องศาที่ต่างกัน - องศาที่ต่างกัน นิยาย องศาที่ต่างกัน : Dek-D.com - Writer

    องศาที่ต่างกัน

    เพราะเหตุผลเพียงเท่านี้เหรอ ที่ทำให้เขาหมดรักในตัวเธอ

    ผู้เข้าชมรวม

    901

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    901

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ส.ค. 46 / 19:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เช้าวันหนึ่ง มายาวีตื่นมาด้วยความเคยชินของแสงแดดอ่อนๆที่สาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างห้องนอนของเธอ พ่อของเธอได้ออกไปทำงานแต่ย่ำรุ่ง และกิจวัตรประจำวันของเธอในช่วงปิดเทอมนั่นก็คือ การนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เครื่องหรรษาที่สามารถช่วยให้เธอแก้เหงา คลายเครียด และหาเพื่อนใหม่ๆได้โดยที่ไม่ต้องกระดิกตัวออกไปไหน มายาวีล้างหน้าแปรงฟัน ทำกิจส่วนตัวเรียบร้อย เธอเดินตรงไปที่ตู้เย็นเพื่อหยิบเค้กที่เธอโปรดปรานสักชิ้นแล้วเดินเข้าห้องไป พร้อมกับเปิดเพลงเบาๆในคลื่นความถี่ที่เธอชอบเป็นประจำ ในเว็บไซด์ E-mail ชื่อดังเว็บหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องใยพิภพ มีโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดลงในเครื่อง เพื่อสนทนากับเพื่อนที่รู้จักกัน โดยการนำE-mail ของคนเหล่านั้นมาแอดเก็บไว้ในลิสต์ มายาวีคือเด็กหญิงคนหนึ่งที่ชอบเล่นหรือแชทในโปรแกรมนี้
      “สวัสดี”  มายาวีทักชายผู้หนึ่ง เมื่อ E-mail ของเค้าปรากฏบนหน้าจอ เพื่อเป็นการบอกว่าเค้าเข้ามาออนไลน์เช่นกัน
      “สวัสดี”  ชายผู้นั้นตอบรับ
      “ทำไมตื่นเช้าจัง”  มายาวีถาม
      “เราตื่นตั้งนานแล้ว ไม่มีไรทำ รอไปไร่”
      “ไร่? ไร่อะไรอ่ะ “  มายาวีถามถามด้วยความสงสัย
      “ไร่ผลไม้ของพ่อ”  ชายผู้นั้นกล่าวเหมือนกับว่าที่บ้านของเค้ามีสวนผลไม้
      “ทำไมต้องไปด้วยล่ะ”
      “ก็เราเป็นลูกชาวไร่นี่ ไปช่วยพ่อไง” เขากล่าวด้วยความภูมิใจ
      “เหรอ ขยันดีจังนะ”
      “แล้วเธอล่ะ วันนี้ไม่ไปเรียนพิเศษเหรอ”  
      “ไม่หรอก วันนี้ไม่มีเรียน”  มายาวีตอบด้วยความรู้สึกชอบใจที่เธอต้องอยู่บ้าน
      “งั้นเราไปก่อนนะ”  ชายคนนั้นทำท่าจะร่ำลามายาวี
      “ไปแล้วเหรอ ว้า..งั้นเราก็ไม่มีเพื่อนคุยอ่ะสิ”   มายาวีกล่าวด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
      “เที่ยงๆเดี๋ยวเราเข้ามาคุยเป็นเพื่อนนะ”
      “จริงเหรอ มานะเราจะรอ”  เธอแอบยิ้มอยู่เล็กๆ
      “บายนะ”
      “บายค่ะ”
      ธนพัฒน์ คือชายในคอมพิวเตอร์คนนั้น เขาเป็นเด็กนักเรียนที่กำลังรอผลเอนทรานซ์อย่างระทึกใจ ธนพัฒน์มีนิสัยเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆทั่วไป รักเพื่อนฝูง รักสนุก แต่ทว่าเขาชอบที่จะอยู่บ้านช่วยพ่อทำสวนผลไม้กว่า 300 ไร่ ทุกวัน
      ธนพัฒน์เป็นนักกีฬาโรงเรียนเอกชนชื่อดังในต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง บุคลิกดี รูปร่างสูงผอม ตาหวาน ปากสวย มือสวย เป็นที่ชื่นชอบในหมู่ผู้หญิงบ้าง ตรงกันข้ามกับมายาวี เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ที่ดูแล้วไม่เหมือนเด็กมัธยมปลายเอาเสียเลย ผมดำยาว มีเหล็กติดฟันทุกครั้งที่เธอยิ้ม ธนพัฒน์เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเพื่อนสนิทของมายาวี ธนพัฒน์และมายาวีติดต่อกันโดยใช้เครื่องหรรษานี้เป็นสื่อกลางในการสนทนากันเป็นประจำ โดยต่างคนต่างไม่รู้และไม่ได้คิดเลยว่า วันข้างหน้ามันจะกลายเป็นความผูกพัน
      แสงแดดที่ร้อนจ้า สามารถแผดเผาสัตว์เล็กๆให้ละลายลงไปต่อหน้าต่อตาได้ มายาวีรู้สึกไม่ชอบการปฏิบัติหน้าที่อันแสนดีเกินไปของพระอาทิตย์เลย เธอจึงไม่ประสงค์ที่จะออกจากห้อง แม้แต่จะออกไปหาของประทังชีวิตของตน เธอเลือกที่จะค้นหาสิ่งที่กินได้ในตู้เย็นแทน
      “เย้ มาแล้ว”  มายาวีทักธนพัฒน์ด้วยความดีใจ หลังจอเธอนั่งรออยู่หน้าจอพักใหญ่
      “อือ”  เป็นการตอบรับที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักเท่าไหร่
      “ช่วยพ่อเสร็จแล้วเหรอ”  มายาวีถาม
      “ยังหรอก แต่แดดร้อน ทานข้าวยัง”  ธนพัฒน์กล่าว
      “ยังเลย หิวจะตาย แต่ไม่ออกไปซื้อหรอกแดดมันร้อน”  มายาวีพูดด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายการกระทำของธรรมชาติ
      “ไม่ไปทาน เดี๋ยวเป็นโรคกระเพราะนะ” รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
      “ไม่หรอก เราอึดจะตาย กินขนมปังแล้ว”
      ธนพัฒน์และมายาวีคุยกันอย่างนี้ทุกวัน เหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทั้งสองคนไปแล้ว และไม่มีใครรู้เลยว่า สายใยความผูกพันมันเริ่มทักทอขึ้น จนทั้งสองรับรู้เรื่องราวของกันและกันอย่างลึกซึ้ง ธนพัฒน์เล่าให้มายาวีฟัง ถึงเรื่องราวความผิดหวังในเรื่องความรักของเพื่อน 3 คน ที่มีคนรักคนเดียวกัน ซึ่งยากที่ธนพัฒน์จะตัดใจแต่ทุกครั้งที่ธนพัฒน์ไม่สบายใจ อึดอัด หรือรู้สึกเศร้า พอได้มาคุยกับมายาวีเมื่อใด ความรู้สึกเหล่านั้นก็เลือนหายไป เหลือแต่ความสบายใจ และโล่งใจ ด้วยความสนุกสนานที่ออกจะกวนๆของมายาวี เด็กหญิงตัวน้อยผู้ร่าเริงแจ่มใส แต่ในขณะเดียวกันมายาวีก็ใช่ว่าจะสมหวังกับเรื่องความรักเสมอไป เธอก็เคยรู้สึกเช่นเดียวกับธนพัฒน์ จึงทำให้มายาวีเป็นผู้ที่เข้าใจธนพัฒน์มากที่สุดในตอนนี้และความผิดหวังเหล่านั้นทำให้มายาวีแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่เธอต้องเลิกรากับความรักในแต่ละคน การดำเนินชีวิตของทั้งสองได้ดำเนินไปตามปกติโดยมีอณูความคิดถึงและความผูกพันสอดแทรกเข้ามาอยู่ในหัวใจของทั้งสองทีละเล็กทีละน้อยอย่างไม่รู้ตัว
