> - > นิยาย << Form Liverpool To Bankok >> : Dek-D.com - Writer

    << Form Liverpool To Bankok >>

    เรื่องราวของความรักระหว่างชายหนุ่มหญิงสาว ในช่วงเวลาสั้นๆ กับระยะห่างของเวลาและระยะทาง

    ผู้เข้าชมรวม

    342

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    342

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  29 ม.ค. 47 / 16:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      << form Liverpool to Bankok >>
      \"  ขอต้อนรับกลับประเทศไทย \"
      ผมอยากบอกกับเธออย่างนั้น  เมื่อได้เห็นเธอก้าวพ้นกลุ่มผู้โดยสารขาเข้าที่ท่าอากาศยานเมืองกรุงเทพ  แต่ผมกลับต้อนรับเธอเพียงรอยยิ้มแถบมุมปากเท่านั้น  ก่อนจะช่วยเธอหอบสัมภาระที่มีแค่กระเป๋าถือใบน้อยและเป้บรรจุของฝากใบจิ๋ว
      \" ขอบคุณมาก \"
      เธอเอ่ยกับผมเพียงเท่านั้น  ซึ่งผมเองไม่ค่อยแน่ใจว่าขอบคุณสำหรับรอยยิ้มหรือที่ผมช่วยหิ้วของ  
      ใต้ร่มของสนามบินเราพูดคุยกันแค่นั้น  เธอเพิ่งกลับมาจากประเทศอังกฤษ   ดินแดนแห่งผู้ดีและฟุตบอลพรีเมียร์ลีก   เธอมีเวลาพักผ่อนในประเทศบ้านเกิดเพียงแค่เดือนเดียว ก่อนบินกลับไปสานต่อวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกให้จบ

      แท็กซี่มิเตอร์สีเหลืองเขียวยี่ห้อมิตซูบิชิหอบเราทั้งคู่ออกจากสนามบิน  ตรงกลับบ้านของเธอทันที และจากการเดินทางข้ามทวีปคงส่งผลให้เธอล้าแรง  ดังนั้นพอรถแล่นไปได้สักห้านาทีเธอค่อยๆเอนมาพิงไหล่ของผม  ผมไม่ได้พูดอะไรกับเธอเพราะอยากให้เธอได้พักผ่อนเงียบๆ  หวังว่าไหล่ของผมคงให้ความอบอุ่นกับเธอได้ดังที่เธอปรารถนาและอบอุ่นไม่แพ้ที่ผมได้รับจากไหล่ของเธอ
      \" หลับก่อนก็ได้นะถึงแล้วเราจะปลุก \"
      ผมบอกเธอเบาๆ
      \" ไม่เอาหรอก ตอนนั่งเครื่องเราหลับมาพอแล้ว กลับมากรุงเทพทั้งทีต้องขอดูความเปลี่ยนแปลงให้เต็มตาหน่อย  อยากรู้ว่ามีอะไรใหม่ๆและมีอะไรหายไปบ้าง \"
      เธอพูดด้วยรอยยิ้ม  ยิ้มเพียงนิดหนึ่ง  เหมือนรอยยิ้มในภาพถ่ายของเธอใบที่ใส่กรอบตั้งไว้บนโต๊ะทำงานและมีเหน็บไว้ในกระเป๋าเงิน  ภาพถ่ายใบนั้นคือสัญลักษณ์ใช้เตือนใจถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รักเพียงคนเดียว
      \" นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นเราขอดูหน้าเธอให้คุ้มบ้างก็แล้วกัน  เผื่อว่าจะมีไฝเพิ่มขึ้นอีกเม็ดสองเม็ด \"
      ผมพูด แล้วชะโงกหน้าทำตาโตจ้องหน้าเธอเขม็ง ทำท่าเตรียมหาไฝเม็ดอื่นนอกจากเม็ดที่อยู่ปลายคิ้วข้างขวา
      เธอยิ้มอีกครั้ง ค่อยผละจากไหล่ของผม ขยับตัวไปจนชิดประตู แล้วเบือนหน้าออกนอกหน้าต่างรถ  ซ่อนใบหน้าไว้ด้านหลังเส้นผมสีดำขลับปล่อยยาว  ผมมองเห็นเพียงด้านข้างของเธอเท่านั้นเอง แถมไม่มีท่าทีว่าเธอจะเหลียวหลังกลับมา   ไม่มีประโยคใดๆลอดผ่านจากปากของเราทั้งคู่  ความเงียบเริ่มลุกล้ำเข้ามาทำหน้าที่โดยอัตโนมัติ  นั่นคือทดสอบความอดทน จนกว่าจะมีบางคนอดทนไม่ไหวขึ้นมา

