคนตรงหน้าโดยเร็ว  ไม่ทันที่คนตรงหน้าจะอ้าปาก  เสียงฝีเท้านับสิบกำลังมุ่งหน้ามายังที่เธอยืนอยู่ ร่างที่เป็นต้นเหตุของเสียงหันไปทางต้นเสียงของฝีเท้านั้นอย่างตกใจ ด้วยสัญ-ชาตญาณทำให้เธอลืมบุคคลตรงหน้าไปสิ้น เท้าคู่เล็กทำงานโดยไม่ต้องสั่งแต่ก็ไม่พ้นเงื้อแขนของคนตรงหน้าที่รั้งเธอไว้พร้อมเสียงที่คุ้นหู “ฟ้า  ฟ้าปลาย จะไปไหนเธอมากับฉันนี่เร็ว มาเร้ว พวกมันมากันแล้ว มาสิ ”ร่างนั้นพยายามฉุดไว้สุดกำลัง ร่างที่กำลังจะหนีก็ดิ้นไม่หยุด
      “ปล่อยนะ  ปล่อยชั้น แกเป็นใคร ปล่อย”  ร่างที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของอีกร่างร้องออกมาอย่างร้อนรน ก่อนจะรวบรวมกำลังทั้งหมดสะบัดตัวออกจากวงแขนนั้นแล้ววิ่งหนีออกไปตามถนนที่มืดมิดตรงหน้าสุดกำลัง ร่างที่ถูกสะบัดออกรีบหลบหายไป เมื่อคนกลุ่มใหญ่วิ่งมาถึง ก็พบเพียงความว่างปล่าว
      “เฮ้ย  ประตูเปิดได้ไงวะ ไอ้แห้วมึงเปิดประตูนี้หรือป่าวหะ”ไอ้หาญตะโกนใส่ไอ้แห้วคนที่วิ่งมาที่รถเป็นคนสุดท้าย เมื่อเห็นประตูรถตู้คอนเทรนเนอร์เปิดอ้าออก
      “ปล่าวพี่  ผมมาเอาของที่พี่สั่งแล้วก็วิ่งกลับเลย”ไอ้แห้วรีบบอกอย่างร้อนรนและแล้วสายตาดั่งพญาเสือของหาญกล้าหรือไอ้หาญก็ตวัดมายัง ลูกน้องตัวดี
            “ไอ้เห็ดมึงใช่ไหม กูจำได้แล้วกูให้มึงมาดูว่ามีอะไรผิดปกติไหม มึงก็ว่าไม่มีแล้วเป็นไง ไม่มีของมึง ทำพวกกูฉิบหายกันหมด ไอ้เห็ดเอ้ยยย”ไอ้หาญยกเท้าขึ้นถีบกลางอกลูกน้องหงายหลังไป และจะตามไปกระทืบซ้ำ แต่มือหนึ่งมารั้งไว้
            “พี่หาญ  ผมว่าอย่าเลยเสียเวลาปล่าว เรารีบไปตามตัวผู้หญิงคนนั้นก่อนดีกว่าถ้ามันไปบอกตำรวจได้เราจะซวยกันหมด” สิงห์ชัยผู้ชายร่างสูง ที่ออกมาจากพงไม้กับไอ้หาญในตอนแรกเตือนสติ  ไอ้หาญเหมือนเพิ่งนึกได้ สั่งลูกน้องส่วนหนึ่งดูผู้หญิงที่เหลือไว้อย่าให้หนีออกมาได้อีก แล้วก็วิ่งออกนำไปอย่างรวดเร็วแล้วกลุ่มคนที่เหลือก็วิ่งตามไป
            ถนนสายยาวเปลี่ยว ร่างเล็กบางวิ่งล้มลุกคลุกคลานมาตามทางด้วยแรงทั้งหมดที่มีในขณะนั้น ร่างนั้นวิ่งมาอีกเพียงก้าวเดียวก็ทรุดตัวลง อย่างหมดแรง เสียงหอบทั้งหมดถูกกลบลงด้วยเสียงฝีเท้าที่กำลังเคลือบคลานเข้ามาใกล้ทุกที  หญิงสาวหันหน้าไปมองตามเสียงสีหน้าตื่นตระหนก พยายามจะลุกขึ้นหนีต่อ แต่เพียงแค่ชันเข่าขึ้นก็ทรุดลงมากอง
      กับพื้นเหมือนเดิม  หญิงสาวก้มหน้าร้องไห้กับชะตากรรมของตัวเอง  น้ำตาไหลมาไม่ขาดสาย เวลานี้เธอไม่คิดจะหนีอีกต่อไป เธอเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกิน อะไรจะเกิด จะเป็นไปก็ขอให้มันเป็นเถอะ  
          “นั่นไง เจอจนได้คิดว่าจะหนีไอ้หาญพ้นหรอฮึ  ไม่เคยมีใครหน้าไหนหักหน้าไอ้หาญได้ถึงเพียงนี้ หาก หัวหน้าสาขาอื่นๆรู้เข้ากูมิโดนหัวเราะเยาะตายรึ ไอ้เห็ด ไอ้แห้วไปลากตัวมันเข้าข้างทางก่อนเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่อง  กูจะสำเร็จโทษนังนี่อย่างงามทีเดียว”ไอ้หาญพูดขึ้นหลังจากที่มันมาถึง ประโยคหลังหันไปสั่งลูกน้องที่ตามมาติดๆ  ไอ้เห็ด ไอ้แห้วได้ยินดังนั้นก็ย่างสามขุมเข้าไปยังร่างที่สั่นสะท้าน กลางถนนเปลี่ยว