      “เงียบทำไมล่ะ”  มายาวีกล่าวขึ้นหลังจากรอคำตอบอะไรสักอย่าง “ไม่คุยกับเราแล้วเหรอ”  มายาวีถาม
      “คุย คุย”  ธนพัฒน์ตอบกลับเหมือนกับกลัวว่าเธอจะไม่คุยด้วย
      “ว่าไงเราถามว่าคนๆนั้นของเธอล่ะ”  
      “ก็เฉยๆ”  ธนพัฒน์ตอบรับคล้ายกับว่าบุคคลที่3 ที่ทั้งสองพูดเป็นใครสักคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา
      “อ้าว แล้วไม่ชอบเค้าแล้วเหรอ”
      “ไม่รู้สิ เราไม่อยากเจ็บอีก”
      “แต่เธอก็บอกเราเองไม่ใช่เหรอ ว่าเค้ามาขอคืนดี”  
      “อือ แต่เรารอวีอยู่นะ”  ธนพัฒน์พูดทีเล่นทีจริง
      “555 เดี๋ยวเราคิดนะยุ่งเลย”  
      “ถึงเธอไม่คิดแต่เราก็คิด 555”
      “เอาจริงๆสิอย่าล้อเล่นกันอย่างนี้ดิ”  มายาวีพูดเหมือนว่าในใจของเธอคิดอะไรสักอย่างกับธนพัฒน์ โดยแสร้งทำเป็นเหมือนเรื่องตลกเฮฮา
      “อือ จริง เราพูดจริงนะ” ถ้าเป็นน้ำเสียงท่าทางดูจริงจัง
      “แล้วเธอจะมารอเราทำไม”  มายาวีถามด้วยความไม่เข้าใจ
      “อือน่าคิด คิดหน่อยสิ”  
      “เราไม่รู้อ่ะ รอไปเลี้ยงฟูจิเหรอ” มายาวีถามราวกับว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองได้ตกลงอะไรบางอย่างกันไว้
      “มีอีก” ธนพัฒน์กล่าวเป็นนัยๆ
      “ไม่รู้แล้วนะ คิดไม่ออก บอกมาเลย” มายาวีจนปัญญาในการคิดของเธอจริงๆ บอกมานะ
      “ไหนบอกไงว่าวีเก่ง ก็รู้อยู่แก่ใจ” ธนพัฒน์พูดเหมือนกับมายาวีรู้ความคิดของเขา
      “เราไม่รู้จริงๆบอกมาเลย นะนะ”
      “เอ่อ..คือว่า...=v[gTv’yp” เหมือนโค้ตอะไรสักอย่างที่ธนัพัฒน์ต้องการให้มายาวีแกะความหมายมันออกมา
      “บอกไปแล้วนะ” ธนพัฒน์กล่าว
      มายาวีเข้าใจว่าธนพัฒน์ให้โค้ตอะไรบางอย่างแก่ตน เธอค่อยๆแกะจากคีย์บอร์ด กดภาษาอังกฤษทีล่ะตัวให้เปลี่ยนเป็นภาษาไทย
      “ช-อ-บ-เ-ธ-อ-งั-ย”  มันคือข้อความที่มายาวีแกะออกมาได้
      “เฮ้ย จริงดิ” ท่าทางเธอตกใจที่ได้เห็นข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏขึ้นมาช่นนั้น ทำให้เธอรู้สึกอะไรบางอย่าง ที่มันหวิวๆในใจเช่นไรก็ไม่รู้ ช่างหวั่นไหวเหลือเกิน
      “จริงเหรอ” มายาวีถามซ้ำอีกครั้ง เพื่อต้องการความแน่ใจ
      “8bf;jk’yhoot”
      เธอแกะตัวอักษรอีกครั้ง “คิดว่างั้นนะ”  
      “เฮ้ย เอาดีๆดิอย่าล้อเล่น” เธอไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง
      “ถ้าเราเอาจริงจะพอไหวมั้ย”  ธนพัฒน์ถามอย่างรู้สึกได้ว่าเขาคิดเช่นนั้นจริงๆ
      “เราไม่น่ารักนะ”
      “เราก็ไม่หล่อ..ลองคบกันมั้ย”
      “จริงดิ 555”  เธอหัวเราะดูเป็นเรื่องน่าขำ แต่ที่จริงแล้วเธอชาไปช่วงวินาทีหนึ่งเมื่อได้เห็นข้อความ
      “อืม”  ท่าทางเขาเอาจริง
      “ถามไรอย่าง ทำไมถึงชอบเรา”  มันคือคำถามที่เธอต้องการคำตอบ
      “ไม่รู้ อธิบายไม่ได้ เราว่าเธอมีความคิดดี” ธนพัฒน์ตอบ
      หลายครั้งหลายหนที่มายาวีพยายามหาเหตุผลของธนพัฒน์ ในความรู้สึกของเขา มายาวีเพียงต้องการจะแน่ใจว่าธนพัฒน์คิดเช่นนั้นกับเธอจริงๆ เพราะในความรู้สึกของตัวเธอเองลึกๆ ก็คิดเช่นนั้นกับเขาโดยที่ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นมาเมื่อใด แต่ทุกครั้งที่มายาวีถาม คำตอบของธนพัฒน์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เขาตอบไม่ได้ อธิบายไม่ถูก เขารู้แต่เพียงว่า เขาคิดอย่างนั้นกับเธอจริงๆ
        แต่ในขณะเดียวกันในหัวใจของธนพัฒน์ก็มิอาจลืมอดีตของเขาได้ เขายังมีใครอีกคนอยู่ก้นบึ้งของหัวใจ แต่เขาไม่อยากกลับไปปวดร้าวเช่นนั้นอีกแล้ว เขาหวังแต่เพียงว่า เวลา และใครสักคน จะช่วยให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างหมดสิ้น เช่นกันกับมายาวี เธออยากจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนเช่นกัน เธออยากมีใครสักคนที่เธอรักและรักเธอย่างจริงใจ และรอเธอกลับมา
      อนิจจา แต่เหมือนกับเขาและเธอได้รู้จักกันช้าเกินไปเหลือเวลาเพียงน้อยนิดนักที่เธอจะได้ทำความคุ้นเคยกับเขาให้มากขึ้น มายาวีเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ รอแต่เพียงเวลาเท่านั้นที่กำลังจะพาตัวเธอไป
      ธนพัฒน์ได้ย้ายเข้ามาเรียนในมหาวิยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง (สืบเนื่องจากเขาเอนทรานซ์ไม่ติดนั่นเอง) เขารู้สึกดีใจที่จะได้ใกล้ชิดกับผู้ที่เขารู้สึกพิเศษและอยากมอบความรู้สึกดีๆให้ เช่นเดียวกันกับมายาวีเธอเองก็รู้สึกดีใจ ที่จะได้ใช้เวลาที่เหลือกับคนที่เธออยากจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังจากที่เธอเว้นช่องว่างในหัวใจมานาน
        ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้สานต่อและพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ธนพัฒน์ไม่มีเวลามากพอที่จะใช้มันนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนแต่ก่อน และมันไม่จำเป็นอีกแล้ว เขาเปลี่ยนมาใช้วาจาทางเสียง ยิ่งทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นและหวังสักวันว่า จะต้องเจอและใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
      “ทำไมเมื่อกี้ไม่มีคนรับล่ะ”
      “อ๋อ โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า วีลืมเปิดเสียง”
      “ทานข้าวหรือยัง”
      “ยังเลย ไม่หิวหรอกแล้วเธอล่ะอยู่หอเหรอ”
      “อือ อยู่ที่ห้องกับเพื่อน ทำไมวีกลับดึกจังซ้อมคาราเต้เหรอ”
      “ใช่ นี่ก็เพิ่งกลับวันนี้เหนื่อยมาก ซ้อมหนักโคตร”
      “กลับบ้านระวังตัวด้วยนะ”
      “โห่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเรากลับกับพ่อ แล้วพัฒน์เปิดเทอมเมื่อไหร่เนี่ย”
      “จันทร์นี้ ยังไม่ได้ซื้อของเลยกะว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อชุดนักศึกษา”
      “เหรอ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ กลับบ้านก่อนมีเบอร์ที่ห้องมั้ยล่ะ คือมันเปลือง”
      “มี แต่ว่ายังไม่ได้เอาโทรศัพท์มาไม่เป็นไรหรอก ของเค้านาทีล่ะ2บาท ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วยละกันนะ”
      “อือ ได้ งั้นแค่นี้ก่อนนะ บ๊ายบาย”
      “จ้า อย่าลืมนะวี องศาที่ต่างกัน”
      คำทิ้งท้าย “องศาที่ต่างกัน” เหมือนกับว่าเป็นความหมายอะไรสักอย่าง ความหมายของมันคล้ายกับเหมือนอยู่คนล่ะที่ ใช่ มันหมายถึงเพลงที่ธนพัฒน์ชอบเปิดให้มายาวีฟังทุกครั้งตั้งแต่เขาได้เผยความในใจออก
      มายาวีและธนพัฒน์พูดคุยกันเป็นประจำทุกวัน การสนทนาของทั้งสองกลายเป็นกิจวัตรประจำวันแทนการนั่งอยู่หน้าเครื่องหรรษาไปแล้ว ทุกเช้ามายาวีจะโทรไปปลุกธนพัฒน์ให้ตื่นไปเรียน ทุกกลางวันธนพัฒน์ต้องโทรมาถามด้วยความเป็นห่วงไม่รู้ว่าป่านนี้คนพิเศษของเขาทานข้าวกลางวันหรือยัง และทุกคืนทั้งสองโทรคุยกันจนดึกจนดื่นและมันทำให้หลับฝันดีทุกคืน อณูความคิดถึงและความผูกพันที่เคยแทรกซึมสั่งสมเอาไว้นั้น มันยิ่งละเอียดและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่พอ มันยังก่อตัวเป็นอะตอมของความห่วงใยและความรักเข้าไปรวมกับอณูอย่างไม่รู้ตัว วันแล้ววันเล่าธนพัฒน์ยิ่งรู้สึกพิเศษกับมายาวีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเช่นเดียวกับมายาวีที่ยังคงรู้สึกพิเศษกับธนพัฒน์มากขึ้นเช่นกัน
      “เมื่อไหร่เธอจะยอมรับเราเป็นแฟนซะทีล่ะ”
      “ไม่รู้ ไม่ยอมรับหรอก”
      “จริงเหรอ”
      “อือ ไม่รู้”
      “ไปชอบคนที่เค้าไม่ชอบเรา เศร้าเนอะ”
      “อะไร ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ รอวีได้เหรอ วีไปตั้งปีนึง”
      “รอได้สิ แค่ปีเดียวเอง ไม่นานหรอกเค้ารอได้อยู่แล้ว”
      “จะมาจีบวีตอนนี้ทำไมเนี่ยก็รู้ๆอยู่ว่าจะไปแล้ว ไม่เชื่อหรอกว่ารอได้”
      “อ้าว เค้ารอได้อยู่แล้ว พูดไปก็เท่านั้น รอดูเอาเองดีกว่า”
      “จริงเหรอ วีเชื่อคนยากนะยิ่งเธออยู่ปี1ด้วย ต้องเจอกับคนอีกเยอะแยะ วีไม่น่ารักนะจะมารอวีทำไม”
      “จะบอกให้นะวี หน้าตาดีหาง่าย ความคิดดีหายาก เค้าไม่ดูข้างนอกหรอกเค้ารักข้างใน”
      “ทั้งๆที่เธอยังจีบวีไม่ติดเนี่ยนะ ก็จะยังจะรอเหรอ”
      “อือ กลับมาก็จีบต่อไงแต่ถ้าวีต้องการให้เค้าไปเอ่ยปากมาคำเดียวเค้าก็จะไป จะไม่มายุ่งกับวีเลย”
      ความลังเลเริ่มเกิดขึ้นภายในใจของมายาวี เธอกลัว กลัวว่าเค้าผู้นี้จะมาหลอกเอาความรู้สึกของเธอไปทิ้งขว้าง เธอกลัวที่จะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น หลายครั้งหลายหนที่เธอถามธนพัฒน์เพื่อความแน่ใจและทุกครั้งที่เธอได้คำตอบ ก็ยังคงเป็นคำพูดเช่นเดิม เขาที่เธอรู้สึกพิเศษด้วยจะรอเธอและจะรู้สึกอย่างนี้กับเธอไม่เปลี่ยนแปลงจริงๆ จนทำให้เธอรู้เชื่อใจขึ้นมา แต่ก็ไม่วายที่จะหวั่นอยู่เล็กๆภายในใจ ส่วนธนพัฒน์เอง เขาก็รู้ดีว่ามายาวีรู้สึกเช่นไร และเขาเองก็กลัวที่จะผิดหวังเช่นกัน แต่เขาอยากทำให้เธอมั่นใจ และรู้ว่าเขารู้สึกอย่างนั้นกับเธอจริงๆ บ่อยครั้งที่เขาปล่อยคำสัญญากับเธอว่าเขาจะรักและจะดูแลเธอตลอดไปไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
      “ไม่สบาย ทานข้าวแล้วก็ทานยาด้วยนะ”
      “อือ รู้แล้วไม่ต้องเป็นห่วงเค้าหรอกเค้าดูแลตัวเองได้”
      “อือ งั้นแค่นี้นะเหรียญจะหมดแล้ว”
      “ฝันดี เค้าคิดถึงวีนะ”
      “อือ วีก็ชอบพัฒน์นะ”  ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด
      หลังจากที่สัญญาณตัดมายาวีรู้สึกสดชื่น และโล่งใจที่ได้บอกธนพัฒน์เกี่ยวกับความรู้สึกที่เธอเก็บอยู่ภายในมาตลอด เธอรู้สึกเช่นเดียวกับเขา เขารู้สึกเช่นเดียวกับเธอ มันช่างสดชื่นอะไรเช่นนี้
      “อยากฟังคำเมื่อวานอีก”
      “ฟังอะไร ใครพูด พูดอะไร วีไม่ได้พูดนะ”
      “อ้าวเหรอ เค้าคงหูฝาดไปเอง คงไม่สบายจนคิดไปเองมั้ง”
      “อือ ใช่”
      “เค้าก็รู้อยู่ ว่าเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าหรอก เค้าคงละเมอไปเอง”
      “อ้าว ไหงพูดงี้ล่ะ”
      “ก็จริงนี่ หรือไม่ก็ไม่ได้ตั้งใจพูด เพราะไม่ได้คิดอย่างที่พูดเลย”
      “อ้าว ทำไมล่ะ ก็วีชอบพัฒน์นี่”
      ......................