      คนขับรถคันนี้ค่อนข้างผิดวิสัยคนขับแท็กซี่ในกรุงเทพเพราะเงียบเอาการ  ไม่มีการชวนคุยถึงเรื่องการเมือง  ตั้งแต่ถามผมว่าจะไปไหน  ผมก็ไม่ได้ยินคนขับรถคนนี้พูดอะไรอีกเลย    เขากดเปิดวิทยุแล้วหมุนหาคลื่นที่ชัดเจนจนมาหยุดที่ช่องรายงานข่าวกีฬา   ข่าวผลการแข่งขันฟุตบอลอังกฤษพอดี   วันนี้มีเตะกันคู่เดียว  ทีมลิแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดถล่มลิเวอร์พูลด้วยสกอร์ 3- 0  ทีมโปรดของผมพ่ายยับ   ผมติดตามเชียร์ลิเวอร์พูลมานาน   พอๆกับระยะเวลาที่เธอจากไปอังกฤษและพำนักในเมืองลิเวอร์พูล   บ้านพักของเธอตั้งไกลจากสนามของเมืองลิเวอร์พูลเพียงไม่กี่ร้อยเมตร
      \"  ตอนนี้เมืองลิเวอร์พูลเป็นไงบ้างล่ะ ? \"
      ผมถามเธอเบาๆ
      \"  ก็เหมือนเดิม  เหมือนที่เราเขียนเล่าให้ฟังและไม่ต่างจากรูปถ่ายที่แนบมากับ E-mail เมื่อเดือนที่แล้ว ..\"
      เธอตอบขณะเหม่อมองข้างทาง รถเพิ่งแล่นผ่านย่านสีลม   เรายังคงพูดคุยกันโดยไม่เห็นหน้าของอีกฝ่ายเช่นเคย  ในช่วงเวลาของความเหงา เราสองคนต่างรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายผ่านทาง E-mail   เนื้อความในแต่ละฉบับล้วนยืดยาดและยาวเหยียด ไม่เคยต่ำกว่าสามหน้ากระดาษเอสี่   แถมผมก็อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาต่างประเทศทุกวัน  ดูรายงานข่าวต่างประเทศทุกคืน  เพราะนั่นคืออีกทางหนึ่งที่อาจช่วยให้ผมรับรู้สารทุกข์สุขดิบของเธอ  เพื่อให้รู้ว่าเธอหนาวบ้างไหม ต้องดูแลรักษาตัวเพิ่มขึ้นไหม และต้องระวังอะไรบ้าง   ทว่า…เมืองลิเวอร์พูลดูคล้ายพิพิธภัณฑ์ของตำนาน ข้อมูลข่าวสารข้ามทวีปมาจึงค่อนข้างน้อยนิด  ยกเว้นเพียงฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเท่านั้นที่ผมสามารถติดตามได้อย่างสม่ำเสมอ  โดยเฉพาะคู่ที่แข่งขันในเมืองลิเวอร์พูล ผมจะเฝ้าชมด้วยความตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ  ท่ามกลางหมู่แฟนบอล ผมอาจได้เห็นเธอในนั้น   เพราะก่อนเธอจะออกเดินทางไปอังกฤษหนแรก  ผมชอบกำชับให้เธอไปดูฟุตบอลคลายเหงาเป็นประจำ
      \" แต่จนถึงเดี๋ยวนี้  เรายังไม่ได้ไปดูฟุตบอลตามที่เธอแนะนำเลยนะ \"
      เธอพูดต่อจากประโยคเมื่อครู่   ดูคล้ายรับรู้ความคิดของผม  ส่วนผมค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย
      \" เหรอ  แปลว่าเธอมีความสุขดีสินะ  ชีวิตที่นั่นคงสนุกสนานมากนะ  เราก็เคยอยากไปอังกฤษนะ ไปดูฟุตบอล  แต่น่าเสียดายที่ทุนทรัพย์ไม่เอื้อ  จะสอบชิงทุนไปความรู้ก็ไม่ถึงขั้น  เธอก็รู้ว่าเราสอบชิงทุนตกมาสามรอบแล้ว \"
