<< form Liverpool to Bankok >>
\"  ขอต้อนรับกลับประเทศไทย \"
ผมอยากบอกกับเธออย่างนั้น  เมื่อได้เห็นเธอก้าวพ้นกลุ่มผู้โดยสารขาเข้าที่ท่าอากาศยานเมืองกรุงเทพ  แต่ผมกลับต้อนรับเธอเพียงรอยยิ้มแถบมุมปากเท่านั้น  ก่อนจะช่วยเธอหอบสัมภาระที่มีแค่กระเป๋าถือใบน้อยและเป้บรรจุของฝากใบจิ๋ว
\" ขอบคุณมาก \"
เธอเอ่ยกับผมเพียงเท่านั้น  ซึ่งผมเองไม่ค่อยแน่ใจว่าขอบคุณสำหรับรอยยิ้มหรือที่ผมช่วยหิ้วของ 
ใต้ร่มของสนามบินเราพูดคุยกันแค่นั้น  เธอเพิ่งกลับมาจากประเทศอังกฤษ  ดินแดนแห่งผู้ดีและฟุตบอลพรีเมียร์ลีก  เธอมีเวลาพักผ่อนในประเทศบ้านเกิดเพียงแค่เดือนเดียว ก่อนบินกลับไปสานต่อวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกให้จบ
แท็กซี่มิเตอร์สีเหลืองเขียวยี่ห้อมิตซูบิชิหอบเราทั้งคู่ออกจากสนามบิน  ตรงกลับบ้านของเธอทันที และจากการเดินทางข้ามทวีปคงส่งผลให้เธอล้าแรง  ดังนั้นพอรถแล่นไปได้สักห้านาทีเธอค่อยๆเอนมาพิงไหล่ของผม  ผมไม่ได้พูดอะไรกับเธอเพราะอยากให้เธอได้พักผ่อนเงียบๆ  หวังว่าไหล่ของผมคงให้ความอบอุ่นกับเธอได้ดังที่เธอปรารถนาและอบอุ่นไม่แพ้ที่ผมได้รับจากไหล่ของเธอ
\" หลับก่อนก็ได้นะถึงแล้วเราจะปลุก \"
ผมบอกเธอเบาๆ
\" ไม่เอาหรอก ตอนนั่งเครื่องเราหลับมาพอแล้ว กลับมากรุงเทพทั้งทีต้องขอดูความเปลี่ยนแปลงให้เต็มตาหน่อย  อยากรู้ว่ามีอะไรใหม่ๆและมีอะไรหายไปบ้าง \"
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม  ยิ้มเพียงนิดหนึ่ง  เหมือนรอยยิ้มในภาพถ่ายของเธอใบที่ใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานและมีเหน็บไว้ในกระเป๋าเงิน  ภาพถ่ายใบนั้นคือสัญลักษณ์ใช้เตือนใจถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียว
\" นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราขอดูหน้าเธอให้คุ้มบ้างก็แล้วกัน  เผื่อว่าจะมีไฝเพิ่มขึ้นอีกเม็ดสองเม็ด \"
ผมพูด แล้วชะโงกหน้าทำตาโตจ้องหน้าเธอเขม็ง ทำท่าเตรียมหาไฝเม็ดอื่นนอกจากเม็ดที่อยู่ปลายคิ้วข้างขวา
เธอยิ้มอีกครั้ง ค่อยผละจากไหล่ของผม ขยับตัวไปจนชิดประตู แล้วเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างรถ  ซ่อนใบหน้าไว้ด้านหลังเส้นผมสีดำขลับปล่อยยาว  ผมมองเห็นเพียงด้านข้างของเธอเท่านั้นเอง แถมไม่มีท่าทีว่าเธอจะเหลียวหลังกลับมา  ไม่มีประโยคใดๆลอดผ่านจากปากของเราทั้งคู่  ความเงียบเริ่มลุกล้ำเข้ามาทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ  นั่นคือทดสอบความอดทน จนกว่าจะมีบางคนอดทนไม่ไหวขึ้นมา
คนขับรถคันนี้ค่อนข้างผิดวิสัยคนขับแท็กซี่ในกรุงเทพเพราะเงียบเอาการ  ไม่มีการชวนคุยถึงเรื่องการเมือง  ตั้งแต่ถามผมว่าจะไปไหน  ผมก็ไม่ได้ยินคนขับรถคนนี้พูดอะไรอีกเลย    เขากดเปิดวิทยุแล้วหมุนหาคลื่นที่ชัดเจนจนมาหยุดที่ช่องรายงานข่าวกีฬา  ข่าวผลการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษพอดี  วันนี้มีเตะกันคู่เดียว  ทีมลิแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ 3- 0  ทีมโปรดของผมพ่ายยับ  ผมติดตามเชียร์ลิเวอร์พูลมานาน  พอๆกับระยะเวลาที่เธอจากไปอังกฤษและพำนักในเมืองลิเวอร์พูล  บ้านพักของเธอตั้งไกลจากสนามของเมืองลิเวอร์พูลเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
