วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ฉันตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดเพื่อมองหาสิ่งที่ฉันรัก ดวงดาวบนท้องฟ้ายามเช้าต่างส่องแสงสุกสว่างมายังฉันก่อนที่ดวงอาทิตย์จะนำวันใหม่มาเยือน ฉันหาสิ่งที่ฉันต้องการเจอโดยไม่ได้เสียเวลาอันมีค่าเลย เช้านี้ช่างเงียบดีเหลือเกิน สิ่งเดียวที่ฉันได้ยินคือเสียงของเหล่าแมลงที่ขับกล่อมฉันให้เข้าไปในภวังค์อีกครั้ง
    “นัยน์ ตื่นได้แล้วลูก” ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงอันคุ้นเคย แม่กำลังปลุกฉันอย่างที่เธอทำทุกเช้า
    ตอนนี้ดวงอาทิตย์ได้ชูตัวสูงขึ้นมาจากขอบฟ้าแล้ว แสงอาทิตย์ที่ส่องมาเข้าตาฉันบอกฉันว่ามันถึงเวลาไปโรงเรียนอีกแล้ว ฉันรีบปีนลงจากหลังคาบ้านซึ่งเป็นจุดชมดาวของฉันแล้วจึงแอบเข้าไปในห้องนอนของฉันผ่านทางหน้าต่างชั้นสองของบ้าน หลังจากนั้นจึงเปิดประตูห้องและแกล้งทำสีหน้างัวเงียใส่แม่
    “กว่าจะตื่นได้นะ ขี้เซาจริงๆเลยเรานี่” แม่พูดขึ้นทันทีที่ประตูเปิดออก “รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้วนะ”
    ฉันตอบรับไปอย่างเคย ฉันจะให้แม่รู้ไม่ได้ว่าฉันแอบหนีออกไปดูดาวเมื่อตอนเช้ามืด โดยเฉพาะการที่ฉันแอบไปดูดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้าดวงสีเทา ถ้าแม่รู้เข้าล่ะฉันต้องแย่แน่ๆ
    ดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้าถูกกล่าวว่าเป็นบ้านของพระเจ้า ซึ่งท่านได้ดูแลเรายามค่ำคืนเมื่อเราหลับ พวกผู้ใหญ่บอกว่าเราไม่ควรตื่นขึ้นตอนดึกๆแล้วมองไปที่ดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้า เพราะท่านจะโกรธ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจึงนอนหลับกันอย่างสงบทุกคืนเพื่อไม่ให้พระเจ้าโกรธ
    สำหรับฉันดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้าก็เป็นเพียงแค่ดวงดาวธรรมดาๆ ดูเหมือนกับว่ามันจะเป็นสีเทาทั้งดวง ฉันสามารถมองเห็นมันได้โดยไม่ต้องมีเครื่องมือช่วยเหลือใดๆ และฉันก็ชอบแสงที่สะท้อนออกมาจากมัน มันดูอบอุ่นนิ่มนวลดีเหลือเกิน อยากรู้จังว่าถ้าได้เห็นมันใกล้ๆกว่านี้จะเป็นยังไงนะ
    “อ้าวๆ ยังเหม่ออยู่อีก รีบๆไปโรงเรียนได้แล้ว” แม่พูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอเห็นฉันนั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะอาหาร ฉันจึงลาแม่และออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปยังโรงเรียน
    โรงเรียนยังคงน่าเบื่อเหมือนเดิม ตลอดวันฉันได้แต่เหม่อคิดไปถึงดวงดาวสีเทาที่รักของฉัน แม้กระทั่งตอนพักเที่ยงที่เด็กผู้ชายอายุสิบสองคนอื่นๆจะออกไปเล่นกีฬากันฉันก็นั่งอยู่ในห้องเรียนคนเดียวมองออกไปยังท้องฟ้าที่กว้างและว่างเปล่า พลางจินตนาการหากฉันสามารถบินไปถึงดาวดวงนั้นได้