      “เฮ้ย เงียบทำไมอ่ะ เป็นไรปล่าว”
      “เฮ้อ...ช็อคเล็กน้อย ดีใจจนบอกไม่ถูกชาเลย ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้”
      อันที่จริงธนพัฒน์ก็รู้ความรู้สึกของมายาวีมาโดยตลอด จากการกระทำของเธอ เพียงแต่เขาไม่ต้องการที่จะคิดไปเองและอยากได้ยินจากปากของเธอเท่านั้น ทั้งสองได้เริ่มความสัมพันธ์กันจริงๆจังๆซะที ในเมื่อใจตรงกัน ความรู้สึกเหมือนกัน แล้วใยไม่คบกันล่ะ ช่างน่าขำนักที่คนอย่างมายาวีจะเชื่อคำล่ำลือจากปากต่อปากของเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศด้วยกัน ใครก็ตามที่ได้เป็น1ในครอบครัวเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการนี้ ไม่ก่อนไปก็หลังไปจะต้องตกอยู่ในอาถรรพ์ ความรักที่หวานชื่นก็จะแตกสลายลง ความสัมพันธ์ของคนรักก็จะจบลงอย่างแน่นอน มายาวีคุยเรื่องนี้กับธนพัฒน์อยู่หลายครั้งเธอกลัวที่จะตกเป็นผู้คนที่โดนอาถรรพ์เหล่านั้น แต่ทุกครั้งเธอก็จะได้คำยืนยันและคำสัญญาอยู่เสมอว่า เขาไม่มีทางเป็นผู้ที่โดนอาถรรพ์อย่างแน่นอน เขาจะรักเธออย่างนี้ตลอดไป ถึงแม้ว่าจะเหลือเวลาอยู่ด้วยกันได้อีกไม่นานก็ตาม
      “คบกับเค้านะ เป็นแฟนเค้านะ”
      “.....อือ....”
      นาฬิกาตีเสียงดังขึ้นพอดี นั่นเป็นเวลาเที่ยงคืนตรง ธนพัฒน์และมายาวีได้เริ่มต้นสิ่งดีๆตามที่ตัวเองค้นหา อันที่จริงทั้งสองก็ได้เริ่มสิ่งดีๆกันมาตั้งแต่ต้นแล้ว แต่นั่นเป็นวินาทีที่ทั้งสองรู้สึกยินดีและปลื้มใจที่จะสัญญาต่อกันว่า จะทำเวลาที่เหลือนั้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ใครจะรู้ว่าในใจของธนพัฒน์ยังมีบางอย่างที่ซ่อนลึกอยู่ข้างใน โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัว และไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร ต้องการอะไร และจะแสดงออกเมื่อไร
      มาถึงหรือยัง
      “ถึงตั้งนานแล้ว อยู่ไหนเนี่ย”
      “กำลังเข้าลิฟต์ รอแป๊บนึงนะ”
      “อือ มาเร็วๆนะ” คล้ายกับว่าทั้งสองนัดกันที่ไหนสักแห่ง
      “เข้ามาก่อนสิ”
      “อือ”
      “ห้องรกนะ รอคนมาเก็บอยู่เนี่ย”
      “ไม่เก็บให้หรอก”
      “เออ จำไว้นะ ทานข้าวมาหรือยัง”
      “ยังเลย หิวจะตาย แล้วพัฒน์ล่ะ”
      “ทานแล้วเมื่อกี้”
      “โห ไม่รอกันเลยนะ”
      “วี คิดถึงจังเลย”
      “ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาพูดเลยนะ แต่..คิดถึงอย่างเดียวเหรอ”
      “รักด้วยจ้ะ รู้มั้ยว่าเค้ารักวีมากแค่ไหน เค้าไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนกับวีมาก่อนเลยนะ”
      “จริงเหรอ วีรู้สึกดีนะที่พัฒน์รัก คิดถึง แล้วก็เป็นห่วงวี วีจริงจังกับพัฒน์นะ”
      “เฮ้อ ดีใจจัง วีเคยพูดอย่างนี้กับใครมาก่อนเปล่า”
      “ไม่อ่ะ ไม่เคย”
      “เหรอ งั้นเค้าจะเก็บมันไว้นะ”
      ทั้งสองต่างมีความสุขมากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึง เขาและเธอไม่รู้ว่าคำสัญญาเหล่านั้นมันจะเป็นไปไม่ได้ไม่รู้เลยว่าการเริ่มต้นครั้งใหม่ใกล้จะจบลง และไม่รู้เลยว่าอดีตจะทำให้เขาเป็นผู้ที่ทำให้เธอเสียใจมากที่สุด เพราะอะไร? ก็เพราะเค้าและเธอยังรู้สึกรักกัน ความรักยังคงบดบังความเป็นจริง หรือความรักที่ว่านั้นมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นนะ
      “ถ้าเค้าบอกอะไรไป วีอย่าคิดมากนะ”
      “อะไรเหรอ”
      “เค้าว่า ตั้งแต่คบกันมาวีไม่โตขึ้นเลย เธอดูเด็กๆ เด็กตลอด”
      “...หมายความว่าไง เอาแบบตรงๆได้มั้ย เธอจะบอกอะไรเค้าอ่ะพัฒน์”
      “คือ...เราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย”
      “พัฒน์ พัฒน์พูดอะไรอ่ะ ทำไมเหรอพัฒน์ วีทำอะไรผิด”
      “เปล่า วีไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก เค้าเองที่ผิดที่จริงแล้วเค้า เค้าชอบผู้หญิงที่แก่กว่า เค้าไม่ชอบผู้หญิงที่ดูเด็ก”
      “พัฒน์เธอพูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วเธอมายุ่งกับเค้ามีแรกทำไมล่ะพัฒน์”
      “เค้าชอบนะ เค้าชอบความคิดเธอ แต่เธอดูเด็กอ่ะวี ไม่รู้สิเค้ารู้สึกว่าตอนนี้มันไม่ใช่”
      “มันไม่ใช่ เธอพูดง่ายดีนะ พัฒน์เธอมาทำให้เค้ารักแล้วเธอก็จะจากไปอย่างนี้เหรอ ทำไมล่ะพัฒน์ เธอทำอย่างนี้ทำไม”
      “เค้ารู้นะว่าเค้าผิด เค้ารู้ว่าเค้าทำให้เธอเสียใจมาก เค้าเองก็เสียใจที่เป็นแบบนี้”
      “ทำไมล่ะพัฒน์ เธอเข้ามายุ่งกับเค้าทำไม วีไม่น่ารักเธออย่างนี้เลยนะ”
      “เค้าไม่รู้ว่าเค้าจะทำยังไงนะวี เค้าแก้ปัญหานี้ไม่ได้ แต่เค้าก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
      “เพราะวีดูเด็ก มีแค่นี้เองเหรอเหตุผลของเธอ”
      “อือ แต่..ที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้หรอกนะ”