\"  ตอนนี้เมืองลิเวอร์พูลเป็นไงบ้างล่ะ ? \"
ผมถามเธอเบาๆ
\"  ก็เหมือนเดิม  เหมือนที่เราเขียนเล่าให้ฟังและไม่ต่างจากรูปถ่ายที่แนบมากับ E-mail เมื่อเดือนที่แล้ว ..\"
เธอตอบขณะเหม่อมองข้างทาง รถเพิ่งแล่นผ่านย่านสีลม  เรายังคงพูดคุยกันโดยไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายเช่นเคย  ในช่วงเวลาของความเหงา เราสองคนต่างรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายผ่านทาง E-mail  เนื้อความในแต่ละฉบับล้วนยืดยาดและยาวเหยียด ไม่เคยต่ำกว่าสามหน้ากระดาษเอสี่  แถมผมก็อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาต่างประเทศทุกวัน  ดูรายงานข่าวต่างประเทศทุกคืน  เพราะนั่นคืออีกทางหนึ่งที่อาจช่วยให้ผมรับรู้สารทุกข์สุขดิบของเธอ  เพื่อให้รู้ว่าเธอหนาวบ้างไหม ต้องดูแลรักษาตัวเพิ่มขึ้นไหม และต้องระวังอะไรบ้าง  ทว่า
เมืองลิเวอร์พูลดูคล้ายพิพิธภัณฑ์ของตำนาน ข้อมูลข่าวสารข้ามทวีปมาจึงค่อนข้างน้อยนิด  ยกเว้นเพียงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเท่านั้นที่ผมสามารถติดตามได้อย่างสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะคู่ที่แข่งขันในเมืองลิเวอร์พูล ผมจะเฝ้าชมด้วยความตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ  ท่ามกลางหมู่แฟนบอล ผมอาจได้เห็นเธอในนั้น  เพราะก่อนเธอจะออกเดินทางไปอังกฤษหนแรก  ผมชอบกำชับให้เธอไปดูฟุตบอลคลายเหงาเป็นประจำ
\" แต่จนถึงเดี๋ยวนี้  เรายังไม่ได้ไปดูฟุตบอลตามที่เธอแนะนำเลยนะ \"
เธอพูดต่อจากประโยคเมื่อครู่  ดูคล้ายรับรู้ความคิดของผม  ส่วนผมค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย
\" เหรอ  แปลว่าเธอมีความสุขดีสินะ  ชีวิตที่นั่นคงสนุกสนานมากนะ  เราก็เคยอยากไปอังกฤษนะ ไปดูฟุตบอล  แต่น่าเสียดายที่ทุนทรัพย์ไม่เอื้อ  จะสอบชิงทุนไปความรู้ก็ไม่ถึงขั้น  เธอก็รู้ว่าเราสอบชิงทุนตกมาสามรอบแล้ว \"
ผมคุยบ้าง แต่พอพูดจบต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  ก่อนขยับตัวไปชิดประตูรถอีกฝั่งและเริ่มมองภาพข้างทางอย่างเธอบ้าง  ภาพข้างทางเก่าๆที่มองมาอย่างไร้จุดหมายไม่รู้กี่รอบ  และในเวลานี้ดูท่าจะไร้จุดหมายยิ่งกว่าเก่า  สักพักผมค่อยนึกขำตัวเอง  เยาะเย้ยสภาพของตน  ผู้ชายกินเงินเดือนธรรมดาที่ไปหลงรักหญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน  เสียงหัวเราะนั้นดังก้องในสำนึก  สะท้อนไปมาดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มเวียนศีรษะ
\"  อยู่ไกลบ้านน่ะ เหนื่อยมากเลยนะ  ตอนแรกๆ เราสื่อสารกับคนอื่นก็ลำบาก  อาศัยภาษามืออยู่หลายเดือน  ภาษาอังกฤษสำเนียงแท้ๆก็ค่อนข้างยาก  วิทยานิพนธ์ก็ไม่รู้จะสำเร็จลงด้วยดีหรือเปล่า  แล้ว