      ผมคุยบ้าง แต่พอพูดจบต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่  ก่อนขยับตัวไปชิดประตูรถอีกฝั่งและเริ่มมองภาพข้างทางอย่างเธอบ้าง   ภาพข้างทางเก่าๆที่มองมาอย่างไร้จุดหมายไม่รู้กี่รอบ  และในเวลานี้ดูท่าจะไร้จุดหมายยิ่งกว่าเก่า   สักพักผมค่อยนึกขำตัวเอง  เยาะเย้ยสภาพของตน  ผู้ชายกินเงินเดือนธรรมดาที่ไปหลงรักหญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกด้าน   เสียงหัวเราะนั้นดังก้องในสำนึก  สะท้อนไปมาดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มเวียนศีรษะ
      \"  อยู่ไกลบ้านน่ะ เหนื่อยมากเลยนะ  ตอนแรกๆ เราสื่อสารกับคนอื่นก็ลำบาก  อาศัยภาษามืออยู่หลายเดือน  ภาษาอังกฤษสำเนียงแท้ๆก็ค่อนข้างยาก  วิทยานิพนธ์ก็ไม่รู้จะสำเร็จลงด้วยดีหรือเปล่า  แล้ว …..\"
      เธอหยุดเงียบนิดหนึ่ง  ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่
      \" …เราก็แค่ ไม่ชอบดูฟุตบอล \"
      เธอพูดด้วย น้ำเสียงสดใส เพียงแต่ล้าแรง ราวกับว่าพยายามเค้นคำพูดทั้งหลายออกมาได้เพียงเท่านั้น
      \" ขอโทษนะ \"
      ผมหลุดปากออกไป คาดว่าคงผลักดันจากความรู้สึกผิด  แน่นอน..จากบ้านเกิดไปตั้งไกล ใครบ้างจะไม่เหงา ไม่คิดถึงบ้าน ยิ่งผู้หญิงตัวคนเดียวในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย  ย่อมต้องเหงาแน่นอน  น้ำหนักของความเหงาตลอดสี่ปีแบกอยู่บนไหล่ของเธอมาโดยตลอด  
      \" ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ  เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย   เราไม่ได้กลับมาตั้งหลายปี  เธอเองก็คงต้องเหงาเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ? \"
      เธอปลอบผม  ใช่ …ผมเหงาอย่างที่เธอคิดจริงๆ  เพียงแต่ผมไม่ได้อธิบายออกมาเป็นถ้อยคำ
      ความเงียบเริ่มทำงานอีกรอบ และหนนี้ยาวนานกว่าเดิม
      กรุงเทพมหานครในวันธรรมดาเวลาหกโมงเย็น  รถราคงคับคั่งจนไม่ได้ขยับเขยื้อนกว่าจะพ้นสี่แยกหนึ่งอาจต้องหยุดรอไฟเขียวสักสามรอบ   รถแท็กซี่ของเราหยุดกับที่มาสามสิบนาทีแล้ว
      \" วันนี้รถแน่นนะครับ \"
      คนขับรถเริ่มชวนคุย ผมคิดว่าจะไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก  บางทีเขาอาจโดนความเงียบเล่นงานหรือไม่ก็โดนการรอคอยเล่นงาน    ผมนึกในใจว่าผมรอมาสี่ปีคงมีภูมิต้านทานมากกว่าเขา  
      \" ครับ กรุงเทพนี่ครับ ผมชินแล้ว \"
      ผมคุยกับเขาสั้นๆ
      เธอยังคงนิ่งเงียบและฝากสายตาไว้กับดินแดนภายนอกกระจกรถ  คล้ายกับเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของแต่ละภาพภายนอกที่ค่อยๆขยับผ่านรถไป และขณะนี้ภาพนั้นหยุดนิ่งกับที่     สักพักเธอค่อยเอนไหล่มาพิงผมอีกหน  แต่ยังคงไม่พูดจา   ใน E-mail เรามีเรื่องราวมากมายเล่าให้ฟังกันไม่รู้จบ บางครั้งปวดตาจนเบื่อจะอ่าน แต่พอพบกันเข้าจริงๆกับปริปากพูดกันน้อยมาก
      \" เราเหนื่อยจัง ..\"
      หนนี้น้ำเสียงไม่หลงเหลือความสดใส ดูท่าจะเหนื่อยจริงๆ  