      “เพราะอะไรล่ะพัฒน์ เพราะอะไรที่ทำให้พัฒน์เปลี่ยนไป”
      “อืม .. เรื่องจิ.. วีเค้ายังลืมมันไม่ได้ เค้าทำไม่ได้ ทีแรกเค้าคิดว่าพอได้คบกับเธอเค้าจะลืมมันได้ แต่ว่าเค้าทำไม่ได้”
      “งั้นเธอก็เอาวีมาเป็นตัวคั่นเวลาน่ะสิ พัฒน์”
      “เปล่านะวี ตอนนั้นเค้ารักเธอจริงๆนะ เค้ารู้สึกยังไงเค้าก็พูดอย่างนั้น แต่ว่าเค้าลืมมันไม่ได้วีเข้าใจเค้ามั้ย เค้าอยากลืมมันให้ได้ก่อนแล้วเค้าค่อยเริ่มต้นใหม่ เค้าไม่อยากหลอกเธอ ถ้ายังคบกันต่อไปก็เหมือนกับเค้าหลอกเธอ หลอกตัวเองต่อไป เค้าไม่อยากฝืนความรู้สึก เค้าฝืนใจตัวเองไม่ได้นะวี”
      “มันไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เลยใช่มั้ยพัฒน์ มันยังมีทางอีกมั้ย”
      “....เค้าไม่รู้ แต่ว่า ตอนนี้คงไม่”
      “เธอไม่รักเค้าแล้วเหรอพัฒน์ เธอไม่รักวีแล้วใช่มั้ย”
      “.....อย่าให้เค้าตอบเลยวี เค้าไม่อยากตอบ”
      “ทำไมล่ะพัฒน์ ทำไมเธอไม่ตอบวี ทำไมเธอไม่พูด ทำไมเธอไม่พูดอะไรบ้าง”
      “เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะวี เรายังคุยกันได้เหมือนเดิม แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้นะ เค้าไม่ มีไรจะพูดแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งแก้ตัวให้ตัวเองดูดี เค้าไม่อยากดูดี”
      “ทำไมล่ะพัฒน์เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือน เองนะ เธอจะยังรักเค้าเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ แกล้งทำเป็นเหมือนเดิมก็ได้ รอให้เค้าไปก่อนได้มั้ยพัฒน์”
      น้ำตาของมายาวีไหลออกมาตั้งแต่ประโยคแรกที่ธนพัฒน์พูด คล้ายกับเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการจะบอกอะไร เธอพยายามอ้อนวอนให้สิ่งเหล่านั้นมันกลับคืนมา เธอทำทุกวิถีทางเพื่อต้องการให้ความรักที่เขาและเธอเคยมีให้กันกลับมาอีกครั้ง แต่ไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้มายาวีรู้ดี รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของธนพัฒน์เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ธนพัฒน์เริ่มคุยกับมายาวีน้อยลง เริ่มโทรมาหามายาวีน้อยครั้งลง แต่มายาวีไม่อยากเก็บเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาคิด มาทำให้มันเกิดปัญหา เพราะเธอไม่เคยนึกเลยว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมากที่สุด และทำให้เธอได้รู้จักกับคำว่า โดนทิ้ง มันช่างเจ็บอย่างนี้เอง
        ไม่มีอีกแล้วเสียงโทรศัพท์เวลาเหงา ไม่มีอีกแล้วคนที่ให้โทรมาปลุกไปเรียนทุกเช้า ไม่มีอีกแล้วคนที่คอยเตือนให้ทานข้าวกลางวันทุกเที่ยงตรง ไม่มีอีกแล้วเสียงหัวเราะ เสียงล้อเล่นที่ทำให้ฝันดีก่อนนอนทุกคืน ไม่มีอีกแล้วข้อความบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอยู่เสมอ ไม่มีอีกแล้วสายตาที่ช่างแสนจะอบอุ่น รอยยิ้มที่ดูเหมือนทำให้ทั้งโลกนี้สดใส และมืออันเรียวงามที่คอยลูบหัวเธออย่างเอ็นดูอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอีกแล้วคำสัญญาว่าจะมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงรักตลอดไป ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแม้กระทั่ง องศาที่ต่างกัน
      มายาวีรู้สึกแย่กับความผิดหวังครั้งยิ่งใหญ่นี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเธอจะต้องมาประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ในช่วงที่เธอกำลังให้ความรักกับชายคนหนึ่งอย่างเต็มหัวใจ เธอช่างไม่เข้าใจตนเองเลยว่าเพราะเหตุใด เธอจึงมอบความรักให้ธนพัฒน์ได้มากมายนัก ทุกครั้งที่เธอกลับมานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เธอคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ระหว่างเขากับเธอ เธอนั่งร้องไห้ เธอมีน้ำตาเธอสามารถที่จะหลั่งรินของเหลวเหล่านี้ออกมาได้ทุกเวลา และหาคำอธิบายไม่ได้เลยว่า เพราะเหตุใด เธอยังคงคิดถึงเขาด้วยความผูกพัน ยังคงรักและห่วงใยอยู่ตลอดเวลา มาถึงตอนนี้สิ่งเหล่านั้นยังคงแทรกซึมสู่หัวใจของเธอเช่นเดียวกับที่ผ่านมาแต่ทว่า ความปวดร้าวถูกแปรเปลี่ยนมาจากความผูกพัน ความทรมานมันกลับกลายมาจากความคิดถึง ความห่วงใยคล้ายกับแผลงความเสียใจและความเศร้าโศกอยู่เสมอ และความรักที่ยิ่งใหญ่ของเธอเป็นดั่งหนามแหลมของกุหลาบยังคงที่จะคอยทิ่มแทงกรีดหัวใจของเธออย่างไม่ปราณี ช่างเจ็บปวดและทรมานยิ่งนัก เธอยากให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอต้องการความรักจากเขาเธอต้องการให้เขาเดินกลับมา ธนพัฒน์ไม่รู้เลยว่าถึงแม้เขาเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่สามารถทำให้หญิงแกร่งอย่างเธอเสียใจเหมือนคนกำลังจะตายได้ในขณะนี้ จากเด็กหญิงที่เคยสนุกสนานร่าเริง แจ่มใส กลับเป็นโรคซึมเศร้า เหม่อลอย นัยน์ตาของเธอเอ่อล้นด้วยน้ำตาทุกครั้งที่มอง ใบหน้าของเธอแสดงถึงความเจ็บปวดรวดร้าวอันแสนสาหัสอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของเธอช่างเย็นยะเยือกเหมือนดั่งคนใกล้จะหมดลมหายใจและลึกลงไปข้างในของหัวใจเธอนั้น ช่างอ่อนแอยากที่จะทำให้กลับมาแข็งแรงเช่นเดิมได้ หลายครั้งหลายหนเธอเฝ้าถามตัวเองว่าทำไม ทำไมเธอต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ทำไมความรักของเธอจึงย้อนกลับมาอีกครั้งไม่ได้ ทำไมเพียงเพราะเธอดูเด็ก เพียงเพราะเธอดูไม่เหมือนเด็กนักเรียนมัธยมปลาย จึงทำให้เค้าหมดรักในตัวเธอ ก็เป็นการดีไม่ใช่หรือที่เธอดูเด็กกว่าคนอื่นๆในรุ่นเดียวกัน เธอไม่รู้ เธอไม่เข้าใจ เธอรู้แต่เพียงว่าถึงจะทำอย่างไร ถึงจะพยายามมากเพียงใด เขาของเธอก็ไม่กลับมาเหมือนดังเช่นวันวานอีกแล้ว เธอช่างรักเขาเสียเหลือเกิน ทำไมนะ ทำไม
        มายาวีรอเพียงเวลา เวลาเท่านั้น ที่เธอจะได้ไปจากที่นี่ไปจากอดีตที่ทำให้เจ็บช้ำปางตาย เธอหวังแต่เพียงว่าเธอจะไปรักษาเยียวยาหัวใจของเธอในที่ๆไม่มีใคร เธออยากยืนด้วยขาของตัวเอง เช่นเดียวกับเหตุผลของธนพัฒน์ที่เขาก็ยากยืนด้วยขาของตัวเองก่อนเช่นกัน มายาวีอยากที่จะหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อลืมอดีตที่แสนจะปวดร้าว เธออยากเริ่มจากศูนย์ ใหม่ แต่ครั้งนี้เธอจะไม่เริ่มนับหนึ่งใหม่กับใครอีกเลย ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของมายาวี ทนอยู่ในความเจ็บช้ำตลอดเวลา บ่อยครั้งที่มีคำพูดจากรอบข้างของเธอว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลกสักหน่อย จะไปคิดถึงอะไรกันมากมาย และเธอก็มีคำตอบในใจทุกครั้งโดยที่เธอไม่ประสงค์ที่จะขัดความหวังดีของเสียงเหล่านั้น แล้วผู้ชายคนนี้มีหลายคนโนโลกหรืออย่างไร
      “ขอบใจนะที่มาส่ง”
      “อือ ไม่เป็นไรหรอก เราอยากมาส่งวีน่ะ”
      “อื้อ ...งั้นวีไปก่อนนะพัฒน์ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ วียังรู้สึกกับพัฒน์เหมือนเดิมทุกอย่างนะยังไม่เปลี่ยนไปสักนิดเลย”
      “อือวีก็เหมือนกันดูแลตัวเองให้ดีๆนะ ถ้ามีปัญหาปรึกษาเราได้ตลอดนะ
      หญิงสาวเดินจากไป พร้อมคราบรอยน้ำตาบนใบหน้าที่ทิ้งไว้ให้เหล่าผู้ที่มาส่งเธอ ณ สนามบินได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย แม้แต่ธนพัฒน์เองก็เห็นเช่นเดียวกับทุกคน มันเป็นรอยน้ำตาที่ดูแล้วไม่เหมือนคนอื่นๆที่กำลังจะเดินทางเหมือนเธอเลย มันช่างเป็นคราบที่ดูแล้วช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน เธอไม่พูดอะไรมากมายกับเขา นอกจากสายตาที่แสดงให้รู้ว่าเธอยังรักเขามาเพียงใด มันเป็นสื่ออย่างเดียวที่เธอสามารถทำได้
      “Mani sauc Vee es esmu no Taizemes”
      เธอใช้เวลา 1 ปีให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อค้นหาประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ มายาวีเรียนรู้วิถีชีวิตการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ไม่ยากนัก เธอเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเองเหมือนกับที่เธอไม่ชอบพึ่งใครอยู่เป็นประจำ เธอต้องคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในยามคับขันเหมือนทุกครั้งที่เธอต้องคอยกู้หน้าตัวเองและเพื่อนๆอยู่เสมอ เพราะเธอเป็นเด็กที่มีความมั่นใจและกล้าอยู่แล้วนั้นจึงทำให้เธอใช้ชีวิตในต่างแดนได้อย่างสบายกว่าคนอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดีการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆของเธอไม่ได้ทำให้เรื่องราวเก่าๆลบเลือนไปได้เลย เธอยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าเพราะอะไรที่ตัวเธอเองไม่เคยจะลืมเรื่องเหล่านี้ ทำไมเธอยังต้องเจ็บช้ำอยู่ตลอดเวลา เมื่อมันผ่านเส้นประสาทเพียงชั่วขณะหนึ่ง มันยังมีภาพของเขาลอยคว้างอยู่ตรงหน้าตลอดเวลา ตอนนี้เธออยากรู้เพียงว่า เขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร และอยู่กับใคร และนั่นมันก็เป็นความรู้สึกจากอณูของความคิดถึงและความห่วงใยที่เธอยังคงมีให้เขาเสมอ เขาและเธอยังคงส่งข้อความติดต่อกันเป็นครั้งคราวมันเป็นทางเดียวที่เธอยังรู้สึกว่าเขายังไม่ได้ทอดทิ้งเธอไปโดยไม่แยแส เธอจะดีใจหรือเสียใจดีนะ ที่ได้ติดต่อกับเขาทางนี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่มีทางจะเป็นได้มากกว่านี้อีกแล้ว