    วันทุกวันของฉันมันก็ผ่านไปแบบนี้เรื่อยๆ ไม่มีอะไรพิเศษโผล่เข้ามาในชีวิตเลย แต่ฉันก็ยังสบายใจเพราะแสงสะท้อนจากดวงดาวสีเทาที่ฉันเห็นทุกเช้ามืดได้ทำให้ฉันรู้สึกดีถึงแม้จะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลยก็ตาม
    วันหนึ่งได้มีเรื่องที่แม้แต่ฉันซึ่งเป็นพวกไม่สนใจเรื่องเรียนก็ต้องตั้งใจฟังในคาบเรียนวิทยาศาสตร์ คุณครูแก่ๆของพวกเราเอาอุปกรณ์น่าสนใจชิ้นหนึ่งมาให้ดู มันคือกล้องดูดาวชิ้นใหญ่ที่ดูท่าทางจะแพง ครูได้อธิบายถึงวิธีการใช้มันอย่างละเอียด เราสามารถใช้มันเพื่อส่องดูดวงดาวที่อยู่ห่างออกไปมากๆได้ นักเรียนคนอื่นๆคงเสียใจที่ไม่ได้ทดลองใช้มันในคาบเรียนเพราะมันเป็นเวลากลางวัน แต่ฉันไม่ ตอนนี้ฉันมีแผนเด็ดอยู่ในหัวแล้ว
    คืนนั้นเอง หลังจากที่ฉันแกล้งทำเป็นหลับและรอให้แม่เข้านอนไปแล้ว ฉันก็ปีนออกมาทางหน้าต่างห้องเหมือนเคย
    ดวงดาวสีเทาของฉันส่องแสงมายังฉันดูเย้ายวนเหมือนจะชวนให้ฉันนั่งลงและจ้องมองมัน แต่ฉันกลับหันหลังให้มันและปีนลงไปยังชั้นล่างของบ้านและรีบวิ่งไปยังโรงเรียน
    ฉันรู้ว่าประตูในโรงเรียนไม่เคยใส่กลอนอยู่แล้ว เนื่องจากเวลานี้ทุกคนต่างนอนหลับกันอยู่ในบ้านของพวกเขา ฉันจึงก้าวเท้าเล็กๆของฉันเข้าไปในห้องวิทยาศาสตร์ทันที
    หลังจากฉันมองหามันจนเจอในความมืด เจ้ากล้องดูดาวตัวใหญ่ที่ฉันได้ศึกษามันเมื่อตอนกลางวันก็ถูกฉันลากไปวางสง่าอยู่ตรงขอบหน้าต่างห้องเรียน ฉันไม่รอช้ารีบเปิดมันและทำตามวิธีการใช้ที่เรียนมาทันที
    หลังจากมองหาอยู่พักหนึ่ง ดวงดาวสีเทาที่รักของฉันก็เข้ามาอยู่ในรูกลมๆของกล้อง ความตื่นเต้นผสมดีใจทำให้มือไม้ของฉันสั่นไปหมด นี่ฉันกำลังจะได้เห็นดาวที่รักของฉันแล้วเหรอนี่ คอยดูนะ ฉันจะไปเถียงพวกผู้ใหญ่หัวชนฝาว่าไม่มีพระเจ้าอะไรอยู่บนดวงดาวสีเทาทั้งนั้น และทุกคนจะต้องเชื่อสิ่งที่ฉันกำลังจะพิสูจน์
    ฉันมองตรงไปยังดวงดาวทันที หลังจากปรับระยะได้พอเหมาะฉันก็สามารถมองเห็นดวงดาวสีเทาของฉันอย่างชัดเจน สิ่งแรกที่ฉันค้นพบคือสีเทาของดวงดาวเป็นเพียงแค่กลุ่มควันที่ปกคลุมอยู่ทั่วไปในดาวดวงนั้น นี่แสดงว่ามันมีอากาศจริงๆล่ะสิ ความเชื่อของฉันและความคิดเกี่ยวกับการมีอยู่ของพระเจ้าเริ่มตีกันในหัวของฉัน
    ฉันลองย้ายมุมภาพดูเรื่อยๆก็พบสิ่งอื่นๆอีกหลายอย่าง ฉันพบว่าพื้นที่ส่วนมากของดาวดวงนั้นมีส่วนที่ดูเหมือนจะเป็นพื้นน้ำกว้างใหญ่ แต่น้ำบนดาวดวงนั้นกลับเป็นสีดำดูสกปรก ฉันไม่สนใจจึงรีบเคลื่อนที่ต่อจนฉันมองเห็นส่วนที่เป็นซากปรักหักพังมากมาย หรือนี่จะเป็นวิหารของพระเจ้าจริงๆ?