      \" เราอ้วนขึ้นหรือเปล่า …\"
      เธอถามความเห็นของผม  ทั้งๆที่ไม่มีโอกาสได้มองเธอชัดๆเลยสักครั้ง
      \" อาจจะนะ…\"
      \" ทำไมเธอยังรอเราอยู่อีก  เราเคยบอกก่อนไปอังกฤษแล้วนี่ ว่าให้ลืมเราไปเสีย มองหาคนในระยะใกล้ของเธอที่สามารถทำให้เธอมีความสุขได้โดยไม่ต้องเหนื่อยกับการทนรอ  มีผู้หญิงอีกมากที่พร้อมจะรักผู้ชายนิสัยดีๆอย่างเธอ \"
      เธอพูดย้อนเรื่องราวเก่าๆบางตอนขึ้นมา นั่นคือสิ่งที่ผมได้ยิน เมื่อไปส่งเธอออกเดินทางตอนสี่ปีก่อน  ผมยอมรับว่าเคยนึกไตร่ตรองข้อเสนอนั้น แต่ผมเลือกที่ไม่ทำตามความต้องการของเธอ
      \" แล้วเธอล่ะ …ตอนนั้นเราบอกว่า ถ้าเธอพบใครคนใหม่ที่นั่น เธอก็ไม่ต้องเกรงใจเรา ไม่ต้องสนใจความรู้สึกของเรา  หากเธอได้พบคนที่จะทำให้เธอมีความสุขได้มากกว่าเรา \"
      ผมย้อนเธอกลับไปบ้าง
      \" ไม่สนใจไม่ได้หรอก \" เธอพูดแบบนั้น \" เธอรอเรามาสี่ปี   สี่ปีที่เราอยู่คนละซีกโลก  เธอปิดกั้นตัวเองและไม่ยอมมองใครเลย นอกจากเรา  เธอผูกมัดความสุขของตนเองไว้กับเรา  ทุกเนื้อความใน E-mail ของเธอบอกเราอย่างนั้น นั่นทำให้เรารู้สึกว่าเราเห็นแก่ตัวและทำให้เธอไม่มีความสุข  \"
      \" ถ้าเธอคิดอย่างนั้น ก็กลับมาอยู่ประเทศไทยสิ  ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเหงา และเราก็จะได้ไม่ต้องเห็นเธอเป็นแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งเราก็อยากให้เธอมีความสุข \"
      ผมสวนเธอจังหวะเดียวกับที่รถติดไฟแดง อีกสองโค้งจะถึงบ้านเธอ ผมเพียงปรารถนาให้รถติดไฟแดงนานขึ้น เพียงเพื่อเพิ่มเวลาให้ผมได้อยู่กับเธอนานขึ้นอีกหน่อย
      เธอผละจากไหล่ผมไปอีกรอบ แล้วเอนหลังพิงเบาะ หลับตาลง ผมสังเกตเห็นปริ่มน้ำที่ขอบตาของเธอ  และเธอพูดกับผมว่า
      \" แล้วถ้าเธอไปอังกฤษล่ะ จะแตกต่างกันไหม \"
      น้ำเสียงของเธอสั่นสะอื้น หยดน้ำไหลจากรอยปริ่ม  เธอยังคงหลับตา คล้ายไม่ต้องการมองเห็น..และรับรู้ความจริงว่า ..เธอกำลังร้องไห้
      ผมเอื้อมไปโอบไหล่เธอไว้ แล้วลูบศีรษะเธอเบาๆ ปล่อยให้เธอร้องไห้ตามสบาย โดยปราศจากคำปลอบโยนใดๆ นอกจากความอบอุ่นจากความใกล้ชิด  
      รถแล่นผ่านความมืด และแสงไฟข้างทางค่อยๆวูบผ่าน  
      ผมโอบเธอไว้แน่นเท่าที่เรี่ยวแรงของความคิดถึงอายุสี่ปีสามารถทำได้  จนกระทั่งส่งเธอถึงบ้านเรียบร้อย
      \" ..  อังกฤษ……ลิเวอร์พูล \"
      ผมนึกในใจ  และยิ้มเล็กๆกับตนเอง วิทยุข่าวกีฬาบนรถขณะกลับบ้าน รายงานผลสรุปตารางอันดับของทีมในพรีเมียร์ลีก
      \" ลิเวอร์พูล ยังรั้งอันดับรองจ่าฝูง ห่างจากทีมอันดับหนึ่งสองแต้ม และเตะน้อยกว่าหนึ่งนัด   ลิเวอร์พูลยังมีสิทธิ์ขึ้นนำ \"
      ผมนึกในใจว่าเป็นข่าวดี ..และผมคงได้ดูนัดปิดฤดูกาลสดๆ