..\"
เธอหยุดเงียบนิดหนึ่ง  ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่
\"
เราก็แค่ ไม่ชอบดูฟุตบอล \"
เธอพูดด้วย น้ำเสียงสดใส เพียงแต่ล้าแรง ราวกับว่าพยายามเค้นคำพูดทั้งหลายออกมาได้เพียงเท่านั้น
\" ขอโทษนะ \"
ผมหลุดปากออกไป คาดว่าคงผลักดันจากความรู้สึกผิด  แน่นอน..จากบ้านเกิดไปตั้งไกล ใครบ้างจะไม่เหงา ไม่คิดถึงบ้าน ยิ่งผู้หญิงตัวคนเดียวในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย  ย่อมต้องเหงาแน่นอน  น้ำหนักของความเหงาตลอดสี่ปีแบกอยู่บนไหล่ของเธอมาโดยตลอด 
\" ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ  เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย  เราไม่ได้กลับมาตั้งหลายปี  เธอเองก็คงต้องเหงาเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ? \"
เธอปลอบผม  ใช่
ผมเหงาอย่างที่เธอคิดจริงๆ  เพียงแต่ผมไม่ได้อธิบายออกมาเป็นถ้อยคำ
ความเงียบเริ่มทำงานอีกรอบ และหนนี้ยาวนานกว่าเดิม
กรุงเทพมหานครในวันธรรมดาเวลาหกโมงเย็น  รถราคงคับคั่งจนไม่ได้ขยับเขยื้อนกว่าจะพ้นสี่แยกหนึ่งอาจต้องหยุดรอไฟเขียวสักสามรอบ  รถแท็กซี่ของเราหยุดกับที่มาสามสิบนาทีแล้ว
\" วันนี้รถแน่นนะครับ \"
คนขับรถเริ่มชวนคุย ผมคิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก  บางทีเขาอาจโดนความเงียบเล่นงานหรือไม่ก็โดนการรอคอยเล่นงาน    ผมนึกในใจว่าผมรอมาสี่ปีคงมีภูมิต้านทานมากกว่าเขา 
\" ครับ กรุงเทพนี่ครับ ผมชินแล้ว \"
ผมคุยกับเขาสั้นๆ
เธอยังคงนิ่งเงียบและฝากสายตาไว้กับดินแดนภายนอกกระจกรถ  คล้ายกับเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของแต่ละภาพภายนอกที่ค่อยๆขยับผ่านรถไป และขณะนี้ภาพนั้นหยุดนิ่งกับที่    สักพักเธอค่อยเอนไหล่มาพิงผมอีกหน  แต่ยังคงไม่พูดจา  ใน E-mail เรามีเรื่องราวมากมายเล่าให้ฟังกันไม่รู้จบ บางครั้งปวดตาจนเบื่อจะอ่าน แต่พอพบกันเข้าจริงๆกับปริปากพูดกันน้อยมาก
\" เราเหนื่อยจัง ..\"
หนนี้น้ำเสียงไม่หลงเหลือความสดใส ดูท่าจะเหนื่อยจริงๆ 
\" เราอ้วนขึ้นหรือเปล่า
\"
เธอถามความเห็นของผม  ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสได้มองเธอชัดๆเลยสักครั้ง
\" อาจจะนะ
\"
\" ทำไมเธอยังรอเราอยู่อีก  เราเคยบอกก่อนไปอังกฤษแล้วนี่ ว่าให้ลืมเราไปเสีย มองหาคนในระยะใกล้ของเธอที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้โดยไม่ต้องเหนื่อยกับการทนรอ  มีผู้หญิงอีกมากที่พร้อมจะรักผู้ชายนิสัยดีๆอย่างเธอ \"
เธอพูดย้อนเรื่องราวเก่าๆบางตอนขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยิน เมื่อไปส่งเธอออกเดินทางตอนสี่ปีก่อน  ผมยอมรับว่าเคยนึกไตร่ตรองข้อเสนอนั้น แต่ผมเลือกที่ไม่ทำตามความต้องการของเธอ
\" แล้วเธอล่ะ
ตอนนั้นเราบอกว่า ถ้าเธอพบใครคนใหม่ที่นั่น เธอก็ไม่ต้องเกรงใจเรา ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของเรา  หากเธอได้พบคนที่จะทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าเรา \"