ร่างเล็กถูกหิ้วแขนทั้งสองข้างขึ้นจากพื้นอย่างแรงหญิงสาวแผดเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด พยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการทั้งสองข้าง “ปล่อยนะ ปล่อยฉัน ปล่อยอย่าทำอะไรชั้นเลย ปล่อย”ร่างทั้งร่างถูกลากถูไถไปตามทาง  ไอ้หาญและคนอื่นๆ ยิ้มอย่างหื่นกระหายตามไอ้เห็ด กับไอ้แห้วเข้าไป ในพงหญ้ารกหนาข้างทาง ยังคงเหลือแต่สิงห์ชัยที่ยืนอึ้งสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้า  ความดีและความชั่วในตัวต่อต้านกันอย่างรุนแรง
              พงหญ้าหนาทึบถูกแหวกออก พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ถูกโยนมากองลงตรงพื้นหญ้าตรงหน้า แสงจากดวงจันทร์ตกกระทบลงบนร่างที่นอนคุดคู้อยู่ตรงหน้า ตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว  ตามแขนขามีรอยแผลถลอกจำนวนมาก อันเกิดจากการหนีตายและถูกกระชากลากถูมากับพื้น ใบหน้ายังคงเป็นรอยแดงของฝ่ามือเลือดไหลซิบๆอยู่ตรงมุมปาก น้ำตาแทบจะไม่มีอีกต่อไปคงเหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้ที่น่าเวทนายิ่งนัก  แต่ก็ไม่เป็นผลอย่างใดทั้งสิ้นกับจิตใจอันไร้ซึ่ง ความรู้สึกของกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่รอบตัวเธอ ร่างใหญ่ทมึนหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่รอบๆตัวเธอเดินออกมายังร่างที่นอนคุดคู้อยู่ ร่างทมึนยืนค่อมเหนือร่างเล็กนั้น ก่อนจะย่อตัวลงกลายเป็นนั่งชันเข่าคล่อมตัวหญิงสาวไว้ มือหนาใหญ่จับหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้าคุดคู้อยู่ด้วยความกลัว ให้หันมาเผชิญหน้า หญิงสาวพยายามยกมือไว้ขออย่าทำอะไรเธอเลย แต่ก็เหมือนเป็นการยุให้ฝ่ายตรงข้ามกระทำการเร็วขึ้น หล่อนรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่กระชากสิ่งที่ปกปิดร่างกายหล่อนออกทีละชิ้น ทีละชิ้น หล่อนได้แต่หลับตาด้วยความอับอาย ปากก็พร่ำอ้อนวอน  ในบางครั้งก็ด่าคนตรงหน้าต่างๆนาๆผสมกับเสียงกรีดร้อง แต่ในใจก็ยังคงหวังว่าจะมีใครมาช่วย แล้วก็เหมือนเสียงสวรรค์เมื่อเธอได้ยินเสียงเดินแหวกหญ้าเข้า จะต้องมีใครมาช่วยแน่ๆ  


      จะต้องมีสวรรค์คงไม่โหดร้ายอย่างนี้แน่ ต้องมี ต้องมี...เร็วเข้าก่อนที่เธอจะถูกพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงไป เร็วซิ เร้วววววววววว........แต่ทุกอย่างก็เงียบ เธอพยายามลืมตาขึ้นอย่างยากเย็นเพื่อมองไปยังต้นเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่  เธอเห็นร่างสูงเป็นเงาพร่าเลือนดังเช่นคนอื่นๆ  แต่สายตากลับฉายแววแห่งความสับสนในสิ่งถูกหรือผิด  เธอรู้เขาแตกต่างจากพวกนี้ที่ไร้ความรู้สึก เขามีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่..แต่ทำไมเขายังยืนเฉยอยู่เล่าไม่คิดแม้แต่จะเข้ามาช่วยเธอหรือ  หรือความคิดฝ่ายดีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  เธอรู้สึกขยะเขยงขึ้นมาทันทีเมื่อมีอะไรบางอย่างมาถูไถที่ซอกคอของเธอ เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะไม่รอให้ใครช่วยเธอจะช่วยเหลือตัวเอง แม้รู้ว่ามันจะไม่ได้ผลก็ตาม

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×