      บทส่งท้าย ……
      หญิงสาวคนหนึ่งเพิ่งกลับถึงประเทศไทย หลังทิ้งถิ่นฐานไปร่ำเรียนระดับสูงจากต่างทวีป  เธอกลับมาเยี่ยมบ้านโดยไม่ได้บอกกล่าวใคร และสาละวนกับการแจกของฝากให้ครอบครัว    มีของฝากชิ้นหนึ่งเธอเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระ  ลืมให้กับคนที่ไปรับเธอจากสนามบินและนั่งรถมาส่งถึงบ้าน  
      เธอตั้งใจว่า พรุ่งนี้เธอจะมอบให้เขากับมือ
      เธอ…ยิ้มอย่างสดใส
      โทรทัศน์ในห้องโถงของบ้านเปิดทิ้งไว้ ไม่มีคนดู  ทุกคนในบ้านต่างยินดีปรีดากับการกลับมาของบุคคลอันเป็นที่รัก   กระเป๋าสัมภาระของเธอวางบังโทรทัศน์เสียมิด
      ไม่มีใครใส่ใจข่าวรถแท็กซี่ประสานงากับรถกระบะแถวหน้าสถานฑูตอังกฤษ  ผู้โดยสารรถแท็กซี่เสียชีวิตคาที่   รายงานข่าวจบเพียงเท่านี้  ไม่มีใครทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครในคืนนี้  ไม่มีใครรายงานถึงรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เสียชีวิต  
      รอยยิ้มนั้นเป็นสุข เหมือนไม่เคยยิ้มอย่างนี้มาสี่ปีแล้ว

      จบ-

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×