      ทำไมเวลามันช่างผ่านไปเร็วนักนะ มายาวีคิดอยู่ตลอดตั้งแต่ได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ปิดปากแผลเลย เธอต้องเดินทางกลับในอีกไม่นาน เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว ก็จะถึงกำหนดกลับในตั๋วโดยสาร ถึงอย่างไรเธอต้องมาเหยียบที่อีกมาที่นี่อีกครั้งให้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่สามารถช่วยบรรเทาอาการฟกช้ำได้บ้างถึงแม้เพียงน้อยนิดก็ตามที เธอไม่ค่อยรู้สึกดีกับความรู้สึกเก่าๆมากเท่าไรนัก เธอยังคงรักและคิดถึงธนพัฒน์ตลอดเวลา สายใยที่ทั้งสองช่วยกันถักทอขึ้นมามันไม่สามารถที่ขาดออกได้เลย มันยังคงยึดด้วยด้ายที่ติดแน่นคงทน ถึงแม้ด้ายที่ต่างสีจะหลุดลุ่ยออกไปนานแล้วก็ตาม
      ที่ตรงนี้เมื่อปีที่แล้ว ยังคงหลงเหลือคราบรอยน้ำตาอยู่ แต่ ณ วันนี้ตรงที่เดิมมันถูกแปรเปลี่ยนไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง มันดูสดใสกว่า 12 เดือนที่ผ่านมาทุกคนต่างยินดีกับการกลับบ้านของเธอ วันนี้ทุกอย่างช่างดูรื่นรมย์นัก เหล่าคณาญาติ และฝูงพ้องเพื่อนมารอคอยรับเธอด้วยความรู้สึกตื่นเต้น 1ปีผ่านไป ดูเธอโตขึ้น ดูเธอเปลี่ยนไปมากขึ้น แทบจะไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมอีกเลย แต่อย่างไรก็ดี จะมีผู้ใดเล่าจะรู้บ้างว่าภายในมายาวียังคงเจ็บช้ำทุกข์ทรมานเช่นเดิม รอยคราบน้ำตาที่ถูกกลบเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มในวันนนี้ มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นเหมือนกับตอกย้ำเรื่องราวเก่าๆให้ลึกลงไปอีก เธอปิดซ่อนความเศร้าด้วยความยินดีของทุกคนที่ตั้งหน้าตั้งรอเธอกลับมา เธอจึงไม่อยากทำให้ความปรารถนาดีเหล่านั้นต้องผิดหวังทีเห็นเธอเสียใจ
      “มองหาใครเหรอวี” เป็นคำถามจากเพื่อนของเธอ ดูอาการคล้ายกับเธอมองหาใครสักคนที่เธอคิดว่าเขาต้องมารอคอยเธอในวันนี้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่เจอ ไม่มี เขาไม่ได้อยู่ตรงนี้เธอไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ดูเธอผิดหวังหนักกว่าเก่าแต่ก็มิอาจแสดงออกมาได้
      แล้วคนนั้นล่ะ คนที่มองดูเธออยู่หลังเสาไกลๆตรงนั้นล่ะ เขาคือใคร?
      ตื้ดตื้ด ตื้ดตื้ด      “Ja ir tas”
      “ขอสายวีครับ”
      “พูดอยู่ค่ะ ใครเหรอ”
      “เค้าเอง พัฒน์”
      “พัฒน์? ..พัฒน์เหรอ ขอโทษวีไม่ได้ดูเบอร์ก็นึกว่ามาจากต่างประเทศ”
      “เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย”
      “ก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง แล้วพัฒน์ล่ะ”
      “ก็เรื่อยๆ ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปรับพอดีพัฒน์ติดธุระน่าเลยไปไม่ได้”
      “อือ ไม่เป็นไรหรอก วีก็ไม่อยากให้พัฒน์ลำบากเหมือนกัน แค่พัฒน์ไปส่งวี วีก็ดีใจมากแล้ว”
      “วีจำได้มั้ย...ฟูจิน่ะ”
      “ฟูจิ ทำไมเหรอ....อ้อ จำได้แล้ว นี่พัฒน์ยังไม่ลืมอีกเหรอ วีคิดว่าพัฒน์ลืมไปแล้ว”
      “ยังหรอก ยังไงเค้าก็ต้องทำตามสัญญาให้ได้มากที่สุดถึงแม้บางอย่างเค้าจะรับผิดชอบมันไม่ได้ก็ตาม”
      “อือ แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องลำบากดีกว่า แค่พัฒน์โทรมาวีก็รู้สึกดีแล้ว”
      “อย่าปฏิเสธเลยนะวี”
      -------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      “แค่นี้ก่อนแล้วกันค่ะ....วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ”
      “ก็มี แต่ว่าอยากคุยกับวีมากกว่า”
      “โดดเรียนอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ”
      “เถอะน่า แค่วันเดียวเองไม่เป็นไรหรอก วีเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลย”
      “ก็เค้าไม่อยากเป็นเด็กอีกแล้วไง แต่ว่าโตแล้วทำไมล่ะ พัฒน์จะกลับมารักวีเหรอ”
      “....”
      “ขอโทษนะ วีล้อเล่น อย่าคิดมากสิ”
      “เค้าขอโทษ”
      “เรื่องอะไรเหรอ”
      “เค้าเห็นเธอกลับมาวันนี้เค้าดีใจ ดีใจที่เธอได้ทำในสิ่งที่ตัวเองฝันและต้องการ และเธอก็ทำได้ด้วย”
      “อ้าว แล้วมันเกี่ยวไรกับขอโทษล่ะ”
      “เค้าเห็นเธอเดินทางไปแล้วก็กลับมาโดยที่ไม่ต้องห่วงอะไร ไม่ต้องกังวลอะไรเลย เค้าก็หมดห่วงนะ วี เค้าไม่ได้อยากให้เรื่องของเรามันเป็นแบบนี้เลย เค้ากลัวแล้วก็หวั่นมาโดยตลอดว่าเค้าจะเป็นตัวถ่วงของเธอ เค้าไม่อยากให้เธอเดินไปข้างหน้าและต้องถอยหลังกลับมาครึ่งก้าวอยู่ตลอดเวลา เค้าอยากให้เธอเดินไปข้างหน้าอย่างภาคภูมิใจ โดยที่ไม่ต้องหันหลังกลับมามองอะไรทั้งนั้น วีเข้าใจเค้ามั้ย”
      “ไม่อ่ะพัฒน์ วีไม่เข้าใจ พัฒน์ต้องการจะบอกอะไรวีเหรอ พัฒน์บอกว่าพัฒน์ป็นตัวถ่วง วีไม่เคยคิดอย่างนั้นกับพัฒน์เลยนะ”
      “วี เค้าเคยสัญญาอะไรกับวีไว้บ้าง”
      “ทำไมล่ะพัฒน์ ทำไมต้องเอาคำสัญญามาพูดอีก ในเมื่อเธอทำมันไม่ได้ก็ลืมๆมันไปซะไม่ได้เหรอ”