    ขอบคุณประสิทธิภาพอันสูงส่งของกล้องดูดาวตัวนี้ที่ทำให้ฉันมองเห็นได้ละเอียดมาก ฉันเริ่มมองเห็นกลุ่มของอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตเคลื่อนที่กันทั่วไปในซากปรักหักพัง ดูเหมือนพวกมันกำลังวิ่งหนีจากอะไรสักอย่าง ฉันมองไปยังทิศที่พวกมันวิ่งหนีไปจึงพบกับสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริง
    พระเจ้า! พระเจ้ามีอยู่จริงและเป็นผู้หญิงหรือนี่! เธอเป็นหญิงรูปร่างเหมือนคนตัวสูงเสียดเมฆที่ยืนเด่นสง่าอยู่เหนือหัวของเหล่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ แขนข้างหนึ่งของเธอกอดกองหนังสือไว้กับอก แขนอีกข้างหนึ่งชูสูงขึ้นไปเหนือหัว ในมือถือคบเพลิงอันหนึ่งไว้ บนหัวของเธอมีมงกุฎสวมอยู่หนึ่งอัน แต่เสื้อผ้าตัวยาวของเธอดูสกปรกจากคราบดำๆด่างๆ บางจุดก็มีฉีกขาดไป
    ฉันซึ่งกำลังตกใจกับการปรากฏตัวของพระเจ้าก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อด้านหลังของพระเจ้ามีเหล่านกรูปร่างประหลาดบินอยู่สองตัว พวกมันมีปีกใหญ่สองข้างที่ดูเหมือนจะไม่ขยับเลยแต่มันก็ยังบินได้อยู่ ฉันจ้องมองมันอยู่ไม่นานพวกมันก็ทำการขับถ่ายของเสียลงไปยังกลุ่มสิ่งมีชีวิตเล็กๆด้านล่าง พระเจ้าจ้องมองไปยังมันอย่างกับต้องการให้มันเกิดขึ้น แสงระเบิดส่องวาบขึ้นทันทีที่ของเสียของนกสองตัวนั้นแตะพื้น เกิดเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ พวกสิ่งมีชีวิตเล็กๆหายไปกว่าครึ่ง พวกที่เหลือต่างรวมตัวกันหนีต่อไป แต่พระเจ้าดูเหมือนจะไม่มีความปราณี นกสองตัวนั้นได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้ขับถ่ายของเสียลงไปอีกครั้งหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่เหลือในบริเวณนั้นถูกระเบิดหายไปทั้งหมด
    ขาของฉันอ่อนลงฉันจึงล้มลงไปนอนแนบพื้นทันทีที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น ความกลัวต่อพระเจ้าก่อตัวขึ้นรอบกายฉัน ฉันหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น ฉันไม่รู้ว่าพระเจ้าจะลงโทษฉันยังไง ดวงดาวสีเทาที่เคยเป็นที่รักของฉันกลายเป็นดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้าที่น่ากลัวสำหรับฉันไปซะแล้ว ฉันเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น
    ในฝันของฉันฉันเห็นดวงดาวของพระผู้เป็นเจ้าสีเทาถูกเปลี่ยนให้เป็นสีฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันดูสะอาดสะอ้านเหมือนกับดาวที่เพิ่งเกิดใหม่ บนดาวดวงนั้นมีผู้คนมากมายที่อาศัยอยู่ในความสงบสุข พระเจ้าองค์เดิมบนดาวดวงนี้ดูใจดีกว่าตอนที่ฉันเห็นครั้งแรก เธอยืนยิ้มมุมปากอย่างสง่าอยู่บนพื้นดวงดาวนั้น ดูท่าทางดาวดวงนั้นจะคงอยู่อย่างสงบสุขตลอดไป
    ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเช้ามืดเพื่อเดินกลับบ้านของฉัน ความกังวลและความกลัวในใจฉันได้หายไปหมดแล้ว ดังกับว่าพระเจ้าได้ชำระล้างจิตใจของฉันให้สะอาดขึ้น ต่อมาฉันจึงไม่แอบตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนและจึงใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ความสงบสุขคงเป็นหนทางเดียวที่จะไม่ทำให้พระเจ้าโกรธและมาลงโทษฉันและคนอื่นๆบนดาวจันทร์ดวงนี้ของพวกเรา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น