ผมย้อนเธอกลับไปบ้าง
\" ไม่สนใจไม่ได้หรอก \" เธอพูดแบบนั้น \" เธอรอเรามาสี่ปี  สี่ปีที่เราอยู่คนละซีกโลก  เธอปิดกั้นตัวเองและไม่ยอมมองใครเลย นอกจากเรา  เธอผูกมัดความสุขของตนเองไว้กับเรา  ทุกเนื้อความใน E-mail ของเธอบอกเราอย่างนั้น นั่นทำให้เรารู้สึกว่าเราเห็นแก่ตัวและทำให้เธอไม่มีความสุข  \"
\" ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ก็กลับมาอยู่ประเทศไทยสิ  ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเหงา และเราก็จะได้ไม่ต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งเราก็อยากให้เธอมีความสุข \"
ผมสวนเธอจังหวะเดียวกับที่รถติดไฟแดง อีกสองโค้งจะถึงบ้านเธอ ผมเพียงปรารถนาให้รถติดไฟแดงนานขึ้น เพียงเพื่อเพิ่มเวลาให้ผมได้อยู่กับเธอนานขึ้นอีกหน่อย
เธอผละจากไหล่ผมไปอีกรอบ แล้วเอนหลังพิงเบาะ หลับตาลง ผมสังเกตเห็นปริ่มน้ำที่ขอบตาของเธอ  และเธอพูดกับผมว่า
\" แล้วถ้าเธอไปอังกฤษล่ะ จะแตกต่างกันไหม \"
น้ำเสียงของเธอสั่นสะอื้น หยดน้ำไหลจากรอยปริ่ม  เธอยังคงหลับตา คล้ายไม่ต้องการมองเห็น..และรับรู้ความจริงว่า ..เธอกำลังร้องไห้
ผมเอื้อมไปโอบไหล่เธอไว้ แล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ตามสบาย โดยปราศจากคำปลอบโยนใดๆ นอกจากความอบอุ่นจากความใกล้ชิด 
รถแล่นผ่านความมืด และแสงไฟข้างทางค่อยๆวูบผ่าน 
ผมโอบเธอไว้แน่นเท่าที่เรี่ยวแรงของความคิดถึงอายุสี่ปีสามารถทำได้  จนกระทั่งส่งเธอถึงบ้านเรียบร้อย
\" ..  อังกฤษ
ลิเวอร์พูล \"
ผมนึกในใจ  และยิ้มเล็กๆกับตนเอง วิทยุข่าวกีฬาบนรถขณะกลับบ้าน รายงานผลสรุปตารางอันดับของทีมในพรีเมียร์ลีก
\" ลิเวอร์พูล ยังรั้งอันดับรองจ่าฝูง ห่างจากทีมอันดับหนึ่งสองแต้ม และเตะน้อยกว่าหนึ่งนัด  ลิเวอร์พูลยังมีสิทธิ์ขึ้นนำ \"
ผมนึกในใจว่าเป็นข่าวดี ..และผมคงได้ดูนัดปิดฤดูกาลสดๆ
บทส่งท้าย
หญิงสาวคนหนึ่งเพิ่งกลับถึงประเทศไทย หลังทิ้งถิ่นฐานไปร่ำเรียนระดับสูงจากต่างทวีป  เธอกลับมาเยี่ยมบ้านโดยไม่ได้บอกกล่าวใคร และสาละวนกับการแจกของฝากให้ครอบครัว    มีของฝากชิ้นหนึ่งเธอเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระ  ลืมให้กับคนที่ไปรับเธอจากสนามบินและนั่งรถมาส่งถึงบ้าน 
เธอตั้งใจว่า พรุ่งนี้เธอจะมอบให้เขากับมือ
เธอ
ยิ้มอย่างสดใส
โทรทัศน์ในห้องโถงของบ้านเปิดทิ้งไว้ ไม่มีคนดู  ทุกคนในบ้านต่างยินดีปรีดากับการกลับมาของบุคคลอันเป็นที่รัก  กระเป๋าสัมภาระของเธอวางบังโทรทัศน์เสียมิด
ไม่มีใครใส่ใจข่าวรถแท็กซี่ประสานงากับรถกระบะแถวหน้าสถานฑูตอังกฤษ  ผู้โดยสารรถแท็กซี่เสียชีวิตคาที่  รายงานข่าวจบเพียงเท่านี้  ไม่มีใครทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครในคืนนี้  ไม่มีใครรายงานถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เสียชีวิต 
รอยยิ้มนั้นเป็นสุข เหมือนไม่เคยยิ้มอย่างนี้มาสี่ปีแล้ว
จบ-
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น