      “แล้ววีคิดว่าเค้าอยากลืมเหรอ เค้าอยากให้มันเป็นแบบนี้เหรอ เค้าไม่เคยอยากที่จะทำให้วีเสียใจเลยนะ สิ่งที่เค้ากำลังจะบอกคือสิ่งที่เธอสงสัยมาโดยตลอด ว่าทำไมเค้าต้องทิ้งเธอไป ...วี... เพราะเค้าอยากให้เธอไปเรียน โดยที่ไม่ต้องนึกถึงเค้าไม่ต้องนึกถึงอะไรทั้งนั้น ลืมๆเค้าไปซะ ถ้าเค้าไม่ทำแบบนี้ต่างคนก็ต่างทรมาน ความห่างไกลมันไม่ใช่เรื่องที่จะทนกันได้ง่ายๆเลยนะวี สู่ทำให้เธอลืมเรื่องของเราไปก่อนแล้วตั้งใจเรียน เก็บเกี่ยวความรู้ แล้วก็ประสบการณ์ที่นู่นให้ได้มากที่สุดไม่ดีกว่าเหรอ “
      “....เค้ายังรักวีนะ เค้าไม่เคยคิดที่จะทำให้วีเสียใจเลย เค้าพร้อมที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่เค้าพูด สิ่งที่เค้าสัญญาทุกอย่าง ไม่ใช่เค้าจะสบายใจนะที่ทำแบบนี้ วีต้องเข้าใจนะ ว่าเค้ารักเธอ เค้าอยากให้เธอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดึทีสุดโดยไม่ต้องกังวลคนที่อยู่ทางนี้ เค้าขอโทษนะวี”
      “พัฒน์ พัฒน์พูดจริงเหรอ ที่พัฒน์พูดขึ้นมามันเป็นความจริงเหรอ”
      “อือ จริง เค้าแค่รอเวลาให้เธอกลับมาเพื่อบอกคำๆนี้กับเธออีกครั้ง เธอรู้มั้ยวี ว่าเค้ากลัวอะไร เค้ากลัวว่าถ้าเธอกลับมาแล้วเธอจะเลิกรักเค้า ถึงตอนนั้นเค้าจะทำยังไง เค้าจะอยู่ยังไง มันเป็นสิ่งที่เค้าหวั่นมาตลอดปีนึง เค้าไม่เป็นสุขเลย ที่เห็นคนที่ตัวเองรักจากไปอย่างช้ำๆแต่เค้าต้องทำ ต้องฝืนใจตัวเองทำอย่างเจ็บปวด เค้ารู้นะว่าเธอเสียใจมากแค่ไหน แต่เธอไม่รู้หรอกวี ว่าคนที่เสียใจยิ่งกว่าก็คือเค้า”
      “แต่พัฒน์รู้มั้ยว่าการที่เธอทำแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย นับวันก็ยิ่งทำให้วีรู้สึกช้ำมากขึ้น ปีนึงทีผ่านมาวีไม่เคยลืมเธอเลยนะ วีไม่เคยที่จะมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน เมื่อตื่นมาทุกครั้งได้รับรู้ความจริงว่าไม่มีเธออยู่ข้างๆกันอีกต่อไปแล้ว วีไม่มีกำลังใจ ไม่มีแม้แต่แรงบันดาลใจในการก้าวเดินไปข้างหน้า หลายครั้งที่วีหยุดอยู่กับที่ หลายครั้งที่วีต้องตั้งต้นถอยหลังกลับมาใหม่ แต่ถึงยังไงวีก็รักเธอนะพัฒน์ วีรักพัฒน์มากยิ่งกว่าสิ่งใด เธอทำทุกอย่างเพื่อวีจริงๆ วีไม่รู้จะตอบแทนเธอด้วยอะไร ขอบคุณนะที่ทำให้วีมากขนาดนี้”
      ของเหลวใส ไม่มีสาร ได้หลั่งออกมาจากเบ้าตาของมายาวีอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอกลับรู้สึกตื้นตันในความรักที่ยิ่งใหญ่ของเขาอย่างที่เธอคาดไม่ถึง เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีใครทำเพื่อเธอได้มากขนาดนี้ เธอร้องไห้ด้วยความดีใจอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าเธอรักธนพัฒน์มากขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยพันเท่า จนไม่อาจจะรู้ถึงขนาดนี้ที่ใช้บรรจุความรักของเธอได้เลยว่ามันจะมโหฬารแค่ไหน ปรากฏการทางธรรมชาติยังไม่อาจพลิกผันเท่าความรักของเธอในครั้งนี้ได้ เธอช่างสุขใจเหลือเกิน โลกมันเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว มันช่างสวยงามนัก สวยเหมือนกับแหวนรูปหัวใจที่เรียงกันหลายสิบดวงกำลังจะเข้าไปสวมในนิ้วของเธอตามคำสัญญาที่ธนพัฒน์ให้ไว้ และเธอก็ไม่คิดว่าจะได้แหวนวงนี้จริงๆ ในตอนนี้อณูความคิดถึงและผูกพันพร้อมกับอะตอมแห่งความรักและความห่วงใย ได้ถูกแทรกผ่านเข้าไปเยื่อหัวใจอีกครั้ง แต่คราวนี้มันดีดตัวเองเข้าไปอย่างรวดเร็วถึงส่วนที่ลึกที่สุดยากที่จะมีใครเข้าไปได้
      “เค้าอยากให้เธอรักษาแหวนวงนี้ให้ดีที่สุดนะวี เค้าอยากให้เธอจำไว้เสมอว่าเราเริ่มต้นด้วย องศาที่ต่างกัน”
      “เค้ารั......”
      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      “คุณคะ คุณคะ เครื่องลงจอดแล้วค่ะ “
      “อ่อ ๆ ค่ะๆ ขอโทษค่ะ ขอบคุณนะคะ”
      มายาวีท่าทาง งง และงัวเงีย เธอคงอ่อนเพลียจากการเดินทางเป็นเวลา 18 ชั่วโมงที่ต้องอยู่บนเครื่องร่อนไฮเทคนั่น อ้าว..แล้วเมื่อกี้ล่ะ? แล้วเรื่องเมื่อกี้มันคืออะไร
      ไหนล่ะร้านฟูจิ ไหนล่ะคำขอโทษ ไหนล่ะ ไหนล่ะที่บอกว่ารัก แล้วไหนล่ะ แหวนรูปหัวใจ มันไม่มี  มันไม่ใช่ ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ฝันไปเหรอ ทำไมล่ะ ทำไม ทำไมมันถึงไม่เป็นความจริง มายาวีนึกโกรธตัวเองในใจ หลังจากรู้ว่านั่นมันไม่ใช่ความจริง ไม่มีคนที่ยืนอยู่หลังเสาเพื่อเฝ้ามองดูวันที่เธอเดินทางกลับมา ไม่มีคำพูดซึ้งๆให้ได้ยิน ไม่มีคำขอโทษอย่างรู้สึกผิดให้ได้ฟัง ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นให้สัมผัส ไม่มีโลกที่เปลี่ยนสีได้ ปรากฏการณ์ธรรมชาติก็มิอาจเกิดขึ้น ไม่มีแหวนที่กำลังจะสวมเข้าไปในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ไม่มีเหมือนเช่นที่มันไม่มี ไม่มีเหมือนที่ผ่านมาไม่มี และก็ไม่มีเหมือนที่มันคงจะไม่มีอีกครั้ง องศาที่ต่างกัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×